แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
โอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ที่หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม เมตตาให้นำมาบรรยาย
บรรยายธรรมโดย พระมหาอนุชน สาสนกิตติ (ป.ธ.๙, ดร.)
ในวันอังคารที่ ๘ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา
เรื่อง เข้าพรรษาเข้าหาธรรม ตอนที่ ๗ รู้จักคุณและโทษของกาม คือ ความติดพันในใจ เพื่อจะได้บริโภคทุกสิ่งด้วยสติปัญญา
(บางส่วนจากโอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า)
คนเราไม่ได้เสียสละซึ่งตัวซึ่งตน ที่มีสักกายะทิฏฐิมีตัวมีตน ทุกท่านทุกคนต้องเสียสละซึ่งตัวซึ่งตน เราทุกท่านทุกคนนะ ต้องมีแต่ความเห็นถูกต้อง ความเข้าใจถูกต้อง จะได้เสียสละตัวตน ไม่มีตัวมีตน มีแต่สัมมาทิฏฐิ มีแต่ความเห็นถูกต้องมีความเข้าใจถูกต้องในปัจจุบัน เพราะทุกอย่างจะได้มีแต่คุณ สิ่งที่เราได้บริโภคในชีวิตประจำวัน ทุกอย่างมันจะได้มีแต่คุณ มันจะได้ไม่มีโทษ ถ้าเรามัวแต่หลงมันก็เป็นกาม มันก็มีโทษ ไม่มีคุณ ฐานที่ตั้งของเรามันถึงเริ่มต้นที่สติเริ่มต้นที่สัมปชัญญะ มีความสุขในการเสียสละ ละตัวละตนในชีวิตประจำวันที่พระพุทธเจ้าบอกว่าสมณะที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 นี้เป็นผู้ที่มีความเห็นถูกต้องมีความเข้าใจถูกต้องอยู่ในอริยมรรคมีองค์ 8 ในปัจจุบัน ที่เป็นพระธรรมพระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่ที่มีอยู่ในพระไตรปิฎก 21,000 ที่เราเอามาสวดในพระปาฏิโมกข์ 227 เพราะเราเอามาสวด 21,000 มันไม่ไหวมันนานเกิน สวดเพียง 1 ชั่วโมงก็เพียงพอ
ทุกท่านทุกคนต้องรู้เรื่องจิตเรื่องใจ รู้เรื่องกาม เห็นเหตุเห็นผลของกามที่พวกเราต้องเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสาร
อุปมาโทษของกาม
๑. กามเปรียบเหมือนท่อนกระดูกเปล่า ไม่มีเนื้อและเลือดติดอยู่ เมื่อสุนัขหิวมาแทะเข้า ยิ่งแทะยิ่งเหนื่อย ยิ่งหิว อร่อยก็ไม่เต็มอยาก ไม่เต็มอิ่ม พลาดท่าแทะพลาดไปถึงฟันหักได้ พวกเราก็เหมือนกันที่หลงว่า มีคู่รักแล้ว แต่งงานแล้วจะมีสุข พอมีเข้าจริงไม่เห็นจะสุขจริงสักราย ต้องมีเรื่องขัดใจให้ตะบึงตะบอนกัน ให้กลุ้มใจให้ห่วงกังวล ทั้งห่วง ทั้งหวง ทั้งหึง ไม่เว้นแต่ละวัน ที่หนักข้อถึงกับไปกระโดดน้ำตาย หรือผูกคอตายเสียก็มากต่อมาก พอจะมีสุขบ้างก็ประเดี๋ยวประด๋าว พอให้มันๆ เค็มๆ เหมือนสุนัขแทะกระดูก หรือแม้แต่เวลาที่เสพกาม เวลาที่กำลังมีเพศสัมพันธ์ มองเข้าจะเห็นว่า มันไม่มีทางถึงที่สุด มันได้แล้วมันจะอยากต่อไปเรื่อยๆ แต่ทำเท่าไหร่ ทำกี่ครั้ง มันก็ไม่หายอยาก ได้แต่ความเหนื่อยเปล่า กับสุขลมๆ แล้งๆ ได้แล้ว เหมือนจะสุข จะสุข แต่พอเสร็จ... ก็อยากอีก อย่างนี้ไปเรื่อยๆ หนึ่งครั้ง สามครั้ง ห้าครั้ง ร้อยครั้ง พันครั้ง ชั่วชีวิต ก็ไม่สมอยาก ความต้องการยังคงมีอยู่เรื่อยๆ อีกทั้งเรื่องทางวัตถุก็เช่นกัน ได้มาเสพทางตา ทางหู ดูหนัง ฟังเพลง กินข้าว กระเป๋า รองเท้า รถ บ้าน แฟน ไม่ว่าจะได้มาเสพสักเท่าไหร่ ก็ยังไม่หายหิว หายอยาก ยิ่งเสพ ยิ่งเหนื่อย เหนื่อยหาเงิน เหนื่อยตัว เปลืองตัว เปลืองกาย เปลืองใจ เพื่อจะให้ได้มา ทำอย่างไรก็ไม่อิ่ม แต่การออกจากกาม จากตัณหานั่นแหละตัวอิ่มแท้ อยากอิ่มต้องเดินสวนทาง
๒. กามเปรียบเหมือนชิ้นเนื้อที่แร้งหรือเหยี่ยวคาบบินมา แร้ง กา หรือเหยี่ยวตัวอื่นก็จะเข้ารุมจิกแย่งเอา คือไม่เป็นของสิทธิ์ขาดแก่ตัว ผู้อื่นแย่งชิงได้ คนทั้งหลายต่างก็ต้องการหมายปองเอา จึงอาจต้องเข่นฆ่ากันเป็นทุกข์แสนสาหัส เราลองสังเกตดูก็แล้วกัน ที่มีข่าวกันอยู่บ่อยๆ ทั้งฆ่ากัน ชิงรักหักสวาทน่ะ หรือรอบๆ ตัวมีบ้างไหม ที่กว่าจะได้แต่งงานกันก็ฝ่าดงมือ ฝ่าดงเท้าเสียแทบตาย ถูกตีหัวเสียก็หลายที พอแต่งแล้วก็ยังไม่แน่ เดี๋ยวใครมาแย่งไป อีกแล้ว ยิ่งสวยเท่าไรยิ่งหล่อเท่าไร ยิ่งอันตรายเท่านั้น กามนี้ไม่ได้หมายถึงเรื่องเพศอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องความอยากด้วย อยากได้เงินทอง อยากได้บ้าน อยากได้รถ ต้องเหน็ดเหนื่อยกว่าจะได้เงินมาผ่อน มาซื้อ ทำงานแทบปางตาย ผ่านสงครามลูกน้อง เจ้านาย ลูกค้า เพื่อนร่วมงาน จิก กัด ตัดขาเก้าอี้ เพื่อให้ได้ตำแหน่ง ให้ได้เงินมาเพื่อมาเสพกาม เพื่อมาเสพวัตถุ คิดว่าเป็นความสุข แต่หารู้ไม่กว่าจะได้วัตถุกามมาแต่ละอย่าง แย่งกันบนโลกแทบปางตาย จิกกัดกันเพื่อจะเอาวัตถุมาเสพ
๓. กามเปรียบเหมือนคนถือคบเพลิงที่ทำด้วยหญ้าลุกโพลงเดินทวนลมไป ไม่ช้าก็ต้องทิ้ง มิฉะนั้นก็โดนไหม้มือ ระหว่างเดินก็ถูกควันไฟรมหน้า ต้องทนทุกข์ทรมานย่ำแย่ คนเราที่ตกอยู่ในกามก็เหมือนกัน ต้องทนรับทุกข์จากกาม ทำงานงกๆ หาเงินเลี้ยงลูกเลี้ยงเมีย ต้องกลุ้มอกกลุ้มใจ ลูกจะเรียน ที่ไหนดี จะเกเรหรือเปล่า เมียจะนอกใจไหม เดี๋ยวก็มีเรื่องขัดใจกัน เสร็จแล้ว ก็ไม่ใช่จะได้อยู่ด้วยกันตลอด เดี๋ยวอ้าว! รถชนตายเสียแล้ว อ้าว! เป็นมะเร็งตายเสียแล้ว หรือเผลอประเดี๋ยวเดียวก็ต้องแก่ตายกันเสียแล้ว ไม่ได้อยู่กันไปได้ตลอดหรอก เหมือนคบเพลิงหญ้าถือได้ไม่นานก็ต้องทิ้ง คบเพลิง ถ้าถือเดินทวนลมแล้วไม่รีบปล่อย มันจะลวกหน้าลวกตาเรา ใครที่ติดอยู่ในความอยาก ไม่นานก็ต้องถูกเผาจนหมดสุข มีแต่ทุกข์ล้วน ๆ ทุกข์จากการทำมาหาเลี้ยงชีพ ทุกข์จากการพลัดพราก ทุกข์จากการพะวงว่าจะเสียสิ่งที่รัก ทุกข์จากการไม่สมหวังจากการไม่ได้สิ่งที่รัก ทุกข์จากการพบเจอสิ่งที่ไม่ชอบไม่รัก ของเหล่านี้ ชีวิตใครก็ต้องเจอ ถ้าจะมองว่าชีวิตที่ผ่านมาโชคร้าย ก็ไม่มีโชคร้ายเกินกว่าทุกข์ในกาม ถามใครก็ได้ จะเจอเรื่องแนวเดียวกันหมด คือ เรื่องจากกาม เพราะกาม เพราะอยาก ทำให้ต้องเสียน้ำตา เสียใจ เสียตัว เสียอีกหลาย ๆ อย่าง หันมานั่งสมาธิ รักษาอุโบสถศีล จะมีอาวุธไว้แก้โรคแพ้กาม ยิ่งทำบ่อย ๆ จิตจะเข้มแข็งขึ้น ไม่ใช่สักแต่ว่ารู้ว่าไม่ดี แต่ฝืนไม่ได้ แต่จะกลายเป็นคนที่ชนะได้ในวันหนึ่ง ข้อปฏิบัติในศาสนาพุทธเรื่องภาวนา หยิบมาจะรักษาเราได้ เอาเลย เอาจริง เอาเดี๋ยวนี้ ทำเดี๋ยวนี้ ก่อนที่จะไฟลวกทั้งตัว
๔. กามเปรียบเหมือนหลุมถ่านเพลิงอันร้อนแรง ผู้ที่รักชีวิตทั้งๆ ที่รู้ว่าหากตกลงไปแล้ว ถึงไม่ตายก็สาหัส แต่ก็แปลกเหมือนมีอะไรมาพรางตาไว้ เหมือนมีแรงลึกลับมาคอยฉุดให้ลงหลุมอยู่ร่ำไป พระท่านสอน ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์ ก็เชื่อท่านหรอก แต่พอออกนอกวัดเจอสาวๆ สวยๆ หนุ่มรูปหล่อเข้าก็ลืมเสียแล้ว เวลาจะแต่งงานก็คิดถึงแต่ความสวยความหล่อความถูกใจ หาได้มองเห็นไปถึงความทุกข์อันจะเกิดจากกาม เกิดจากชีวิตการครองเรือนไม่ ผู้ที่หลงใหลในกาม เมื่อเห็นคนที่รักเดินจูงมือ เล่นหยอกกับคนอื่น ใจก็รุ่มร้อนเหมือนถูกไฟไหม้ ทำให้เกิดความกระวนกระวาย ฆ่าตัวตาย กินยาพิษบ้างก็ฆ่าสามีภรรยาตัวเองมีให้เห็นมามาก เพราะกามแผดเผาทำให้จิตใจรุ่มร้อนเหมือนคนบ้า ใครตกไปในกาม ไม่มีเลยที่จะเย็นสบาย มีแต่รุ่มร้อน อยากได้เงินมาผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ก็ต้องออกไปฝ่าหลุมถ่านเพลิง ถ่านเพลิงเผาให้ร้อน ร้อนจนต้องตื่นมาแต่เช้าทั้งที่ไม่อยากตื่น ฝ่ารถฝ่ารา ฝ่าเรือ กว่าจะได้เงินมาแลกกาม ต้องผ่านหลุมถ่านเพลิงมากมาย บางคนกิจการเจ๊ง บางคนเป็นหนี้ บางคนถูกโกงค่าแรง ต่อสู้กัน ดิ้นรนกันอยู่ในกองไฟ คือความเดือนเนื้อร้อนใจ ไม่ว่าจะนั่งในออฟฟิต หรือขายลูกชิ้นข้างถนน ไฟก็ร้อนไม่ต่างกันด้วย
๕. กามเปรียบเหมือนความฝัน เห็นทุกอย่างเฉิดฉายอำไพ แต่ไม่นานก็ผ่านไป พอตื่นขึ้นก็ไม่เห็นมีอะไร เหลือไว้แต่ความเสียดาย คนเราที่จมอยู่ในกามก็เหมือนกัน แรกๆ ก็คุยกันกะหนุงกะหนิงน้องจ๊ะน้องจ๋า อยู่กันไม่นาน พูดคำด่าคำเสียแล้ว เผลอๆ ถึงตบตีกัน เอาซี่โครงเหน็บข้างฝาเสียเลยก็มีงานก็มากขึ้นเป็น ๒-๓ เท่า ไม่เห็นสุขเหมือนที่คิดฝันไว้ กามเหมือนความฝัน พวกเราจะเป็นคนเพ้อฝันลมๆ แล้งๆ หรือจะเป็นคนยืน อยู่บนความจริง ตั้งใจฝึกฝนตนเองปฏิบัติธรรมกันล่ะ คนอยู่ในความฝัน ทุกอย่างสวยหรู ตื่นมาก็ไม่เห็นอะไร ในกามก็เหมือนฝัน ลองเอาเข้าจริงๆ มองแบบไม่อคติ มองแบบไม่เพ้อเจ้อ มองตรงๆ มีอะไรดีบ้าง ร้านอาหารหรูๆ ทานไปก็ออกมาเป็นอุจจาระที่ไม่อยากจับต้อง ร่างกายที่สวยงามมองลึกแค่หนึ่งเซนติเมตร ก็สะอิดสะเอียนกันและกัน รถ บ้าน ไอโฟน ไอแพด นาฬิกา ก็เพียงธาตุดินที่สมมุติกัน มีอะไรเป็นสาระแก่นสารจริงๆ บ้างที่อยากได้กันนักหนา
๖. กามเปรียบเหมือนสมบัติที่ยืมเขามา เอาออกแสดงก็ดูโก้เก๋ดี ใครเห็นก็ชม แต่ก็ครอบครองไว้อย่างไม่มั่นใจ ได้เพียงชั่วคราว ไม่เป็นสิทธิ์เด็ดขาด เจ้าของตามมาพบเมื่อไรก็เอาคืนเมื่อนั้น ตัวเองก็ได้แต่ละห้อยหา พวกเราก็เหมือนกัน ไปได้แฟนสวยแฟนหล่อมาก็ภูมิใจ ไปไหนๆ ใครๆ ก็ทักว่า คู่นี้สมกันเหมือนกิ่งทองใบหยก ยืดเสียอกตั้งทีเดียว เผลอประเดี๋ยวเดียว อ้าว! ผู้หญิงกลายเป็นยายแร้งทึ้งไปเสียแล้ว ผู้ชายไหงหัวล้านพุงพลุ้ยเสียแล้ว นี่ความหล่อความสวยมันถูกธรรมชาติ ถูกเวลาทวงกลับเสียแล้ว พวกเราจะไปหลงโง่งมงายอยู่กับของขอยืมของชั่วคราวแบบนี้หรือเปล่า สรรพสิ่งไม่ใช่ของถาวร ไม่ว่าจะแฟน รถ บ้าน ถึงเวลาแล้ว ไม่เราอยู่ มันจากไป ไม่ก็ มันอยู่ เราจากมันไป ด้วยตายบ้าง หายบ้าง ถูกพรากไปบ้าง จะไปยึดไปหวงว่าเป็นของตัวให้โง่ทำไม แล้วที่หวงกัน แย่งกันนี่เหนื่อยไหม ถ้ารู้สึกตัวแล้วเหนื่อยก็ไม่ต้องทำ ทำสิ่งที่ตรงกันข้าม แล้วชีวิตจะเบา จะสบาย จะถึงที่หมายโดยไม่ต้องรอให้รวย ให้หรู ให้มี
๗. กามเปรียบเหมือนต้นไม้มีผลดกอยู่ในป่า ใครผ่านมาเมื่อเขาอยากได้ผล จะด้วยวิธีไหนก็เอาทั้งนั้น ปีนได้ก็ปีน ปีนไม่ได้ก็สอย บางคนก็โค่นเลย ใครอยู่บนต้นลงไม่ทันก็ถูกทับตาย เบาะๆ ก็แข้งขาหัก พวกเราก็เหมือนกัน บางคนคงเคยเจอมาแล้ว เที่ยวไปจีบคนโน้นคนนี้ ยังไม่ทันได้มาเลย ถูกเตะต่อยมาบ้าง ถูกตีหัวมาบ้าง ได้แต่บ่นรู้อย่างนี้นอนอยู่บ้านดีกว่า นี่เหมือนผลไม้ในป่า ยิ่งดกยิ่งสวยแล้วก็ระวังเถอะจะเจ็บตัว หรือจะลงทุนเปิดร้าน เปิดบริษัท มีหุ้นส่วน ผลไม้คือผลประโยชน์นี่ก็อร่อยล่อตาล่อใจ ไม่นานก็จะต้องถูกมือดี ชิงเอาผลประโยชน์ไปไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง หรือคนรวยๆ มีอันจะกิน ถูกฆ่าตายกันเพราะผลประโยชน์นี่ก็เห็นมามากแล้ว ยิ่งรวยมาก มีมาก ผลยิ่งดก อันตรายยิ่งรอบตัว ยิ่งอยู่อย่างไม่มีความสุข คิดอย่างง่ายๆ เดินถือเงินล้านใส่กระเป๋า กับเดินตัวเปล่าๆ ไป สองคนนี้ใครต้องระแวงซ้ายขวา ไม่เป็นตัวของตัวเอง นี่มองอย่างง่าย
๘. กามเปรียบเหมือนเขียงสับเนื้อ ใครไปยุ่งเกี่ยวก็เหมือนกับเอาชีวิตให้ถูกสับ เพราะกามเป็นที่รองรับทุกข์ทั้งหลาย ทั้งกายและใจ เหมือนเขียงเป็นที่รองรับคมมีดที่สับเนื้อจนเป็นแผลนับไม่ถ้วน เข้าไปหากามปุ๊บ ก็เหมือนเข้าไปหาปัญหาปั๊บ ถูกหั่นถูกสับทันที เพราะพื้นที่ของกาม เป็นพื้นที่ของปัญหา ปัญหาสารพัดคงไม่ต้องจำแนกกัน ของใครของคนนั้นรู้ตัวดี
๙. กามเปรียบเหมือนหอกและหลาว ทำให้เกิดทุกข์ทิ่มแทงหัวใจ เกิดความเจ็บปวดรวดร้าวมาก ใครไปพัวพันในกามแล้ว ที่จะไม่เกิดความเจ็บช้ำใจนั้นเป็นไม่มี เหมือนหอกหลาวที่เสียดแทงร่างกายให้เกิดทุกขเวทนาอย่างนั้น เวลาโดนทิ่มแทงที แทบไม่อยากลุกออกจากที่นอน เพราะมันหมดเรี่ยวหมดแรง ขามี เหมือนไม่มี จมูกมี เหมือนไม่ได้หายใจ แขนมี เหมือนขยับไม่ได้
๑๐. กามเปรียบเหมือนหัวงูพิษ เพราะกามประกอบด้วยภัยมาก ต้อง มีความหวาดระแวงต่อกันอยู่เนืองๆ ไม่อาจปลงใจได้สนิท วางจิตให้โปร่งไม่ได้ เป็นที่หวาดเสียวมาก อาจฉกให้ถึงตายได้ทุกเมื่อเหมือนหัวงูพิษ เผลอเมื่อไหร่ กัดทันทีด้วยพิษกาม ไม่ตายในชาตินี้แต่ถึงสมหวังในกามชาติหน้าก็เตรียมตัวลงอบายได้ ไม่มีทางรอด เพราะจิตติดพิษคือกามแล้ว ต้องตายอย่างเดียว
ทั้งหมดนี้ คืออุปมาโทษของกามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้
ศีลนักบวชสำหรับประพฤติพรหมจรรย์เป็นศีลข้อที่ ๑ ก็คือการเกี่ยวข้องกับกาม มันคือสาเหตุแห่งการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะสงสาร ในสงสารวัฏ ที่ใจยังมีอวิชชา มีความยึดมั่นถือมั่น มีความหลง ที่เอาตัวตนเป็นใหญ่ เป็นที่ตั้ง ถึงได้เกิดเป็นกรรม เป็นสัญชาตญาณแห่งสรรพสัตว์ทั้งหลายทั้งปวงที่เกิดมา เรื่องมีคู่ครอง ถึงต้องมาตัดวงจรแห่งการเวียนว่ายตายเกิด ด้วยความเห็นถูกต้อง เข้าใจถูกต้อง ด้วยเจตนาเพราะว่าไม่มีเพศสัมพันธ์ ทั้งทางกาย ทั้งทางวาจา และทางจิตใจ อันนี้เป็นต้นสาเหตุ อาบัติกลาง อาบัติเล็ก เริ่มมาจากความเห็นผิด เข้าใจผิด มนุษย์เราอย่างมากพรหมจรรย์ระดับเบื้องต้นก็ต้องมีศีล ๕ ถึงจะมีปัญญาได้ สำหรับพระภิกษุ แม้แต่คิดก็ผิดแล้ว คือ การมีเพศสัมพันธ์ทางจิตใจแล้ว ไม่อย่างนั้นการที่มาบรรพชาอุปสมบทจะถือว่าเป็นโมฆะ เป็นหมัน ไม่มีประโยชน์อะไร เพราะว่านี้เป็นเรื่องจิตใจ เรื่องคุณธรรม
ทุกท่านทุกคนต้อง มีความละอายต่อบาป มีความเกรงกลัวต่อบาป ต้นไม้กว่ามันจะใหญ่มันก็ต้องใช้เวลา 10 ปี 20 ปี 30 ปี เป็นต้น สิ่งภายนอกที่เรามองเห็นแต่ในเรื่องกามที่มันเกิดกับเราในชีวิตประจำวัน เราทุกคนต้องพากันรู้จัก ตั้งมั่นในในธรรมะ ถึงเป็นยานที่พาเราออกจากวัฏสงสาร เราจะได้เป็นธรรมะธิปไตย ไม่ใช่เอาประชาธิปไตย ประชาธิปไตยน่ะ ถ้าเรามีความเห็นที่มันไม่ถูกต้อง ความเห็นทางโลกมันก็จะออกมาเป็นกฎหมายบ้านเมือง ตามเฉพาะประเทศนั้นๆ กฎหมายบ้านเมืองที่ไม่ถูกต้อง สังคมนิยมก็เหมือนกัน เราจะเอาความถูกต้องเป็นหลัก ไม่ใช่เอาความหลงเป็นหลัก ให้ทุกคนเข้าใจว่า ทุกอย่างมันมีแต่คุณ ถ้าเราทำตามพระพุทธเจ้า เพราะธรรมะของพระพุทธเจ้านั้นเป็นสิ่งที่สมบูรณ์แบบที่สุดในโลก มันถูกต้องตามวิทยาศาสตร์ และถูกต้องนำวิทยาศาสตร์ เพราะมันดับทุกข์ทางจิตใจด้วย มนุษย์ถึงจะได้เข้าถึงการดับทุกข์ในปัจจุบัน เราทุกคนต้องพากันรู้ทุกข์ รู้เหตุเกิดทุกข์ รู้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ ที่มันมีอยู่ในปัจจุบัน ที่แล้วมา ทุกคนต้องพากันรู้กัน เราจะพากันเป็นคนไม่ละอายต่อบาปไม่เกรงกลัวต่อบาป หลับตาเหมือนหมีกินผึ้ง นี่ไม่ได้ คนสมัยใหม่มันก็เหมือนหมีกินผึ้ง มันก็พากันหลับตา หมีในป่าใหญ่ เวลาที่มันจะไปกินผึ้ง มันจะปีนขึ้นไปบนต้นไม้ มันก็จะหลับตาแล้ว มันก็จะปัดๆๆ ตัวผึ้งออกไป กินอย่างนี้นะ คนโบราณเขาเอาศัพท์นี้มาใช้ การที่เราไม่ละอายต่อบาปไม่เกรงกลัวต่อบาปทำไปเรื่อย เขาเรียกว่าปฏิบัติเหมือนหมีกินผึ้ง เราอย่าให้ประชาธิปไตยที่มันเป็นสีดำสีเทาเกิดในหมู่สงฆ์ ในคณะสงฆ์ มันไม่ได้ มันเสียหาย ทำลายพระวินัย มันทำลายความมั่นคงของชาติ ศาสน์ กษัตริย์
ในปัจจุบันเราจะได้เอาทรัพยากรที่ประเสริฐ ที่เราทุกคนเกิดมาเป็นมนุษย์เกิดมาเพื่อประพฤติปฏิบัติ ทุกคนต้องทำได้ปฏิบัติให้ได้ ถ้าใครทำไม่ได้ปฏิบัติไม่ได้ก็อย่าพากันมาบวช มันก็ต้องทำได้อยู่แล้ว ถ้าเราเอาตามใจตัวเองตามอารมณ์ตัวเอง มันก็ไม่ได้ เพราะเราเอาตัวตนเป็นหลัก และความทุกข์มันก็จะเกิดแก่คนที่เอาตัวตนเป็นหลัก ถ้าเราสละเสียซึ่งตัวตนการปฏิบัติของเราจะเรียกว่าพรหมจรรย์ มีสติสัมปชัญญะรู้ตัวทั่วพร้อม เราก็จะมีความสุข เรามันต้องปฏิบัติได้ การเป็นโจรการเป็นมหาโจร มันไม่ได้อยู่ที่อื่นหรอก แต่ก่อนน่ะเราไม่ฉลาด มัวแต่ไปมองหามหาโจรภายนอกภาย นอกมันก็มีนะ เพราะภายนอกมันก็เริ่มจากภายใน มันเริ่มจากตัวตนของเรา เริ่มจากเรื่องกาม กามก็คือความหลง ถ้าเรามีความหลง เราก็ต้องเป็นโจรเพราะเรา มันไม่รู้จักสิ่งที่มันทำร้ายตัวเอง สิ่งที่มันเป็นประโยชน์คือความเป็นมนุษย์ของเรานี้มันก็จะเสียหาย มันทำลายทรัพยากรของความเป็นมนุษย์ มันก็คือการคอรัปชั่นของความเป็นมนุษย์ของเรานะ
ให้ทุกท่านทุกคนมีสติสัมปชัญญะ ให้ทุกท่านทุกคนกลับมารู้ตัวทั่วพร้อม กลับมาหาความเป็นธรรมความเป็นยุติธรรม หยุดความเป็นตัวกูของกูตัวเราของเราเหมือนที่ท่านพุทธทาสพูด เราต้องเสียสละ ถ้าเราไม่เสียสละแสดงว่ามันมีโทษ เราทุกคนต้องพากันเสียสละ เพราะความสุขที่เราจะเกิดได้ในความที่เราเป็นมนุษย์ เราก็ต้องเสียสละ มันถึงจะเป็นคนงาม พวกคนที่แบกกาม แบกอวิชชา แบกความโง่ แบกความงมงาย ให้ทุกท่านทุกคนพากันเข้าใจ อันนี้เป็นธรรมเป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า อย่างนี้แหละคือพระธรรมพระวินัย ให้รู้จักว่า พระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่ เป็นการพัฒนาการทางจิตใจ ที่พวกเราทั้งหลายและท่านต้องพากันประพฤติปฏิบัติ เพื่อให้มีคุณเกิดขึ้นแก่เรา ให้มีความสุขกับการประพฤติปฏิบัติ เราอย่าไปคิดว่ามรรคผลพระนิพพานหมดจากปัจจุบันไปแล้ว ยังไม่หมด เพราะว่าธรรมะคือความถูกต้อง คือความเป็นธรรมเป็นศีลธรรม เป็นปัจจุบันธรรม พระพุทธเจ้าถึงได้บอกว่า ถ้าเราทำตามพระธรรมพระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่และเสียซึ่งตัวตนอย่างนี้ มันก็มีอยู่ตลอดกาลตลอดเวลา ยิ่งการพัฒนาเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกความสบาย เราก็ต้องพัฒนาจิตใจให้มันไม่มีโทษ เขาเรียกว่ากามโทษ จะมาพูดว่ากามคุณมันก็ไม่ถูก ให้มันถือว่ามันเป็นกามโทษก็แล้วกัน กามคุณ คือ ต้องมีความเห็นถูกต้อง ความเข้าใจถูกต้อง การปฏิบัติถูกต้อง ทุกอย่างมันเป็นคุณ เราไม่ต้องไปพากันรังเกียจความสุข เราไม่ต้องไปรังเกียจวัตถุอะไร เรามีความเห็นถูกต้องความเข้าใจถูกต้อง มันก็พอดีแล้ว มันไม่ต้องละ มันเป็นสติสัมปชัญญะ
ทุกท่านทุกคนต้องพากันเข้าใจ เพราะนี่คือความสุขความดับทุกข์ คือที่สุดแห่งการดับทุกข์ของเรานะ เราต้องรู้จักกาม เราทุกคนเนี่ยอย่าเป็นคนที่โง่งมงายอยู่ตลอดในกาม เพราะทุกท่านทุกคนต้องจัดการตัวเองถ้าเราไม่จัดการตัวเอง ไม่ได้ มันเสียหาย เราจะมาหลงขยะมาหลงอย่างนี้มันไม่ได้ มันเป็นกาม โทษมันไม่ใช่กามคุณ เราจะไปมองหน้ามองตาใครได้ เพราะว่าท่านเป็นผู้มีกามโทษ เพราะท่านไม่รู้จักเรื่องอนิจจังเรื่องอนัตตา รูปมันก็สวยรูปมันก็หล่อ เสียงมันก็ไพเราะ เพราะท่านไม่รู้จักอริยสัจ 4 ท่านไม่รู้จักอนิจจังทุกขังอนัตตา เอาตัวเอาตนเอากามโทษเป็นหลัก ทุกท่านต้องมีความสุข ทุกท่านต้องฝึกฝนตัวเองด้วยสติสัมปชัญญะ ปรับตัวเองเข้าหาธรรมะ เพราะเราทุกคนมันเทคแคร์ความหลงของตัวเอง เทคแคร์ความหลงเรื่องกาม อย่างเราเป็นพระนี้นะ ไม่รู้เรื่องศาสนาอะไรอย่างนี้นะ มันยังยินดีในเงิน ในสตางค์ มันไม่ใช่ นี่มันไม่ใช่ศาสนา มันเป็นตัวตนไม่มีสติสัมปชัญญะ ดูผิดดูถูกอะไรเลย การเรียนการศึกษาเพื่อจะมาทำมาหากิน เพื่อมาทำลายพระศาสนาแบบนี้ เราไม่เอา ทำให้รุ่นน้องๆ ที่จะเกิดมารับสิ่งที่ไม่ดีไม่ถูกต้องไม่ยุติธรรมไม่เป็นธรรม
เมื่อวานก่อนพูดเรื่องพระขับรถ ทำไม่ดีไม่ร้ายทำร้ายพระศาสนา มันเป็นสิ่งที่น่าเกลียด ญาติโยมในประเทศไทยก็ดี คนในโลกนี้ก็ดี ให้รู้จักพระศาสนาพระศาสนานี้คือพระธรรมพระวินัย ไม่ใช่ตะกรุดผ้ายันต์เครื่องรางของขลังไม่ใช่ฤกษ์ดียามดี แต่คือพระธรรมพระวินัย ให้ทุกคนมีสติสัมปชัญญะ ให้ทุกคนมาพากันเสียสละ พระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่เป็นการ fighting กับตัวเองเป็นการที่จัดการกับตัวเองเรื่องศีล เรื่องศีลเนี่ยเพื่อที่จะให้ทุกคนมีจิตสำนึกว่า ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน ให้ทุกคนพากันน้อมเข้าสู่พระไตรลักษณ์ เราทุกคนอย่างน้อยก็ต้องอาบัติทุกกฎนะ เรายินดีเราชอบเราหลง มันอาจจะเป็นถุลลัจจัย บางคนอาจจะมากกว่านั้นรู้ว่าจะทำชั่วทำสังฆาทิเสส หัวใจเรามันไม่ธรรมดานะ มันเป็นหัวใจไม่เอามรรคผลพระนิพพาน มันคือหัวใจปราชิก
พวกกุลบุตรลูกหลานที่พากันมาบวชให้พากันรู้จักศาสนา เพราะพระศาสนานี้ เราลาสิกขาลาเพศไปแล้ว เราก็เอาพาไปปฏิบัติ มันไม่ใช่ลาสิกขาบทที่ 21,000 พระธรรมขันธ์หรือในพระปาฏิโมกข์ เราเป็นฆราวาสญาติโยมเราก็เป็นพระได้ เราต้องมีความเห็นถูกต้องความเข้าใจถูกต้อง แต่ฆราวาสมันต้องมีอุปสรรคเยอะ เราต้องดูแลญาติพี่น้องวงศ์ตระกูลต้อง ดูแลประเทศชาติ เราต้องเสียภาษี ทำกิจกรรมร่วมกันในทางที่ดีๆ บำรุงพระศาสนา ที่พวกที่มาบวชนี้เห็นว่ามันดีอย่างนี้ ไม่เป็นไร เราเป็นพระได้อยู่ทุกคนทุกแห่ง เหมือนเราเรียนหนังสืออ่านออกเขียนได้ เราออกไปแล้วเขียนได้ทุกหนทุกแห่ง มันไม่ได้เขียนได้อยู่แต่ในวัดหรอก เราต้องสง่างามอาจหาญร่าเริง เราต้องเป็นเหมือนกัปตันที่ขับเครื่องบินนี่แหละ เราไม่ต้องไปเป็นผู้โดยสาร เราต้องเป็นผู้มีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้องอย่างนี้ อย่าไปกินเหล้ากินเบียร์เล่นการพนันในโลกนี้มันก็มีคนอยู่ 8 พันล้าน มันเป็นประชาธิปไตยอย่างนี้ ไม่ได้ อันไหนไม่ถูกต้องคือไม่ถูกต้อง ก็ต้องรู้จัก เราอย่าไปใจอ่อน ใจอ่อนนั้นคือเป๋ๆ ไม่ได้ เซไปเซมา เราต้องปรับตัวเอง ความยากจนมันไม่มีสำหรับผู้ที่มีความเห็นถูกต้องพอเข้าใจถูกต้องปฏิบัติให้ถูกต้อง
กุลบุตรลูกหลานที่บวชมามีสติมีปัญญาอย่าพากันเซ่อๆ เบลอๆ เพราะเรา มีโอกาสพิเศษได้มาบวชมาปฏิบัติ ก็อย่าพากันเซ่อๆ เบลอๆ คิดเป็นวางแผนเป็น ให้รับผิดชอบเป็น รู้จักอันไหนผิด อันไหนถูก ต้องจัดการ อย่าเอาพระเก่าๆ เบลอๆ เป็นหลักไม่ได้ เพราะว่าพระเก่ามันจะพาเราเซ่อ มันจะพาเราเบลอ ให้พากันรู้จัก ทุกคนเก่งทุกคนฉลาด เพราะเรามาเป็นบัณฑิต บัณฑิตแปลว่าคิดเป็นวางแผนเป็น รับผิดชอบ เป็นเสียสละ เป็นเอาธรรมะเป็นหลัก เอาธรรมะเป็นใหญ่ ตระกูลเราก็จะตั้งอยู่ได้ มีความมั่นคง ไม่เสียหายเหมือนประเทศไทยเราเหมือนทุกๆ ประเทศทุกวันนี้ ให้เราพากันเข้าใจ ต้องมีความสุขในการเสียสละ พวกพระใหม่พวกพระเก่านี้ไม่สึกก็อย่ามาเป็นโจรประจำวัด เพราะพวกที่เขาไปทำมาหากินไปช่วยเหลือครอบครัวช่วยเหลือประเทศชาติช่วยเหลือพระศาสนา พวกเขาก็จะได้ไปได้ไกล ที่หลวงพ่อใหญ่บอกว่า ไม่ให้มีโทรศัพท์แบบนี้ ไอ้พวกที่มันไปแอบมี นี้มันก็จะเป็นโจร เป็นโจรมันดีเหรอ โจรน่ะมันทำให้ประเทศชาติบ้านเมืองเสียหายอย่างนี้นะ พระเก่าต้องให้เข้าใจอย่างนี้ เราอย่าไปเอาพระในประเทศไทยหรือหลายประเทศเขาทำกัน อันนั้นจะเป็นหัวใจปาราชิก หัวใจเขาสีดำปึก มันไม่ใช่ดำธรรมดานะอย่างนี้
ประชาชนคนที่ได้ฟังอยู่ในประเทศไทย ถึงเวลาที่จะพากันเข้าใจ เราต้องเป็นพระ ที่ไม่เห็นแก่พวกแก่พี่แก่น้อง เราต้องเห็นแก่ศาสนาเป็นหลัก ให้เราเข้าใจอย่างนี้นะ เราทุกคนเป็นวัดบ้านวัดป่า เป็นหินยานเป็นเถรวาท มันก็ปฏิบัติได้พอๆ กัน เพราะพระพุทธเจ้าท่านให้มีความเห็นถูกต้อง ความเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง มีความสุขในการเสียสละ ไม่ควรที่จะไปแตกแยก เป็นสังฆเภทกัน ทุกคนต้องกลับมาหาธรรมะของพระพุทธเจ้า ดังนั้นต้องแก้ไขตัวเอง ให้เข้าใจอย่างนี้ ที่กล่าวมาวันก่อนนี้นะ พระเราเณรเรา นอนให้มันเพียงพอ ใน 24 ชั่วโมงนอน อย่างน้อยก็ 6 ชั่วโมงอย่างมากก็ 8 ชั่วโมง ถ้านอนมากกว่านั้น มันก็จะเบลอ เหมือนคนแก่ทำอะไรไม่ได้ มันก็เอาแต่นอน มันก็เลยเบลอ ให้เรามีสติสัมปชัญญะรู้ตัวทั่วพร้อม ให้เราพากันเสียสละ ละซึ่งตัวซึ่งตนพอเราเสียสละมัน ถึงจะเป็นพระได้ ถึงจะเป็นผู้มีสติสัมปชัญญะ อย่าไปเป็นเหมือนคนแก่บางคน วันนึงมีตังค์หมื่นนึงหรือมีตังค์พันนึงมันก็ลืม เราน่ะระบบความคิดที่มันไม่ดี เราก็เสียสละไป เราจะได้วางแผน ไม่ให้มันเป็นโรคอัลไซเมอร์เมื่อเราแก่ขึ้น ในเมืองไทยหรือหลายประเทศโรคอัลไซเมอร์เนี่ยเยอะ เพราะว่าไม่มีความสุขในปัจจุบัน เราต้องรู้จัก เราทั้งหลายจะได้มีความสุขเหมือนกันอย่างนี้ ไม่ว่าวัดบ้านวัดป่าเถรวาทมหายาน มันจะได้มีความสุขทั่วหน้ากัน เพราะในประเทศเราหรือทุกประเทศมันจะทำได้ปฏิบัติได้ ในประเทศเราหรือทุกประเทศมันก็ต้องมีชาติ มีศาสน์ มีกษัตริย์ หมายถึงว่า เอาธรรมนำหน้า ไม่ใช่เอาตัวตนนำหน้า ให้พากันเข้าใจ เอาตัวตนนำหน้า มันไม่ได้เพราะว่ามันเสียหาย มันเป็นโทษเ ขาเรียกว่ามันไม่ได้เป็นคุณ จะเรียกว่ากามคุณก็ไม่ได้หรอก ก็ให้เรียกว่าโทษไปก็แล้วกัน เราต้องเสียสละเราไม่ต้องมาเอาแซ่บ เอารำ เอาหรอย เพราะเราไม่ได้มีชีวิตอยู่เพื่อที่จะมาร้องโอ๊ยๆๆ ให้เราพากันเข้าใจอย่างนี้ สิ่งที่เราทำแล้วก็แล้วไป เราก็ไม่ต้องไปเสียอกเสียใจ เราเสียเวลาไปตั้งหลายปี ถ้าเรามีสติสัมปชัญญะ มันไม่มีคำว่าได้ ไม่มีคำว่าเสีย มันไม่มีคำว่าช้าว่าเร็วหรอก สิ่งที่ช้าที่เร็ว โลกมันหมุนรอบตัวเอง มันคือปรากฏการณ์ของปฏิจจสมุปบาท มันเปลี่ยนแปลงไป เหมือนลมหายใจเข้าลมหายใจออก อาหารเก่าไปอาหารใหม่มา ทุกอย่างมันก็เป็นอยู่อย่างนี้
พระพุทธเจ้าจึงให้เราเข้าถึงปัจจุบันธรรม คือพระธรรมพระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่ ทุกท่านทุกคนน่ะต้องพากันเข้าใจพอเข้าใจ แล้วมันก็ต้องพากันปฏิบัติ เสียสละซึ่งตัวซึ่งตน ทุกท่านทุกคนก็ให้พากันทำอย่างนี้ปฏิบัติอย่างนี้อันนี้เป็นธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าพระพุทธเจ้า เพียงแต่เราได้ยินชื่อมันก็เป็นบุญเป็นกุศล พระธรรมพระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่เป็นสิ่งที่ประเสริฐ เราจะไปมาเอาแบรนด์เนมของพระพุทธเจ้ามาทำหาฉันแบบนี้ มันไม่ถูกต้อง เราทุกคนต้องเป็นผู้กตัญญูกตเวที พากันประพฤติปฏิบัติให้มีความสุขมีความดับทุกข์คือทำที่สุดแห่งการดับทุกข์ เพราะสิ่งนี้มีสิ่งนั้นมันถึงจะมี เพราะไม่ได้ตัดไม่ได้เพิ่ม มันจะอบรมตามสิกขาบทน้อยใหญ่ไปอย่างนี้
แจกปัญญา แจกศาสนา แจกธรรมวินัย แจกสิ่งที่ถูกต้อง
เพื่อเดินตามรอยพระพุทธเจ้าร้อยเปอร์เซ็นต์
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
โดยทุกท่านสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่
https://linktr.ee/watsubthawee
Share wisdom, spread Buddhism and its discipline.
Advocate righteousness to follow Lord of Buddha's footsteps 100%
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
You can receive new Dharma updates.
https://linktr.ee/watsubthawee