แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
โอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ที่หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม เมตตาให้นำมาบรรยาย
บรรยายธรรมโดย พระมหาอนุชน สาสนกิตติ (ป.ธ.๙, ดร.)
ในวันเสาร์ที่ ๒๗ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา
เรื่อง สั่งสมทรัพย์ภายใน ตอนที่ ๕๗ พุทธบริษัทต้องหยุดทำร้ายพระพุทธเจ้า หยุดทำลายพระศาสนา จากการที่ไม่เอาธรรมวินัย
(บางส่วนจากโอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า)
คำเทศนา วันเสาร์ที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๖๖
ศาสนาเป็นสิ่งที่ประเสริฐเพราะพระพุทธเจ้าบำเพ็ญพุทธบารมีผู้ที่มาบวชพระพุทธเจ้าก็ไม่ได้เลือกชั้นวรรณะว่าคนจนคนรวยว่าเป็นฝรั่ง จีน แขก คนจะหัวดีหรือไม่ดีไม่สำคัญเพียงแต่อาการครบ 32 อย่างนี้แหละ ทุกคนถ้าอยู่ในระดับไม่บ้า ไม่เสียจริตอะไรอย่างนี้ ทุกคนก็ทำได้ปฏิบัติได้ เพราะคนหัวไม่ดี ก็จะดี เพราะทำไมคนเราหน่ะ มันคิดแต่เรื่องดีๆ พูดแต่เรื่องดีๆ ทำแต่สิ่งดีๆ ละ ก็ใจดี มันก็หัวดีอย่างนี้แหละ คนเราหัวไม่ดี ก็ยังไปคิดไม่ดีเลย ยังไปพูดไม่ดีเลย มันจะดีได้อย่างไง ผู้ที่หัวไม่ดีเซ่อๆ เบลอๆ อยู่ตามวัดต่างๆ มันจะหายหมด ทุกคนพร้อมที่จะเคารพนับถือไม่ว่าใครจะไม่เรียนหนังสือไม่มีการศึกษา พร้อมที่จะเคารพนับถือ ถ้าเราถือนิสัยของพระพุทธเจ้า พวกนี้นะ ไม่เอาแต่ใจตัวเอง อารมณ์ตัวเอง ไม่เอาความรู้สึก
พวกเราอย่าทำร้ายพระพุทธเจ้าที่มีอยู่ในตัวเรา ที่ทำตามใจตัวเอง ทำตามอารมณ์ตัวเอง ทำตามควมยึดมั่น ถือมั่น คือการทำร้ายพระพุทธเจ้า คือการฆ่าพุทธะ แต่ก่อนเราไม่พอใจในพระเทวทัตว่าทำร้ายพระพุทธเจ้า แท้จริงแล้วเราก็เหมือนกัน เราต้องพัฒนาเทคโนโลยี พัฒนาคุณธรรมไปพร้อมกัน เราถึงจะหยุดทำร้ายชาติ ศาสน์ กษัตริย์ หยุดทำร้ายสิ่งที่สงบสุข
หมู่มวลมนุษย์ผู้ประเสริฐ ไม่อาจจะทำตามใจตัวเอง ทำตามอารมณ์ตัวเองได้ เราเดินไปพร้อมๆ กัน ทุกคนที่เกิดมาเป็นมนุษย์ การเรียน การศึกษา ก็เพื่อดำรงชีพ เพื่อจะได้ให้เป็นสัมมาทิฏฐิ ไม่ใช่เรียนมาเพื่อจะคิดซิกแซก เพื่อมาเอาตัว เอาตน มันเป็นการทำลายความถูกต้อง ทำลายความเป็นธรรม ความยุติธรรม
การทำลายพระพุทธเจ้า แต่ก่อนก็สงสาร หรือว่าไม่พอใจพระเทวทัตที่ทำลาย ที่แท้จริง เรานี้แหละกำลังทำลายพระพุทธเจ้าที่อยู่ในการเรียน การศึกษา ในการปกครอง การปฏิบัติ เพราะเราต้องรู้จักแห่งพุทธะ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ว่าเพราะสิ่งนี้มี สิ่งต่อไปถึงมี เพราะเรื่องอดีตอนาคต มันเป็นเรื่องวงจรของโลก แต่ทุกอย่างมันก็เป็นปัจจุบัน เราต้องให้พุทธะ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ออกมาใช้งาน เรียกว่าศีล สมาธิ ปัญญา
เพราะทุกอย่าง แบรนด์เนมเฉยๆ บางคนเอาผมออกมาห่มจีวร แบรนด์เนมเฉยๆ เน้นมาทางจิตใจ ความเห็นถูกต้อง เข้าใจถูกต้อง ปฏิบัติถูกต้องในปัจจุบัน เพราะปัจจุบันนี้คือความสุข ความดับทุกข์ คือสิ่งที่ประเสริฐ เราจะได้รู้จักพุทธะ พุทธะนี้มีทุกชาติ ทุกศาสนา ศาสนาทุกศาสนา ก็คือธรรมะ ธรรมะก็คือศาสนา เราต้องหยุดทำลายความประเสริฐ ที่หมู่มวลมนุษย์ที่ได้เกิดมาในโลกนี้ เราต้องหยุดภพ หยุดชาติ หยุดพลังงานแห่งอวิชชา ความหลง
ต้องเป็นผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า มาต่อยอดมาสืบทอดพระพุทธศาสนา ข้าวทุกเม็ดน้ำทุกหยดก็มาจากบารมีที่พระพุทธเจ้าท่านบำเพ็ญมายี่สิบอสงไขย แสนมหากัปป์ เพียงแต่เรามานุ่งห่มผ้ากาสาวพักตร์และปลงผม สมาทานว่าเป็นพระภิกษุ ทุกคนก็ให้ความเคารพนับถือ กราบไหว้ ไว้วางใจ เพราะธรรมะของพระพุทธเจ้า เป็นไปเพื่อเข้าถึงความดับทุกข์ เป็นตัวอย่างแบบอย่าง ทั้งช่วยเหลือตัวเองและช่วยเหลือประชาชน ผู้ที่มาบรรพชาอุปสมบทถึงต้องเอาเรื่องกตัญญูกตเวทีเป็นเรื่องใหญ่ เราต้องปฏิบัติตามเราทุกคนอย่าพากันไปย้อนสอน อย่าพากันตามอัธยาศัย เอาใจเป็นหลัก เอาใจเป็นใหญ่ ไม่ใช่ว่าเราเป็นพระอรหันต์ขีณาสพซะที่ไหน เรายังเป็นแค่สามัญชนธรรมดา เป็นคนบ้าน คนเมือง เราทุกคนเกิดมาต้องมาบวช ต้องมาปฏิบัติตามพระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่ รวมถึงธุดงควัตร 13 เพื่อจะเอาสิ่งที่ดีๆ เพื่อสืบทอดต่อยอดให้กุลบุตรลูกหลาน เพราะเหตุการณ์ที่ผ่านมาเสียหายมามากแล้ว
เราจะเป็นวัดบ้าน วัดป่า หินยาน มหายาน วัชรยาน มันไม่สำคัญเพราะพวกนี้มันเป็นชื่อเฉยๆ ทุกคนต้องเอาธรรมเป็นหลัก เอาธรรมเป็นใหญ่ เราต้องทำอย่างนี้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าพูดท่านสอน ดูอย่าง สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) ท่านปฏิบัติตามก็ได้รับความสำเร็จ เจ้าคุณนรฯ ก็เหมือนกัน มันไม่เกี่ยวเลยว่าจะเป็นวัดบ้าน วัดป่า เพราะการประพฤติปฏิบัตินั้น เมื่อเรามีความเห็นถูกต้อง เข้าใจถูกต้อง ปฏิบัติถูกต้อง ก็มีกับเราทุกหนทุกแห่ง ที่เป็นอริยมรรคมีองค์แปด สมณะที่หนึ่ง ที่สอง ที่สาม ที่สี่
เรื่องกตัญญูกตเวที งานของพระก็คือรักษาพระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่ อย่าให้ขาดตกบกพร่อง เราอย่าพากันเอาพระพุทธศาสนาหาเลี้ยงชีพ อย่างนักบวช ถึงเราจะมาจากบ้านป่าในชนบทเราก็ต้องประพฤติปฏิบัติเราอย่าไปทำตามรุ่นพี่ที่ทำไม่ถูก เรื่องปฏิบัติมันเรื่องส่วนตัว เรื่องส่วนบุคคล เราอย่าพากันมาหาผลประโยชน์กับพระศาสนา ไม่ว่าทั้งบรรพชิตหรือพ่อค้า ประชาชน เราอย่าทำให้ศาสนาเป็นศาสนาเนื้องอกไปมากกว่านี้
เราต้องมากตัญญูกตเวที หลายปีที่ผ่านมาเรากระทำความผิดนะ ผิดยังไง ผิดพระธรรมวินัยที่น้อยใหญ่ เราต้องแก้ไข เพราะเราทำตามใจตัวเอง ทำตามความรู้สึกนี้เขาเรียกว่ามันไม่มีคุณนะ มันมีโทษนะ มันจะไม่เป็นกามคุณนะ มันจะเป็นกามโทษนะ เพราะบรรทัดฐานของสังคม ยังเป็นของคนพาลอยู่ ไม่ได้เป็นสังคมของบัณฑิต ไม่ใช่สังคมของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่สังคมของพระอรหันต์ การดำเนินชีวิตของเราต้องเอาธรรมเป็นใหญ่ เอาธรรมเป็นที่ตั้ง เอาธรรมเป็นการดำเนินชีวิต มีความสุขในการเสียสละ เราต้องเอาใหม่ ตั้งใจใหม่ ทุกคนทำได้ ปฏิบัติได้ ทุกคนอย่ามาอัพเกรดตัวเอง เพื่อการมีอยู่ มีกิน มีใช้ ด้วยการทำลายพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนาไม่มีใครทำลายได้ นารีพิฆาตก็ทำลายไม่ได้ ศาสนาอิสลาม พราหมณ์ ฮินดู สิกข์ ก็ทำลายไม่ได้ ผู้ที่ทำลายก็คือผู้ที่เข้าใจผิด ผู้ที่หลงผิด ทำตามกันมา ก็คือพระภิกษุ สามเณร เราทุกคนต้องเข้าใจนะ ทุกคนเป็นได้แต่เพียงภิกษุนะ ยังไม่ได้เป็นพระนะ เพราะพระนับเอาตั้งแต่พระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี พระอรหันต์ เราไม่ได้เป็นพระนะ ทุกคนอย่าไปก๋าไปกร่าง อย่าไปหลงนะ มันไม่ฉลาด ยิ่งบวชนานยิ่งไม่ฉลาดเพราะเราไปหลงในวัตถุ ไม่ได้พัฒนาใจ ไม่ได้พัฒนาคุณธรรม เรามัวแต่มาอิจฉา พยาบาทกัน มัวแต่มาแก่งแย่งอำนาจวาสนา แก่งแย่งขยะมูลฝอย ที่พระพุทธเจ้าตรัสว่ามันเป็นอันตราย ลาภสักการะและเสียงเยินยอ เป็นอันตรายแม้แต่พระอรหันต์
ศาสนาพุทธไม่มีการแบ่งชนชั้นวรรณะ เมื่อเข้ามาบรรพชาอุปสมบทแล้ว ก็ถือเพศ นักบวชเป็นผู้ประพฤติพรหมจรรย์ เพื่อมุ่งมรรคผลนิพพาน คนเราจะหัวดีไม่หัวดี จะมีการศึกษาไม่มีการศึกษา ไม่สำคัญ สำคัญอยู่ที่ความซื่อสัตย์และมุ่งมรรคผลนิพพาน เช่นนี้จึงจะมีศีลเสมอกัน มีสมาธิอันมุ่งไปสู่จุดหมายปลายทางคือพระนิพพานเป็นอันเดียวกัน มีปัญญาเสมอกัน วัดเราจึงจะเป็นศูนย์รวมการประพฤติปฏิบัติ เพื่อมรรคผลนิพพานที่แท้จริง พระภิกษุภิกษุณี สามเณรสามเณรี แม่ชี หรือแม้กระทั่งคนแก่ ที่มาอยู่วัดก็ต้องมุ่งมรรคผลนิพพานเหมือนๆ กัน ทุกคนต้องมีธรรมาธิปไตยเป็นหลัก เราต้องพิจารณาตัวเอง จะได้ไม่อาศัยอารามทำทุจริต ทำทุจริตคือไม่มุ่งมรรคผลนิพพาน ระบบที่มาอาศัยอารามอยู่ทำทุจริตประพฤติไม่ดีต้องหมดไป ถึงคนจะสุขภาพไม่ดีก็ไม่เป็นไร สุขภาพไม่ดีก็รักษาศีล 5 ถ้าสุขภาพดีแต่ยังรักษาศีล 5 อยู่ ก็คือทำทุจริตนะ ทุกคนจะได้แก้ตัวเอง จะเอาแต่ตัวตนเป็นใหญ่ ไปใกล้ใครก็ทะเลาะกับคนนั้น จนเข้ากับใครก็ไม่ได้ บางคนก็หวงข้าวหวงของ ใครจะไปจับไปแตะต้องก็ไม่ได้ มีเรื่องไปหมด ใช้ปากเป็นอาวุธห้ำหั่นเชือดเฉือนคนที่มาอยู่ใหม่ โดยปราศจากความเมตตาปราณี เช่นนี้คือทำทุจริตนะ
เราต้องเสียสละ เพราะเราต้องมีความเห็นถูกต้อง เข้าใจถูกต้อง ตั้งมั่นอยู่ในสมาธิ เพราะคือการทวนกระแสน้ำที่ว่ายไป คนเราถ้าทำดีก็เป็นเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับคนอื่น บางทีทำดีอย่างนี้ก็ยังไม่ได้บอกใคร เพราะมันเป็นเรื่องใจ พอไปบอกใคร เขาจะถล่มทลายเรา เพราะโลกนี้เต็มไปด้วยความอิจฉาพยาบาท ผู้ทรงศีลทั้งหลาย ถ้ารู้ว่าใครดังกว่าแล้วจะเครียดขึ้นมาทันที มันเลยแบ่งเป็นแก๊ง เป็นพรรค เป็นพวก เราทุกคนก็กลับมาดูตัวเอง เป็นพระ เป็นผู้ที่เสียสละ เป็นปัจจุบันธรรมรึเปล่า หรือว่าเรายังเป็นไปเพื่อความอยากดัง เป็นไปเพื่อความสนองกิเลส เป็นไปเพื่ออัตตาตัวตน มันเป็นได้แต่เพียงคน ไม่ได้เป็นมนุษย์ ไม่ได้เป็นพระ เราทุกคนต้องมาพิจารณาตัวเอง คิดดูให้ดีๆ คิดให้ลึกซึ้ง อย่าเห็นแก่ตัว อย่าให้มีตัวมีตน ผู้มีปัญญาทั้งหลายตั้งกลับมามองตัวเอง ไปหามองแต่คนอื่น ไปแก้ไขคนอื่น ตัวเองก็แก้ไขตัวเองยังไม่ได้ จะไปแก้ไขคนอื่นได้ยังไง
พวกเราจึงต้องช่วยกัน ต้องเป็นคนซื่อสัตย์ คนไม่ซื่อสัตย์ก็เป็นคนที่ไม่ได้มุ่งมรรคผลนิพพาน คือไม่ซื่อสัตย์ต่อพระพุทธเจ้า เป็นการคอรัปชั่นในวงการของพระศาสนา
อุชู เป็นผู้ซื่อตรง นั้นเป็นหลักสำหรับการดำรงสมณเพศควรตั้งอยู่บนความซื่อตรง มีความตรงไปตรงมา ซึ่งมีลักษณะ คือ มีการกระทำที่ไม่อวดดี คือทะนงใจว่าตนเองดี ถือดี แสดงให้เขาเห็นว่าตนเองดีโดยดีจริงๆ หรือละความคดทางใจ สรุปได้ว่า ความเป็นผู้ซื่อตรง คือว่าพูดอย่างไรทำอย่างนั้น กายและวาจาตรงกัน ไม่ประพฤดิกายทุจริตและวจีทุจริต เป็นผู้ซื่อตรงตลอดทั้งในเวลายังหนุ่มและในเวลาแก่ด้วยการกระทำกุศลไม่ให้ย่อหย่อนบ่อยๆ ตลอดชีวิต เป็นผู้ซื่อตรงด้วยการละการคดทางกายและทางวาจา ด้วยกายไม่อวดคุณที่ไม่จริง เป็นการซื่อตรงในการทำความเพียรที่เป็นกุศลเสมอต้นเสมอปลาย อันเป็นไปทางกายและวาจาไม่เกี่ยวกับทางใจ ซึ่งอาจแบ่งลักษณะความเป็นผู้ซื่อตรงดังต่อไปนี้
1) เป็นผู้มีความซื่อตรงด้วยการพัฒนากุศลที่ยังไม่มีให้เกิดขึ้น
2) เป็นผู้มีความซื่อตรงด้วยความสม่ำเสมอในการพัฒนากุศลธรรม ไม่ท้อถอย หรือย่อหย่อนต่อการบำเพ็ญนั้น บากบั่น ไม่ย่อท้อ
3) เป็นผู้มีความซื่อดรงด้วยการละการคดทางกาย วาจา และใจ ไม่มีมายา
4) เป็นผู้มีความซื่อตรงด้วยการไม่หลอกลวงหรืออวดอุตริมนุสสธรรม เพราะเห็นแก่ลาภหรือปัจจัย
5) เป็นผู้มีความชื่อตรงด้วยการปฏิบัติตรงต่อการขวนขวายในฌานทั้งสอง คือ อารัมมณูปนิชฌาน และลักขณูปนิชฌาน
นอกจากนั้น ในอรรถกถาขุททกนิกาย เปตวัตถุ ได้กล่าวถึงบุคคลที่เป็นผู้ปฏิบัติชื่อตรงว่าต้องจะต้องประพฤติตามหลักมรรคมีองค์ 8 ดังปรากฎว่า
ชนทั้งหลายย่อมบรรลุอมตบทด้วยมรรคอันประกอบด้วยองค์ 8 ขอพระองค์พร้อมด้วยพระโอรสและพระอัครมเหสี จนถึงมรรคมีองค์ 8 และปฏิบัติตามอมตบทเป็นสรณะเถิด พระอริยบุคคลผู้ปฏิบัติอยู่ในมรรค 4 จำพวก และผู้ตั้งอยู่ในผล 4 จำพวก นี้เป็นพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติซื่อตรง ประกอบด้วยปัญญาและศีล
กล่าวได้ว่า ภิกษุควรเป็นผู้ปฏิบัติตรง หมายถึงว่า พระสงฆ์นั้นเป็นผู้ปฏิบัติจริงๆ ไม่ปฏิบัติลวงโลก ไม่มีมายาสาไถย ประพฤติปฏิบัติตรงๆ ต่อพระศาสดาและเพื่อนพระสงฆ์สาวกด้วยกัน ไม่ปิดบังอำพรางความในใจ ไม่มีความแง่งอนในการที่จะต้องปฏิบัติตามหลักพระธรรมวินัย มีความเปิดเผย ไม่เกิดโทษเกิดภัย ไม่เกิดอันตรายใดๆ เป็นที่ไว้ใจได้ ชื่อตรงตั้งแต่ตนเอง คือความเป็นสมณภาวะและซื่อดรงต่อผู้อื่น
สุหุชู เป็นผู้ตรงดี หมายถึง คนที่มีความซื่อสัตย์ไม่อวดสรรพคุณที่ไม่มีจริง หรือไม่อดกลั้นต่อลาภที่เกิดเพราะคุณที่ไม่มีจริง เพราะเป็นเหตุก่อให้เกิดภาวะถดถอยของศรัทธาชาวบ้าน เช่น การอวดอ้างตนด้วยคุณวิเศษที่ไม่มีอยู่จริง คือหลอกเขา ย่อมต้องอาบัติปาราชิก ขาดจากความเป็นภิกษุ ตันเหตุที่จะให้พุทธบัญญัตินี้ เกิดจากในคราวทุพภิภขภัย ภิกษุพวกหนึ่ง คิดหาอุบายจะให้พวกตนมีอาหารฉันโดยไม่ลำบาก จึงกล่าวสรรเสริญกันและกัน ให้ชาวบ้านฟังตามที่เป็นจริงบ้าง ไม่จริงบ้าง ว่าท่านรูปนั้นได้ฌาน ท่านรูปนั้นได้โสดาบัน ท่านรูปนั้นเป็นพระอรหันต์ ท่านรูปนั้นได้อภิญญา 6 เป็นตัน ชาวบ้านเลื่อมใสพากันบำรุงเลี้ยงภิกษุกลุ่มนั้นอย่างบริบูณ์ เมื่อพระพุทธเจ้าทรงทราบจึงทรงบัญญัติสิกขาบทขึ้นห้าม โดยทรงติเตียนว่าไม่สมควรที่จะอวดอ้างคุณความดีพิเศษกันเพราะเห็นแก่ท้อง และสำหรับผู้ที่อวดอ้างโดยไม่เป็นจริง ทรงติเดียนอย่างรุนแรงว่าเป็นมหาโจรที่เลวร้ายที่สุดในโลก เพราะบริโภคอาหารของชาวบ้านชาวเมืองโดยฐานโมย ดังที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตำหนิว่า “โมฆบุรุษทั้งหลาย การกระทำของพวกเธอไม่สมควร ไม่คล้อยตาม ไม่เหมาะสม ไม่ใช่กิจของสมณะ ใช้ไม่ได้ ไม่ควรทำ ไฉนพวกเธอจึงพากันกล่าวอวดอุตริมนุสสธรรมของกันและกันให้พวกคฤหัสถ์ฟัง เพราะเห็นแก่ปากท้องเล่า พวกเธอใช้มีดชำแหละโคอันคม คว้านท้องยังดีกว่า การกล่าวอวดอุตตริมนุสสธรรมของกันและกันให้พวกคฤหัสถ์ฟัง เพราะอะไรเล่า เพราะผู้ใช้มีดชำแหละโคอันคมคว้านท้อง ก็จะถึงถึงความตาย หรือทุกข์ปางตาย เพราะการกระทำนั้นเป็นเหตุ หลังจากตายแล้วก็ไม่ต้องไปบังเกิดในอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ส่วนผู้กล่าวอวดอุตริมนุสธรรมของกันและกันให้พวกคฤหัสถ์ฟัง หลังจากตายแล้วก็จะต้องไปบังเกิดในอบาย ทุคติ วินิบาต นรก โมฆบุรุษทั้งหลาย การกระทำอย่างนี้ มิได้ทำคนที่ยังไม่เสื่อมใสให้เสื่อมใส หรือทำคนที่เลื่อมใสอยู่แล้ว ให้เสื่อมใสยิ่งขึ้นได้เลย ที่จริง กลับจะทำให้คนที่ไม่เลื่อมใสก็ไม่เลื่อมใสไปเลย คนที่เลื่อมใสอยู่แล้วพวกก็จะกลายเป็นอื่นไป... ครั้นทรงตำหนิแล้ว ได้ทรงกระทำธรรมีกถาตรัสเรื่องมหาโจรทั้ง 5...แล้วทรงมีพุทธบัญญัติว่า “ก็ภิกษุใด ไม่รู้ยิ่ง กล่าวอวดอุตริมนุสสธรรมอันเป็นญาณทัศนะที่ประเสริฐอันสามารถ ให้น้อมเข้ามาในตนว่า ข้าพเจ้ารู้อย่างนี้ เห็นอย่างนี้ ครั้นสมัยต่อจากนั้น อันผู้ใดผู้หนึ่งโจทก็ตาม ไม่โจทก็ตาม เธอต้องอาบัติแล้ว หวังความบริสุทธิ์ พึงกล่าวอย่างนี้ว่า ท่านทั้งหลาย ข้าพเจ้าไม่รู้อย่างนั้น ได้กล่าวว่ารู้ ข้าพเจ้าไม่เห็นอย่างนั้น ได้กล่าวว่าเห็น ข้าพเจ้ากล่าวคำไร้ประโยชน์เป็นคำเท็จ แม้ภิกษุนี้เป็นปาราชิก หาสังวาสมิได้”
แต่ถึงแม้ว่าจะได้บรรลุคุณวิเศษนั้นจริง ถ้าพูดอวดหรือบอกกล่าวแก่ชาวบ้าน หรือผู้อื่นใดที่มิใช่ภิกษุหรือภิกษุณีก็ไม่พันเป็นความผิด เพียงแต่เบาลงมา เป็นอาบัติปาจิตตีย์
พุทธบัญญัติอีกข้อหนึ่ง ในจำพวกห้ามอวดอุตริมนุษยธรรม คือ สิกขาบทที่มีให้ภิกษุแสดงอิทธิปาฏิหารย์แก่ชาวบ้าน ภิกษุใดแสดงภิกษุนั้นมีความผิดต้องอาบัติทุกกฏ ต้นเหตุเกิดจากเศรษฐีท่านหนึ่ง เอาบาตรไม้จันทร์แขวนไว้ที่ปลายไม้ไผ่ แล้วประกาศท้าพิสูจน์ว่า ใครเป็นพระอรหันด์ มีฤทธิ์จริงก็ขอถวายบาตรนั้น แต่ให้เหาะไปเอาลงมาเอง พระปิณโฑลภารัทวาชะได้ยินคำท้า ประสงค์จะรักษาเกียรติของพระศาสนา จึงเหะขึ้นไปเอาบาตรลงมา โดยทรงตำหนิว่า ไม่สมควรแสดงอิทธิปาฏิหาริย์ ซึ่งเป็นธรรมล้ำเลิศเหนือสามัญมนุษย์ เพราะเห็นแก่บาตรที่เป็นของมีค่าต่ำ ทรงเปรียบเทียบการกระทำเช่นนั้นว่า เป็นเหมือนสตรีที่เผยอวัยวะพึงสงวนไว้ให้เขาดูเพราะเห็นแก่เงินทองของต่ำทราม
ตามเรื่องที่เกิดขึ้นนั้น เหตุผลส่วนที่ปรากฎชัด ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงปรารภก่อนที่จะทรงบัญญัติสิกขาบทเหล่านี้ เป็นการไม่สมควรที่จะอวดคุณความดีและความเก่งกล้าสามารถพิเศษของตนเพราะเห็นแก่ลาภสักการะ หรือผลประโยชน์ต่าง ๆ แต่ในเวลาที่ทรงบัญญัติจริง ปรากฎว่าทรงเปิดกว้างให้สิกขาบทนั้นมีขอบเขตครอบคลุมเหตุจูงใจทุกอย่าง ไม่จำกัดเฉพาะการอวดหรือแสดงเพราะเห็นแก่ลาภ สักการะ และผลประโยชน์ที่จะได้เท่านั้น ในเรื่องเพื่อเสริมความเข้าความเข้าใจให้กว้างขึ้น สมควรที่จะพิจารณาถึงเจตนารมณ์ที่ลึกซึ้งลงไปด้วย เช่น การไม่ทรงประสงค์ให้ประชาชนตื่นเต้นหลงใหลกับสิ่งที่เข้าใจว่าสูงส่งเกินวิสัยของตน แล้วหันไปคิดพึ่งพาฝากความหวังไว้กับผู้อื่น สิ่งอื่น จนละเลยการเพียรพยายามทำตามเหตุผลที่เป็นวิสัยของตน ดังนี้เป็นต้น
สรุปได้ว่า ความเป็นผู้ตรงดี (สุหุชุ) เป็นหลักเกื้อกูลต่อการบำเพ็ญสมณธรรม โดยลักษณะของความเป็นผู้ตรงคือ ชื่อตรงทั้งทางกาย ทางวาจา และทางใจ และความเป็นผู้ตรงดีคือมีลักษณะเป็นไม่ซื่อตรง ไม่มีความคดเคี้ยว ดำเนินตามทางมรรค ไม่คลาดเคลื่อนจากทางมรรคผล มีใจประคับประคองตนอยู่เสมอ
เราเป็น ภิกษุ ภิกษุณี สามเณรสามเณรี แม่ชี อยู่ในเพศนักบวชก็ถือว่าเป็นเพศที่สูงส่งกว่าคนทั่วไป เราจึงต้องให้ประชาชนไว้วางใจ กราบไหว้ได้อย่างสนิทใจ เป็นเนื้อนาบุญของโลก เพราะการให้แก่คนที่เป็นปุถุชนเป็นร้อยเป็นพันครั้ง ก็ยังสู้ให้กับผู้เป็นอริยบุคคลจนถึงให้กับพระพุทธเจ้าไม่ได้ ทุกคนทำได้ปฏิบัติได้ ถ้าเป็นคนซื่อสัตย์ จะคดในข้องอในกระดูกไม่ได้ คนที่คดในข้องอในกระดูกคือโจรมหาโจรที่แท้จริง เราไม่ต้องไปหาโจรที่อื่น หาโจรที่อยู่ในใจนี่แหละ ระบบคอมพิวเตอร์ก็ยังมีไวรัสมาทำลายระบบของคอมพิวเตอร์ ระบบสมองระบบสติปัญญาของคนก็เช่นเดียวกัน มีไวรัสมาทำลาย ไวรัสคืออวิชชา ความหลง มาทำลาย ที่เราต้องมาสะสางมาแก้ปัญหา
เราจะได้ไม่เอาพระธรรม คำสอนที่ประเสริฐนั้น มาเหยียบย่ำทำลายให้หายไป เพราะอวิชชาความหลง ความเห็นแก่ตัว ที่เราเป็นผู้นำเป็นประธานสงฆ์ เหมือนที่กำลังเป็นกันอยู่นี้ ทุกคนยังหน้าไม่อายบอกว่าตนเองเป็นศิษย์พระพุทธเจ้า ท่านยังจะมีหน้ามาพูด เป็นแต่ผู้เอาศาสนา เอาชื่อเสียงครูบาอาจารย์มาหากิน ให้พิจารณาให้ดีๆ อย่าปฏิเสธพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ ที่ท่านได้เสียสละบอกสอนนำพาเราประพฤติปฏิบัติขัดเกลาเพื่อพระนิพพาน
ทุกคนต้องลุกขึ้นมา จงตื่น จงตื่นเถิดลูกศิษย์ของพระพุทธเจ้า อย่าพากันนอนหลับทับสิทธิ์เป็นศิษย์ของพระเทวทัตเลย พระเทวทัตคือผู้ที่มุ่งลาภสักการะและเสียงเยินยอ มุ่งยศมุ่งตำแหน่ง มุ่งการอยู่ดีกินดี ที่มาจากอวิชชาความหลง เป็นบ่อเกิดแห่งการเวียนว่ายตายเกิด เราต้องมาตัดสินใจ เพื่อลาก่อนจากการเป็นลูกศิษย์ของพระเทวทัตให้ได้นะ
ผู้ที่ไม่ตั้งใจประพฤติปฏิบัติ พากันไปเรียนไปทำเดรัจฉานวิชา เพื่อมุ่งเรื่องเงินเรื่องสตางค์เรื่องผลประโยชน์ จัดว่าเป็นลูกศิษย์ของพระเทวทัต พวกที่ไปเน้นเรื่องไสยาศาสตร์ เน้นเรื่องเครื่องรางของขลัง เพื่อมุ่งแสวงหาผลประโยชน์ ไม่ได้มุ่งหวังผลพระนิพพาน ชอบประจบคฤหัสถ์ด้วยอาการอันไม่เหมาะสม ทำอเนสนา คือ การหาเลี้ยงชีพในทางที่ไม่เหมาะสมกับความเป็นภิกษุ ผิดสมณวิสัย เช่น การหลอกลวงเขาด้วยการอวดอุตริมนุสธรรม ทำวิญญัติ คือออกปากขอต่อคนที่ไม่ควรขอ ใช้เงินลงทุนหาผลประโยชน์ ต่อลาภด้วยลาภ คือให้แต่น้อยเพื่อหวังตอบแทนมาก เป็นต้น ไปหากินอย่างนั้น ก็ถือว่าเป็นลูกศิษย์ของพระเทวทัต เพราะว่าไม่ได้มุ่งมรรคผลพระนิพพาน มุ่งเอาพระศาสนาทำมาหาเลี้ยงชีพ เพราะว่าไม่มีความสามารถในการทำมาหากิน เหมือนกับคนที่มีหัวดีมีปัญญา พอบวชแล้วไม่พัฒนาตน เลยมาเอาพระศาสนาทำมาหากิน
เราอยู่ในยุคที่คนมีปริญญา...แต่ไม่มีความรู้ แม้มีความรู้...แต่ก็ขาดสติปัญญา
คนเราอยากได้อะไรง่ายๆ ...แต่ก็เรื่องมาก อยากครอบครอง...แต่ไม่อยากดูแล
บูชาคนรวย...แต่ไม่บูชาคนดี อยากได้ความมั่นคง...แต่ทำตัวฉาบฉวย
อยากรวย...แต่ไม่อยากทำงาน อยากดัง...แต่ไม่มีคุณภาพพอให้คนชื่นชม
อยากมีอำนาจ...แต่ทำตัวไม่น่าเคารพ อยากประสบความสำเร็จ...แต่ไม่รักในสิ่งที่ทำ
อยากได้สังคมที่น่าอยู่...แต่ตัวเองไม่มีจริยธรรม
มีแต่คนอยากได้...แต่ไม่มีคนอยากให้
ผู้รู้ธรรมมีมาก...แต่ผู้ปฏิบัติธรรมมีน้อย
ผู้แสดงธรรมมีมาก...แต่ผู้เข้าถึงธรรมมีน้อย
ให้นำตัวเองประพฤติปฏิบัติธรรม เน้นมาที่ศีลที่ธรรม ไม่พาตัวเองติดสุขติดสบายมากนัก ไม่ว่าเราจะเป็นพระ หรือคฤหัสถ์ก็ตาม เราต้องเน้นมาที่ศีลที่ธรรม ให้เราทุกๆ คน พากันกลับมาเป็นผู้ที่มีสติมีสมาธิ มีปัญญา มีธรรมะคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ท่านมอบให้กับเราไว้ ทุกๆ คน
เรายังแข็งแรงอยู่ มีโอกาสที่จะได้ประพฤติปฏิบัติธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่ ให้เราตั้งจิตตั้งใจตั้งอธิษฐานว่า "เราจะสร้างบารมีให้เหมือนกับพระพุทธเจ้า" ไม่ว่าจะเป็น สัจจะบารมี อธิษฐานบารมี หรือว่าศีลบารมี ก็ให้เราตั้งไปในใจเลยว่า เราจะตั้งสัจจะความจริง เราจะตั้งใจถือศีล ตั้งใจภาวนา ตั้งใจทำสมาธิ ให้หนักแน่นมั่นคงลงไปในใจของเรา ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม จะตั้งใจประพฤติปฏิบัติ "ไม่ว่าเนื้อ และเลือดจะเหือดแห้งไปก็ตามที่ เราก็จะตั้งใจทำอย่างนี้" จะตั้งใจปฏิบัตินี้ นี้เรียกว่า เราได้มาสร้างบารมีตามพระพุทธเจ้า ผู้ที่ตั้งใจมาอยู่วัดเราก็ตั้งใจถือศีลให้ดี จะได้เป็น "ศีลบารมี" เพื่อทำให้จิตใจของเราเจริญก้าวหน้ายิ่งๆ ขึ้นไป
เราทั้งหลายจะไม่ตามโลก ไม่ตามวัตถุ เราจะเอาบารมีที่พระพุทธเจ้าท่านพาเราทำเป็นหนทางแห่งการประพฤติปฏิบัติ เอาพระนิพพานเป็นที่ตั้ง ถ้าเราเอาวัตถุข้าวของ เอาความเจริญเป็นที่ตั้ง ความเสื่อมก็จะตามมา เพราะสิ่งเหล่านี้มันเป็นของผู้ที่ต้องการอารมณ์ของสวรรค์ ไม่ใช่ผู้ที่ต้องการสวรรค์ มรรคผลพระนิพพาน จิตใจของเรา...เราเน้นพระนิพพานอย่างเดียว
อะไรคือพระนิพพาน? 'พระนิพพาน' ก็คือ จิตใจที่ไม่มีตัว ไม่มีตนจิตใจที่ไม่ได้เป็นผู้หญิง ไม่ได้เป็นผู้ชาย ไม่ได้เป็นพระ ไม่ได้เป็นเณร ไม่มีอะไรมาปรุงแต่ง จิตใจเป็นหนึ่ง จิตใจเป็นวิมุตติหลุดพ้น ไม่มีอะไรมาแต่งตั้งได้ ไม่มีอะไรมาสมมุติให้ได้ ผู้ที่หมดกิเลสเท่านั้น จึงจะเป็นผู้ที่จะสัมผัสกับพระนิพพานได้
เราเป็นพระเป็นเณร เป็นผู้ประพฤติปฏิบัติก็ต้องเห็นพระนิพพานเป็นที่ตั้ง ไม่เห็นวัตถุ ไม่เห็นรูป เสียง กลิ่น รส ลาภ ยศ สรรเสริญ เป็นที่ตั้ง
แต่เราต้องเห็นพระนิพพาน เห็นมรรคผลเป็นที่ตั้ง เป็นเป็นแนวทางแห่งการประพฤติปฏิบัติของเราทั้งหลาย...
แจกปัญญา แจกศาสนา แจกธรรมวินัย แจกสิ่งที่ถูกต้อง
เพื่อเดินตามรอยพระพุทธเจ้าร้อยเปอร์เซ็นต์
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
โดยทุกท่านสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่
https://linktr.ee/watsubthawee
Share wisdom, spread Buddhism and its discipline.
Advocate righteousness to follow Lord of Buddha's footsteps 100%
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
You can receive new Dharma updates.
https://linktr.ee/watsubthawee