แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
โอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ที่หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม เมตตาให้นำมาบรรยาย
บรรยายธรรมโดย พระมหาอนุชน สาสนกิตติ (ป.ธ.๙, ดร.)
ในวันเสาร์ที่ ๒๙ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา
เรื่อง คุณของพระพุทธเจ้า ตอนที่ ๕๐ เตรียมบวชทั้งกายบวชทั้งใจ เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากการมาบวชมาปฏิบัติ
(บางส่วนจากโอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า)
พวกเราเกิดมาเป็นมนุษย์ก็ถือว่าเป็นผู้ที่ประเสริฐนะ เราต้องรู้จักความประเสริฐมันได้เกิดขึ้นแก่เรา เราเอาพระพุทธเจ้าเป็นหลัก เอาพระพุทธเจ้าเป็นการดำเนินชีวิต เราจะได้หยุดวัฏฏะสงสารของเรา เราจะพากันหลงไปเรื่อยไม่ได้ เราพากันมาบวช พากันมาปฏิบัติ บวชนี้ก็แปลว่าหยุด หยุดเหมือนองคุลิมาล มหาโจรองคุลีมาลฆ่ามนุษย์เสียมากต่อมาก จนจำไม่ได้ว่าจำนวนเท่าใด ต้องตัดเอานิ้วร้อย เป็นพวงมาลัย จึงได้ชื่ออย่างนั้น วันหนึ่งพระบรมศาสดาเสด็จไปโปรด พอองคุลีมาลเห็นนึกแปลกใจ ที่พระสมณโคดมเสด็จมาแต่ลำพัง และนึกดีใจที่จะได้นิ้วมนุษย์มาร้อยเป็นพวงมาลัยเพิ่มขึ้นอีก จึงเดินรี่เข้าไปหา แม้จะพยายามก้าวเท่าไรก็ไม่ทัน ถึงกับวิ่งก็ยังไม่ทันอยู่อีก จึงได้ร้องตะโกนไปว่า “สมณะหยุดก่อน”
พระพุทธองค์ตรัสตอบว่า “เราหยุดแล้ว ท่านต่างหากยังไม่หยุด” องคุลิมาลไม่เข้าใจ จึงทูลถามไปว่า “ท่านกำลังเดินอยู่แต่กล่าวว่าหยุดแล้ว ส่วนข้าพเจ้า ผู้หยุดแล้วแต่กลับกลายว่าไม่หยุด ท่านหมายความว่าอย่างไร”
พระองค์ตรัสตอบว่า “ดูก่อนองคุลีมาล เราเลิกเบียดเบียนสัตว์ทั้งหลายแล้ว เราวางศาสตราวุธแล้ว ส่วนท่านสิไม่สำรวมในสัตว์ เที่ยวเบียดเบียนล้างผลาญชีวิตสัตว์ เราจึงชื่อว่าหยุดแล้ว ท่านชื่อว่ายังไม่หยุด”
เราทุกคนก็หยุดความเป็นคน หยุดความหลง เราพากันมาเตรียมบรรพชาอุปสมบท ก็คือเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติทางจิตทางใจ เราไม่ต้องปล่อยให้วัฏฏะสงสารของเรามันยืดเยื้อ เราต้องรู้จักเพราะวัฏฏะสงสารนี้มันไม่ใช่สิ่งที่น่าเพลิดเพลิน เราทุกคนมันงงไปหมด ทุกคนมันเซ่อเบลอ เพราะเรื่องธาตุเรื่องขันธ์เรื่องอายตนะที่มันเป็นกรรม ที่เราหลงว่ามันเป็นตัวเป็นตน มันเอาเรางงไปหมด เราอย่าไปคิดว่าตัวเองแน่ ทำตามใจตัวเองมันไม่ใช่คนแน่หรอก แน่ทางเวียนว่ายตายเกิด แน่ในทางที่เป็นมิจฉาทิฎฐิ
เราต้องหยุดวัฏสงสารของตัวเอง หมู่มวลมนุษย์ก็ต้องมีความสุขที่สุดในโลกเพราะเรามาพบแสงสว่าง ไปเอาความมืดเป็นหลักไม่ได้ เอาความหลงเป็นหลักไม่ได้ ทุกคนต้องปรับตัวเข้าหาเวลา เข้าหาธรรมะ เราดูสิคนในโลกนี้ 7,000 จะเข้า 8,000 ล้านคน ส่วนใหญ่เอาอวิชชาเอาความหลง พัฒนาตั้งแต่วิทยาศาสตร์ ไม่ได้พัฒนาใจไปพร้อมๆ กัน มันไม่ใช่ทางสายกลาง มันสุดโต่งที่สุด 2 ทางคือ สิ่งที่บรรพชิตไม่ควรเดิน วันอาสาฬหบูชา คือวันแสดงธรรมจักรกัปปะวัตตะนะสูตร ทั้งนี้ความชอบความไม่ชอบมันเป็นเพียงอารมณ์ มันเป็นความปรุงแต่ง เราจะร้องครวญครางด้วยโมหะด้วยความหลง โดยทุกคนก็ไม่รู้ว่าตัวเองมันร้องครวญคราง มันหลงจริงๆ มันเป็นมหาหลง เราเป็นคนโชคดีที่เราพากันมาบวช พากันมาปฏิบัติ
เราทุกคนต้องอย่าถือว่าความยากความลำบากนี้ มันเป็นสิ่งที่ไม่พึงปรารถนา การที่เราจะหยุดวัฏสงสารได้เราต้องเข้าสู่ภาคบำบัดเรียกว่าภาคการประพฤติ ภาคการปฏิบัติ ความเป็นพระมันอยู่ที่เรามีความเห็นถูกต้อง เข้าใจถูกต้อง ปฏิบัติถูกต้อง บรรพชิตกับคฤหัสถ์มันไม่ต่างกันหรอก คฤหัสถ์ทานอาหารเหมือนกัน อาหารทางกายก็รู้อยู่แล้ว อาหารทางใจอย่างนี้คือความเห็นถูกต้อง เข้าใจถูกต้อง ปฏิบัติถูกต้อง มันต้องถูกต้องมันจะเพิ่มไม่ได้ มันจะตัดไม่ได้ เพราะว่ามันเป็นธรรมเป็นความยุติธรรมที่สุดในโลกแล้ว พระพุทธเจ้าบำเพ็ญพุทธบารมี มาเพื่อให้เรารู้ทุกข์รู้เหตุเกิดทุกข์ รู้เหตุเกิดทุกข์ รู้ข้อปฏิบัติถึงความดับทุกข์ นี่เป็นอริยสัจ ๔
ทุกท่านทุกคนจะมาทำตามใจตัวเอง ทำตามอารมณ์ ทำตามความรู้สึกนึกคิด มันอย่างนี้นะ เราเห็นรูปมันก็หลงระดับหนึ่ง ถ้าเราเจอเวทนามันก็ยิ่งหนักนะ เวทนานี้เป็นความรู้สึกเป็นตัวเป็นตน เพราะเราเอาความหลงเป็นตัวเป็นตน สัญญามันก็จำในสิ่งที่มันเอร็ดอร่อย มันครวญครางไปเรื่อย สังขารนี้ก็โอ้ย...วิ่งตามไป วิ่งตามหาความสุข วิ่งตามหาความหลง มันไปเข้าสู่ความวิบัติ ตัววิญญาณ มันก็เกิดได้เกิดจากผัสสะทั้งภายนอกภายในอย่างนี้ กรรมเก่าอะไรก็มันมาสัมผัสกับกรรมใหม่
ให้ทุกท่านทุกคนรู้จัก เราถอนสักกายทิฏฐิตัวตน เราอย่าเป็นคนหัวดื้อหัวด้าน หน้าดื้อ หน้าด้าน หน้ามึน เราจะได้เข้าสู่แบรนด์เนมแห่งความเป็นมนุษย์ พ่อแม่ ทหาร ข้าราชการ นักการเมือง มันเจ็บปวดมาก มันเสียหายมาก ทำไมมันถึงโง่ขนาดนี้ ทำไมไม่ฉลาดแท้ มันจะฉลาดอย่างไรถ้าไม่ฟังพระพุทธเจ้าอย่างนี้นะ เราต้องรู้จักความดับทุกข์ที่แท้จริง ความดับทุกข์ชั่วคราว พวกขนมข้าวต้ม มีบ้านมีรถลาภยศสรรเสริญ เขาเรียกว่าแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเฉยๆ เรายังมาหลงขยะกัน หลงยังไม่พอ ยังมาแย่งกัน สร้างระเบิด สร้างปืน สร้างรถถัง สร้างนิวเคลียร์ ทุกอย่างมันมีคุณเราจะไปสร้างโทษขึ้นมาทำไม เราต้องสู้นะ ถ้าเราไม่สู้ใครจะมาสู้ให้เรา อย่าให้อวิชชามันครองโลกครองเมือง อย่าให้ความมืดมัน ความสับสนแห่งความเป็นคนคืออวิชชาความหลงมาครองใจเราเลย เรามีฮีโร่ เรามีพระพุทธเจ้าเป็นฮีโร่ พระพุทธเจ้าก็คือธรรมะ ธรรมะคือความดับทุกข์ ศาสนามันก็คือความดับทุกข์ ไม่ว่าเราจะเป็นศาสนาอะไร เหมือนอาหารก็คือความดับทุกข์ จะเป็นผักผลไม้หรือขนมปังหรือมันอะไรอย่างนี้ มันก็คือความดับทุกข์ทางร่างกาย ส่วนความดับทุกข์ทางจิตใจ ก็คือสัมมาทิฏฐิ คือความเห็นถูกต้อง เข้าใจถูกต้อง ปฏิบัติถูกต้อง โอ้...มีความสุขอย่างนี้ ดับทุกข์อย่างนี้
เราอย่าปล่อยให้ทรัพยากรมันเสียหาย ทรัพยากรของมนุษย์ที่เราประเสริฐ เราก็พากันมาประพฤติ พากันมาปฏิบัติ ทุกคนจะไปท่องเที่ยวในวัฏฏะสงสารอย่างโง่ๆ ได้อย่างไร ท่านโกณฑัญญะได้ฟังธรรมในวันเพ็ญอาสาฬหะอย่างนี้แหละ ร้องอุทานขึ้นมาว่า จักขุเกิดขึ้นแล้วแก่เรา ญาณเกิดขึ้นแล้วแก่เรา ปัญญาวิชชาแสงสว่างเกิดขึ้นแล้วแก่เรา
อย่างพระสารีบุตรได้ฟังธรรมจากพระอัสสชิว่า ธรรมทั้งหลายเกิดจากเหตุ ถ้าเราจะดับก็ดับเหตุนั้น ทุกคนก็มีสิทธิ์ที่จะเป็นพระคือ เป็นพระธรรม พระวินัย ซึ่งเมื่อวานก็บวชผ้าขาวเป็นสามเณร ๑๗ รูป ถ้าบรรพชาอุปสมบทในวันอาสาฬหะบูชาเลย ก็จะทำให้มีกิจกรรมมากไป
ให้เข้าใจเรื่องบวช การบวชนี้เขาเรียกว่าปฏิบัติบูชา ประชาชนก็บวชใจ หยุดมีเซ็กซ์ทางความคิด หยุดมีเซ็กส์ทางอารมณ์ คือต้องรู้จักพระศาสนา อันไหนไม่ดี ไม่คิด ไม่พูด กรรมมันอย่างนี้แหละ เราไม่รู้จักวาระจิต ไม่รู้จักวาระกรรม หลายปีกว่าต้นไม้มันจะโต กว่าคนเขาจะเกลียดเราหรือรักเราก็ใช้เวลา กว่าเราจะเหนือความชอบไม่ชอบ ก็ใช้เวลา เราต้องรู้จัก เราอย่าไปหลง เราต้องหยุดมีเซ็กส์ทางความคิดหยุดมีเซ็กส์ทางอารมณ์ก่อน อย่างนี้เราไปแก้ไม่ถูก มันก็ไม่ได้ เพราะว่ามันปลายเหตุ กว่ามันจะยากจน เหมือนพวกนักเรียนนักศึกษา กว่าจะรู้ว่ายากจนก็ ๓๐ กว่าปีแล้วหรือว่า ๔๐-๕๐ ปีไปแล้ว มันก็เอากลับคืนมาไม่ได้ กลับคืนมาได้อย่างไร เขาจะเอาความหนุ่มสาวหรือเอาความเดิมกลับมาได้มั้ย ไม่ได้ ต้องเป็นคุณพ่อคุณแม่เป็นอากงอาม่า หรือเป็นผู้ที่วายชนม์ไปแล้ว
พระวัดเรา เณรวัดเรา ใครเอาศาสนาทำมาหากินหาเลี้ยงชีพ ก็ให้พากันหยุด เอามาตรฐานของพระพุทธเจ้า ถ้าอย่างนั้นมันไม่ได้ มันเอาเปรียบสังคม มันเป็นสีดำสีเทาในพระศาสนา ทุกคนต้องไม่มีสักกายทิฏฐิ ไม่มีตัวไม่มีตน ต้องแก้ไขตัวเอง เราก็รู้แล้วว่า การเวียนว่ายตายเกิดมันคือเอาตัวตนเป็นหลัก ประการแรก คือ สัมมาทิฏฐิ ความเห็นถูกต้อง เข้าใจถูกต้อง ละสักกายะทิฏฐิตัวตน พูดอย่างนี้ก็พอจะเข้าใจ ไม่ต้องใช้กำปั้นใช้เท้าหรอก ขนาดนี้ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว พวกที่ไม่เอามรรคผลนิพพาน ทำให้พวกบวชเข้ามาใหม่ นึกว่า ไอ้พวกอยู่ก่อนนี้ทำถูก เดี๋ยวเขาจะจับเอาสิ่งที่ไม่ดีไปทำตาม ต้องงามคือเบื้องต้นคือไม่มีทิฏฐิมานะอัตตาตัวตน ไอ้พวกที่แต่งตัวสวยๆ หล่อๆ มันไม่ได้งามทางศาสนา งามทางหลงงมงาย มันไปเพิ่มอวิชชาเฉยๆ อย่างนี้ ให้เข้าใจ....
เรามาบวชเราต้องบวชเพื่อมุ่งมรรคผผลนิพพาน โดยเฉพาะ โดยตรง ถึงแม้เราจะลาบวชชั่วคราว หรือว่าบวชเพื่อเป็นพระอริยเจ้า ก็ต้องให้เคร่งครัด ถ้าไม่อย่างนั้นมันจะเพี้ยน ถ้าเราประพฤติปฏิบัติตามถึงแม้ขณะจิตเดียว ก็ยังดีกว่าผู้ที่บวชตลอดชีวิตที่ไม่เอามรรคผลนิพพาน ภาคการบวชนี่ถึงเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะการบวชนี้มันเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ คือมาละบาปทางกาย ทางวาจา ทางจิตใจ เพื่อให้เป็นพรหมจรรย์หรือว่าเป็นธรรมะ ชีวิตของผู้ที่บวชนี่ถึงเป็นชีวิตที่ประเสริฐมาก ประเสริฐพิเศษ ประเสริฐจริงๆ การบวชนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงตัวเอง จากชีวิตที่ไม่มีหลักการ ไม่มีจุดยืน ก็จะมีหลักการ มีจุดยืน เรียกว่ามีศีล มีสมาธิ มีปัญญา
ผู้ที่มาบวชจะบวช 7 วัน 15 วัน ก็ให้ตั้งใจให้เต็มที่เลย เวลาสึกออกไปเราจะได้รู้ว่าความเป็นพระที่แท้จริง เป็นประชาชนก็ได้รักษาศีลพรหมจรรย์ระดับต้น คือศีล 5 เมื่อเป็นพระก็รักษาศีล 227 เราจะได้เข้าใจว่าพระศาสนา เราจะได้มีโครงสร้าง ชีวิตที่มีจุดยืนชัดเจน มีธรรมะเป็นเครื่องอยู่ มีธรรมะเป็นการดำเนินชีวิต วัดนี่ก็ถึงเป็นศูนย์รวมของผู้ที่ประพฤติพรหมจรรย์ หรือว่ามุ่งมรรคผลนิพพาน ทั้งประชาชนที่ไม่ได้บวชก็พากันมาประพฤติปฏิบัติที่วัด ผู้ที่บวชก็ต้องมุ่งมรรคผลนิพพานอย่างนี้
ที่เราเห็นทางตา ได้ฟังทางหู ได้รู้ที่ในสังคม ในประเทศไทยของเรา หรือหลายๆ ประเทศ ถือว่ายังไม่เข้าหลักเกณฑ์ของพระพุทธเจ้า ยังไม่เข้าหลักเกณฑ์ของพุทธศาสนา อย่างเดรัจฉานกถา เดรัจฉานวิชา มันทำไม่ถูกต้อง ตัวเราเลยเป็นอย่างนี้ ประเทศชาติเราถึงเป็นอย่างนี้ ครอบครัวเราถึงเป็นอย่างนี้ ความสุขความอบอุ่นมันก็ไม่ได้ ไม่เข้าถึงความสุขความดับทุกข์ ชีวิตเราทุกคนก็ลุ่มๆดอนๆ เพราะมันตกอยู่ในอบายมุข และชีวิตก็ตกต่ำสู่อบายภูมิ ตกอยู่ในสัญชาตญาณแห่งการเวียนว่ายตายเกิด ทุกๆ คนเป็นผู้ที่ทวนกระแส เป็นผู้ทวนกระแสนะ ไม่ใช่เป็นผู้ที่ตามสิ่งแวดล้อม ต้องรู้จักทุกข์ รู้จักเหตุเกิดทุกข์ ข้อปฏิบัติถึงความดับทุกข์ ผู้ที่มาบวชก็จะได้ไม่เป็นคนอาศัยพระศาสนาเพื่อบำรุงร่างกาย มันจะได้จรรโลงพุทธศาสนา ด้วยความเห็นถูกต้อง เข้าใจถูกต้อง แล้วปฏิบัติถูกต้อง สังคมถึงจะมีความสุขสงบร่มเย็น ทุกๆ คนก็ต้องช่วยกันรักษาพระศาสนาด้วยการพากันประพฤติพากันปฏิบัติ การตามใจตัวเอง ตามอารมณ์ตัวเอง ตามความรู้สึกตัวเองนี่แหละไม่ใช่คนที่จรรโลงพระพุทธศาสนานะ
อันตรายของพระภิกษุสามเณรทั้งบวชเก่าและบวชใหม่ ได้แก่ เรื่องผู้หญิง พระเณรเราต้องไม่ประมาท ตราบใดที่เรายังไม่สิ้นกิเลส เราอย่าไปเปิดโอกาสให้กิเลสมันมาถล่มทลายเรา คือว่าเราบวชมาแล้ว เราหมดหน้าที่ของความเป็นโยมแล้ว เราไม่มีสิทธิ์ที่จะไปคิดชอบหรือไม่ชอบอะไร เพราะการบวชนั้นต้องบวชทั้งกาย ทั้งวาจา ทั้งใจ ถ้าเราไม่เปิดโอกาสให้ผู้หญิงมาเกี่ยวข้องเขาจะมาเกี่ยวข้องกับเราไม่ได้เป็นเด็ดขาด ส่วนใหญ่โยมทำบุญตักบาตรถวายทานเป็นผู้หญิง เพราะเขาถือว่าเป็นหน้าที่เป็นความรับผิดชอบในครอบครัว ในพระศาสนาและในการสร้างคุณงามความดี ให้เราปฏิบัติตามพระวินัยให้เคร่งครัด หากมีเหตุจำเป็นให้เกี่ยวข้องกับผู้หญิงต้องห้ามอยู่กับผู้หญิงสองต่อสองหรือกับผู้หญิงหลายคน หรืออยู่ในที่ลับหูลับตากับผู้หญิง
อันตรายของพระใหม่ เณรใหม่ รวมถึงพระเก่า เณรเก่า คือ "เรื่องการคลุกคลีกับผู้หญิง...." การประพฤติปฏิบัติธรรม 'ศีลข้อแรก' ของการประพฤติ ปฏิบัติธรรม ไม่ว่าพระเก่า พระใหม่ มันมีปัญหาทั้งนั้น "ไม่ให้พูดกับผู้หญิงสองต่อสอง โดยไม่มีใครอยู่ด้วย..." 'มันเป็นความเสื่อม...'
โยม' ก็ไม่ควรไปยุ่งเกี่ยวกับพระ 'พระ' ก็ไม่ยุ่งเกี่ยวกับโยม ในเขตพระเด็ดขาด ในวัดวาอาราม' ถ้าผู้หญิงไม่มีความจำเป็น อย่าผ่านเข้าไป
ครูบาอาจารย์ พระพุทธเจ้า ท่านให้แยกเป็นสัดส่วนชัดเจน หลวงตามหาบัวบอกว่า พวกนี้ชอบยุ่งเหลือเกิน การโทรศัพท์นี้ทำให้เสื่อมมาก "พระก็เมตตาโยม โยมก็มีปัญหาเยอะ... มาถามพระ" การพูดในทางโทรศัพท์ เขาเรียกว่า ผิดวินัย ถ้าพูดกับผู้หญิงสองต่อสอง ถ้ามีเหตุจำเป็นต้องพูด ก็ต้องพูดออกเสียงให้ทุกคนได้ยินเพื่อที่จะได้คุ้มกันอาบัติ ไม่ให้ต้องอาบัติ ส่วนใหญ่พระเณรเรามันประมาทมาก พระพุทธเจ้าท่านตรัสสั่งไว้แล้ว "ไม่ให้พูดกับผู้หญิงสองต่อสองลับหูลับตา ไม่ว่าสาวเล็ก สาวใหญ่ สาวแก่แม่หม้าย แม่หม้ายทรงเครื่อง"
ฝ่ายผู้หญิงก็ต้องระมัดระวัง... ส่วนใหญ่โยมผู้หญิงชอบมาคุยกับพระ เพราะว่าพระพูดดี พูดเพราะ พูดให้กำลังใจ ต้องให้ผู้หญิงทุกๆ คนระมัดระวังเกี่ยวกับเรื่องนี้ สิ่งที่มันจะขลัง จะศักดิ์สิทธิ์ก็หมดไป
ผู้ที่มาอยู่วัดไม่ควรจะมีโทรศัพท์ มาอยู่วัดไม่กี่วันมันคงไม่ตาย...ที่มันอยากโทร อยากเล่นอินเทอร์เน็ต ฟังเพลง พวกที่มาอยู่วัดต้องตัดมันหมด ถ้าไม่อย่างนั้นเรามาอยู่วัดก็เพียงกาย แต่ใจเราไม่อยู่
ยิ่งเราเป็นผู้หญิง เราเป็นโยมวัด โทรศัพท์ไปหาผู้ชายเป็นสิ่งที่แย่ที่สุด ไม่เหมาะ ไม่ควร "ถ้าใครทำแล้วก็แล้วไป เอาใหม่ ทำใหม่...
พระเราส่วนใหญ่บวชมาแล้วผิวพรรณก็ผ่องใส นิสัยก็เรียบร้อยมีความสงบ มีสติมีปัญญา พูดก็เพราะ เป็นสาเหตุทำให้ผู้หญิงชอบมาพูดคุยมาคลุกคลี ไม่ว่าสาวเล็กสาวใหญ่ สาวแก่แม่ม่าย ภรรยาเขา ให้เราถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญหรือเป็นโลกวัชชะ ผิดทั้งทางโลกและทางธรรม อย่าให้เกิดความเศร้าหมอง ให้เรารักษาพระวินัยเราเหมือนกับพระสารีบุตรตอนที่ไปภาวนาในป่ากับพระโมคคัลลานะแล้วป่วย มีเทวดาได้ยินพระสารีบุตรสนทนากับพระโมคคัลลานะว่า เคยได้ฉันข้าวมธุปายาสแล้วหาย จึงไปเข้าฝันชาวบ้านให้ทำข้าวมธุปายาสมาใส่บาตร พระโมคคัลลานะจึงได้นำมาให้พระสารีบุตรฉัน แต่พระสารีบุตรรู้ด้วยพระปัญญาญานว่าอาหารนี้ได้มาโดยมิชอบเพราะมีเทวดาไปบอกชาวบ้านให้ใส่บาตร ท่านจึงให้พระโมคคัลลานะเทข้าวมธุปายาสทิ้งเสีย ทันทีที่ข้าวมธุปายาสตกถึงพื้น โรคท้องของพระสารีบุตรก็หายฉับพลัน การรักษาศีลของพระอริยะเจ้าเป็นสิ่งที่ละเอียดมาก ทุกวันนี้พระกรรมฐานนั่งอยู่กับผู้หญิงโดยไม่มีผู้ชายนั่งอยู่ด้วยก็มีมาก ให้เราดูตัวอย่างครูบาอาจารย์ ท่านจะไม่นั่งคุยกับผู้หญิงสองต่อสอง ถ้ามีเหตุที่จะต้องพูดคุยก็มีพระเณรหรือโยมผู้ชายนั่งอยู่ด้วย ถ้าหมดธุระจำเป็นแล้วก็กล้าบอกให้โยมกลับบ้าน ให้มีความเคารพต่อพระพุทธเจ้ามากกว่าเกรงใจผู้หญิง ก็ให้พระเก่าพระใหม่อย่าไปหลงประเด็น ให้ยึดถือพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ดี เราจะได้บรรลุถึงมรรคผลนิพพานได้ตามปรารถนา.
เราต้องทำให้ถูกต้องเรื่องสตรี เรื่องสตางค์ เรื่องลาภยศสรรเสริญ ถึงพวกอันตรายที่สุดทุกวันนี้ก็คือ โทรศัพท์มือถือ พวกอินเตอร์เน็ต สื่อสารอะไรต่างๆ นี่แหละอันนี้มันทำให้เกิด ทำให้ศีลของเราไปไม่ได้ เพราะถ้าเรามีโทรศัพท์มือถือ มีคอมพิวเตอร์ เท่ากับอย่างเดียวกับการมีภรรยา เพราะว่าสิ่งเหล่านี้เราทุกคนปฏิเสธไม่ได้ เพราะอันนี้มันเป็นเดรัจฉานกถา คือ การพูดคุยเรื่องเหลวไหล ไร้สาระ หรือเรื่องใดๆ ที่พาให้จิตใจของผู้พูดและผู้ฟังตกต่ำจากคุณความดี ทำให้จิตใจห่อเหี่ยวหมดกำลังใจหรือทำให้จิตใจฟุ้งซ่านเลื่อนลอย เช่น พูดชื่นชมความยิ่งใหญ่ของกษัตริย์ พูดเรื่องโจร เรื่องข้าราชการ เรื่องการเมือง เรื่องกองทัพ เรื่องยุทธวิธีการรบ เรื่องญาติ เรื่องยานพาหนะต่างๆ เรื่องบ้าน เรื่องนิคมหรือชุมชน เรื่องความเป็นไปในเมืองใหญ่และชนบทเรื่องสตรี เรื่องแฟชั่น เรื่องบุรุษ เรื่องเพลง เรื่องหนังละคร เรื่องดารา เรื่องเบ็ดเตล็ดทั่วๆ ไป เป็นต้น เดรัจฉานกถา มันเรื่องคนอื่น เรื่องบ้านเรื่องเมือง นี้แหละคือนักบวชพากันมีภรรยา คนเราจะไม่ยินดียินร้ายเลย มันเป็นไปไม่ได้ เพราะเราจะปฏิเสธไม่ได้ เพราะว่าเราไม่ใช่พระอรหันต์ขีณาสพ
พระอรหันต์ขีณาสพท่านก็ไม่มีเรื่องเหล่านี้ จะเป็นวัดไหนเคร่ง มีครูบาอาจารย์ที่เคร่งครัด เช่น สายลูกศิษย์ของหลวงปู่มั่น หลวงพ่อชา หลวงตามหาบัว เจ้าคุณพุทธทาส สายยุบหนอพองหนอ ถ้ามีโทรศัพท์ มือถือ มีอินเตอร์เน็ตเฟสบุ๊คนี้ ก็ให้เค้าใจนะ ว่าท่านกำลังมีภรรยา คำว่ามีเพศสัมพันธ์ก็หมายถึงสิ่งที่เสพทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ นี้เป็นเพศสัมพันธ์ของจิตใจ เพราะการมีเพศสัมพันธ์ มันไม่ได้หมายถึงเสพเมถุนกับเพศตรงกันข้ามอย่างเดียว เพราะว่าเรื่องประพฤติปฏิบัติเป็นเรื่องทางจิตทางใจ ปัญหาใหญ่ที่ทำลายมรรคผลพระนิพพานของพระสายกรรมฐานที่ประชาชนเคารพกราบไหว้ ที่เสียหายเพราะข้อนี้อย่างนี้ ถึงท่านจะดังหลายประเทศก็พ่ายแพ้สิ่งเหล่านี้
พวกท่านทั้งหลายพากันไปคิดยินดี เพราะเราทุกคนทั้งประเทศพากันเป็นประชาธิปไตยกันหมด นี้แหละคือเรากำลังพากันมีภรรยาอยู่ ทางออกจะทำอย่างไร? ทางออกก็คือทุกคนต้องเข้มแข็ง ถ้าใครเป็นนักปกครองก็ต้องเข้มแข็ง พวกเจ้าอาวาสประธานสงฆ์อะไรอย่างนี้ เมื่อเราปฏิบัติไม่ได้ เราบอกใครมันก็ไม่มีน้ำหนัก เราควรมีปัญญาระดับที่จะเป็นผู้นำหรือเป็นพระอรหันต์มันก็ต้องมีปัญญา เพราะทุกคนก็พร้อมที่จะกราบไหว้เราทุกคนผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ถ้าเราปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเราก็มีความสุข ญาติพี่น้องวงศ์ตระกูล ผู้ที่เค้าอุปถัมภ์อุปัฏฐาก ต้องเข้าใจเรื่องพรหมจรรย์ให้ลึกซึ้ง
เราบวชมาแล้วเราอย่ามาหลงในปัจจัยไทยทานที่ญาติโยมนำมาถวาย ส่วนใหญ่ของที่เขาถวายมีแต่ของดีๆ อันนั้นก็ดี อันนี้ก็ดีตามยุคตามสมัยเรื่อย จุดมุ่งหมายของการบวชเราไม่ได้ต้องการมาเอาสิ่งเหล่านี้ อย่าเป็นผู้มีรสนิยมสูง นักบวชเราควรใช้สิ่งของที่จำเป็นและต้องประหยัด ถ้าของมันเหลือเฟือก็จัดจ่ายไปให้คนอื่นเขาใช้สอยกัน ความเจริญของพระมันอยู่ที่จิตใจของเราไม่มีความโลภ ไม่มีความโกรธ ไม่มีความหลง เป็นผู้อยู่เหนือโลกธรรม ไม่ให้ลาภ ยศ สรรเสริญ มาครอบงำจิตใจ บางที่พระเณรก็มากเกินไปชอบขอของจากพ่อ จากแม่ จากเพื่อนฝูง เรามาบวชมาปฏิบัติแล้วยังไปรบกวนมันเป็นสิ่งที่น่าละอายแก่ใจ บางคนก็ไม่ยอมใช้ของสงฆ์ของที่มีอยู่ในวัด พอจะมีโยมเลื่อมใสก็ชอบสั่งเขา บางทีก็ว่าจะเอาไปถวายครูบาอาจารย์องค์นั้นองค์นี้ ความเป็นจริงแล้วครูบาอาจารย์ท่านไม่ได้ยินดีในสิ่งเหล่านั้น ท่านยินดีในการประพฤติปฏิบัติของลูกศิษย์ที่เป็นผู้มีความน่าไว้เนื้อเชื่อใจในข้อวัตรการปฏิบัติธรรม เป็นตัวอย่างที่ดีของเพื่อนสหธรรมมิกผู้ประพฤติพรหมจรรย์ เป็นผู้สืบทอดอายุพระพุทธศาสนา ไม่นำความเสียหายมาสู่ครูบาอาจารย์เพื่อนฝูง ว่าเป็นคนดีแต่พูดแต่ปฏิปทาน่ารังเกียจ ให้เราทุกท่านถือว่าเรามากตัญญูกตเวทีต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ ท่าน.
พระเณรอันตราย พระเณรส่วนใหญ่ชอบปกปิดความผิดของกันและกัน เพราะว่าเวลาอยู่กับครูบาอาจารย์ก็ปฏิบัติอย่างหนึ่ง อยู่ธรรมดาก็ปฏิบัติอย่างหนึ่ง ทำให้เรื่องเล็กๆ น้อยๆ กลายเป็นเรื่องใหญ่ไป ก็เลยกลายเป็นกลุ่มเป็นแก๊ง ใครทำผิดก็ช่วยกันปกปิดไว้เพราะใครพูดให้ครูบาอาจารย์ฟังได้เรื่องแน่ ถือว่าไม่ใช่พรรคไม่ใช่พวก พระเณรที่ตั้งใจปฏิบัติดีก็กลายเป็นไม่มีพรรคไม่มีพวก ที่ปฏิบัติถูกธรรมถูกวินัยกลายเป็นถูกมองว่าทำไม่ถูกไม่ควร ไม่มีน้ำใจ ตามที่จริงแล้วสิ่งไหนที่ไม่ถูกก็ควรบอกกันเตือนกัน ดูท่าทางแล้วถ้าบอกเตือนกันไม่ได้ก็กราบเรียนครูบาอาจารย์ ท่านจะได้ช่วยแก้ไข พระเณรพวกนี้จะช่วยกันทุกวิถีทาง เช่น ไม่ลุกทำวัตรทำกิจวัตร ไม่ออกบิณฑบาตก็จะมีสายเอาน้ำปานะไปให้ เอาเมล็ดทานตะวันเอาเนยไปให้ พระภิกษุสามเณรชนิดนี้เรียกว่าเป็นพระภิกษุมหาโจร เป็นผู้ทำลายคณะสงฆ์ ทำลายครูบาอาจารย์ ทำลายศาสนา เป็นการสร้างบาปสร้างกรรมอันใหญ่หลวง เป็นการเสี้ยมสอนให้ผู้ที่ไม่เคยทำความผิดให้ทำความผิด อ้างว่าวัดโน้นก็ทำกัน วัดนั้นก็ทำกัน มีแต่วัดเราที่ไม่ทำไม่เป็นไรไม่ผิด พระเณรชนิดนี้ให้ทุกคนดูถูกไว้เลยว่า เป็นพระไม่ดีใช้ไม่ได้ อย่าได้เอาเป็นตัวอย่างเด็ดขาด เป็นการเข้าใจผิด มีความเป็นมิจฉาทิฎฐิที่มีความเห็นเข้าใจว่า ช่วยกันปกป้องกันชื่อว่ารักกันเมตตากัน นี้เป็นการคบค้าสมาคมเยี่ยงมหาโจร เมื่อถึงคราวแบ่งผลประโยชน์ไม่ลงตัวก็แตกกัน วัดทุกวัด สำนักทุกสำนัก ไม่น่าจะมีมารศาสนาชนิดนี้อยู่ในสถานที่นั้นๆ ถ้าเราไม่พากันปกปิด ความเสื่อมเสีย ความเศร้าหมอง ปัญหาต่างๆ เหล่านี้ก็จะมีไม่ได้ ทุกอย่างมันไม่สายเกินไป เมื่อเราเข้าใจอย่างถูกต้อง.
เราต้องทำตามพระพุทธเจ้า เราอย่าเอาพวกที่บวชนานแล้วไม่ได้รักษาศีล ไม่ได้ประพฤติปฏิบัติเป็นตัวอย่าง เดี๋ยวจะหลงทิศหลงทาง พระพุทธเจ้าท่านให้เราเอา 'ธรรมวินัย' ไว้... พวกเราทุกคนพ่อแม่ก็รัก ครูบาอาจารย์ก็รัก ทุกคนก็รัก หวังให้ท่านเป็น 'พระสุปฏิปันโน' เป็นผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ให้ทุกคน ทุกท่านระลึกไว้ให้ดีๆ พยายามให้ 'ศีล' แก่ตนเอง พยายามให้ 'สมาธิ' แก่ตนเอง พยายามให้ 'ปัญญา' แก่ตนเอง
ที่พึ่งอื่นของเราไม่มี นอกจากพระพุทธเจ้า นอกจากพระธรรมวินัย นอกจากพระอริยสงฆ์ พยายามให้กำลังใจตัวเองว่า พระพุทธเจ้า ครูบาอาจารย์ไม่ได้กดดันเรา ท่านกำลังเมตตาเรา ให้ขุมทรัพย์เรา
อันนี้เป็นหลักของการประพฤติพรหมจรรย์ พรหมจรรย์ก็ตั้งแต่ศีล 5 ศีล ๘ ศีล ๑๐ ศีล ๒๒๗ พระวินัยปิฏก ๒๑,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ และต้องเอามาประพฤติเอามาปฏิบัติในปัจจุบัน ที่เป็นการดำเนินชีวิตเรียกว่าอริยมรรคมีองค์ ๘ นี่เป็นทางสายกลาง ไม่ทำตามความชอบ ความไม่ชอบ นี่เป็นพระธรรมเป็นพระวินัย เป็นมรรคเป็นหนทาง เมื่อเราทำตาม เราถึงจะได้ใช้ปัจจัยทั้ง ๔ เป็นยารักษาโรค ยารักษาโรคเป็นเครื่องบรรเทา มันเป็นสิ่งที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน มันเป็นสิ่งที่ต่อเนื่องกัน ที่อำนวยให้หมู่มวลมนุษย์ที่ได้พัฒนาเทคโนโลยีและก็ได้พัฒนาทางจิตใจ
และการปกครองตัวเองก็ต้องประพฤติพรหมจรรย์ เมื่อเราปกครองตัวเองได้ ถึงจะปกครองผู้อื่นได้ เรานำตัวเองได้ก็นำผู้อื่นได้ ถึงเราไม่ได้เป็นพระอริยเจ้า เราก็ต้องคิดอย่างพระอริยเจ้า ถึงจะชื่อว่าเป็นการบวช เป็นการอบรมบ่มนิสัย พวกกุลบุตรลูกหลานที่คิดจะบรรพชาทั้งหมด ก็ต้องคิดอย่างนี้ๆ ถ้าเราไม่คิดอย่างนี้เราก็ไม่มีหลักการ ไม่มีโครงสร้างไม่มีจุดยืน มันเป็นผู้ที่บวชมาอาศัย มันเป็นทางออกของคนจน มันไม่ใช่ทางออกของผู้ดำเนินตามพระพุทธเจ้าสู่มรรคผลพระนิพพาน
ทั้งพระทั้งประชาชนก็ต้องไปตามหลักเหตุผล ไปตามหลักวิทยาศาสตร์ ไปตามหลักธรรม เราจะเอาอวิชชานำหน้า เอาความหลงเป็นสรณะ เป็นที่พึ่งไม่ได้ เราต้องเป็นมนุษย์ที่หู ตา สว่าง มนุษย์ที่มีปัญญา และเราก็เอาปัญญามาประพฤติมาปฏิบัติ ด้วยประการฉะนี้ เราจะมีใจดีใจสบาย คลายทุกข์ คลายกังวล ไม่มีความสุขใดยิ่งไปการปล่อยวาง และการสำรวมตนอยู่ในธรรม
แจกปัญญา แจกศาสนา แจกธรรมวินัย แจกสิ่งที่ถูกต้อง
เพื่อเดินตามรอยพระพุทธเจ้าร้อยเปอร์เซ็นต์
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
โดยทุกท่านสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่
https://linktr.ee/watsubthawee
Share wisdom, spread Buddhism and its discipline.
Advocate righteousness to follow Lord of Buddha's footsteps 100%
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
You can receive new Dharma updates.
https://linktr.ee/watsubthawee