แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
โอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ที่หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม เมตตาให้นำมาบรรยาย
บรรยายธรรมโดย พระมหาอนุชน สาสนกิตติ (ป.ธ.๙, ดร.)
ใน วันอังคารที่ ๒๙ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา
เรื่อง เข้าพรรษาเข้าหาธรรม ตอนที่ ๒๖ ตั้งใจปฏิบัติให้เต็มที่ ไม่ต้องไปสับสนในชีวิต ชีวิตของเรานี้คือมรรค ผล พระนิพพาน
(บางส่วนจากโอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า)
สิ่งที่มีชีวิตเคลื่อนไหวไปมาได้ทั้งบนบกทั้งในน้ำ ที่เรียกว่าสัตว์โลก รวมถึงมนุษย์มีใจครอง ส่วนที่เป็นต้นไม้ ภูเขา น้ำ ลม ไฟ เป็นสังขารที่ไม่มีใจครองไม่มีวิญญาณครอง ในโลกนี้มีน้ำอยู่ 3 ส่วนมีแผ่นดินอยู่ 1 ส่วน ปัจจุบันนี้มีประชากรมนุษย์ร่วม 8,000 ล้านคน การเวียนว่ายตายเกิดของสรรพสิ่งทั้งหลายทั้งปวง เกิดจากเหตุจากปัจจัย เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปถึงมี หมู่มวลมนุษย์สมัยปัจจุบันอายุขัยจะอยู่ได้ก็ไม่เกิน 120 ปี เรามีการพัฒนาเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์ทำเหตุทำปัจจัยให้อายุยืน มนุษย์เราได้พากันพัฒนาจากการเดินด้วยเท้า พัฒนาสู่การเดินทางด้วยยานพาหนะ การพัฒนาทุกสิ่งทุกอย่างเพื่ออำนวยความสะดวกความสบายในการดำรงชีพดำรงชีวิต
หลักการในการดำเนินชีวิตให้อาศัยปัญญากับสัมมาทิฏฐิในการเดินทางของชีวิต ชีวิตนี้เราต้องเดินทางด้วยสติคือความสงบ สัมปชัญญะคือตัวปัญญา สมาธิคือต้องตั้งมั่น มีจุดยืนมีอุดมการณ์มีอุดมคติอุดมธรรม มีความรู้ความเข้าใจเป็นสิ่งสำคัญ พระพุทธเจ้าจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในโลก ความเป็นพุทธะคือสัมมาทิฏฐิ คือความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง เอาธรรมเป็นหลักเอาธรรมเป็นการดำเนินชีวิต เพื่อสร้างเหตุสร้างปัจจัยทางวัตถุทางเทคโนโลยี พร้อมทั้งพัฒนาใจ ความรู้คือตัววิญญาณ วิญญาณที่ยังไม่ได้เข้าสู่ความเป็นพุทธะ จะมีอวิชชาความหลงเป็นนายเป็นเจ้าของเป็นผู้ที่คอยควบคุมคอนโทรล
พระพุทธเจ้าทำให้เรารู้กระบวนการในการเวียนว่ายตายเกิด ทุกท่านทุกคนต้องมารู้จักกระบวนการแห่งการเวียนว่ายตายเกิด เราจะปล่อยให้เวียนว่ายตายเกิดไปเรื่อยเป็นวัฏจักรเป็นวัฏสงสารนั้น มันไม่ได้ พระพุทธเจ้าท่านค้นพบทั้งทางทฤษฎีทั้งภาคประพฤติภาคปฏิบัติ จนได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า การที่เราเอาพระพุทธเจ้าเป็นหลัก ชีวิตเราถึงจะปลอดภัย สิ่งที่เป็นมงคลสูงสุดก็คือพระพุทธเจ้า
เรามาบวชมาประพฤติปฏิบัติเพื่อจะมาพบสงฆ์สาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่แท้จริง สงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้าที่แท้จริงนั้นอยู่ในโลกก็มีน้อย หาได้ยากที่สุดในโลก สงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้าก็ได้แก่ผู้ที่มีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง เอาพระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่ ไม่มีสักกายะทิฏฐิ ไม่มีตัวตน มีแต่พระธรรมวินัย เพราะบุคคลผู้นั้นอยู่กับความสงบอยู่กับสติสัมปชัญญะ อยู่กับพระธรรมวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่ เพราะความดับทุกข์ของหมู่มวลมนุษย์คืออยู่กับสติสัมปชัญญะ มีปัญญารู้สภาวะธรรม รู้สังขารที่มีใจครองและสังขารที่ไม่มีใจครองนี้
ความดับทุกข์ของหมู่มวลมนุษย์มีได้อยู่ทุกหนทุกแห่ง ที่มีสัมมาทิฏฐิมีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องที่ปฏิบัติถูกต้อง ไม่เสียกาลไม่เสียเวลา เหมือนกับลมหายใจที่อยู่ทุกคนทุกแห่งนี่แหละ การประพฤติปฏิบัติก็เหมือนกับเราไปเรียนหนังสือ ที่โรงเรียนกับคุณครู เมื่ออ่านออกเขียนได้เราก็ไปใช้ได้อยู่ทุกหนทุกแห่ง ที่พระพุทธเจ้าทรงบอกว่าเป็นอริยมรรคมีองค์ 8 มรรคก็คือหนทางการดำเนินชีวิตของเราทุกคน ที่จะแทรกอยู่ในตัวเราทุกคนทุกแห่งอย่างนี้ เรียกว่าสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้หมายถึงเอาบรรพชิตหรือคฤหัสถ์ ท่านหมายเอาผู้ที่ประพฤติถูกต้อง ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ปฏิบัติตรงพระธรรมวินัย ปฏิบัติเพื่อใฝ่หาความดับทุกข์ ปฏิบัติสมควร เพราะการประพฤติการปฏิบัติธรรม เรามีสิทธิ์พอๆ กันหมด ทุกท่านทุกคนต้องปฏิบัติอยู่ทุกหนทุกแห่ง ให้ใจเราสงบ ให้ใจมีปัญญา ใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่า เพื่อทำความดับทุกข์ให้กับตนเองทั้งทางกายและทางใจ
กาลเวลาของพระพุทธศาสนาได้ผ่านพ้นมาในปัจจุบันนี้ ๒๕๖๖ ปี พุทธศาสนานี้เป็นพรหมจรรย์ เป็นสัมมาทิฏฐิ เป็นธรรมเป็นความยุติธรรม เรามองดูแล้วก็เหมือนว่าริบหรี่ เหมือนพระอาทิตย์ที่จะอัสดงตกลงในตอนเย็น เพราะความที่หมู่มวลมนุษย์ทั้งหลายดำเนินชีวิต ด้วยการไม่รู้จักความดับทุกข์ที่แท้จริง พากันไปหลงในความรวย ไปหลงในอารมณ์ของสวรรค์ เอาความสุขทางวัตถุ เอาความสุขทางร่ำรวย ไสยศาสตร์คืออวิชชาความหลงมันได้มาแทรกมาครอบครองใจของเราทุกคน ความสุขเหล่านี้ มันตั้งอยู่ในอนิจจังคือความไม่เที่ยงแท้แน่นอน ด้วยอาศัยเหตุปัจจัย เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปถึงมี แต่เพราะความไม่มีปัญญารู้ความจริง จึงทำให้คนส่วนใหญ่จากมีสายตาที่สว่างไสว ก็ค่อยริบหรี่ๆ แล้วจะดับลงเหมือนพระอาทิตย์ที่จะอัสดงเพราะหมดแรงในเวลา 18.00-19:00 น.
พระพุทธเจ้าถึงตรัสสอนว่าทุกอย่างนั้นมีคุณกับเรามีประโยชน์กับเรา เราอย่าพากันหลงในความแซ่บ ความลำ ความอร่อย ความอร่อย ความนัว ให้ทุกท่านทุกคนมีสติมีสัมปชัญญะคือตัวปัญญา ต้องพิจารณาสิ่งเหล่านี้เข้าสู่พระไตรลักษณ์ เพื่อจะให้อวิชชาความหลงให้ไสยศาสตร์นั้นดับลงเหมือนพระอาทิตย์ที่จะอัสดงลับขอบฟ้า ฉะนั้น
เมื่อครั้งพุทธกาลมีคนทูลถามสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า ตายแล้วเกิดหรือว่าตายแล้วสูญ พระพุทธเจ้าก็ทรงบอกว่า ขึ้นอยู่กับเหตุและปัจจัย เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปจึงมี เรามีสังขารร่างกายที่มีใจครอง จึงต้องมาครองด้วยพุทธะ ด้วยสติสัมปชัญญะด้วยสมาธิปัญญา การทำอย่างนี้ปฏิบัติอย่างนี้ ทุกคนจะเข้าสู่ความสุขความดับทุกข์ได้เหมือนกันทุกคนที่อยู่ในมุมโลกทั้งเกือบ 8,000 ล้านคนไม่มีใครยกเว้น
ถ้าเรามีความคิดเห็นผิดเข้าใจผิดทางจิตทางวิญญาณ คิดว่ารวยเป็นมหาเศรษฐีมีอำนาจนั้นคือความสุขความดับทุกข์ อันนั้นไม่ใช่ความดับทุกข์ นั่นเป็นแต่เพียงการบรรเทาทุกข์เฉยๆ ถ้าเราไปหลงมันก็เป็นโทษเป็นภัย ทั้งคนจนคนรวยคนแก่คนหนุ่มถือเป็นการประพฤติการปฏิบัติได้ทุกคนทุกแห่ง คือความสุขความดับทุกข์ ความเป็น พุทธะ นั้นไม่ได้จบแค่ความสงบ พระพุทธเจ้าเป็นลูกหลานของพราหมณ์มาก่อน แต่ก็ไปได้แค่ความสงบแค่พรหมโลกด้วยฌานสมาบัติขั้นต่างๆ ซึ่งไม่ใช่ความสงบเย็นดับเย็นเป็นพระนิพพาน ศาสนาพุทธคือการหยุดไสยศาสตร์ หยุดอวิชชาความหลง ได้พัฒนาหมู่มวลมนุษย์ให้มีสัมมาทิฏฐิ มีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง ไม่เอาแค่สมาธิความสงบ ไม่เอาการปล่อยทิ้งปล่อยขว้างกลายเป็นคนขี้เกียจขี้คร้าน อะไรก็ปล่อยวางไปหมด ไม่มีสติไม่มีปัญญา เหมือนกับบางศาสนาที่อะไรๆ ก็ปล่อยวาง ถึงกับนุ่งลมห่มฟ้าแก้ผ้าเดิน อย่างนั้นถือว่าไม่ดีไม่ถูกต้อง การปล่อยวางที่ถูกต้อง คือต้องมีสัมมาทิฏฐิ มีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง มีพุทธะผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบาน มีทั้งความสงบมีทั้งปัญญา ในชีวิตประจำวันที่เป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม ปิดอบายมุขทางสู่อบายภูมิ ไม่มีไสยศาสตร์ไม่หลงงมงาย
เราพากันถือพระพุทธศาสนา แต่ส่วนใหญ่ไปถือในความหลงความงมงายในความขลังศักดิ์สิทธิ์ในอภินิหาร ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ดับทุกข์ดับการเวียนว่ายตายเกิดได้ ต่อให้ขลังงศักดิ์สิทธิ์เพียงใด ก็ยังมีการเวียนว่ายตายเกิดอยู่ พระพุทธศาสนาถึงขลังศักดิ์สิทธิ์ด้วยภาคปฏิบัติ ที่นำทุกท่านทุกคนที่ปฏิบัติถูกต้องออกจากวัฏสงสาร นำความดับทุกข์ให้พสกนิกรชาวโลกให้ดับทุกข์ได้ทุกหนทุกแห่ง จึงมีความขลังศักดิ์สิทธิ์อย่างนี้ นั่นคือหลักเหตุผลเรื่องเหตุปัจจัย คือกิจกรรมภาคปฏิบัติที่สร้างเหตุผลด้วยพระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่ เข้าสู่จิตใจของเราทุกคน จะพัฒนาเทคโนโลยีของหมู่มวลมนุษย์ พัฒนาจิตใจให้มีความสงบมีปัญญาจากรุ่นพี่สู่รุ่นน้อง ส่งไม้ผลัดต่อกัน โครงสร้างของชีวิตทุกท่านทุกคนจึงจะมีความสุขมีความดับทุกข์ได้ ธรรมะเป็นของจริงเป็นสิ่งที่ประเสริฐยิ่ง แก้ปัญหาได้ดับทุกข์ได้ถาวร ทุกท่านทุกคนต้องพากันประพฤติปฏิบัติอย่างนี้
ทุกสิ่งทุกอย่างมันเปลี่ยนแปลงไป จะไปประมาทเพลิดเพลินไม่ได้ ต้องลงรายละเอียดเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติของตนเอง เพื่อเข้าถึงความดับทุกข์ไปเรื่อยๆ ในปัจจุบันธรรม ทุกท่านทุกคนต้องพากันรู้อริยสัจ ๔ รู้ทุกข์ รู้เหตุเกิดทุกข์ รู้ความดับทุกข์ รู้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ การที่เราได้เกิดมาพบกับพระพุทธเจ้า พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า เป็นสิ่งที่ประเสริฐจริงดีจริง อย่าไปน้อยอกน้อยใจว่า เราไม่รวยไม่มีโภคทรัพย์ นั่นไม่ใช่ความดับทุกข์ที่แท้จริง ถ้าเรามีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง มีความสุขในการทำงาน เอาความถูกต้องอย่าเอาความเป็นหลัก มันก็จะก้าวไปเอง หมู่มวลมนุษย์จะได้ดับทุกข์ได้ทุกหนทุกแห่ง จะได้ไม่หลงเหยื่อหลงขยะพวกนี้ ขยะชีวิตเหล่านี้ทุกคนต้องมาทำให้เป็นศูนย์ด้วยสติด้วยปัญญา
เราทุกคนต้องพากันจัดการตัวเอง อย่าให้สังขารที่มีใจครองถูกครอบครองด้วยอวิชชาความหลง เมื่อเรามีตัวมีตนอย่างนี้มันก็ผิด เพราะทุกอย่างมันไม่มีตัวไม่มีตน ทุกท่านทุกคนต้องมองอย่างพุทธะ เห็นกายเวทนาจิตและธรรมต่างๆ เป็นธรรมชาติที่ไม่เที่ยงแท้แน่นอน มีความเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา หาได้เป็นตัวเป็นตนไม่ ความเกิดแก่เจ็บตายก็เป็นธรรมชาติ จึงต้องพัฒนาจิตให้เป็นพุทธะคือรู้ตื่นเบิกบาน ไม่เป็นผู้แบกโลกแบกอวิชชาความหลง คนเรามันโลภ มันยาวก็อยากจะได้สั้น มันสั้นก็อยากจะได้ยาว มันเป็นอวิชชาความหลงความปรุงแต่ง มันปรุงแต่งจนนอนไม่หลับ
เราทุกคนต้องมีสติคือความสงบ มีสัมปชัญญะคือตัวปัญญา ปัญญาคือไม่มีสักกายทิฏฐิ ไม่มีตัวไม่มีตน เราจะได้มีพุทธะที่มีสัมมาทิฏฐิ เป็นใจของเป็นมนุษย์ที่รวย มีสัมปชัญญะที่พาประพฤติปฏิบัติ เพราะชีวิตของเรามีความเกิดความแก่ความเจ็บความตาย ความพลัดพราก ที่เป็นสังสารวัฏเป็นวัฏจักร ที่เป็นอวิชชาเป็นความหลง มันครอบครองใจของเรา ผู้ที่เป็นนักบวชก็ทำหน้าที่ของตน เอาให้เต็มที่ เอาพระธรรมพระวินัย ไม่เอาตามอัธยาศัย ไม่ทำตามอารมณ์ ผู้ที่เป็นคฤหัสถ์ก็เอาธรรมเป็นหลัก การดำรงชีวิตของเราต้องไม่มีไสยศาสตร์ไม่มีความหลง ให้มีความสุขในการทำงาน เราจะได้เป็นพระประจำบ้านประจำครอบครัว เราจะได้ไม่ต้องไปหาพระที่ไหน เพราะพระไม่อยู่ในตัวของเราอยู่แล้ว เพราะอวิชชาที่มีความหลงมันครองใจ ให้ยกเลิกมันไปเสีย เราจะได้ให้ความเห็นแก่ตัวมันออกมา ทุกคนมันก็อยากจะปกครองคนอื่น อย่าไปถือว่า 1 คะแนนก็สำคัญ อย่าไปถืออย่างนั้น ทุกคนต้องถือว่าต้องมีพุทธะควบคุมตัวเอง อย่างเต็มที่อย่างเต็มร้อย อย่าไปหลงโง่งมงาย ควบคุมคนอื่นเขา การเรียนการศึกษามันจะพินาศ มันไปควบคุมคนอื่นเขา เจ้าอาวาสเลยไม่ค่อยมี มีแต่เจ้าอาละวาด มีแต่ตัวแต่ตน หลายๆ คนที่โผล่หน้ามาคือโชว์ความโง่ โชว์ความเขลาที่จะไปควบคุมคนอื่นเขา พยายามวางหลักการควบคุมคนอื่น เอามาอวด ทุกท่านทุกคนต้องจัดการความโง่ความหลงของตัวเอง อย่างท่านอาจารย์ชา ท่านอยู่จำพรรษากับหลวงปู่ฉลวย ที่เป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่มั่น ท่านอาจารย์ชาต่อนนั้นบวชเกือบ 10 พรรษา อยู่กับหลวงปู่ฉลวย ไม่แสดงออกความเห็นอะไร สงบนิ่ง หลวงปู่ฉลวยท่านนึกว่าพระองค์นี้ไม่มีสติ ไม่มีปัญญาอะไร เลยดูถูกดูแคลนว่า เป็นคนโง่ เมื่อหลายปีผ่านไปท่านจึงรู้ว่า อาจารย์ชาฉลาดที่สุดในโลกเลย อยู่ด้วยกันหลายพรรษาหลายเดือนยังไม่รู้เลย เพราะท่านไม่เอาความโง่มาอวดมาโชว์ หลวงพ่อกัณหาตอนอยู่ที่วัดหนองป่าพง ทุกคนก็ไม่รู้ว่าท่านเป็นคนยังไง พูดก็ไม่พูด ทำเป็นคนไม่มีสติไม่มีสัมปชัญญะ ไปเดินธุดงค์กับหลายองค์ก็ยังไม่รู้ คิดว่าท่านโง่ไม่ฉลาด ไม่เอาความโง่ความฉลาดออกมาโชว์ ไม่เป็นหนึ่งในตองอู ในพิภพอย่างนี้ ให้ทุกท่านทุกคนเข้าใจนะ อย่าเอาออกมามันน่าเกลียด ให้เอาธรรมเอาวินัยมาโชว์ อย่าเอาความโง่ความโกรธความหลงมาโชว์
พระเก่าโยมเก่า อย่าไปโง่ โบราณว่าต้องเป็นเด็กวัด อย่าไปแก่วัด ไอ้พวกที่มันไปสอนแต่คนอื่นเรียกว่าผู้แก่วัด เพราะว่าพวกนี้อาศัยตัวตน อาศัยความรู้ อาศัยความฟุ้งซ่านเป็นหลัก มาเเก่วัด พวกที่มันรู้ธรรมะปูๆปลาๆ ในตำรับตำรา พากันมาอวดมาโชว์ เก่งทางตำรับตำรา เก่งทางการศึกษา แต่ไม่มีการปฏิบัติ อันนี้มันเป็นการล้มเหลวของตัวเองทุกท่านทุกคนเลย เพราะไม่รู้ว่าตัวเองตั้งอยู่ในความโง่ความงมงาย ปล่อยให้ตัวเองโง่หลงงมงาย จำพวกนี้ไม่น่าจะมีอยู่ในสาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มันจะมีอยู่ในสาวกของพระเทวทัต
เราทุกคนต้องพากันรู้จัก พากันปฏิบัติตัวเอง เพื่อที่จะได้เป็นพระประจำครอบครัว ประจำอาราม ประจำวิหาร วัดทุกวัดจะได้เป็นวัดที่แท้จริง เจ้าอาวาสก็จะได้เป็นเจ้าอาวาสที่แท้จริง ไม่ใช่เจ้าอาวาสที่แต่งตั้งทุกอย่างนั้นน่ะ เราต้องเสียสละออกจากใจตัวเอง เพื่อที่จะได้เป็นสังขารที่มีใจเป็นพุทธะครอง ทุกท่านทุกคน อย่าไปน้อยอกน้อยใจ การพูดธรรมะมันเป็นเรื่องเหตุเรื่องผลที่ไม่มีนิวรณ์ เป็นเรื่องศีลเรื่องสมาธิเรื่องปัญญา ทุกคนจะได้มีสัมมาทิฏฐิ จะได้มีความสงบ ไม่สงบไม่ได้หรอก ตัวเองนี่แหละจะได้มีปัญญาลึกซึ้งจะไปสำคัญว่ าเราดีกว่าเขา สำคัญว่าเราเท่าเขา สำคัญว่าเราด้อยกว่าเขานั้น ก็ไม่ใช่ นั่นมันเป็นมานะ นั่นมันเป็นอัตตา ในตัวตนของเรานี้ มันเลยมีแต่ความโง่มีอวิชชามีความหลงเท่านั้นในตัวของเรานี้ มันต้องไม่มีเจ้าพ่อเจ้าแม่ เจ้าอวิชชาเจ้าคำหลง ต้องมีความสงบมีสติสัมปชัญญะมีตัวปัญญา ถ้าเราไม่มีความสงบ มันก็ร้องไปเรื่อยโอ๊ยๆๆปัญญามันก็เกิดไม่ได้ มันเหมือนเราส่องกระจกในน้ำที่กระเพื่อม มันไม่นิ่ง มันก็มองไม่เห็นอะไร การที่ไม่มีสติสัมปชัญญะ มันก็ไม่เห็นตัวเอง
ความสงบนะมันก็ย่อมมีแก่เราอยู่ทุกหนทุกแห่ง เราต้องเอาแนวทางของพระพุทธเจ้ามาใช้ ถ้าเอาความสงบจากรูปเสียงกลิ่นรสสัมผัสอันนั้นถือว่าไม่ใช่ความเป็นพระอริยเจ้า เราต้องจัดการด้วยพระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่ 21,000 พระธรรมขันธ์ ที่นำมาสวดกันเพียง 227 สิกขาบทเท่านั้น
ความตั้งใจเจตนานี้แหละ มันเป็นกิจกรรมเป็นภาภปฏิบัติ ถ้าทุกท่านทุกคนเอาตัวตนมาเป็นหลัก หนทางนั้นมันก็มืดมิดมืดบอดทันที ความรู้นั้นก็ไม่ได้ผลนะ เพราะพวกท่านมีตัวมีตนก็คือคนตาบอดคนตายคนพิการพระพุทธเจ้าที่เป็นผู้นำ ท่านไม่มีอะไร ไม่เอาอะไรท่านมีความเห็นถูกต้องความเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง เพื่อความสงบเย็นเป็นพระนิพพาน
ให้ทุกคนรู้กรรมรู้เวรในปัจจุบัน เพราะในกรรมเวรมันเห็นแก่ตัวมากมันมองไม่ออก มันหยาบเกินมันฟุ้งซ่าน เพราะกรรมเป็นหลายปีแล้วกว่าจะรู้ความประพฤติตัวเอง การดำรงชีวิตก็ตกไปสู่อบายมุขอบายภูมิมีหนี้สินไม่รู้ตัวเอง ให้ทุกท่านทุกคนพากันรู้จักจะพลาดกันไม่ได้ เราเดินธุดงค์ในป่า ป่าแท้ๆ นะย่อมมีทั้งหนามมีทั้งสัตว์ร้ายต่างๆ เราก็ต้องมีสติสัมปชัญญะไม่ฟุ้งซ่าน ถ้าฟุ้งซ่านมันก็จะเกิดอุบัติเหตุได้ มันก็จะหลงป่าได้ เอาแต่สมาธิมันก็หลง มันก็คือความหลง 100% เราต้องรู้จักธรรมที่เกิดจากความวิเวก มันถึงจะเป็นหมื่นเป็นแสน คือความสงบคือสัมปชัญญะที่ไม่มีตัวมีตนคือการดำรงชีวิตที่ประเสริฐ เราจะไปหลงใหลตัวเองว่ามันแน่ มันก็แก่มันก็เจ็บมันแล้วก็ตาย ให้พระทุกท่านทุกคนต้องมีสติสัมปชัญญะ ท่านต้องไม่มีประชาธิปไตยสีดำสีเทา ไม่เอาเผด็จการ ไม่เอาตัวเอาตน เราต้องเอาตัวสติสัมปชัญญะเอาตัวปัญญามาเผด็จการ ไม่งั้นมันจะเซ่อจะเบลอ มันจะงง จะเอาจะเป็น มันไม่ฉลาดซะเลย เราก็อย่าไปน้อยอกน้อยใจว่า กว่าจะรู้ธรรมะก็ปาเข้าไป 70-80 ปีแล้ว ธรรมะนั้นไม่ใช่ช้าไม่ใช่เร็ว เป็นเหตุเป็นปัจจัยในปัจจุบัน ที่ไม่มีสักกายทิฏฐิที่ไม่มีตัวไม่มีตน ก็คนแก่คนป่วยคนจนทั้งหลายไม่ต้องไปน้อยใจ เราต้องรู้จัก แม้มีชีวิตอยู่เพียงวันเดียวก็ยังดีกว่ามีชีวิตอยู่เป็นร้อยปีแล้วมีความหลง
พระพุทธองค์ทรงห่วงเรานักหนาจะละธาตุขันธ์ ท่านก็ยังทำประโยชน์แก่เหล่ามหาชนกับพวกเราทั้งหลายที่มีสังขารมีใจครองนี้ ให้พากันตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ไม่หลงในความแซ่บความนัวความหรอย ไม่ตั้งอยู่ในความเพลิดเพลิน เราพากันเจ็บปวดไหมที่เราไปมีตัวมีตน ไปมีสักกายทิฏฐิ ที่เราสวยกว่า เรารวยกว่า เขาดีกว่า เขาต่ำต้อยกว่า มันเป็นความเจ็บปวดนะ ตัวตนน่ะจะหยุดได้ด้วยที่มีความสงบมีปัญญา การฝึกต้องอาศัยการอบรมบ่มปัญญาที่ว่า 7 วัน 7 เดือน 7 ปีนั้นพูดเป็นภาพรวมโดยสังเกตเฉยๆ ทุกท่านทุกคนต้องพากันเสียสละสักกายทิฏฐิ หลงตัวตน ถึงพวกท่านจะพากันตกแต่งประดับประดาไปศัลยกรรม นั้นมันเป็นทางโลกทางวัตถุ มันไม่ใช่ทางธรรมะ ทางธรรมะคือไม่มีสักกายทิฏฐิ ไม่มีตัวไม่มีตน มีสติสัมปชัญญะ เพราะสติสัมปชัญญะไม่มี กายใจก็ไม่แข็งแรง เพราะท่านแบกความโง่ แบกความหลง หมู่มวลมนุษย์จะมีความหลงว่า ทำงานให้เบาที่สุด เพื่อที่เราจะได้พักผ่อน แก่แล้วไม่คิดไม่ต้องทำงานอะไรคิดอย่างนี้คือสร้างกำแพงกั้นตัวเองไม่ให้เข้าถึงความเป็นธรรมความยุติธรรม คนเรามันต้องเสียสละ ถึงจะมีความสุข ดูตัวอย่างพระพุทธเจ้าท่านทำงาน 20 ชั่วโมง พักเพียง 4 ชั่วโมง การทำงานคือการพักผ่อน เราแก่เราเฒ่าแล้ว เรามีประสบการณ์เยอะ ความผิดพลาดก็มีมากมีทั้งถูกมีทั้งผิดความถูกต้องที่เป็นธรรมชาติ ก่อนที่จะละสังขารเราก็ต้องทำประโยชน์เพื่อคนอื่น เพื่อเราจะได้ส่งสิ่งที่ดีๆ ให้กับลูกกับหลาน จะได้เป็นอัลไซเมอร์น้อยลง พระอรหันต์ถ้าไม่เสียสละไม่รู้จะอยู่ไปทำไม พระอรหันต์ถึงอยู่ด้วยความเสียสละ อยู่ด้วยสติ อยู่ด้วยสัมปชัญญะ อยู่ด้วยปัญญา
ทุกท่านทุกคนพากันมีสัมมาทิฏฐิมีความเห็นถูกต้องมีความเข้าใจถูกต้อง อย่าไปหลงในทิฏฐิมานะอัตตาตัวตน ต้องเสียสละตัวตน จะได้เป็นพระประจำวัดประจำบ้านประจำครอบครัว สมควรแล้วที่เขาได้เป็นเพราะสิ่งที่ทำนั้นถูกต้อง เพราะกรรมใดใครก่อ กรรมนั้นก็ย่อมเกิดแก่ตัวเรา บางคนมันหลงในตัวในตนเอาแบงค์มานับอยู่นั่นแหละ ไม่มีความสงบไม่มีสัมปชัญญะ การเสียสละมันคือการออกกำลังกาย เอาสิ่งที่มันเห็นแก่ตัวให้มันออกไปด้วยภาคประพฤติปฏิบัติ เราจะได้เป็นผู้ใหญ่ใจดี ไม่ได้เป็นผู้ใหญ่หลงเอาแต่เล่น LINE เล่นโทรศัพท์ ดูฟังเรื่องของคนอื่น แต่ไม่มีสติสัมปชัญญะ เป็นผู้ใหญ่ที่ร้องแต่โอ๊ยๆๆ แล้วก็มีความทุกข์ห่วงแต่ลูกห่วงแต่หลาน เป็นโลกแห่งความมืดบอด ท่องพุทโธก็ไม่ได้ เอาลูกเอาหลานไปที่ตั้งอย่างนี้ มันไม่ถูกต้อง ไม่มีสติสัมปชัญญะ ไม่มีปัญญา มันใกล้จะหมดลมหายใจอยู่แล้ว ลาหลวงพ่อไปหาหมอทุกวัน มันแก้แค่ภายนอก ไม่แก้ที่ใจตัวเอง หลงอยู่กับความแซ่บความนัวความอร่อย
ทุกคนก็รู้อยู่แล้ว ก็ต้องมีสติมีความสงบ ถ้ามีความคิดที่มันมีตัวมีตนความอร่อยความแซ่บความนัว ต้องมีสติมีสัมปชัญญะกลั้นลมหายใจ เดี๋ยวมันก็กลับมา อย่าเผลอไปเรื่อย มันจะเข้ารันเวย์ไม่ได้ เดี๋ยวภารกิจสุดท้ายมันจะเข้าสู่พระนิพพานไม่ได้ เพราะเอาตัวตนเป็นที่ตั้งมั่น ผู้แก่ผู้เฒ่าผู้ชราทั้งหลายพากันรู้จัก ต้องไม่โง่ไม่หลงในอวิชชา ต้องมีสติมีสัมปชัญญะมีปัญญา เราจะได้ทำที่สุดแห่งการดับทุกข์ จะได้อบรมบ่มอินทรีย์ จะได้ไม่อบรมบ่มไปเรื่อย ชีวิตของเรามันน้อยนัก จะได้อำลา จะได้สวดบังสกุลอยู่แล้ว แต่วัดเรามีความโชคดีเอาพระธรรมเอาพระพุทธเจ้าเป็นหลัก สวดกันไม่กี่นาทีก็เสร็จไม่เหมือนวัดอื่น เอาอวิชชาเอาความหลงเป็นหลักจัดคอนเสิร์ตกัน
พวกเราทำงานต้องเอาความสุขจากการทำงาน เอาสติสัมปชัญญะ ถ้าไม่อย่างนั้นมันจะอยู่กับความฟุ้งซ่านเกิน ถือว่าวัดเรานี้ดีแล้ว คนอายุมากเดินไม่ไหวแล้ว หลวงพ่อก็ให้รถไฟฟ้าโดยให้คนหนุ่มคนแข็งแรงที่เป็นญาติดูแลอุปัฏฐาก เราต้องรู้เวลาสุดท้ายมันใกล้เข้ามาแล้ว มัวมาห่วงลูกห่วงหลานอยู่ไม่ได้นะ เราต้องหยุดอวิชชาความหลง ที่เรียกว่าความบ้า ที่ไปว่าแต่ที่อื่นว่า เป็นเรานอนหลับก็ไม่รู้ตัว เราทุกคนต้องรักกันสมัครสมานสามัคคีกัน อยู่ด้วยกันไม่เกินร้อยปีหรอก ทุกคนมันเป็นญาติเป็นอะไรกันทั้งหมด ความเห็นแก่ตัวมันทำให้เป็นเราเป็นเขา ถ้าเราไม่มีตัวไม่มีตนแล้วมันก็สบาย เป็นพระคุณเจ้าจะได้ให้พรทุกคนเท่ากัน ไม่ใช่ให้แต่คนรวย หาพรรคพวกตัวเอง ต้องรู้จัก มันทำให้เราไม่ได้แก้ไขไม่ได้จัดการตัวเอง ให้ทุกคนพากันดูแลตัวเองดูแลคนอื่น ดูแลทางกายเราได้ แต่ดูแลทางใจไม่ได้ ดูแลและเข้าสู่ภาคประพฤติปฏิบัติ คนแก่ก็ไม่ต้องรู้อะไรมาก ให้อยู่กับความสงบ ท่องพุทโธ มีจิตสำนึกอยู่ว่าไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน สังขารที่มีใจครองหาได้มีตัวมีตนไม่
เราจะหยุดวัฏฏสงสารเพราะสัมมาทิฏฐิ พระพุทธเจ้าให้เราเอามาประพฤติปฏิบัติอย่างนี้แหละ มาหาข้อประพฤติปฏิบัติ มีทั้งพระพุทธเจ้าพระอริยสงฆ์ที่มีอยู่ในจิตใจของเราทุกท่านทุกคน เราต้องเป็นผู้เฒ่าใจดีที่ไม่มีตัวไม่มีตน คนดีมันต้องเป็นความงาม ความงามคือไม่มีตัวไม่มีตน มีศิลปะที่ประเสริฐ คนเฒ่าคนแก่ไม่ต้องไปเอาศีล 8 หรอก ศีล 5 ก็เพียงพอ คนที่แข็งแรงพยายามใจเข้มแข็งจะไปเอาศีล 5 เหมือนอากงอาม่าก็ไม่ถูก เพราะว่าเราต้องมีการฝึกใจเพื่อเอาการดับทุกข์เอาสติเอาสัมปชัญญะ เอาพระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่ พวกโทรศัพท์มือถือนี้แหละมันไม่ใช่สิ่งที่ประเสริฐนะ โทรศัพท์มือถือเอาไว้ใช้เท่าที่จำเป็น ไม่เช่นนั้นจะเป็นความฟุ้งซ่าน ท่านต้องเข้มแข็ง ต้องเจริญด้วยสติด้วยสัมปชัญญะ เพื่ออริยมรรคจะได้สมบูรณ์ มันจะได้ติดต่อต่อเนื่องเหมือนลมหายใจ ให้ระมัดระวังเรื่องโทรศัพท์มือถือ ท่านที่มีโทรศัพท์มือถือ ถ้าเป็นผู้หญิงเท่ากับมีผัวหลายคนถ้าเป็นผู้ชายก็เท่ากับมีเมียหลายคน ทุกท่านทุกคนต้องมีใจเข้มแข็งบริโภคสิ่งนี้ด้วยปัญญา เราต้องคิดว่าการมีโทรศัพท์มือถือ ก็เหมือนหมู่มวลมนุษย์มีการทำธุรกิจได้เงินมาแล้วก็เอามาจ่ายในชีวิตประจำวัน ถ้าไม่ระวังในการใช้จ่ายมันก็จะมีหนี้สินในอนาคตอย่างไม่มีเงื่อนไข การที่เรามีโทรศัพท์มือถือเราไม่ควบคุม ก็ย่อมเกิดความเสียหายเหมือนๆ กัน มันก็คืออย่างเดียวกันนั่นแหละ ทุกคนต้องทานอาหารทุกคนต้องมีบ้านมีรถมีสิ่งอำนวยความสะดวกสบาย ต้องดำรงชีวิตด้วยความสงบมีสติสัมปชัญญะ ต้องรู้จักพิจารณาสู่ไตรลักษณ์ว่า ไม่เที่ยง ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน การใช้โทรศัพท์ก็ต้องคิดอย่างนี้ เพราะอวิชชาความหลงมันยิ่งกว่าความสุขความ Happy อีก เพราะเรื่องจิตเรื่องใจนี้มันคือความหลง ถ้าไม่มีสติไม่มีสัมปชัญญะ ชีวิตก็ต้องล้มเหลวแน่นอน ต้องใจเข้มแข็งต้องใจมีปัญญาพระพุทธเจ้าท่านไม่ได้ห้ามหรอกทานอาหาร ไม่ห้ามหรอก มีบ้านมีรถมีสิ่งอำนวยความสะดวก ทุกท่านทุกคนต้องมีศิลปะในการดำเนินชีวิตต้องควบคุมคอนโทรลด้วยสัมมาสมาธิด้วยปัญญาที่เสียสละซึ่งตัวซึ่งตน เราจะปล่อยชีวิตของเราให้มันเป็นไปอย่างที่เป็นมาไม่ได้ เป็นคนเฒ่าคนแก่ก็ต้องมีหลัก คนเฒ่าคนแก่ไม่มีหลักอะไร มันน่าสมเพชนะ
ให้ทุกท่านทุกคนมีสติสัมปชัญญะ เอาพระนิพพานไม่มีตัวมีตน การมีตัวมีตน มันทุกข์หลาย ทุกข์ทั้งตัวเอง ทุกข์ทั้งลูกทั้งหลาน ดูอย่างพระพุทธเจ้าท่านไม่มีทุกข์ทางจิตใจเลย ครั้งสุดท้ายท่านดูโลกนี้อย่างสงบงดงาม ไม่มีหน้าละห้อยเลย ตายหรืออยู่มันไม่ใช่เรื่องสำคัญ มันเป็นเรื่องของความดับทุกข์ ความไม่มีทุกข์ มันเป็นเรื่องดับทุกข์ดับวัฏสงสารด้วยตนเอง ท่านมองอดีตชาติของตัวเองมันยาวนาน ท่านไม่ทุกข์อะไรเลย ท่านทรงบำเพ็ญพุทธกิจ ๔๕ พรรษา อย่างคุ้มค่า ท่านมีความสุขมีความดับทุกข์มีสติมีสัมปชัญญะคือพุทธะ ให้ทุกท่านทุกคนพากันตั้งใจเต็มที่ไม่ต้องไปสับสนในชีวิต ชีวิตของเรานี้คือมรรคคือผลคือนิพพาน คือสติสัมปชัญญะไม่มีตัวไม่มีตนอย่างนี้แล
แจกปัญญา แจกศาสนา แจกธรรมวินัย แจกสิ่งที่ถูกต้อง
เพื่อเดินตามรอยพระพุทธเจ้าร้อยเปอร์เซ็นต์
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
โดยทุกท่านสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่
https://linktr.ee/watsubthawee
Share wisdom, spread Buddhism and its discipline.
Advocate righteousness to follow Lord of Buddha's footsteps 100%
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
You can receive new Dharma updates.
https://linktr.ee/watsubthawee