แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
โอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ที่หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม เมตตาให้นำมาบรรยาย
บรรยายธรรมโดย พระมหาอนุชน สาสนกิตติ (ป.ธ.๙, ดร.)
ในวันพฤหัสบดีที่ ๘ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๖
ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา
เรื่อง คุณของพระพุทธเจ้า ตอนที่ ๘ พึงประพฤติธรรมให้สุจริต ไม่พึงประพฤติธรรมนั้นให้ทุจริต ผู้ประพฤติธรรมเป็นปกติ ย่อมอยู่เป็นสุขในโลกนี้และโลกหน้า
(บางส่วนจากโอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า)
ผู้ที่เกิดมา มีสาเหตุมาจากอวิชชา มาจากความหลง เราเป็นมนุษย์เป็นผู้ที่ประเสริฐ ต้องพากันเข้าใจนะ เราต้องประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า เราจะทำตามอวิชชาทำตามความหลงของตัวเองไม่ได้ มันเป็นการเดินทางที่ผิดโดยที่เราไม่เข้าใจ ถึงเรียกว่าอวิชชาความหลง ชีวิตของเราที่ทำไม่ถูกมันจึงเป็นชีวิตที่ทุจริต แต่เราทุกคนก็ไปว่าให้คนอื่นว่าพากันทุจริตพากันโกงกินคอร์รัปชั่น
เราคิดดูดีๆ ด้วยสติด้วยปัญญา ที่เราเวียนว่ายตายเกิด ก็เพราะว่าชีวิตของเราได้ทำตามความไม่รู้ความไม่เข้าใจที่เป็นอวิชชาเป็นความหลง เป็นชีวิตที่ทุจริต ทุกคนต้องหยุดทุจริต ที่จะเข้าถึงความสุจริตได้ก็ต้องเข้าหาความถูกต้องเข้าสู่กิจกรรมคือศีลคือสมาธิคือปัญญา ที่ทุกๆ คนต้องพากันประพฤติพากันปฏิบัติพากันแก้ไขตนเอง นี้คือยานพาหนะที่จะนำเราออกจากวัฏสงสาร ทุกคนต้องปิดอบายมุขอบายภูมิของตัวเอง ถ้าทุกคนเข้าใจอย่างนี้ปฏิบัติอย่างนี้ ทุกคนก็จะหมดปัญหาไม่มีปัญหา
เรื่องทุจริตโกงกินคอร์รัปชั่น เราอย่าถือว่าเป็นเรื่องไม่สำคัญนะ เราพากันทุจริตด้วยกันจนเป็นประชาธิปไตย พระพุทธเจ้าถึงให้เว้นจาก ใจทุจริต กายทุจริต ชีวิตของมนุษย์ถึงจะก้าวไปได้ด้วยการประพฤติปฏิบัติของเราเอง นี่คือการรู้ทุกข์ รู้เหตุเกิดทุกข์ รู้ข้อปฏิบัติเพื่อออกจากทุกข์ รู้ที่สุดแห่งกองทุกข์
เราจะไปตามใจตัวเอง ตามอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ถ้าเราตามใจตัวเอง ก็รอดูว่าจะ เราจะเสียหายเท่าไหร่ ส่วนรวมจะเกิดความเสียหายเท่าไหร่ ที่เราไม่ได้ทำหน้าที่ของตัวเองให้สมบูรณ์ อาจจะส่งผลให้ประเทศยากจน ทำให้เกิดขโมย มีการโกงกิน การคอรัปชั่น มันไม่ถูก
ผู้ที่เป็นข้าราชการ ทุกอย่าง เราต้องตั้งใจทำงาน มีความสุขกับการทำงาน เหมือนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาภูมิพลอดุลยเดช เหมือนพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าทรงบรรทมวันนึง ๔ ชั่วโมง ทรงทำงานวันละ ๒๐ ชั่วโมง เพราะความสุขของท่านคือการเสียสละ ไม่ใช่เรามาเห็นแก่ตัว ถ้าเราไปเห็นแก่ตัว มันจะเสียหาย บางทีนะ เราคิดว่าเราจะไปเป็นข้าราชการ การที่ไม่ทำหน้าที่ให้สมบูรณ์ อย่างนี้เขาเรียกว่า โกงกินหลวง แล้วก็ไม่ทำหน้าที่ให้ดีอย่างมีความสุข แล้วก็โกงกินราษฎร คือพวกที่กินใต้โต๊ะ พวกตำรวจที่เก็บส่วยบนถนนหนทาง คือพวกที่มาจากอบายมุข ที่มันเป็นระบบโกงกินคอรัปชั่นของประเทศไทยเรา มันเป็นการฉ้อราษฎร์บังทั้งหลวง เราเห็นว่า เงินได้มาส่งลูกเราเรียน ทำกิจการต่างๆ มันก็เป็นเงินจากความไม่ถูกต้อง นักวิชาการได้แบ่งคอร์รัปชั่นเป็น ๓ ระดับ คือ
๑. การคอร์รัปชั่นระดับบุคคล โดยการคอร์รัปชั่นของบุคคล เป็นคอร์รัปชั่นขั้นพื้นฐาน ที่มีอยู่ทั่วไปในกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนา ซึ่งมีสาเหตุมาจากทั้งปัจจัยภายในและภายนอก อันได้แก่ความย่อหย่อนในศีลธรรม และคุณธรรม ความขาดแคลน รายได้ไม่เพียงพอ กับรายจ่าย ความอยากได้ใคร่ดีความกลัวว่าจะน้อยหน้าคนอื่น การแข่งขันในทางวัตถุความมักได้ความเคยชิน และความคิดว่าคอร์รัปชั่นเป็นเรื่องปกติใครๆ เขาก็ทากันทั้งนั้น โดยเริ่ม จากการรับหรือเรียกร้องสินน้ำใจ ค่าน้ำร้อนน้ำชา ค่าซื้อความสะดวก เงินใต้โต๊ะ เพื่อให้เรื่องต่างๆ ดำเนินไปด้วยความสะดวกและรวดเร็วไม่ติดขัด หากไม่ได้รับเงินพิเศษ หรือการเลี้ยงดู ปูเสื่อ ก็อาจจะเกิดการกักเรื่องหรือกลั่นแกล้งให้เกิดความล่าช้าและความเสียหายได้
๒. การคอร์รัปชั่นระดับสถาบัน คอร์รัปชั่นได้แพร่ขยายเข้าไปสู่สถาบัน กลายเป็นประเพณีปฏิบัติขององค์กร โดยเฉพาะบางองค์กรซึ่งมีหน้าที่เกี่ยวข้องกับพ่อค้า นักธุรกิจ และ ประชาชน เกิดเป็นระบบหน้าม้าที่รับติดต่อกับองค์กรเหล่านั้นแทนประชาชน เกิดการกินหัวคิว สินบนการส่งส่วย การฮั้วการประมูล ไปจนถึงลูกเล่นพลิกแพลงต่างๆ ซึ่งส่วนมากคอร์รัปชั่นในระดับสถาบันนี้จะทำกันเป็นทีม มีการแบ่งหน้าที่และผลประโยชน์กันอย่างเป็นขบวนการ ซึ่งเมื่อปล่อยทิ้งไว้นานเข้า ก็กลายเป็นการยากที่จะถอนยวงหรือสืบสาวไปถึงตัวใหญ่ได้
๓. การคอร์รัปชั่นในรูประบบ เป็นคอร์รัปชั่นที่อันตรายที่สุด ซึ่งมักจะเป็นการร่วมมือกันของฝ่ายคอร์รัปชั่นเชิงนโยบาย หรือคอร์รัปชั่นเชิงบริหาร เป็นการโกงในระดับชาติโดย นักการเมืองที่ทำหน้าที่บริหารประเทศ ตัวอย่างที่เห็นได้บ่อย ก็คือโครงการอภิมหาโปรเจ็คต่างๆ การกำหนดคุณสมบัติของการจัดซื้อจัดจ้างให้ตรงกับของหรือบริษัทที่แอบตกลงกันไว้ล่วงหน้าแล้ว หรือที่เรียกว่าล็อคสเป็ค รวมถึงการเรียกเงินปากถุงหรือเปอร์เซ็นต์สำหรับการเซ็นอนุมัติ โครงการต่างๆ การดักซื้อที่ดินราคาถูกเพื่อโก่งราคาขายให้รัฐในการสร้างถนนหรือสถานที่ ราชการเป็นต้น
การทุจริตและประพฤติมิชอบมิได้มีแต่ในสมัยนี้เท่านั้น แม้แต่ในสมัยพุทธกาลกว่าสองพันปี มาแล้วก็มีการทุจริตและประพฤติมิชอบเช่นเดียวกัน ดังที่มีการเล่าไว้ในธนัญชานิสูตร ดังต่อไปนี้ ญาติคนหนึ่งของพระสารีบุตรมีชื่อว่าธนัญชานิพราหมณ์ เขาเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ใน การรับราชการช่วงแรก เขาปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตเพราะได้ภรรยาที่เป็นสัมมาทิฏฐิคอยตักเตือนเขา แต่ตอนหลังเขาได้ภรรยาใหม่ที่เป็นมิจฉาทิฏฐิเห็นผิดจากทำนองคลองธรรม ธนัญชานิพราหมณ์จึงหันมาประพฤติทุจริตต่อหน้าที่ด้วยวิธีการ ๒ อย่าง ดังนี้
วิธีการแรก เขาอาศัยพระราชาปล้นประชาชน คือ อ้างกฎหมายหรือใช้อำนาจรัฐเพื่อแสวงหาประโยชน์จากประชาชน วิธีการนี้เรียกว่า การฉ้อราษฎร์ วิธีการที่สอง เขาอาศัยประชาชนปล้นพระราชา คือ เบิกเงินจากคลังหลวงโดยอ้างว่าจะนำไปช่วยประชาชนผู้ประสบภัย แต่เงินนั้นไม่ถึงมือประชาชนเพราะเขานำเงินไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตน วิธีการนี้เรียกว่า การบังหลวง ต่อมาเมื่อพระสารีบุตรได้พบกับธนัญชานิพราหมณ์ พระเถระได้ถามเขาว่า เขาทำการฉ้อราษฎร์บังหลวงตามที่มีผู้รายงานให้ท่านทราบจริงหรือ ธนัญชานิพราหมณ์รับสารภาพว่าเขาได้ทำเช่นนั้นจริง พระสารีบุตรถามว่า ทำไมจึงทำเช่นนั้น ธนัญชานิพราหมณ์ตอบว่า เหตุที่เขาทำการฉ้อราษฎร์บังหลวง เพราะเขาต้องนำเงินที่ได้จากการทุจริตประพฤติมิชอบไปเลี้ยงดูบิดามารดา บุตร ภรรยา ทาสและกรรมกร
พระสารีบุตรได้ตักเตือนธนัญชานิพราหมณ์ว่า ผู้ทำการทุจริตประพฤติมิชอบตายไปแล้วต้องตกนรก คำแก้ตัวที่ว่าเขาจำเป็นต้องทำการทุจริตประพฤติมิชอบเพื่อนำเงินไป เลี้ยงดูบิดามารดา บุตร ภรรยา ทาสและกรรมกรนี้ฟังไม่ขึ้น
เรื่องเล่าในธนัญชานิสูตรนี้แสดงให้เห็นถึงวิธีการหนึ่งที่ธนัญชานิพราหมณ์ใช้ฉ้อราษฎร์บังหลวงก็คือ การอาศัยพระราชาปล้นประชาชน นั่นคือบุคคลอย่างธนัญชานิพราหมณ์อาศัยช่องโหว่ของกฎหมายบ้าง ความหละหลวมในการกำกับดูแลของผู้บังคับบัญชาบ้าง เป็นโอกาสในการ แสวงหาประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่ราชการ บุคคลเช่นนี้มีปรากฏอยู่ทุกยุคทุกสมัย ดังมีเรื่องเล่า เกี่ยวกับการทุจริตของคนไทยในอดีตว่า สวนสัตว์แห่งหนึ่งได้เสือโคร่งใหม่มาตัวหนึ่ง ผู้อำนวยการสวนสัตว์แห่งนั้นตั้งงบประมาณเป็นค่าอาหารเสือตัวนี้วันละ ๑ บาท ซึ่งเป็นเงินจำนวนมากในสมัยนั้น ผู้คุมเบิกเงินวันละ ๑ บาทไปซื้อเนื้อมาเลี้ยงเสือ แต่เขาทำการทุจริตต่อหน้าที่ด้วยการเบียดบัง เงิน ๑ สลึงไปเป็นของตน เขาใช้เงินเพียง ๓ สลึงไปซื้อเนื้อมาเลี้ยงเสือทุกวัน ผลปรากฏว่าเสือไม่อ้วนสักที คนที่มาชมสวนสัตว์จึงฟ้องไปที่ผู้อำนวยการสวนสัตว์ว่า งบประมาณค่าอาหารเสือคงไม่พอ ขอให้ตั้งงบประมาณเพิ่ม ผู้อำนวยการสวนสัตว์เป็นคนรอบคอบสุขุม เขาส่งผู้ตรวจการคนหนึ่งไปตรวจดูว่าทำไมเสือจึงไม่อ้วน ผู้ตรวจการคนนี้ไปตรวจดูอยู่สามวันก็รู้ความจริงว่าเงินค่าอาหาร เสือถูกเบียดบังไป ๑ สลึง เขาจึงขอส่วนแบ่งเป็นค่าปิดปากอีก ๑ สลึง เสือได้ค่าอาหารแค่วันละ ๒ สลึง เสือจึงผอมลงอย่างเห็นได้ชัด
ผู้ชมสวนสัตว์เห็นว่าเสือผอมจึงร้องเรียนไปยังผู้อำนวยการสวนสัตว์ให้ตั้งงบประมาณค่าอาหารเพิ่ม ผู้อำนวยการสวนสัตว์ก็ส่งผู้ตรวจการระดับสูงไปตรวจดูว่าทำไมเสือจึงผอม ผู้ตรวจการคนนี้ไปตรวจดูอยู่สามวันก็รู้ความจริงว่าเงินค่าอาหารเสือถูกเบียดบังไป ๒ สลึง เขาจึงขอส่วนแบ่งเป็นค่าปิดปากอีก ๑ สลึง ตกลงว่า คนสามคนเบียดบังค่าอาหารเสือไปถึง ๓ สลึง เสือ ได้ค่าอาหารแค่วันละ ๑ สลึง เสือจึงผอมมากเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ผู้ชมสวนสัตว์เห็นว่าเสือผอมมากจึงร้องเรียนไปยังผู้อำนวยการสวนสัตว์ให้ตั้งงบประมาณ ค่าอาหารเพิ่มโดยด่วน แต่ผู้อำนวยการสวนสัตว์กลับส่งผู้ตรวจการระดับสูงสุดไปตรวจดูว่าทำไมเสือจึงผอมมาก ผู้ตรวจการคนนี้ไปตรวจดูอยู่สามวันเสือก็ตาย เพราะเขาขอสลึงสุดท้ายเป็นค่าปิดปาก นั่นคือคน ๔ คนเบียดบังค่าอาหารเสือไปจนหมดเสือจึงตาย โคลงโลกนิติได้สรุปเหตุการณ์นี้ไว้ว่า
เบิกทรัพย์วันละบาทซื้อ มังสา
นายหนึ่งเลี้ยงพยัคฆา ไป่อ้วน
สองสามสี่นายมา กำกับ กันแฮ
บังทรัพย์สี่ส่วนถ้วน บาทสิ้นเสือตาย
ในเรื่องนี้ เสือก็คือประชาชนที่ถูกเอารัดเอาเปรียบโดยผู้ใช้อำนาจรัฐในทางมิชอบด้วยกฎหมายและศีลธรรม การป้องกันไม่ให้ปัญหาเช่นนี้เกิดขึ้นต้องอาศัยการที่พระราชาหรือผู้นำรัฐต้องประพฤติสุจริตธรรมและคอยกำกับดูแลให้คนใต้ปกครองปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตตามไปด้วยทั้งนี้เพราะอาศัยระบบการให้รางวัลและการลงโทษที่เคร่งครัดและเป็นธรรม สมดังพระบาลี ที่ว่า “นิคคัณเห นิคคะหาระหัง ข่มคนที่ควรข่ม ปัคคัณเห ปัคคะหาระหัง ยกย่องคนที่ควรยกย่อง” และพระบาลีในธรรมิกสูตรที่ว่า “คุนนัญเจ ตะระมานานัง อุชุง คัจฉะติ ปุงคะโว” เป็นต้น แปลความว่า “เมื่อฝูงโคข้ามแม่น้ำไปอยู่ ถ้าโคจ่าฝูงไปตรง โคลูกฝูงเหล่านั้นทั้งหมดย่อมไปตรงตาม ในเมื่อโคจ่าฝูงไปตรง ในหมู่มนุษย์ก็เหมือนกัน ผู้ใดได้รับสมมติให้เป็นผู้นำ ถ้าผู้นั้น ประพฤติธรรม ประชาชนนอกนี้ย่อมประพฤติธรรมเหมือนกัน”
ธนัญชานิสูตรยังได้แสดงให้เห็นอีกวิธีการหนึ่งที่บุคคลอย่างธนัญชานิพราหมณ์ใช้ในการฉ้อราษฎร์บังหลวง นั่นคือ เขาอาศัยประชาชนปล้นพระราชา ซึ่งในสมัยปัจจุบันทำกันได้หลายรูปแบบ เช่น การร่วมกับประชาชนบุกรุกป่าสงวนหรือตัดไม้ทำลายป่า การฮั้วการประมูล การทำ สัญญาชนิดที่ทำให้รัฐเสียเปรียบคู่สัญญา รวมทั้งการซื้อสิทธิ์ขายเสียงในการเลือกตั้งทุกระดับ ปัญหาเหล่านี้เกิดจากการที่ประชาชนให้ความร่วมมือในการทุจริตและประพฤติมิชอบเพราะหวังผลประโยชน์ตอบแทน ดังนั้น องค์การสหประชาติจึงกำหนดให้วันที่ ๙ ธันวาคมของทุกปีเป็นวัน ต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่นของโลก โดยรณรงค์ให้ประชาชนทั่วโลกพร้อมใจกันที่จะไม่จ่ายและไม่รับสินบน
การต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบทั้งในและนอกวงราชการจะประสบความสำเร็จก็ต่อเมื่อประชาชนได้รับการปลูกฝังให้มีโลกปาลธรรมคือธรรมเครื่องคุ้มครองโลก ๒ ประการ ได้แก่ ๑) หิริ ความอายชั่ว และ ๒) โอตตัปปะ ความกลัวบาป สมดังพระบาลีที่ว่า “เทฺว เม ภิกขะเว สุกกา ธัมมา โลกัง ปาเลนติ” เป็นต้นแปลความว่า “ธรรมฝ่ายขาว ๒ ประการนี้ย่อม คุ้มครองโลก ธรรม ๒ ประการเป็นไฉน คือ หิริ ๑ โอตตัปปะ ๑” ธรรมทั้งสองประการนี้เรียกว่า ธรรมเครื่องคุ้มครองโลกเพราะช่วยประคับประคองให้ระบบศีลธรรมของโลกดำรงอยู่ได้ ถ้าไม่มีธรรมเครื่องคุ้มครองโลกทั้งสองประการนี้มนุษย์ย่อมไม่ต่างจากสัตว์เดรัจฉาน สมดังภาษิตหิโตปเทศที่ว่า “การกิน การนอน การกลัวภัย และการสืบพันธุ์ทั้งสี่อย่างนี้มีเสมอกันในมนุษย์และ สัตว์เดรัจฉาน ธรรมเท่านั้นที่ทำให้มนุษย์ต่างจากสัตว์เดรัจฉาน เมื่อปราศจากธรรม มนุษย์ก็ เสมอกับสัตว์เดรัจฉาน” ธรรมที่ทำให้มนุษย์ประเสริฐกว่าสัตว์เดรัจฉานก็คือโลกปาลธรรมหรือ ธรรมฝ่ายขาว ๒ ประการได้แก่ หิริและโอตตัปปะ สมดังที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในธรรมสูตรว่า “ถ้าธรรมฝ่ายขาว ๒ ประการนี้จะไม่พึงคุ้มครองโลกไซร้ ในโลกนี้ก็ไม่พึงเหลือคำว่า แม่ น้า ป้า ภรรยาของอาจารย์หรือว่าภรรยาของครูปรากฏอยู่ ชาวโลกจักถึงการผสมปะปนกันไป เหมือน อย่างแพะ แกะ ไก่ สุกร สุนัข สุนัขจิ้งจอก ฉะนั้น ภิกษุทั้งหลาย ก็เพราะเหตุที่ธรรมฝ่ายขาว ๒ ประการนี้ยังคุ้มครองโลกอยู่ ดังนั้น จึงยังเหลือคำว่า แม่ น้า ป้า ภรรยาของอาจารย์ หรือว่า ภรรยาของครูปรากฏอยู่”
ในบรรดาธรรมเครื่องคุ้มครองโลกทั้งสองอย่างนั้น หิริ ความอายชั่ว หมายถึง ความละอายต่อการทำบาปกรรมหรือความชั่วทั้งปวง เป็นการมองเห็นความชั่วหรือบาปกรรมว่าเป็นสิ่งสกปรก ที่ไม่ควรจะข้องแวะด้วย ทั้งนี้เพราะเชื่อมั่นในความดีและศักดิ์ศรีของตนจนไม่ประสงค์จะลดตัวลงไปเกลือกกลั้วกับความชั่วทั้งหลาย ท่านเปรียบหิริเหมือนความรู้สึกของคนที่อาบน้ำชำระล้าง ร่างกายจนสะอาดหมดจดแล้วย่อมไม่ประสงค์จะให้ร่างกายไปแปดเปื้อนกับสิ่งสกปรกอีก โอตตัปปะ ความกลัวบาป หมายถึง ความกลัววิบากหรือผลของความชั่วที่จะตามมาสร้าง ความทุกข์ให้กับชีวิต ความกลัวผลร้ายที่จะตามมานี้สามารถห้ามมิให้คนทำชั่วได้ ผลร้ายนั้นเป็นได้ ทั้งความทุกข์ในชาตินี้และในชาติหน้า ท่านเปรียบโอตตัปปะเหมือนความรู้สึกของคนที่เห็นถ่านเพลิงติดไฟลุกโชนแล้วไม่กล้าจับเพราะกลัวความร้อนเผามือของตน
ต้นเหตุแห่งการทุจริตคอรัปชั่นแท้จริง คือ กิเลส ความโลภ ก็เป็นสิ่งสำคัญ ส่วนแนวทางแก้ปัญหา ต้องแก้ที่ต้นเหตุ คือเอาธรรมะ เข้าดับไฟกิเลส โดยเฉพาะ เราจะตามใจตัวเองตามอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ตามอัธยาศัยก็เรียกว่าเป็นอบายมุขอบายภูมิ ตั้งอยู่ในความหลงความประมาท ถึงเราจะเรียนปริญญาตรีปริญญาโทปริญญาเองตั้งหลายใบ เราจะรวยเป็นเศรษฐีเป็นมหาเศรษฐีของประเทศของโลก มันก็ยังไม่ถูกต้อง มันยังทุจริตอยู่
ทุกท่านทุกคนต้องพากันมาแก้ไขตัวเอง นี่คือหน้าที่คือการงานที่รีบด่วน เรามีศาสนาที่ดีแล้วถูกต้องแล้ว ถ้าเราไม่ได้เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ เราก็มีศาสนาไว้ทำลายโลก เพราะผู้ที่ถือแบรนด์เนมของศาสนายังตามใจตัวเองตามอัธยาศัยตัวเองอยู่ มันแก้ปัญหาโลกไม่ได้
ชีวิตของเราจะมีความสุขความดับทุกข์ในชีวิตประจำวัน เมื่อได้ไฟติ้งกับตัวเอง ได้แก้ไขตัวเอง ได้ประพฤติปฏิบัติ ทุกท่านต้องมีความสุขในการประพฤติปฏิบัติ
อวิชชาความหลงมันเป็นเรื่องจิตใจไม่ใช่เรื่องกาย มันหยาบ มันไม่ถูกต้อง ถึงได้มีกฎหมายบ้านเมืองที่มาจัดระเบียบเพื่อควบคุมโลกนี้ให้สงบร่มเย็น แต่การที่มีกฎหมายบ้านเมืองมันเป็นการแก้ที่ปลายเหตุ ต้นเหตุคือเรามีอวิชชามีความหลงเป็นพ่อเป็นแม่เป็นพื้นฐาน พื้นฐานที่ดีจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ พระพุทธเจ้าจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ ธรรมะจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ กิจกรรมคือข้อวัตรข้อปฏิบัติที่เป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญาบริสุทธิคุณจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ ให้ทุกท่านทุกคนพากันมีความสุขความดับทุกข์ในชีวิตประจำวัน เราจะได้พากันใช้ทรัพยากรของโลกนี้อย่างถูกต้อง เราจะได้ส่งไม้ผลัดให้กับลูกหลานกับคนอื่น เราจะได้พากันเป็นพระที่อยู่ในบ้านในสังคม ตั้งแต่พระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี ผู้ที่มาปลงผมห่มจีวรก็พากันเป็นพระโสดาบันไปจนถึงพระอรหันต์
ถ้าปัจจุบันไม่เข้าใจศาสนาไม่เข้าสู่ภาคประพฤติปฏิบัติ ถึงจะเรียน ป.ธ.๙ ก็เรียกว่าเป็นเพียงนักปรัชญา มันเป็นการเรียนแผนที่เฉยๆ ยังไม่เข้าสู่ภาคประพฤติปฏิบัติ ถ้าเราลงมือประพฤติปฏิบัติทุกคนก็ยอมรับได้ ทุกคนก็ไว้วางใจ ทุกคนเมื่อเข้าสู่การประพฤติปฏิบัติก็เรียกว่า สุจริต
พระภิกษุ สามเณร แม่ชี ผู้ปฏิบัติธรรม ที่อยู่ในวัดก็ให้พากันประพฤติปฏิบัติให้เต็มที่เลย เราจะมาอยู่วัด ๑ วันก็ช่างหัวมัน อยู่ ๗ วันก็ช่างหัวมัน ให้ตั้งใจประพฤติปฏิบัติเอาให้เต็มที่เต็มร้อย เน้นเรื่องจิตใจที่จะแก้ทุจริต การประพฤติปฏิบัตินี้ต้องอาศัยเวลาอาศัยการปฏิบัติที่ติดต่อต่อเนื่อง เหมือนไก่ฟักไข่ก็ต้องใช้เวลา ๒๑ วัน เราจะหยุดวัฏสงสารก็ต้องใช้เวลาที่ติดต่อต่อเนื่องมากกว่านั้น พระพุทธเจ้าถึงให้ถือนิสัยของพระพุทธเจ้า ผู้ที่มาบวชนี้ให้ถือนิสัยติดต่อกัน ๕ ปี อันนี้ไม่คิด อันนี้ไม่พูด อันนี้ไม่ทำ เข้าสู่ธรรมวินัยต่อเนื่อง ๕ ปี ชีวิตถึงจะสอบเข้าได้ เราไม่มีสิทธิ์ทำตามอัธยาศัย
อัธยาศัยคือความเสื่อม ความตกต่ำ เรื่องการประพฤติปฏิบัติมันเป็นเรื่องของเราทุกคน ไม่เกี่ยวกับคนอื่น เราอย่าคิดว่าสถานที่ไม่ดี ไม่พร้อม อันนี้เป็นการแก้ตัวเป็นความเห็นแก่ตัวเฉยๆ เราทุกคนต้องว่างจากสิ่งที่มีอยู่ อย่าไปว่างจากสิ่งที่ไม่มี มันไม่ใช่ศาสนาพุทธ อย่าไปถือว่าการรักษาพระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่เป็นภาระ เป็นเรื่องไม่จำเป็น คิดว่าสิกขาบทนี้มีไว้เพื่อร้อยกรองผู้ที่อยู่ในพระศาสนา นี่เรียกว่าเป็นพวกนักปรัชญา พวกที่เรียนสูง พวกซิกแซก พวกเอาตัวตนเป็นหลัก ทุกคนมันต้องไม่โง่ไปมากกว่านี้ วัดบ้านวัดป่าก็ต้องปฏิบัติเหมือนกัน อย่าไปว่ามันเข้าสังคมไม่ได้ เราจะเอาคน ๗,๐๐๐ ล้านคนเป็นบรรทัดฐานไม่ได้ มันยังเป็นแก๊งเป็นโจรอยู่ เป็นชีวิตที่ทุจริตอยู่
คำว่าวัด ถึงเป็นข้อวัตรข้อปฏิบัติ บางทีก็มีความเห็นผิดเข้าใจผิดว่า เรานี่ต้องมาแก้ไขคนอื่นช่วยเหลือคนอื่นมันเป็นการเสียเปรียบ คิดอย่างนี้มันเป็นอวิชชาเป็นความหลง คนเราถ้าไม่ได้เสียสละนั่นแหละคือคนเสียเปรียบ มีอวิชชามีความหลงมาข่มเหงเหยียบหัว ถูกกระทืบอย่างน่าสมเพช
แต่ก่อนคิดว่าเจ้านั้นเป็นมหาอำนาจของโลก เป็นมหาเศรษฐีของโลก การรวยอย่างนี้ต้องรวยให้ถูกต้องต้องพัฒนาทั้งทางวัตถุเทคโนโลยีพัฒนาจิตใจไปพร้อมๆ กัน
การปฏิบัติธรรมนั้นเป็นสิ่งที่ดีมาก เป็นหลักเหตุผลที่พัฒนาทั้งทางวิทยาศาสตร์และทางจิตใจไปพร้อมๆ กัน ถ้าเรามีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้อง สงครามโลกก็จะไม่มี การแตกแยกระหว่างประเทศ แตกแยกภายในประเทศ แตกแยกภายในครอบครัวก็จะไม่มี เพราะว่าพากันหยุดอวิชชาหยุดความหลงของเราทุกๆ คน ตามใจตัวเองตามอารมณ์ตัวเองตามความหลงเป็นการสร้างแก๊งของโลก ประเทศนู้นประเทศนี้จับกันเป็นทีม เป็นแก๊ง เป็นระบบหมู่เฮา พวกเราอย่าให้อวิชชาความหลงมาจัดการเรา ถ้าทุกท่านทุกคนพากันประพฤติปฏิบัติ พวกเราจะพากันฉลาด เราจะได้ไม่พากันบริโภคความโง่ความหลงงมงาย จะได้ไม่พากันแบกโลก จะได้วางภาระที่เป็นอัตตาตัวตนที่คนเขลาหลงอยู่ แต่ผู้รู้ต้องเสียสละต้องปล่อยวาง
พวกเรามาบวชมาปฏิบัตินี้มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในโลก เพราะเป็นการปฏิบัติบูชา เราอย่าพากันมาเป็นนักบวชที่โง่ที่สุดในโลก ทิ้งศีลทิ้งธรรมทิ้งมรรคผลพระนิพพาน มาเอาศาสนาทำมาหาเลี้ยงชีพอย่างนี้ไม่ได้ไม่ถูกต้อง เมื่อพวกเราพากันเป็นโจร ลูกหลานเรามาบวชก็ต้องเป็นโจรตาม เพราะสายพันธุ์ไม่ดี สายพันธุ์โจร สายพันธุ์มหาโจร ทิ้งสิกขาบทน้อยใหญ่ พากันมาถือยศถือตำแหน่ง ไม่ถือธรรมวินัย มาถือเงินถือผู้หญิงถือกามเป็นหลัก มันไม่ถูกต้อง พากันมานิสัยหยาบไปเรื่อย พากันไปขับรถซื้อหวยแทงล๊อตเตอรี่ ปล่อยให้วัดสกปรก ปล่อยให้ใจสกปรก อย่างนี้มันอยู่ในการทุจริต เป็นการทำลายพระพุทธเจ้าทำลายพระธรรมทำลายพระสงฆ์ที่อยู่ในตัวของเราเอง ทำลายมรรคผลนิพพานของกุลบุตรลูกหลาน การเทศน์การสอนก็เพียงไปจำหนังสือตำรามาว่ากัน ผู้ฟังก็ไม่ศรัทธาในตัวบุคคล ธรรมะที่เป็นสิ่งที่มีค่าก็มีผลน้อยเพราะว่าผู้ที่เทศน์เองก็ยังมีความทุจริตอยู่ มรรคผลนิพพานเป็นสิ่งที่ไม่ล้าสมัย เป็นสิ่งที่ทันสมัย ให้ทุกท่านทุกคนพากันเข้าใจ เราทุกท่านทุกคนต้องช่วยกันเป็นกำลังใจซึ่งกันและกัน
อวิชชาความหลงที่อยู่ในตัวเราทุกๆ คน ไม่มีใครที่จะแก้ไขเราได้ นอกจากตัวเราเอง ทุกท่านทุกคนต้องพากันพัฒนาอริยมรรคมีองค์ ๘ ที่เป็นธรรมเป็นปัจจุบันธรรม ต้องพากันลงรายละเอียดในพระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่ พระภิกษุสามเณรแม่ชีผู้ปฏิบัติธรรม เมื่อได้ฟังแล้วอย่าไปคิดว่านี่ไปว่าให้ใครนะ อันนี้เป็นความถูกต้องที่เราต้องพากันรู้จัก เราจะได้ทำลายแก๊งโจรแก๊งมหาโจร
ทุกๆ คนจะไปแก้ลูกหลานญาติพี่น้องญาติโยมได้ยังไงถ้าไม่พากันแก้ไขตัวเองเสียก่อน การแก้ไขตัวเองปฏิบัติตัวเองมันเป็นงานเฉพาะกิจ ทุกคนจะได้ไม่ไปหาพระที่ไหน เพราะพระอยู่ในตัวเราอยู่ในการประพฤติปฏิบัติของตัวเราอยู่แล้ว ไปหาพระภายนอกก็ถูกแก๊งโจร ถูกพระแบรนด์เนมแต่งตัวแต่งชุดลิเกเล่นละครเป็นพระหาเงินหาสตางค์ยุ่งไปหมด มันต้องเข้าสู่ภาคประพฤติปฏิบัติของตัวเอง เราดูสิในประเทศไทยมีวิธีหากินอย่างสุดยอดสลับซับซ้อน อย่าว่าแต่ประเทศไทยเลย มีทุกๆ ประเทศ สอนประชาชนงมงาย ให้หลงในบุญในสวรรค์ แต่ตัวเองพากันไปนรก ทำให้ผู้ที่ถวายทานได้บุญน้อย ไม่ได้กุศล ไม่ได้ความฉลาด มีแต่ความโง่ ดูตัวอย่างประเทศไทยเรา เค้าเอาพระสมเด็จรุ่นที่สมเด็จโตท่านสร้าง เอามาขายกันราคาหลายแสนหลายล้าน ทำมาหากิน โอ้... หาวิธีอย่างพิสดารของเก่าของใหม่ เอากล้องมาส่องว่าขลังว่าศักดิ์สิทธิ์ พระนั้นขลังศักดิ์สิทธิ์อยู่ แต่ตัวท่านไม่ขลัง พระทางอีสานก็พากันหลงในพญานาค ไข่พญานาค บั้งไฟพญานาค ถึงจะมีจริงหรือไม่จริงก็ไม่ใช่เรื่องดับทุกข์
พระกรรมฐานที่ดูๆ แล้วเป็นพระอริยเจ้า ดูขลัง ศักดิ์สิทธิ์ บางทีก็น่าเลื่อมใส แต่ก็ยังหลงในแร่กายสิทธิ์ ของขลัง ของศักดิ์สิทธิ์ ครูบาอาจารย์ท่านขลัง แต่เรายังไม่ขลังเพราะไม่ได้แก้ไขตัวเอง มีปัญหายากจนมีหนี้สิน มาหาหลวงพ่อก็จะมาขอพระธาตุครูบาอาจารย์ไปบรรจุพระ จะไปเสกพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าท่านขลังอยู่แล้วจะไปทำอะไรอีก ถ้าไม่ขลังไม่ศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ใช่พระพุทธเจ้า ให้พวกเราพากันมาเสกตัวเอง มาแก้ไขตัวเอง มาหยุดทุจริต
การรักษาพระวินัย มันก็เหมือนกับอุปกรณ์เครื่องบินถ้ามันขาดตัวใดตัวนึงมันก็บินไม่ได้ อุปกรณ์รถยนต์ก็เหมือนกันถ้ามันขาดตัวใดตัวนึงมันก็วิ่งไม่ได้ เพราะว่ามันต้องมีเป็น ศีล สมาธิ ปัญญา มันจะได้ไม่เป็นเพียงนักปรัชญา ถ้างั้นไม่ได้ พระวัดป่าก็จะกลายเป็นพระวัดบ้าน พระวัดบ้านจะกลายเป็นประชาชน ประชาชนก็จะกลายเป็นสัตว์เดรัจฉาน เพราะเราไม่ได้เอาธรรมเอาพระวินัย เราคิดดูดีๆ มันขาลง เราต้องเอาใหม่พระพุทธศาสนาไม่ใช่มันจะตกต่ำขึ้นลงเป็นทอดๆ มหาวิทยาลัยนาลันทาก็ถูกเผาถูกอะไรไป เพราะว่าความประพฤติมันเป็นขาลง ถ้างั้นไม่ได้ น่าจะต้องพัฒนา ถ้าพระเราดี พระก็คือทั้งประชาชนทั้งภิกษุมันจะดี การบ้านการเมืองก็จะดีไปพร้อมๆ กัน เทคโนโลยีก็จะมีประโยชน์ ต้องมีศีลเสมอกันภาพรวมของประเทศ ภาพรวมของทุกวัด ภาพรวมของทุกครอบครัว ต้องเอาธรรมะเป็นหลัก เอาธรรมะเป็นใหญ่ การปฏิบัติของเราถึงเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ เราทุกคนถึงต้องพากันมาเสียสละ เพื่อประโยชน์ส่วนรวม เพื่อประโยชน์ของมหาชน เพื่อกตัญญูกตเวที ต่อยอดสืบทอดความถูกต้อง เพราะชีวิตของเรามันไม่จีรังยั่งยืน ไม่กี่สิบปีก็ต้องจากโลกนี้ไป เราจะมาหลงมาเพลิดเพลินอยู่อย่างนี้ไม่ได้นะ
ธมฺมํ จเร สุจริตํ น นํ ทุจฺจริตํ จเร ธมฺมจารี สุขํ เสติ อสฺมึ โลเก ปรมฺหิ จ.
บุคคลพึงประพฤติธรรมให้สุจริต, ไม่พึงประพฤติธรรมนั้นให้ทุจริต, ผู้มีปกติประพฤติธรรมย่อมอยู่เป็นสุขในโลกนี้และโลกหน้า.
แจกปัญญา แจกศาสนา แจกธรรมวินัย แจกสิ่งที่ถูกต้อง
เพื่อเดินตามรอยพระพุทธเจ้าร้อยเปอร์เซ็นต์
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
โดยทุกท่านสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่
https://linktr.ee/watsubthawee
Share wisdom, spread Buddhism and its discipline.
Advocate righteousness to follow Lord of Buddha's footsteps 100%
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
You can receive new Dharma updates.
https://linktr.ee/watsubthawee