แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
โอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ที่หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม เมตตาให้นำมาบรรยาย
บรรยายธรรมโดย พระมหาอนุชน สาสนกิตติ (ป.ธ.๙, ดร.)
ใน วันอังคารที่ ๑๖ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา
เรื่อง สั่งสมทรัพย์ภายใน ตอนที่ ๔๘ การได้เกิดเป็นมนุษย์นั้นยากยิ่งนัก แล้วมนุษย์ประเภทไหนที่หาได้ยากดังที่กล่าวมา
(บางส่วนจากโอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า)
ทุกคนถ้ามีความเห็นถูกต้อง มีความเข้าใจถูกต้อง เเล้วมีการปฏิบัติให้ถูกต้อง ตามโอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าเข้าหา เราจะได้เข้าถึงความเป็นมนุษย์ที่ประเสริฐ เพราะความเป็นมนุษย์จะเป็นได้ ก็เพราะ เราต้องมีความเห็นถูกต้อง ความเข้าใจถูกต้อง เเละก็ต้องปฏิบัติให้ถูกต้อง เหมือนอย่างท่านพุทธทาสประพันธ์ไว้ว่า เป็นมนุษย์เป็นได้เพราะใจสูง...
๑. คนนรก (นนุสสเนรยิโก) ได้แก่คนที่ทุกข์ทรมานทางใจ หาความสงบสุขมิได้ ความร้อนเป็นสัญลักษณ์ของนรก คนที่มีความร้อนในใจแสดงว่ากำลังตกนรก เสวยผลของความชั่วที่ตัวได้กระทำไว้
กวีท่านหนึ่งบรรยายคนตกนรกทางใจไว้กินใจมาก ขอคัดลอกมาดังนี้
คฤหาสน์หลังนั้น ดังนันทวันสวรรค์สถาน
แต่เจ้าของอาคาร ทรมานร้อนเร่าเน่าในใจ
กลืนข้าวดั่งกลืนอิฐ พิษบาปปลุกแลบแสบไส้
นั่งเบนซ์คันโก้ใหญ่ ดังอยู่ในกองไฟอเวจี
นั่นไหนจะเป็นสุข นอนไหนจะไม่ทุกข์แทบดิ้น
สนิมเกาะหัวใจกิน ยินเถอะเสียงกู่ของหมู่มาร
๒. คนเปรต (มนุสสเปโต) เปรตคือสัตว์ชนิดหนึ่งที่หิวโหยทรมานเพราะบาปกรรมที่ทำไว้ ต้องรอคอยผลบุญที่คนอุทิศให้ คนเปรตก็คือคนที่ไม่รู้จักทำมาหากิน ได้แต่แบมือขอคนอื่นกิน ลูกเศรษฐีไม่เอาถ่านก็เรียกเปรต คนยากจนที่เที่ยวขอทานเขากินก็เรียกว่าเปรต คนที่มีกินมากมาย แต่ไม่รู้จักอิ่ม ไม่รู้จักพอ หิวตลอดเวลาก็เรียกว่าเปรต
๓. คนเดรัจฉาน (มนุสสติรัจโน) คือคนที่มีความคิดแค่เดรัจฉานนั่นแหละครับ ท่านเคยเลี้ยงหมาไหม หมานั้นเมื่อมันอิ่มแล้วก็นอน เมื่อมีคนหรือสัตว์อื่นเดินผ่าน มันจะเห่าขู่ แสดงว่ามันกลัว ถ้าไม่กลัว มันจะขู่ทำไม พออาหารย่อยดีแล้วก็วิ่งหยอกล้อเพื่อนฝูง หรือเที่ยวสัดเที่ยวเสพตัวเมียตามประสาหมา หรือบรรดาหมาที่หยอกล้อกันฉันมิตรนั้น ใครอยากเห็นมันกัดกันไม่ยาก ลองโยนกระดูกไปสักชิ้น มันจะกัดกันทันที
เดรัจฉานมีความคิดแค่ “กิน เกียจคร้าน กลัว และกาม”
๔. คนมนุษย์ (มนุสสมนุโส) หมายถึงคนที่มีจิตใจสูง มีศีลห้าธรรมห้าครบถ้วน ศีลห้าธรรมห้าไม่จำเป็นต้องแจกแจงว่ามีอะไรครับ เราเรียนมาตั้งแต่โรงเรียนประถม-มัธยมแล้ว ใครมีครบบริบูรณ์ก็เรียกว่าเป็นคนมีจิตใจสูงหรือมนุษย์ ถ้าทำไม่ได้หรือได้กะพร่องกะแพร่งก็อย่าเที่ยวคุยว่าข้าเป็นมนุษย์ ความเป็นมนุษย์มิได้เป็นง่ายๆ ดังที่คิดดอก
พระพุทธองค์ตรัสว่า “เกิดเป็นมนุษย์นี้แสนยากเย็น” ที่เห็นคอหยักๆ นั้นก็ “สักแต่คน” เท่านั้น มิใช่ “มนุษย์” ในความหมายของท่านดอกครับ
ท่านที่เคยบวชพระคงจำได้ว่าขณะที่เรากล่าวขอบวชนั้น พระกรรมวาจาจารย์ (พระคู่สวด) จะถามท่านคำหนึ่งในหลายคำถามว่า “มนุสโสสิ” (เธอเป็นมนุษย์หรือเปล่า) ถ้าเราไม่ฉุกคิดก็จะสงสัยว่า เอ๊ะ! ก็เป็นมนุษย์ เห็นๆ อยู่ มิใช่หมาแมวที่ไหน ทำไมต้องถาม
นี่แหละ คือเงื่อนงำที่ซ่อนอยู่ในพิธีกรรมทางศาสนา เพียงมองเห็นคอหยักๆ สักแต่ว่าคน ก็ไม่แน่ว่าจะเป็น “มนุษย์” (ผู้มีจิตใจสูง) ขืนบวชเปรต บวชสัตว์นรก เดี๋ยวพระศาสนาจะวุ่นวาย
๕. คนเทวดา (มนุสเทโว) หมายถึงคนที่มีคุณธรรมสองประการคือ หิริ (อายชั่ว)โอตตัปปะ (กลัวบาป) หิริทำให้คนหน้าบาง ไม่กล้าทำชั่วทั้งต่อหน้าและลับหลัง โอตตัปปะทำให้คนกลัวบาปกรรม จะทำชั่วก็ไม่กล้า เพราะนึกถึงไฟนรก คนชนิดนี้แหละ เรียกว่ามีคุณธรรมของเทวดา
๖. มนุษย์พรหม (มนุสสพรหมา) ท้าวมหาพรหม หัวใจเช่นใดมีพรหมวิหาร มีพรหมวิหารธรรมเป็นเครื่องอยู่ หัวใจว่างไม่มีอะไร เหมือนกะอากาศนี้แหละ ว่างเปล่าหมด เหลือแต่รูปจิต อรูปจิต ดับขันธ์ไปเป็นพรหม
๗. มนุษย์อริยะ มีหิริมีโอตตัปปะ มีสุกกะธรรม ธรรมะที่ขาวสะอาด ทางกาย ทางวาจา ทางใจ ผู้ถึงกระแสแห่งพระนิพพาน ดั่งเช่นพระอริยสาวกทั้งหลาย
๘. มนุษย์อรหันต์ ร่างกายเป็นมนุษย์ หัวใจเป็นพระอรหันต์ คือละกิเลส ละตัณหา กิเลสคือใจเศร้าหมอง ตัณหาคือใจทะเยอทะยานดิ้นรนกระวนกระวาย ท่านละกิเลสตัณหา ราคะ โลภะ โทสะ โมหะ อวิชชา ตัณหาอุปาทาน ภพชาติ ละขาดในสันดาน ไม่มีสิ่งเหล่านี้ในจิตใจ เมื่อดับขันธ์ไปก็เข้าสู่นิพพาน ดับทุกข์ในวัฏสงสาร ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดอีก
๙. มนุสสพุทโธ ร่างกายเป็นมนุษย์ หัวใจเป็นพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าก็เป็นมนุษย์เหมือนกับพวกเรานี้ ว่าเรื่องภพเรื่องชาติของท่าน บิดามารดาของท่านก็มี บุตรภรรยาท่านก็มี ท่านเป็นมนุษย์ครือเรานี่แหละ แต่ท่านประพฤติปฏิบัติ ตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง เป็นสยัมภู ตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง ไม่มีบุคคลผู้ใดหรือใครแนะนำพร่ำสอน รู้ด้วยตนเองเป็นสัมมาสัมพุทธะ รู้แจ้งแทงตลอดหมดซึ่งสารพัดเญยยะธรรมทั้งหลาย ไม่มีที่ปกปิด
มนุษย์เราคือผู้ที่ประเสริฐ เกิดมาเพื่อเข้าถึงมรรคผลพระนิพพาน ทุกท่านทุกคนต้องเข้าถึงธรรมะ เพราะโลกเรานี้ต้องเอาธรรมะเป็นหลัก เอาธรรมะเป็นใหญ่ สำคัญที่สุดคือความยุติธรรม ความเป็นธรรม เพราะสิ่งที่เพื่อของหมู่มวลมนุษย์ ที่จะหยุดเวียนว่ายตายเกิดขึ้นธรรม ละเสียซึ่งนิติบุคคล เอาธรรมเป็นหลัก เอาธรรมเป็นใหญ่ ทุกท่านพากันมาเข้าคอร์ส ปฏิบัติธรรม ทุกท่านทุกคนพากันมีความสุข ต้องสมาทานในการคิดดีๆ พูดๆ กิริยาดี สละซึ่งตัวซึ่งตน ฝึกเข้าใจเข้าให้มีความสุข หายใจเข้าให้รู้ชัดเจน เพื่อที่เราจะได้กลับมาหาธรรมะ กลับมาหาความสงบ กลับมาหาความดับทุกข์ เพราะเราวิ่งตามอย่างนี้มันไม่ได้ มันเป็นสัมภเวสี เราต้องกลับมาหาสติสัมปชัญญะ เราทำได้ทุกอิริยาบถ เราต้องเดินตามอริยมรรคมีองค์ 8 เราเอาสมณะที่หนึ่ง ที่สอง ที่สาม ที่สี่ นี้มีอยู่ที่อริยมรรคมีองค์ 8 ที่หมู่มวลมนุษย์มีความเห็นถูกต้อง เข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง เอาธรรมเป็นหลัก เอาธรรมเป็นใหญ่ นี้คือความดับทุกข์
ความเห็นเเก่ตัวของเราทำให้เราไม่เอาธรรมเป็นหลัก ไม่เอาธรรมเป็นการดำเนินชีวิต เราถึงมีเเต่สักกายทิฏฐิ เรามีเเต่ตัวมีเเต่ตน การมาประพฤติมาปฏิบัติธรรมอย่างนี้ดี เพราะเรารู้แล้ว เราก็เข้าใจ เราเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ เอากลับไปใช้ในที่ทำงานในครอบครัว ในสังคม ความรู้ต้องคู่กับการประพฤติการปฏิบัติ ทุกท่านทุกคนต้องกลับมาหาสติสัมปชัญญะรู้ตัวทั่วพร้อม หายใจเข้าก็รู้ชัดเจนหายใจออกก็รู้ชัดเจน พากันมาอยู่กับตัวเอง อยู่กับลมหายใจเข้ารู้ชัดเจน หายใจออกก็รู้ชัดเจน หายใจเข้าก็ท่องพุท หายใจออกก็ท่องโธ เป็นสภาวะธรรมที่ปราศจากตัวตน เราทำทุกอย่างเพื่อไม่เอาเพื่อไม่มีเพื่อไม่เป็น เรามามีความสุขในการปฏิบัติ เรียกว่าสัมมาทิฏฐิ
เวลาเรานั่งสมาธิ ก็เข้าใจสมาธิคืออะไร สมาธิคือความตั้งใจมั่น ต้องเสียสละทั้งหมด ถ้าไม่เสียสละทั้งหมดมันก็เป็นนิวรณ์ มาอยู่กับอานาปานสติ ความปราศจากตัวตน หายใจเข้าท่องพุท หายใจออกท่องโธ เราอย่าไปคิดว่าเราจะเอาอะไร เพราะทุกอย่างนั้นมันไม่มีอะไรได้ อะไรเสียอยู่เเล้ว เพราะทุกอย่างมันผ่านไปผ่านมา ถ้ามันจะมีก็เพราะสิ่งนี้มี สิ่งนั้นมันถึงมี เมื่อเรามีความหลงก็ย่อมมีสิ่งที่เกิด เราพยายามเข้าใจเรื่องพระศาสนา สิ่งที่เป็นอดีตเราต้องละมันเป็นเลขศูนย์ อนาคตก็คือปัจจุบันนี้เเหละ มนุษย์เราต้องพัฒนาทั้งเรื่องการดำรงชีพที่ไม่เป็นบาป เเละ พัฒนาใจไปพร้อมๆ กัน เรียกว่า ทางสายกลาง ถึงยังไงเราก็ต้องเเก่เจ็บตายพลัดพราก ความเป็นธรรม ความยุติธรรมก็ต้องเกิดเเก่มวลมนุษย์ ถ้าเราพัฒนากันเเต่ความรู้ความเข้าใจ อย่างนี้ยังไม่พอ เราต้องเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ ระบบภาพรวมของครอบครัว ของสังคม ของประเทศชาติก็จะได้เข้าสู่เศรษฐกิจพอเพียง ไม่หลงมั่วเมามีเเต่สติ มีเเต่สัมปชัญญะ มีเเต่พุทธะ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ให้ทุกท่านทุกคนพากันปฏิบัติอย่างนี้
สังขารร่างกายของเราทุกๆ คน ไม่เกินร้อยปีก็ต้องจากโลกนี้ไป สภาวะธรรมของสังขารก็คือดินน้ำลมไฟ อากาศธาตุ ที่เราเกิดมาต้องมีภาระที่จะดูเเลรักษา ไม่ถึงร้อยปีก็จากโลกนี้ไป เราต้องพากันสู่กระบวนการเเห่งความเป็นมนุษย์ การดำรงชีวิตเดินตามธรรมะ เอาธรรมะเป็นหลัก มนุษย์เราไม่อาจทำตามใจตัวเอง ตามอารมณ์ตัวเองได้ เพราะมันคือการเวียนว่าย ต้องเอาธรรม เอาความยุติธรรม เอาความถูกต้อง ชีวิตของเราต้องเข้าถึงความสุขความดับทุกข์ตั้งเเต่ปัจจุบัน เพราะสิ่งที่ไม่ดีทางจิตใจ ต้องตายไปจากเรา ความโลภ ความโกรธ ความหลงนี้ ต้องตายจากเรา พระพุทธเจ้าท่านตายสองครั้ง อันนึงกิเลสตาย อันนึงร่างกายตาย
การเรียนการศึกษากับการปฏิบัติมันไปพร้อมกัน เพราะการเรียนการศึกษา กับการปฏิบัติต้องไปพร้อมกัน เราจะได้พัฒนาทั้งเทคโนโลยีในการดำรงชีพ เเละ พัฒนาทั้งในไปพร้อมกัน เพราะว่าหมู่มวลมนุษย์ที่ร่างกายเป็นมนุษย์ เเต่ว่าจิตใจยังไม่ได้เป็น ถ้าจะเป็น ต้องเอาธรรมะเป็นหลัก เอาธรรมะเป็นที่ตั้ง ทุกท่านทุกคนต้องรู้จัก เน้นที่ปัจจุบัน เพราะอดีตก็ทำไม่ได้ ปฏิบัติไม่ได้ อนาคตอยู่ที่ปัจจุบันนี้เเหละ เพราะสิ่งนี้มี สิ่งนั้นถึงมี ทุกท่านทุกคนก็จะเข้าถึงธรรมะ ตั้งเเต่ยังไม่ตาย เราทานอาหารเรียกว่า ให้อาหารกาย กิน นอน พักผ่อน อาหารใจก็คือ ความคิด คือ อารมณ์ ที่ว่ามีเซ็กซ์ทางความคิด มีเซ็กซ์ทางอารมณ์ อาหารที่เราจะบริโภคเป็นสัมมาทิฏฐิ มีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง เราจะได้ไม่หลงเหยื่อ ใจของเราจะสงบลง เเล้วเราจะไม่เป็นคนเจ้าอารมณ์ ชีวิตเรามันจะได้เข้าถึงความสงบความเย็น อิริยาบถที่เราไม่ได้ทำงาน เราต้องมีอานาปานสติไว้เป็นหลัก เเล้วเราทำงานเราต้องมีความสุขในการทำงาน มีความสุขในการเสียสละ
คนอื่นเขาจะเป็นอย่างไรก็ช่างเขา เขาจะเป็นคนดีหรือคนไม่ดี เห็นแก่ตัวก็ช่างเขา เราอย่าไปรับเอามาใส่ใจของเรา คนเราส่วนใหญ่มีทุกข์เพราะว่าไปรับเอาสิ่งภายนอกมาให้ตัวเองเป็นทุกข์ ทั้งที่เอามาคิดปวดหัว มันไม่มีอะไร สิ่งที่มันเป็นไปไม่ได้ก็เอามาคิด ถ้าเราใจดีใจสบาย ใจมีความสุข เราไม่เครียด เรายังพอมีโอกาสที่จะแก้ปัญหาได้ นี่เรามันคนฟุ้งซ่าน คนไม่สงบ มันจะไปแก้ปัญหาอะไรได้ เราพยายามพัฒนาตัวเองแก้ไขตัวเอง เพิ่มความสุขให้ตนเอง เพิ่มความดับทุกข์ให้ตนเอง ให้ใจกับกายของเรามันอยู่ด้วยกัน ทำอะไรก็ให้ใจกับกายมันอยู่ด้วยกัน ทำความดีมากๆ มันจะได้มีความสุข มีอาหารใจ
แจกปัญญา แจกศาสนา แจกธรรมวินัย แจกสิ่งที่ถูกต้อง
เพื่อเดินตามรอยพระพุทธเจ้าร้อยเปอร์เซ็นต์
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
โดยทุกท่านสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่
https://linktr.ee/watsubthawee
Share wisdom, spread Buddhism and its discipline.
Advocate righteousness to follow Lord of Buddha's footsteps 100%
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
You can receive new Dharma updates.
https://linktr.ee/watsubthawee