แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
โอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ที่หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม เมตตาให้นำมาบรรยาย
บรรยายธรรมโดย พระมหาอนุชน สาสนกิตติ (ป.ธ.๙, ดร.)
ในวันจันทร์ที่ ๓๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา
เรื่อง คุณของพระพุทธเจ้า ตอนที่ ๕๒ จุดมุ่งหมายของศาสนาพุทธคือหยุดวัฏสงสาร ตามทางสายกลาง คือ อริยมรรคมีองค์ ๘
(บางส่วนจากโอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า)
พระศาสนาคือธรรมะ ธรรมะคือพระศาสนา พุทธะคือศาสนาพุทธที่จะพาเราหยุดวัฏฏะสงสาร เพื่อจะพาให้เรามารู้ทุกข์ รู้เหตุเกิดทุกข์ รู้ข้อปฏิบัติถึงความดับทุกข์ เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ เราก็มีกาย มีใจ กายนั่นคือวัตถุ ธาตุทั้ง 4 ขันธ์ทั้ง 5 อายตนะทั้ง 6 นี่ก็ถือว่าเป็นธาตุทั้ง 4 ที่มันย่อยขึ้นเป็นอายตนะ ก็ถือว่ามันเป็นเรื่องวัตถุ ที่เราพากันท่องเที่ยวในวัฏฏะสงสาร เนื่องจากอวิชชา ความหลง ที่เราไม่รู้ทุกข์ รู้เหตุเกิดทุกข์ ข้อปฏิบัติถึงความดับทุกข์ ก็ให้ทุกคนพากันเข้าใจ เพราะว่าชีวิตของเราต้องเดินทางไปด้วยหลักธรรม ธรรมะนี่ก็จะย่อยออกมาเป็นศีล ศีลก็จะย่อยออกเป็นสิกขาบทน้อยใหญ่ ที่ในพระวินัยปิฏก 21000 พระธรรมขันธ์ ที่มาในพระปาฏิโมกข์ 227 สิกขาบท
ทุกท่านต้องรู้จักภาษาวัตถุ ภาษาคน และภาษาธรรม ท่านเจ้าคุณพระพุทธทาส จะเรียกว่าภาษาคนและก็ภาษาธรรม คือพระศาสนาอย่างนี้ ทุกคนต้องพากันรู้จักเรื่องกรรมเรื่องกฎของกรรม เราต้องเข้าสู่กระบวนการกระแสปฏิจจสมุปบาท เพราะสิ่งนี้มี สิ่งต่อไปมันจะมีได้ สิ่งที่มันมีอยู่แล้วเราจะให้มันหยุด เราก็ต้องมีความเห็นถูกต้อง เข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงตรัสรู้ ทรงได้วางระบบไว้เป็นขบวนการ เป็นกระแสแห่งความดับทุกข์ ของหมู่มวลมนุษย์และสัตว์โลกทั้งหลาย มันต้องมีภาษาวัตถุที่สมมุติ สมมุติเพื่อใช้การใช้งาน ถ้าเราไม่มีภาษาสมมุติอย่างนี้ เราก็จะใช้งานไม่ได้ เหมือนกับเค้าสมมุติให้เป็นนู่นเป็นนี่ มันก็เป็นได้แต่เพียงสมมุติ แต่เราต้องปฏิบัติสมมุติให้มันถูกต้อง ทำหน้าที่ของสมมติให้ถูกต้อง เราจะได้เกิดมาเพื่อให้มีความเห็นถูกต้อง เข้าใจถูกต้อง เกิดมาเพื่อเสียสละ เพราะคนไม่เสียสละ มันดับทุกข์ไม่ได้ ชีวิตวันหนึ่งคืนหนึ่ง เราต้องรู้ทุกข์ รู้เหตุเกิดทุกข์ รู้ข้อปฏิบัติถึงความดับทุกข์ เราปฎิบัติไปอย่างนี้ เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปมันถึงมี วันนี้เราฉลาดอย่างนี้ วันต่อไปเราก็ต้องฉลาดกว่า แต่ก่อนมันผิดพลาดก็ช่างมัน เพราะว่าทุกอย่างมันเป็นเหตุเป็นปัจจัยที่ให้เรารู้
ที่พูดมาแล้วก็จะให้รู้เรื่องพระศาสนา เราจะได้เป็นพุทธแท้ๆ เพราะความสุขความดับทุกข์มันไม่ได้อยู่ที่รวย ไม่ได้อยู่ที่จน มันอยู่ที่เรามีสัมมาทิฏฐิ ความเห็นถูกต้อง เข้าใจถูกต้อง ปฏิบัติถูกต้อง ถ้าเราปฏิบัติถูกต้องแล้ว คนเรามันก็ไม่จนทางวัตถุหรอก เพราะว่ามันไม่มีความเห็นถูกต้อง ไม่เข้าใจถูกต้อง มันถึงมองข้ามปัจจุบันไป ไม่เห็นความสำคัญในปัจจุบัน มันไม่มีความสุขในการเรียนหนังสือ ไม่มีความสุขในการทำงาน มันก็ต้องยากจน ไม่รู้จักอบายมุขอบายภูมิ ปล่อยตามใจตัวเอง ทำตามอารมณ์ตัวเอง นี้ไม่ได้ มันเสียหาย เอาวัตถุมาใช้งานไม่เป็น เอาทรัพยากรที่ประเสริฐที่เราเกิดมาเป็นมนุษย์มาใช้งานไม่เป็น ในวาระปัจจุบันนี้ ทุกท่านทุกคนต้องพากันตั้งอกตั้งใจ เพราะทุกอย่างมันเอากลับคืนมาไม่ได้ ต้องไฟติ้งกับตัวเอง เราอย่าไปคิดว่า โอ้ย...ให้ขอสะดวกสบายตามใจสักหน่อย เพราะรูปนี้มันก็อร่อยเหลือเกิน รูปมันก็อร่อย เสียงมันก็อร่อย ยิ่งเวทนาก็ยิ่งอร่อย เพราะมันเป็นความรู้สึกที่มันหลงมาเป็นตัวเป็นตน เราต้องมารู้จักว่า เราตามความหลง มันไม่จบหรอก อย่างเรากินข้าวเดี๋ยวอีกหลายชั่วโมงมันก็กินข้าวอีก อย่างเราสูบบุหรี่หรือเราทำอะไร เดี๋ยวมันก็ไปเรื่อยๆ เราต้องจัดการตัวเองในปัจจุบันอย่างนี้นะ เราต้องรู้ทุกข์ รู้เหตุเกิดทุกข์ รู้ข้อปฏิบัติถึงความดับทุกข์ เราจะได้เข้าถึงความประเสริฐที่เราได้เกิดมาเป็นมนุษย์
อีก ๒ วันข้างหน้าก็จะเป็นวันเข้าพรรษา พรุ่งนี้ก็เป็นวันอาสาฬหบูชา ที่พระพุทธเจ้าทรงประกาศบอกว่า หมู่มวลมนุษย์ต้องรู้จักทุกข์ รู้จักเหตุเกิดทุกข์ ความดับทุกข์ และข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ เพราะที่สุด 2 ทางความชอบ ไม่ชอบ มันเป็นความปรุงแต่ง ความปรุงแต่งทั้งหลายเป็นทุกข์อย่างยิ่ง จะทำตามความคิด ตามความปรุงแต่งได้อย่างไร เราต้องมีสติ มีสัมปชัญญะ สมณะที่1 ที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 นั้น อยู่ในความเห็นถูกต้อง เข้าใจถูกต้อง ปฏิบัติถูกต้องในชีวิตประจำวัน ความเป็นพระนั้นไม่ได้อยู่ที่พวกโกนหัวห่มผ้าเหลือง ความเป็นพระอยู่ที่มีความเห็นถูกต้อง เข้าใจถูกต้อง ปฏิบัติถูกต้อง เป็นพระได้ทั้งประชาชนคนไม่ได้บวช เป็นพระได้ทั้งผู้มาเป็นนักบวชกัน ให้เข้าใจอย่างนี้ ถ้าอย่างนั้นเราก็จะเป็นเพียงแบรนด์เนม มันเสียหายมาก เสียหายอย่างใหญ่หลวง หรือว่าเป็นความล้มเหลวที่หลายๆ สิบปีที่ผ่านมา เราต้องเอาพระนิพพานบ้านที่แท้จริง เราอย่าไปหลง คำว่าหลง ตามไปเรื่อย เรียกว่า เป็นคนหัวใจว่างจากมรรคผล ว่างจากพระนิพพาน หรือจะจัดว่าเป็นบุคคลหัวใจปาราชิกก็ได้ กายมันไม่เป็น แต่ว่าใจมันเป็น เราต้องหยุดทางจิตทางใจ
สังขารนี่แหละคือความคิด อันไหนไม่ดีอย่าไปคิด อันไหนไม่ดีก็อย่าไปนึก ต้องหลีกออกจากกาม หลีกออกจากพยาบาท ความชอบ ไม่ชอบ เขาเรียกว่ามันเป็นสุดโต่ง ประชาธิปไตยมันก็คือสุดโต่ง เอาตัวตนเป็นหลัก สังคมนิยมคอมมิวนิสต์ เอาตัวตนเป็นหลักคือความเห็นแก่ตัวก็เหมือนกัน เราต้องเอาธรรมะเอาวินัย ทุกคนต้องกลับมาหาความถูกต้อง ความเป็นธรรมความยุติธรรม เราต้องพากันมีความสุข เรามารวมกันเป็นกลุ่มเป็นก้อน ประพฤติปฏิบัติในแต่ละวัด เราเป็นคนไทย อย่าให้ความหลง อย่าให้อวิชชามันเป็นไสยศาสตร์ครอบครองใจพสกนิกรปวงชนชาวไทย เราไม่เอาความหลงครองเมือง หรือว่าเอาไสยศาสตร์ครองเมือง เราจะมาเอาศาสนวัตถุเอาโบสถ์เอาวิหารเอาเจดีย์ เอาอย่างนี้เป็นศาสนาไม่ได้ อันนี้เป็นส่วนประกอบที่ให้ดำรงชีพ เพราะอันนี้มีความจำเป็น เหมือนที่เกิดมา มันก็ต้องเรียนหนังสือ มันจำเป็นต้องทำงาน มีความสุขในงาน นี้คือเราต้องหยุดกรรมหยุดเวร เราจะได้พัฒนาวิทยาศาสตร์ พัฒนาใจไปพร้อมๆ กัน ก็เป็นคนรวยอย่างฉลาด เขาเรียกว่าว่างจากสิ่งที่มีอยู่ เราจะไปเอาการตามใจตามอารมณ์ ถ้าไปได้ก็แค่พรหมโลก มันไม่ถึงนิพพานได้
ประชาชนชาวไทย หรือทุกประเทศ ต้องมีความเห็นถูกต้อง เข้าใจถูกต้อง บุคคลใดอินทรีย์มันอ่อนแอ วัดนี้ก็เป็นสถานที่ที่ทุกคนจะช่วยเหลือกันอยู่แล้ว พระพุทธเจ้าบอกให้รักษาศีล สิกขาบทน้อยใหญ่ เอานิพพานเป็นหลัก เวลาทำวัตรก็ไปทำพร้อมกัน ทำอะไรพร้อมกันอะไรอย่างนี้ แม้แต่ลุกขึ้นอย่าให้มีความเซ่อความเบลอ ต้องปรับปรุงตัวเองอย่างนี้ เพราะว่าธรรมะของพระพุทธเจ้า ต้องปรับเข้าหาเวลา เข้าหาธรรมะ ไม่ใช่ความเซ่อ ความเบลอ ความหลง ความงมงาย ต้องมีสติสัมปชัญญะ เปรียบเหมือนคนเดินทาง ไม่ต้องอาศัยโดยสารคนอื่น อาศัยคนอื่นก็หมายถึงเอาพรรคพวกพ้องในโลกนี้เป็นที่ตั้ง อย่างนี้ไม่ได้ ต้องเอาธรรมะเป็นหลัก ต้องเอาธรรมะมาเป็นใหญ่ เราจะขับเคลื่อนตัวเองเข้าสู่มรรคผลนิพพาน เพราะธรรมะนั้นมันเป็นสิ่งที่ดีทันโลกทันสมัย สุดยอดจริงๆ อย่าไปคิดยังไม่เข้าใจ คิดว่าปฏิบัติค่อยเป็นค่อยไป ไม่ได้ชาตินี้ก็ชาติหน้า มันต้องเอาปัจจุบัน ไม่เอาปัจจุบัน เขาเรียกว่า สีลัพพตปรามาส ลูบคลำในศีลข้อวัตรปฏิบัติ เข้าใจอย่างนี้ปฏิบัติอย่างนี้ ถ้าเราคิดแบบคนไม่รู้จริง เราต้องมีพุทธะ หรือว่ามีสัมมาทิฏฐิ ความเห็นถูกต้อง ปฏิบัติถูกต้อง ทุกคนมั่นใจอ่อน ใจอ่อนมันไปไม่ได้ มันไม่มีสัมมาสมาธิ การทำงานก็ติดต่อต่อเนื่อง ปัญญานี้ต้องรู้จักว่าเราต้องปฏิบัติ เราต้องเสียสละ ละตัว ละตน จะเอาตัวตนเป็นที่ตั้งไม่ได้
เราเป็นพระ เป็นเณร เป็นแม่ชี ที่ได้รับโอกาสจากสังคมให้บรรพชาอุปสมบท ถือศีลอุโบสถ คือเราได้รับการแต่งตั้งจากพระอุปัชฌาย์ให้เราทำหน้าที่ประพฤติปฏิบัติตัวเองด้วยการสมาทานถือศีล ๒๒๗ ถือศีล ๑๐ ถือศีล ๘ เราได้รับการแต่งตั้งจากสังคมโดยสมมุติ "ถ้าเราได้รับการแต่งตั้งแล้วเราไม่ได้ทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์ ความบกพร่องมันก็เกิดขึ้นแก่เรา"
พระพุทธเจ้าท่านถึงให้เราเป็นคนที่เสียสละ รับผิดชอบ จิตใจหนักแน่นในสิ่งที่เราได้รับแต่งตั้งมอบหมาย 'พระพุทธศาสนา' พระพุทธเจ้าทำพื้นฐานรากฐานไว้ดีมีประชาชนนับถือ เคารพ กราบไหว้ ถวายปัจจัย ๔ อำนวยความสะดวกทุกสิ่งทุกอย่างให้แก่พระ ให้แก่เณร ให้แก่ชี ถ้าใครปฏิบัติขาดตกบกพร่อง บุคคลผู้นั้นชื่อว่า "เป็นบุคคลหลอกลวง เป็นกาฝากของประเทศ เป็นกาฝาก ของสังคม"
หน้าที่ของเราคือรักษาศีลให้บริสุทธิ์ทุกข้อ เดินจงกรม นั่งสมาธิ ทำความเพียร เพื่อทำอาสวะให้สิ้น พระพุทธเจ้าท่านไม่ให้เราเอาความสุขในเรื่องฉัน เรื่องพักผ่อน เอาความสุขจากการบริโภคใช้สอยปัจจัย ๔ เพราะสิ่งเหล่านี้พระพุทธเจ้าถือว่า "เป็นของรกโลก มันเป็นของต่ำทราม มันไม่เหมาะ ไม่ควรแก่ผู้ที่มุ่งมรรคผลพระนิพพาน"
พระพุทธศาสนาเป็นสิ่งที่สูงส่ง เป็นสิ่งที่ประเสริฐ จึงมีบุคคลส่วนใหญ่ ส่วนมาก ที่เข้ามาบรรพชาอุปสมบท มาเอาพระพุทธศาสนาเป็นสิ่งที่ทำมาหากิน เพราะไม่มีความสามารถในการทำมาหากิน "เป็นพระน่ะง่าย ทำวัตรสวดมนต์นิดๆ หน่อยๆ ทำกิริยามารยาทเรียบร้อยพอสมควร ญาติโยมก็ให้ความเคารพนับถือพอที่จะใช้สอยปัจจัยทั้ง ๔ เพื่อดำรงชีวิตอยู่ได้" ความคิดอย่างนั้น...มันเป็นความคิดที่ไม่ถูกต้อง มันเป็นความคิดที่เห็นแก่ตัว
ข้าวแต่ละเม็ด สิ่งของที่ญาติโยมเค้ามาถวาย เสนาสนะที่โยมถวายปัจจัยมาให้สร้างนั้น เค้าหามาด้วยความยากลำบาก เค้าหวังที่จะได้บุญได้กุศล หวังที่จะให้นักบวชได้สืบทอดต่อยอดพระพุทธศาสนา
วัด คือ สถานที่ปฏิบัติ วัด คือ สถานที่ฝึก วัด นี้ไม่ใช่สถานที่ช่องสุมบุคคลที่พิกลพิการ ไม่ใช่สถานที่ช่องสุมของบรรดาผู้ที่ไม่มีความสามารถในการทำมาหากิน เพื่อให้เป็นที่พักพิงอิงอาศัย 'วัด' นี้คือสถานที่ฝึกคนที่มันไม่ดี ให้มันดี คนที่ไม่เสียสละ ให้เสียสละ คนไม่รับผิดชอบ ให้รับผิดชอบ คนที่ไม่หนักแน่นไม่ตั้งในความดีความถูกต้อง ให้เป็นคนตั้งมั่น วัดนี้จึงเป็นสถานที่ฝึก
พระบวชก่อนต้องเป็นตัวอย่างให้พระใหม่ ให้พาเขาทำข้อวัตรให้เคร่งครัด พาเขาทำกิจวัตร พาเขาทำสมาธิ วินัยเล็กๆ น้อยๆ ต้องคอยตักเตือน พูดจาให้ดีๆ ให้เพราะๆ อย่าไปวางมาดวางกล้าม ประพฤติปฏิบัติตนไม่ให้มีตัวไม่ให้มีตน ต้องเป็นผู้เสียสละตนและเสียสละท่าน เราจะได้ถือโอกาสฝึกตนเองและรุ่นน้องพร้อมๆ กัน เพราะการพูดร้อยครั้งก็ยังไม่สู้ทำครั้งเดียวให้ดู เราทำหน้าที่ของเราไปอย่าไปอยากใหญ่อยากดัง อยากมีชื่อเสียง อย่าไปอยากมีลาภ อยากมียศ อยากมีเสียงสรรเสริญ อย่าไปแข่งกันมีลูกศิษย์ลูกหากัน คนเราไม่อยากได้มันยิ่งได้ ไม่อยากใหญ่มันยิ่งใหญ่ การเสียสละการปฏิบัติคุณงามความดีเป็นหน้าที่ของเราทุกๆ คนและก็เป็นเรื่องรีบด่วน
เราอย่าไปคิดว่าอยากมีอิสระเป็นตัวของตัวเอง ความหมายของอิสระนี้ หมายถึงไม่เป็นทาสของกิเลส ความโลภ ความโกรธ ความหลง ไม่ให้ความยึดมั่นถือมั่นมาครอบครองจิตใจของเรา ให้เราถือว่าชีวิตของเรานี้เหมือนวันหนึ่งกับคืนหนึ่ง เราจะทำแต่ความดี เราอย่าไปคิดว่าเป็นงานหนัก เรายังไม่หมดกิเลสแล้วต้องมานำคนอื่นมาปฏิบัติ เพราะนี้แหละคือเรากำลังปฏิบัติธรรม ธรรมะมันไม่ได้อยู่ไกลหรอก มันอยู่ตรงนี้แหละ เราพยายามอบรมบ่มอินทรีย์ไปเรื่อยๆ อย่าไปเปิดโอกาสให้กิเลสมันหายใจมากเดี๋ยวเราก็จะได้ดีเอง.
พระที่จะเป็นเจ้าอาวาสหรือประธานสงฆ์ ให้พิจารณาตัวเองให้ดีๆ ว่าเราไม่ได้ไปเป็นเพื่อที่จะทำตามใจกิเลส เราไปเป็นเพื่อชำระสะสางตัวเองและพระเณรที่ย่อหย่อนต่อพระธรรมวินัย เพื่อจะได้นำทำข้อวัตรปฏิบัติ ฟื้นฟูพระศาสนาที่ตกต่ำให้ดีขึ้น เพื่อเป็นผู้นำกุลบุตรลูกหลานประพฤติปฏิบัติให้เกิดมรรคเกิดผล ถึงขั้นนิพพานอย่างถูกต้อง เราไม่ต้องไปกลัวว่าถ้าปฏิบัติเคร่งครัดเกินไปจะไม่มีเพื่อนไม่มีใครมาอยู่ด้วย หรือจะไม่มีกุลบุตรลูกหลานเข้ามาบวชประพฤติปฏิบัติสืบทอดพระศาสนา
ตามความเป็นจริงแล้วทุกวันนี้ประชาชนญาติโยมยังขาดผู้ที่จะนำพาประพฤติปฏิบัติ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ๆ ที่มีปัญญา เขารู้จักสังเกตความประพฤติปฏิบัติของพระ ถ้าที่ไหนปฏิบัติย่อหย่อนเขาก็ไม่เลื่อมใสศรัทธา แต่ถ้าที่ไหนปฏิบัติถูกต้องตรงต่อหลักธรรมหลักวินัยแล้วเขาก็มีความเคารพศรัทธาเลื่อมใส อยู่ใกล้ไกลแค่ไหนถ้ามีลูกมีหลานก็แนะนำให้มาบวชให้มาประพฤติปฏิบัติ เราอย่าไปเน้นทางวัตถุ ให้เน้นทางจิตทางใจ ทางข้อวัตรปฏิบัติ ถ้าเรายังไม่หมดกิเลสเราจะไปยุ่งกับการก่อสร้างมากมันไม่ดีมันจะลำบากญาติโยม หนักๆ เข้าภายหลังจะทำให้เป็นหนี้เป็นสิน ต้องวิ่งเต้นหาโยมคนนั้นคนนี้ หาวัสดุที่โน่นที่นี่ หากฐินผ้าป่า หากิจกรรมเพื่อจะได้เงินมาก่อสร้าง เน้นสร้างพระให้เป็นพระ เน้นสร้างเณรให้เป็นเณรนั้นมันประเสริฐที่สุดแล้ว.
คนเก่ง คนฉลาด คนมีทรัพย์มากก็มีมากอยู่แล้ว แต่คนดีนี้มีน้อย คนดีเป็นคนที่ตั้งมั่นอยู่ในศีลในธรรม ฆราวาสก็ต้องมีศีล ๕ คุณแม่ชีก็ศีล ๘ สามเณรก็ศีล ๑๐ พระก็ศีล ๒๒๗ เป็นคนที่เมตตา ซื่อสัตย์ กตัญญูกตเวที เป็นผู้ที่ไม่ลุ่มหลงในอัตตา และเป็นคนที่รู้จักสัจธรรมว่าเราเกิดมาก็ไม่ได้เอาอะไรมา ตอนตายก็ไม่ได้เอาอะไรไป นี้คนดีที่พระพุทธเจ้าท่านยกเอาเกณฑ์มาพิจารณา
ในสังคมในครอบครัวก็ต้องการคนอย่างนี้ ไม่ใช่มีความต้องการแต่ทางวัตถุเท่านั้น บัณฑิตที่เข้ามาบวชก็ต้องทำตามคุณธรรมที่พระพุทธเจ้าสอน เมื่อเราลาสิกขาไปแล้วจะได้มีหลักเกณฑ์ มีจุดยืนที่ประเสริฐ ทุกวันนี้สังคมต้องการคนดีมีคุณธรรม แม้ว่าจะไม่ร่ำรวยล้นฟ้า ถ้าเราปฏิบัติตามพระพุทธเจ้า เราก็ไม่ยากจน มีเครดิตดี ลำบากก็มีคนช่วย คนไม่ช่วย เทวดาก็ช่วย อยู่ที่บ้านที่พักของเรา ถ้าเราปฏิบัติแล้ว พระรัตนตรัยก็อยู่ที่ใจของเรา เมื่อเรากราบไปที่เตียงนอนของเรา พระคุณพ่อแม่ก็อยู่ที่ใจของเรา
การบวชถือเป็นหนทางอันประเสริฐเพื่อที่จะทดแทนพระคุณของพ่อแม่ ผู้มีพระคุณทั้งหลาย เป็นการสร้างบุญบารมีให้กับตนเองด้วย ผู้ที่รู้จักบุญคุณและทดแทนพระคุณของผู้มีอุปการคุณย่อมจะมีแต่ความเจริญ การบวชนั้นมีบุญใหญ่ มีอานิสงส์ใหญ่ แต่กว่าที่จะได้บุญมาก อานิสงส์มาก ก็ต้องปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ก็ให้ถือศีลพระวินัย จะเป็นพระได้ต้องถือศีลทุกข้อให้บริสุทธิ์ เราต้องรับผิดชอบเรื่องการรักษาศีล เราต้องรักษาเอง คนอื่นจะช่วยรักษาไม่ได้ พระพุทธเจ้าและครูบาอาจารย์เป็นเพียงผู้บอก เราต้องรักษาเอง เราจะได้ผลใหญ่ เราต้องรักษาศีล ตั้งใจปฏิบัติ ไม่ว่าอิริยาบถไหน เราต้องเอาพระพุทธเจ้าและพระอริยเจ้าเป็นหลัก อย่างพระสารีบุตรที่ท่านไม่ละเมิดศีลแม้เพียงเล็กน้อยนั้นเป็นตัวอย่าง ปัจจุบันก็พระอาจารย์มั่นที่มีลูกศิษย์เกิดขึ้นมากมายเพราะการรักษาศีล
การเดินจงกรมก็ไม่มีใครเดินให้เรา จึงต้องเดินเอง ขาขวา พุท ซ้าย โธ เดินกลับไปกลับมา การนั่งสมาธิก็เหมือนกัน เราต้องนั่งเอง ที่นั่งเป็นหมู่ก็เพื่อที่จะให้เรามีหลัก เราก็ต้องนั่งทำใจให้สงบ หายใจเข้า พุท ออก โธ หายใจเข้าออกสบายๆ อยู่กับพุทโธ ชำระจิตใจของเราออกจากความคิดความฟุ้งซ่านต่างๆ ถ้าใจของเราสงบก็จะมีผลมาก มีอานิสงส์มาก เราจะนึกพุทโธตามลมหายใจเข้าและออกก็ได้
ทุกคนสามารถทำได้ ไม่เฉพาะแต่พระภิกษุ สามเณร หรือคุณแม่ชีเท่านั้น ให้เรานึกบริกรรมตามลมหายใจเข้าออกเรื่อยไป บริกรรมพุทโธจนจิตใจของเราเป็นหนึ่งสงบเย็น หรือจะนึกบริกรรมพุทโธๆๆ ติดต่อต่อเนื่องกันไป แล้วแต่จริตนิสัยของใครจะถนัดอย่างไร ให้กายของเราตั้งตรง ครั้งแรกนั่งให้ร่างกายนิ่งๆ ก่อน ใจยังไม่สงบไม่เป็นไร ให้ร่างกายของเรานิ่งๆ สบายๆ ๑๕-๓๐ นาที ถ้าปวดเมื่อยก็ขยับสักครั้งหนึ่ง ฝึกไปเรื่อยๆ จนชำนาญ
การภาวนานั้นเบื้องต้นต้องยึด “พุทโธ” เป็นหลักทุกอิริยาบถ ถ้าเราเจริญวิปัสสนาเลยจะข้ามขั้นตอนไป ทำให้ใจไม่มีหลัก การเจริญปัญญาด้วยการพิจารณาวิปัสสนาก็ไม่เกิดผลเท่าที่ควรหรือไม่ได้ผล กลับกลายเป็นความฟุ้งซ่านรำคาญ เป็นวิปัสสนึก ไม่ใช่วิปัสสนา เพราะนึกเอาคาดเดาเอา แล้วยึดว่าเรารู้จริงเห็นจริง ปัญญาที่แท้จริงจะเกิดจากความสงบ เยือกเย็น สติชัดเจนอยู่กับปัจจุบันทุกเวลานั่นเอง จะสามารถดับทุกข์ได้ทุกขณะทุกเวลา
การบวชที่จะมีผลใหญ่ มีอานิสงส์ใหญ่ ก็ให้ตั้งอกตั้งใจประพฤติปฏิบัติ รักษาศีลทุกข้อให้ได้บริสุทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นสิกขาบทน้อยใหญ่ ทำวัตรสวดมนต์ เดินจงกรม นั่งสมาธิ นอนดึก ตื่นเช้า บิณฑบาต ทำอะไรให้ได้เต็มร้อย เต็มเม็ดเต็มหน่วย ตั้งใจสำรวมรักษากาย วาจา ใจของเราให้สงบเรียบร้อย ไม่คึกคะนอง สรวลเสเฮฮา นิสัยทางโลก ความคิดทางโลก เราก็หยุดมันไว้ก่อน พักไว้ก่อน เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้ศีลของเราด่างพร้อย พยายามเก็บตัวเพื่อให้ใจสงบ ฝึกอยู่คนเดียวด้วยการนั่งสมาธิ ด้วยการเดินจงกรม เมื่อมีกิจวัตรจึงออกมาตามเวลากิจวัตรต่างๆ เราถือว่าบำเพ็ญกุศลหมด ตั้งแต่ปัดกวาดเช็ดถูหรืออะไร ต่างล้วนเป็นเหตุให้เกิดบุญกุศล
ให้เรามารู้จักวิธีทำใจให้สงบ โดยอยู่กับการหายใจ อยู่กับการท่องพุทโธ มีสติกับการทำงาน กับกิจวัตร โดยเฉพาะการฝึกให้จิตใจอยู่กับลมหายใจเข้าออก อยู่กับการท่องพุทโธ เป็นสิ่งที่ต้องฝึก เช่น เมื่อเราเจ็บไข้ไม่สบาย เราเข้าสมาธิ เราต้องอาศัยอุปกรณ์ผูกจิตผูกใจของเรา
ให้พากันมารู้จักอารมณ์ สิ่งที่กระทบทางหู ตา จมูก กาย พวกนี้เรียกว่าอารมณ์ เราต้องรู้จักมันให้ดี เมื่อเรารู้จักแล้ว เราพยายามที่จะไม่หวั่นไหว ง่อนแง่นคลอนแคลน ไม่ว่าจะมาแบบรุนแรงหรือสวยสดงดงาม ให้เรารู้จักว่านี้เป็นเพียงอารมณ์ ถ้าเรารู้จัก เราฉลาด อารมณ์ก็จะสลายไป อารมณ์นี้มีปัญหามาก ทำให้เราเป็นประสาท หงุดหงิด ที่สุดก็ทำให้เราทำตามความอยาก ความชอบ ไม่ชอบ ความเบื่อ ไม่เบื่อ อย่างนี้
ถ้าใครรู้จักจะทำจิตใจให้หนักแน่น รู้จักมีอุเบกขา รู้จักมองเป็นอนิจจัง รู้จักทำให้เป็นของว่างเปล่า สิ่งเหล่านี้ก็จะนำปัญญามาให้เราเพราะเราอยู่ในวัด เราต้องถูกใช้งาน แม้อยู่บ้านยิ่งต้องใช้งาน เราจะได้เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ จิตใจไม่หวั่นไหว ยกตัวอย่างองค์ในหลวง ใครจะอย่างไรก็เฉย ยิ่งเราเป็นพระ เราก็ต้องฝึกเฉยอย่างนี้แหละ ตามหลักพระศาสนาท่านสอนให้ดีก็ปล่อย เพราะรู้ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นอารมณ์ แม้แต่เราทานข้าว ได้พักผ่อน ถึงแม้จะสบาย ก็ไม่ยึดถือ นี้เรียกว่าปล่อย ฉะนั้นการบวชของเราคือได้มาฝึกอย่างนี้ด้วย ให้กุลบุตรได้ฝึก เรียกว่า ฝึกรู้จักดี รู้จักชั่ว ผิดถูก จะได้เลือกเฟ้นทำแต่สิ่งที่ดีๆ ไม่ใช่อะไรก็ทำไปหมด อย่างนี้ใช้ไม่ได้ โบราณเขาถึงให้บวช ให้เป็นทิด ความหมายของทิดนี้ก็คือบัณฑิต เพื่อให้มีจุดยืนของชีวิตว่าเราก็เคยผ่านการฝึกมาแล้ว
จุดยืนของทุกคนทุกท่านต้องนำความดีนี้ไปใช้ เพื่อบูชาพระคุณพ่อแม่ พระศาสนา ญาติวงศ์ตระกูล พยายามสร้างร่มโพธิ์ร่มไทรให้กับตัวเอง จะได้เป็นที่พึ่งให้กับตนเองและผู้อื่น จะได้เป็นทรัพยากรที่มีคุณค่า การบวชของเราก็จะมีอานิสงส์ใหญ่ ให้ตั้งใจ ถึงจะเหนื่อยถึงจะยากก็อดทน โรงเรียนดีๆ ก็ต้องมีระเบียบวินัย ตามที่พระพุทธเจ้าว่าเป็นผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติตรง ปฏิบัติชอบ ปฏิบัติสมควร บวชน้อย บวชมากไม่สำคัญ อยู่ที่ใจ ต้องฝึกรักษากาย วาจา ใจ
ขอให้ปรับตัวเองเข้าหาธรรมวินัย อย่าไปถือสักกายทิฏฐิ ถือตัวถือตน ทำอะไรตามสบายว่าเป็นทางสายกลาง มันต้องฝืน ต้องอดทน ต้องเคารพนอบน้อมในศีล ในระเบียบ ในวินัย ถึงจะตายก็ยอม เพราะศาสนาพุทธเป็นของประเสริฐของสูง ถ้าเราไม่ประพฤติปฏิบัติ มันก็เป็นเพียงปรัชญา เป็นธรรมดาเหมือนทั่วๆ ไป ไม่มีประโยชน์อะไร เรามีของมีค่า จึงไม่ทำให้มีค่าอะไร พยายามสำรวจตนเองว่าเรามีข้อบกพร่องในธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าอะไรบ้าง แล้วพยายามตั้งตัว แก้ตัวใหม่ พยายามมีความเชื่อมั่นในการทำความดีว่าต้องได้ดี เชื่อมั่นว่าธรรมทั้งหลายเกิดแต่เหตุ ถ้าจะดับก็ต้องดับเหตุก่อน
แจกปัญญา แจกศาสนา แจกธรรมวินัย แจกสิ่งที่ถูกต้อง
เพื่อเดินตามรอยพระพุทธเจ้าร้อยเปอร์เซ็นต์
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
โดยทุกท่านสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่
https://linktr.ee/watsubthawee
Share wisdom, spread Buddhism and its discipline.
Advocate righteousness to follow Lord of Buddha's footsteps 100%
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
You can receive new Dharma updates.
https://linktr.ee/watsubthawee