แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
โอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ที่หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม เมตตาให้นำมาบรรยาย
บรรยายธรรมโดย พระมหาอนุชน สาสนกิตติ (ป.ธ.๙, ดร.)
ในวันจันทร์ที่ ๑๙ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๖
ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา
เรื่อง คุณของพระพุทธเจ้า ตอนที่ ๑๖ อย่าปล่อยให้ใจตนเป็นหัวใจปาราชิก เพราะพ่ายแพ้ต่อโลภโกรธหลง
(บางส่วนจากโอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า)
ศาสนาพุทธเป็นศาสนาแห่งปัญญา ปัญญาที่บริสุทธิ์ เป็นกรุณาที่สุด เป็นสัมมาทิฏฐิ ไม่มีอวิชชา ไม่มีอะไรที่หลงเหลืออยู่ หมดอวิชชา หมดความหลง หมดไสยศาสตร์ เราทุกคนให้เข้าใจเรื่องศาสนา ศาสนาคือธรรมะ ธรรมะคือศาสนา เป็นความบริสุทธิ์ที่ประกอบด้วยสติ ด้วยปัญญา เป็นสัมมาทิฏฐิ เบื้องต้นเราถึงให้เราละเสียซึ่ง สักกายะทิฏฐิ ซึ่งตัว ซึ่งตน เราทำตามใจตัวเอง เราทำตามอารมณ์ เราจะห่างจากความเป็นพระศาสนา หรือห่างจากความเป็นพระ หัวใจเราทุกคนมันจะกลายเป็นอวิชชา เป็นความหลง หัวใจของเราทุกคนจะกลายเป็นปาราชิก จะกลายเป็นหัวใจปาราชิก คนที่ตามใจตัวเอง ตามอารมณ์ตัวเอง ตามความยึดมั่น ถือมั่น ตามสัญชาตญาณ เป็นบุคคลที่หัวใจปาราชิก ปาราชิกคืออวิชชา คือความหลง
เราทุกคนต้องละซึ่งเสียสักกายะทิฏฐิ ตัวตน มีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ พระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่ ทุกท่านทุกคนต้องลงรายละเอียด เพราะอันนี้มันลงรายละเอียดทั้งกาย ทั้งวาจา ทั้งจิตทั้งใจ อย่างเคร่งครัด แต่ว่าไม่มีความเคร่งเครียด ถ้าเราทำอะไรเพื่อเอา เพื่อมี เพื่อเป็น เพื่อไม่มี เพื่อไม่เป็น มันปฏิบัติเพื่อความเคร่งเครียด ปฏิบัติเพื่อจะเอา แม้แต่ปฏิบัติเพื่อให้เค้าเคารพนับถือ คนอื่นยอมรับ ให้เพื่อนฝูงยอมรับ อันนั้นเป็นการปฏิบัติเพื่อความเคร่งเครียด ลักษณะความเคร่งเครียดอย่างนี้ คือลักษณะ ที่เป็นหัวใจปาราชิก เราต้องรู้จักว่าความสุข ความดับทุกข์ ที่เราตามพระพุทธเจ้า เอาพระรัตนตรัยเป็นที่ตั้ง มันไม่เครียด มันมีความสุข ความดับทุกข์ไปในตัว อย่างนี้ถือว่าเป็นสัมมาทิฏฐิแท้ มนุษย์เราถึงเป็นผู้ที่ประเสริฐ
คนที่ไม่รู้จักทุกข์ ไม่รู้เหตุเกิดทุกข์ ไม่รู้ข้อปฏิบัติถึงความดับทุกข์ เราจะเอาแต่ใจตัวเอง เอาแต่อารมณ์ตัวเอง นั้นนะ ให้รู้ว่าเป็นผู้ที่ทำลายพระพุทธเจ้า ทำลายพระธรรม ทำลายพระอริยสงฆ์ พวกที่หัวใจปาราชิก แต่ก่อนเราก็พากันไปสงสารแต่พระเทวทัต พากันไปเกลียดแต่พระเทวทัต ไม่ว่าเราจะเป็นใครอยู่ที่ไหน ถ้ารู้จักธรรมะของพระพุทธเจ้า มันเป็นความสุข ความดับทุกข์ หัวใจเราจะได้มีพระรัตนตรัย จะได้เข้าถึงความเป็นพระ เข้าถึงความพอดี หรือว่าเศรษฐกิจพอเพียง ความสันโดษมักน้อย หรือว่าเรามีความสุข พระศาสนาถึงช่วยเราได้ ปฏิบัติได้ ทุกคนต้องมีความสุขอยู่ทุกหนทุกแห่ง อยู่ในชีวิตประจำวัน หรือ อยู่ในอริยมรรคมีองค์ ๘ สมณะที่ ๑ ๒ ๓ ๔ เราทุกคนจะเข้าสู่ความดับทุกข์ เพราะว่าเราต้องรู้จักอริยสัจ 4
เพราะฉะนั้นเราต้องรู้จักศาสนา ถ้าไม่งั้นจะเอาแต่เปลือก เอาแต่ศาสนพิธี เอาแต่แบรนด์เนมภายนอกเท่านั้น
พระพุทธเจ้าท่านสอนเราให้เป็นคนที่เสียสละ เป็นคนรับผิดชอบขยันหมั่นเพียร มีความสุขกับการทำงาน เอาการงานนั้นมาประพฤติปฏิบัติธรรม เราทำงานเพื่องาน เพื่อเสียสละ เพื่อเจริญสติสัมปชัญญะ
การทำงาน... ถ้าเราไปหวังผลอะไรตอบแทนนั้น ทุกคนนั้นก็ต้องเครียดแน่ ถ้าต้องการผลอย่างไร ต้องการให้มันเสร็จเร็ว ต้องการให้มันดี ต้องการที่จะรวย หรือต้องการที่จะได้เงินเดือนเยอะๆ อะไรอย่างนี้ ล้วนแต่มีความทุกข์ทั้งนั้น
พระพุทธเจ้าให้เราเสียสละโดยไม่หวังอะไรตอบแทน นี้คือการเลี้ยงชีวิตโดยชอบ ท่านผู้นั้นก็จะได้ทั้งทรัพย์ ได้ทั้งอริยทรัพย์
พระพุทธเจ้าตรัสว่า "เพราะสิ่งนี้มี สิ่งนั้นก็ถึงมี" คนเราสิ่งที่มันเผาตัวเอง คือความหลง เมื่อมีความหลงแล้ว ก็มีความโลภ แล้วก็มีความโกรธ มีความเครียด ชีวิตของเราเลยเป็นชีวิตที่ตกนรกทั้งเป็น
คำว่า 'เสียสละ' นั้น ต้องเป็นคนขยัน เป็นคนรับผิดชอบ เราจะมีความสุข มีความดับทุกข์ได้ ก็อยู่ที่เรามีความเสียสละ มีความรับผิดชอบ พยายามปรับตัวเองอยู่ตลอด และตั้งอยู่ในความไม่ประมาท "ประมาทนิดเดียวไม่ได้ บกพร่องนิดเดียวไม่ได้"
เรามีความสุขในการมีทรัพย์ มีชื่อเสียงเกียรติยศ พระพุทธเจ้า ท่านสอนเรา ไม่ให้เราพากันหลง เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งไม่เที่ยงแท้แน่นอน "เราไม่จากเขา เขาก็จากเรา" เพราะทุกสิ่งทุกอย่างนั้นผ่านไปทุกขณะ ผ่านไปทุกลมหายใจ ไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอน ทุกอย่างนั้นมันมีทั้งคุณและโทษ
พระพุทธเจ้าถึงสอนเราให้เป็นคนมีศีล ปฏิบัติศีล สมาทานศีล คนเราถ้าไม่มีศีลแล้วชีวิตนี้มีแต่ทุกข์...โทษเวรภัย 'ศีล' นี้คือ ธรรมนูญทางจิตใจ และธรรมนูญทางกาย ตัวเราจะมีความสุขก็เพราะ 'ศีล' ครอบครัวเราจะมีความสุขก็เพราะ 'ศีล'
ประเทศชาติสังคมที่มันมีปัญหาก็เพราะสังคมนี้ไม่มีศีล มีการโกงกิน คอร์รัปชันต่างๆ บริษัทอะไรต่างๆ ห้างร้านต่างๆ ที่ไม่ประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะชีวิตที่ไม่สามารถเข้าถึงความดับทุกข์ที่จริง ก็คือขาดเรื่องศีล
'ศีล' นี้คือทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตประจำวันของเราและครอบครัว
'ศีล' นี้คือพื้นฐานของความดี
ที่เรามองเห็นกันทุกวันนี้ เราเห็นคนที่เค้าเลี้ยงชีวิตที่ไม่ชอบ อาชีพขายเหล้าขายเบียร์ อาชีพที่ทำปาณาติบาต อาชีพการพนัน อาชีพที่เป็นข้าราชการนักการเมือง โกงกินคอร์รัปชันก็พากันร่ำรวย พากันเป็นเศรษฐีกันก็หลายคนน่ะ
ความรวยอย่างนั้น การทำมาหากินอย่างนั้น พระพุทธเจ้าท่านสอนว่า... ไม่ใช่การเลี้ยงชีวิตที่ชอบ มันเป็นการพ่ายแพ้ต่อความหลง ต่อความอยาก ความต้องการของตัวเอง ถือว่ายังเป็นผู้พ่ายแพ้ ถึงจะร่ำรวย ก็ชื่อว่ารวยตั้งแต่ภายนอก ถึงจะสวยถึงจะหล่อก็ตั้งแต่ภายนอก ชื่อว่าเป็น "ผู้ที่ยังปรารภโลก ปรารภวัตถุ" ยังถือโลกเป็นใหญ่ ถือวัตถุเป็นใหญ่ ไม่ได้เอาศีล เอาธรรม เอาคุณธรรม
ตัวเราเองหรือคนอื่น... ถ้ามีความคิดอย่างนั้น มีความเข้าใจอย่างนั้น มีการกระทำอย่างนั้น ตัวเราก็จะเข้าสู่การทำร้ายตัวเอง และทำร้ายคนอื่น
การเรียนการศึกษา ถ้าเราเรียน เราศึกษา เพื่อวัตถุ เพื่อผลประโยชน์น่ะ ไม่ได้เน้นเพื่อการเสียสละ ไม่เน้นธรรมะ การศึกษานั้นเข้าถึงทางตันน่ะ
พระพุทธเจ้าท่านมีพระกรุณาสงสารพวกเรา ให้พวกเราพากันแบ่งความสุข แชร์ความสุขกัน มีความเมตตา มีความสงสารกันมากๆ ถ้าเรามองแต่ทางวัตถุน่ะ เราก็จะเผาทั้งตัวเอง เผาทั้งครอบครัว ไม่ได้เลี้ยงชีวิตโดยชอบโดยธรรม
พระพุทธเจ้าท่านให้เราก้าวไปด้วยความดี ก้าวไปด้วยคุณธรรม มีความสุขในการทำงาน มีสมาธิให้แข็งแรงให้มากๆ น่ะ
คนเราน่ะ... อยากจะรวยมันก็เท่าเก่าน่ะ อยากจะเหาะเหินเดินอากาศได้...มันก็ไม่ได้ คิดมากมันก็ต้องปวดหัว คิดมากก็ต้องเป็นโรคประสาท...โรคจิตน่ะ คนเราทุกๆ คนถึงมีความจำเป็นที่จะต้องประพฤติปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวัน
พยายามมาแก้ที่ใจของตัวเองนี้แหละ มาแก้ที่คำพูดของเรา ที่จะต้องแก้ไข มาแก้ที่การกระทำความเคยชินที่มันเป็นบาป เป็นกรรมเป็นอกุศลนั้น ทุกท่านทุกคนต้องหยุด สิ่งที่เป็นความดี เป็นบุญกุศลนั้น ต้องทำและก็ปฏิบัติต่อเนื่อง จนกว่าจะเข้าถึงความสุข...ความดับทุกข์ที่แท้จริง
ทุกท่านทุกคนนั้นต้องมีสติมีสัมปชัญญะ ต้องกลับมาดูตัวเอง กลับมาพิจารณาตัวเอง ส่วนไหนบ้างที่เรามันยังขาดตกบกพร่อง ก็ต้อง แก้ไขใหม่ ปรับปรุงใหม่ ให้เข้าสู่อริยมรรค สร้างเหตุสร้างปัจจัย
ทุกคนน่ะชอบแต่งหน้า แต่งตา แต่งผม ตบแต่งเสื้อผ้าอาภรณ์ แต่งนั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่จะให้ดียิ่งๆ พระพุทธเจ้าให้ตบแต่งในเรื่องจิตเรื่องใจ ในเรื่องคุณธรรมโดยการประพฤติการปฏิบัติ
ที่เรามีปัญหาก็เพราะปฏิบัติตามมรรคมีองค์ 8 ไม่สมบูรณ์ มรรค 8 ที่ไม่สมบูรณ์ก็เหมือนกับร่างกายของมนุษย์ที่ไม่ครบอาการ 32 มรรค 8 ไม่สมบูรณ์ เพราะไม่เห็นความสำคัญในอริยมรรคแต่ละข้อในการประพฤติปฏิบัติ รู้ว่าอันนี้ไม่ดี ก็อย่าไปคิด รู้ว่าคำนี้ไม่ดี ก็อย่าไปพูด รู้ว่ากรรมนี้ไม่ดี ก็อย่าไปทำ นี่คือยังประมาทอยู่ เพลิดเพลินอยู่ ยังตามใจ ตามอารมณ์ ตามความรู้สึก นี่แหละคือ ยังประมาทเพลิดเพลิน ตัตระ ตัตราภินันทินี คือ เพลิดเพลินกับความเคยชินกับความหลงที่กรรมเก่าทำซ้ำๆ กันมาจนเคยชิน อริยมรรคของเรา ถ้าไม่ครบถ้วน มันก็จะไปแก้แต่ปัญหาภายนอก แก้ไขแต่ปัจจัย 4 ไปแก้ไขแต่คนอื่น ไม่ได้แก้ไขตนเอง
ความเป็นจริง เราต้องขอบคุณสิ่งต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาให้เราได้ประพฤติปฏิบัติ โลกก็เป็นอย่างนี้แหละ มีทั้งหนาว ทั้งร้อน มีทั้งฝน มีทั้งแล้ง มีทั้งคนดีคนชั่ว มีทั้งคนเก่งคนฉลาด มีสารพัดปัญหา สารพัดอย่าง เราเกิดมาเพื่อมารู้จักรู้แจ้ง เพื่อแก้ไขใจตนเอง เพื่อประพฤติปฏิบัติให้มรรคสมบูรณ์
ทำไมเราถึงมีเรื่อง มีปัญหาเพราะว่าเราไม่ได้แก้ไขตนเอง มันก็ย่อมมีปัญหา เราเก่งเราฉลาด แต่ในการแก้ปัญหาภายนอก ในเรื่องความรู้ความเข้าใจในทางเศรษฐกิจ การทำมาหากิน แต่ไม่ฉลาดในการแก้พิษแก้ใจ แก้อารมณ์ความประพฤติและการปฏิบัติของตนเอง ทุกคนต้องแก้ปัญหาตนเองให้ได้ อย่าไปโง่หลาย ไปแก้แต่ปัญหาคนอื่น
ให้ทุกท่านทุกคนพากันเข้าใจ อย่าไปคิดว่าทำตามใจเหมือน ทีฆนขสูตร อัคคิเวสสนะโคตร หลานของพระสารีบุตร ที่มาตามหาลุง เห็นพระสารีบุตรถวายงานพระพุทธเจ้าอยู่ที่ถ้ำสุกรขาตา ก็พูดออกมาว่า สิ่งไหนไม่ถูกใจข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่ชอบทั้งหมด แล้วพระพุทธองค์ท่านตรัสบอกเขาว่า ถ้าเช่นนั้นเธอก็พึงไม่ชอบใจความรู้สึกนี้ไปด้วย เขาจึงกลับได้สติยอมฟังธรรมพระพุทธเจ้า และได้ดวงตาเห็นธรรม
ทุกท่านทุกคนอย่าพากันไปคุมคนอื่น อย่าไปจัดการคนอื่น จัดการตนเองยังไม่ได้ ยังจะไปจัดการคนอื่นอย่างนี้ใช้ไม่ได้ หากจัดการตนเองได้ดี จัดการให้มีความเห็นถูกต้อง เข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง ทุกคนเขาก็เลื่อมใส เขาเห็นเรามีความสุข สงบระงับ สำรวมเป็นตัวอย่าง เป็นโมเดลที่ดี คนก็ทำตามปฏิบัติตาม ไปบอกเขาสอนเขา เขาก็เชื่อฟัง
โลกนี้ก็เหมือนกับการเดินหมากชีวิต ดังที่ว่า จะเดินหมากรุกยังต้องคิด เดินหมากชีวิตจะไม่คิดได้อย่างไร เหมือนเขาโยนฟุตบอลมาให้เรา ถ้าเราไม่เตะก็เล่นไม่ได้ ก็ทำงานไม่ได้ อายตนะภายนอกอายตนะภายในมาสัมผัสกระทบกัน ตาเห็นรูป หูได้ยินเสียง กลิ่นได้ดมกลิ่น ลิ้นได้ลิ้มชิมรส กายถูกต้องสัมผัส และใจรับรู้อารมณ์ต่างๆ เราต้องรู้แจ้งด้วยปัญญา แล้วไม่ต้องวุ่นวายไปกับมัน คนเราน่ะ ปรบมือข้างเดียวมันไม่ดังหรอก หากเรารู้เท่าทันอารมณ์ที่เข้ามากระทบ อารมณ์เหล่านั้นก็ทำอะไรเราไม่ได้ เหมือนตบมือข้างเดียวที่ไม่ดัง แต่ถ้าไปมีส่วนร่วมไปผสมโรง ไปคิดปรุงแต่งไหลไปกับมัน ก็เหมือนกับการปรบมือสองข้าง
เราเกิดมาเพื่อมีพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์อยู่ในใจ จะได้เก่งขึ้น ฉลาดขึ้น เราดูโลกภายนอกสิ ที่เหมือนแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ ที่คิดว่า การจะได้ทำตามใจ ตามอารมณ์ ตามความรู้สึกมันเป็นสุดยอด มันเหมือนกับแมลงเม่า ที่ชอบใจในแสง ในสี แต่หารู้ไม่ว่าภายหลังแสงสีนั้นคือความร้อนที่ต้องเผามันตาย เหมือนกับคนที่ไม่รู้จักทุกข์ ไม่รู้จักเหตุให้เกิดทุกข์ แล้ววิ่งเข้าไปหาอบายมุข วิ่งเข้าไปหาความสุขที่ไม่ถูกต้อง สุดท้ายก็ต้องโดนเผาผลาญ แผดเผาให้ตายอยู่ในวัฏสงสารเวียนว่ายตายเกิดไม่รู้จบ เหมือนทะเลไม่อิ่มด้วยน้ำ ไฟไม่อิ่มด้วยเชื้อ คนโลภคนหลงก็ไม่อิ่มเต็มด้วยตัณหา คือ ความทะยานอยาก
ดังนั้นเราจะไปทำตามใจตนเองได้อย่างไรกัน? ทุกคนต้องมาเสียสละปล่อยวางกลับมาหาความสงบ นัตถิ สันติ ปะรัง สุขัง สุขอื่นยิ่งกว่าความสงบไม่มี ความสุขใดๆ ก็ไม่สู้ความสงบระงับด้วยปัญญาในปัจจุบัน นี่แหละคือ พรหมจรรย์ของเรา นี่แหละคือ การประพฤติปฏิบัติของเรา
เราอยู่ในสิ่งที่ประเสริฐเราก็ยังไม่เห็นคุณค่า วาระจิตในปัจจุบันเราต้องรู้จัก เพราะเราไปตามใจ ตามอารมณ์ ตามความรู้สึก ไม่มีใครที่จะดึงเราออกจากอบายมุขอะไรต่างๆ ได้นอกจากตัวของเราเอง บางคนน่ะสมาทานบวชไม่สึกอย่างนี้ พอตั้งอยู่ในความเพลิดเพลินความประมาท คิดในสิ่งที่ไม่สมควรคิด ทำในสิ่งที่ไม่สมควรทำ แล้วมันก็ขยายวงกว้างไปเรื่อย เมื่อก้อนหินก้อนใหญ่มันกลิ้นจากภูเขาสูงชัน มันจะควบคุมได้อย่างไร เรื่องจิตเรื่องใจนี้เป็นสิ่งที่สำคัญ เราต้องสมาทานตั้งใจ เพราะศีลมีอยู่ข้อเดียว มีความเห็นถูกต้อง มีความเข้าใจถูกต้อง แล้วก็ปฏิบัติไม่ประมาท ถ้าอย่างนั้นเราจะไปแก้ปลายเหตุมันไม่ได้
พระพุทธเจ้าถึงแน่ใจพระอรหันต์ทรงสาวกส่งไปประกาศพระศาสนา ถ้าคนเราไม่เพลิดเพลินไม่ประมาท เราก็ไม่มีคนขับรถ ที่อุบัติเหตุก็เพราะประมาท ศีลข้อที่ 5 มันคือรวมเป็นประธานของศีล คือสรุปลงที่ความไม่ประมาท ถ้าประมาทแล้วก็ศีลข้อที่ 1 2 3 4 ก็ไม่ได้ เพราะว่าท่านเป็นผู้ที่ลูบคลำในศีลข้อวัตรข้อปฏิบัติ ทุกคนต้องให้เข้าใจ
เราจะข้ามทะเล ต้องมีเรือ ไม่ใช่จะว่ายข้ามได้ เมื่อไปถึงฝั่งแล้วเราต้องเอาเรือจอดไว้ แล้วไปนั่งรถต่อ นั่งรถนานก็เปลี่ยนมานั่งเครื่อง แต่เมื่อไปถึงจุดหมายปลายทางคือวิมุตติหลุดพ้นแล้ว ก็ต้องลงจากพาหนะเราไม่ได้แบกไปด้วย ความสุขของมนุษย์อยู่ที่เราประพฤติปฏิบัติ ปัญหาอุปสรรคทั้งหลายทั้งปวง มันเป็นความโชคดีของเราที่เราจะได้มาพัฒนาจิตพัฒนาใจของเรา เรียกว่า fight เป็นระดับไป ที่ไหนมีความประพฤติปฏิบัติที่นั่นก็มีมรรคผลพระนิพพาน เราทุกคนที่ทำผิดมาแล้วก็แล้วไป เราต้องกลับมาเอาปัจจุบัน คนเราจะหนุ่มจะแก่ไม่สำคัญ สำคัญที่ เรามีความเห็นถูกต้อง เข้าใจถูกต้อง เสียสละในปัจจุบัน เพราะเราเกิดมาเพื่อมามีปัญญา เพื่อมาปฏิบัติ เพื่อมาเสียสละ เราอย่างไปหลงประเด็น เพราะธาตุขันธ์ต้องเหนื่อยบ้างเป็นธรรมดา ความเหน็ดความเหนื่อย ทำให้เราโชคดีได้รู้จักแยกธาตุแยกขันธ์ ว่านี้มันเป็นเรื่องของกาย ไม่ใช่เรื่องของใจ มันคนละเรื่อง เราจะได้รู้ว่าความสุขทางกายเป็นแบบนี้ จะได้พัฒนาความสุขความดับทุกข์ทางจิตใจ ไม่เข้าไปวุ่นวายกับความสุขทางกาย เพราะเราข้ามฝั่งมาถึงนี้แล้วเราต้องจอดเรือไว้ เราต้องไปเครื่องบินแล้ว เพราะทุกสิ่งทุกอย่างไม่ใช่เราไม่ใช่ตัวของเรา เราต้องพาเข้าใจอย่างนี้ เราจะได้รู้จักคำว่า ศีล สมาธิ ปัญญา เดินตามรอยของพระพุทธเจ้า ตามพระธรรมคำสอนที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ดีแล้ว ที่พระอรหันต์หลายรุ่นท่านได้สังคายนาธรรมวินัยไว้ให้เรา เราต้องเอามาประพฤติปฏิบัติ ไม่อย่างนั้นเราจะมีแต่รูปแบบ มีแต่ศาสนพิธี แบบนี้ไม่ได้ ยังไม่เข้าถึงการประพฤติปฏิบัติ ยังไม่เข้าถึงแก่นศาสนาเลย เลยเป็นเพียงแต่ได้ยินชื่อ เพียงแต่มีแผนที่ในกำมือ แต่ไม่ได้เอามาประพฤติปฏิบัติ
ศาสนาพุทธเป็นศาสนาแห่งปัญญา เป็นศาสนาที่มีเหตุผลตามหลักวิทยาศาสตร์ไม่มีความหลงงมงาย เหมือนที่ประเทศเรากำลังเป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ พระพุทธศาสนาผ่านมา 500 ปีเศษจึงได้มีการสร้างพระพุทธปฏิมา สร้างพระพุทธรูปเป็นครั้งแรกเพื่ออุทิศเป็นอุเทสิกเจดีย์คือเจดีย์ที่เป็นรูปเปรียบของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อเอาไว้เป็นเครื่องระลึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นพุทธานุสสติ แต่บัดนี้มันเลยเถิดไป สร้างมาสารพัดนำมาขาย นำมาจำหน่าย มันกลายเป็นเนื้องอกของพระพุทธศาสนาไปแล้ว การที่จะสร้างวัดสร้างโบสถ์สร้างวิหารสร้างเจดีย์ สร้างมากมายและใหญ่โตสักเท่าใด ก็ไม่สามารถจะทรงพระศาสนา รักษาพระศาสนา ให้เป็นไปได้ ให้ไปรอดปลอดภัย พระพุทธศาสนาไม่ใช่โบสถ์วิหารไม่ใช่พระธาตุเจดีย์ พระพุทธศาสนาที่แท้จริงคือ ความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้องของเราทุกๆ คน เป็นการปฏิบัติบูชา การรักษาศีลให้บริสุทธิ์ นั่นคือการปฏิบัติบูชา การทำสมาธิเพื่อความตั้งมั่นในธรรม นั่นคือการปฏิบัติบูชา การเจริญปัญญาไม่ทำตามใจ ตามอารมณ์ตามความรู้สึก ตามความหลง เสียสละทุกอย่างออกจากใจ เป็นการปฏิบัติบูชา
พระพุทธศาสนาไม่ใช่เรื่องที่จะไปแก้ไขบุคคลอื่น ต้องแก้ตนเองทั้งหมด แก้ตนเองให้เป็นศีลเป็นธรรมเป็นคุณธรรม ไม่ติดในความสุขในความสะดวกสบาย ปัจจัยทั้ง 4 ที่เราบริโภคจะได้มีแต่คุณ ไม่มีโทษ ที่ติดในความสุขสบายก็เป็นแต่การพัฒนาวัตถุภายนอก แต่ไม่ได้พัฒนาใจให้เสียสละให้เกิดสติเกิดปัญญา เมื่อมีการเข้าใจผิดปฏิบัติผิด จนเป็นส่วนใหญ่เป็นส่วนมาก เราจะไปแก้คนอื่นมันก็ไม่ได้ ทุกท่านทุกคนต้องมาแก้ตัวตนเอง ปฏิบัติตนเองเพราะเราไปแก้คนอื่นไม่ได้ ตามหลักแล้วพระพุทธเจ้าไม่ให้มองคนอื่นในแง่ไม่ดี แต่มองให้เกิดปัญญาว่าอันไหนไม่ดีอย่าไปทำตามเขา
"ส่วนมาก คนมักมีจิต คิดจะเป็น ผู้พิพากษา ที่เที่ยวไป พิจารณา เเต่โทษา ของผู้อื่น.."
มองเห็นเเต่ความไม่ดีของผู้อื่น ดีอยู่เเต่ตนคนเดียวนั่นล่ะ
คนประเภทนี้มีอยู่ทั่วไป น่าสงสารนัก พิจารณาตน เตือนตน คนเช่นนี้คือบัณฑิต
เราต้องจับหลักให้ดี เอาพระพุทธเจ้าเอาพระอรหันต์เป็นหลัก การประพฤติปฏิบัติเราไม่ต้องไปดูคนอื่น เราทุกคนต้องเข้าสู่ภาคประพฤติปฏิบัติ เพื่อแก้ปัญหาปรับปรุงตนเอง เราถึงจะเป็นผู้นำตนเองออกจากวัฏสงสารได้ เราไม่ต้องไปสนใจเรื่องศาสนาเสื่อม ถ้าใจของเราไม่เสื่อมอะไรมันจะเสื่อม ส่วนใหญ่มันเสื่อมมาจากใจเรานี่แหละ ถ้าเราจะไปแก้ภายนอก มันแก้ไม่ได้หรอก เราต้องมาแก้ตัวตนเองให้เต็ม 100% เพราะการบอกการสอนร้อยครั้งพันครั้ง ก็ไม่สู้การประพฤติปฏิบัติให้ดู ตัวอย่างที่ดี มีค่ามากกว่าคำสอน พระด้วยกันจึงไม่เคารพผู้ที่สอนเก่ง แต่การประพฤติปฏิบัติไม่ดี คนอื่นไม่รู้ความประพฤติเขาก็อาจจะเคารพเลื่อมใส ดังนั้นจึงต้องถึงพร้อมทั้งปริยัติปฏิบัติและปฏิเวธ
แจกปัญญา แจกศาสนา แจกธรรมวินัย แจกสิ่งที่ถูกต้อง
เพื่อเดินตามรอยพระพุทธเจ้าร้อยเปอร์เซ็นต์
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
โดยทุกท่านสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่
https://linktr.ee/watsubthawee
Share wisdom, spread Buddhism and its discipline.
Advocate righteousness to follow Lord of Buddha's footsteps 100%
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
You can receive new Dharma updates.
https://linktr.ee/watsubthawee