แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
โอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ที่หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม เมตตาให้นำมาบรรยาย
บรรยายธรรมโดย พระมหาอนุชน สาสนกิตติ (ป.ธ.๙, ดร.)
ในวันจันทร์ที่ ๑๓ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา
เรื่อง ชีวิตใหม่ที่เลือกได้ ตอนที่ ๖๕ ชีวิตนี้ประเสริฐ อยู่ที่ได้ปฏิบัติตามทางสายกลางของพระพุทธเจ้า ความเป็นสิริมหามงคลก็จะเกิดแก่เรา
(บางส่วนจากโอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า)
เราไม่อาจจะทำตามใจตัวเอง ทำตามอารมณ์ตัวเอง ทำตามความรู้สึกตัวเองได้ เพราะว่าทุกอย่างนั้นมันคือธรรมะ เราจะทำสิ่งที่ไม่ใช่ธรรมะนี้ไม่ได้ เราต้องเข้าสู่อริยมรรคคือทางที่ประเสริฐ คือความเข้าใจถูกต้อง ความเห็นถูกต้อง และปฏิบัติถูกต้อง ถ้าไม่อย่างนั้นทุกคนก็คือโจร วัดก็คือแก๊งโจร เราทุกคนอย่าไปคิดว่า พระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่มันไม่จำเป็น นี้แหละคือสิ่งที่จำเป็น คือหยุดพลังงาน เขาเรียกว่าหยุดกรรมหยุดเวร ตัดกรรมตัดเวร พระพุทธเจ้าบอกชัดเจนว่า สมณะที่ ๑-๔ อยู่ที่ความเข้าใจถูกต้อง ความเห็นถูกต้อง และปฏิบัติถูกต้อง ทุกวัดทุกสถานที่มันจะได้เป็นข้อวัตรเป็นข้อปฏิบัติ มันจะเป็นมงคลแก่โลก
เรื่องศีลเรื่องพระวินัยไม่ใช่กฎหมายบ้านเมือง คือหนทางที่ประเสริฐ ทุกคนจะได้หายเซ่อๆ เบลอ ถ้าเราหยุดด้วยการเอาธรรมเป็นหลัก ความเซ่อความเบลอก็จะค่อยๆ หายลง เพราะว่าเน้นที่ปัจจุบัน คนเราจะผิดจะพลาดมันอยู่ที่ปัจจุบัน เราดูตัวออย่างแบบอย่าง หลวงปู่มั่น พาคนภาคอีสานที่ไม่มีการศึกษาอะไร บอกให้ไปทางซ้ายก็ไปทางซ้าย บอกให้ไปทางขวาก็ไปทางขวา เมื่อเข้าสู่ไลน์เช้าสู้ภาคปฏิบัติ อริยะมรรคมีองค์ 8 มันก็จะจัดการเอง ก็จะเป็นพระอริยะเจ้าเหมือน หลวงปู่คำพา เพียงแต่ว่าโอ้...มันละยาก มันต้องสู้กัน เมื่อเราสู้ได้แล้วมันก็ไม่กลับไปคิดไปพูด มันก็ก้าวไป เพราะสิ่งนี้มีสิ่งต่อไปมันถึงมี เพราะความสุขความดับทุกข์มันไม่ได้อยู่ที่ความยากดีมีจน มันอยู่ที่สัมมาทิฏฐิ ความเข้าใจถูกต้อง ความเห็นถูกต้อง และปฏิบัติถูกต้อง โอ้ย... มนุษย์เราทำไมมีความสุขอย่างนี้ ทำไมโง่ไปหลงขยะ เลิศเลอ มันอยู่ที่ความเข้าใจถูกต้อง ความเห็นถูกต้อง และปฏิบัติถูกต้อง
ทุกคนมันต้องเข้าสู่ภาคประพฤติ ภาคปฏิบัติ คนก็เป็นโจร วัดก็เป็นโจร มันไม่เป็นมงคลอะไร เพราะเราต้องพัฒนาอย่างนี้อย่าไปคิด อย่าพากันทำบุญ ตามอวิชชาตามความหลง จัดคอนเสิร์ต เล่นคอนเสิร์ต เปิดเบิ่งๆ ยกแข้งยกขา ยกไม้ยกมืออะไร มันไม่ใช่กองบุญที่ไหนมันคือกองหลง ต้องเข้าใจ เราจะได้มีความสงบ ความร่มเย็นเป็นนิพพาน เพราะว่าทุกคนมันซุปเปอร์สตาร์ มันสุดยอดอยู่แล้ว ถ้าทำตามตัวเองตามอรมณ์ตัวเอง มันจะสุดยอดอะไร มันมีแต่สุดหลง อย่าไปตั้งอยู่ในเพลิดเพลิน ความประมาท
การที่มีโทรศัพท์มือถือ มีคอมพิวเตอร์ มันดีแต่เราใช้ให้มีประโยชน์ มันก็คือมีเมียหน่ะ พระก็มีเมีย แม่ชีก็มีผัว ภิกษุณีก็มีผัว พวกที่แก่ๆ นี้ไปหลงในโทรศัพท์ก็มีลูกมีผัว มีเมียกันหมด ต้องรู้จักว่าอันนี้เป็นมันเป็นเครื่องอำนวยความสดวกความสบาย อย่าไปหลงกัน ต้องใช้เทคโนโลยีอย่างชาญฉลาดชาญชัย หลวงตามหาบัว เห็นหลวงพ่อกัณหาไม่ได้ถามว่าสบายดีไหม ถามว่า ที่วัดหน่ะพระใช้โทรศัพท์กันไหม หลวงปู่ทุยก็ถามกัน พระอรหันต์เขาถามกันอย่างนี้ อย่าไปดื้อ เมื่อรู้ว่ามันไม่ถูกต้อง อย่าพากันทำ เราต้องรู้จักว่ามรรคผลนิพพานมันหยุดการเวียนว่ายตายเกิด มันอร่อย มันแซบ มันนัว มันลำ มันหรอย มันต้องทำอย่างนี้ ธรรมะมันถึงจะเกิด ไม่งั้นมันจะเกิดแต่ข้าวต้มขนม กินแต่ข้าวต้มขนม ติดแอร์ ไปเครื่องบิน มันก็ยังแก่เจ็บตาย เราดูตัวอย่างแบบอย่างสิ พระวัดบ้านมันได้ผลไหม มันไม่ได้ มีแต่เป็นแบรนด์เนมกันเฉยๆ ถึงเรียน นธ. ตรี - ป.ธ9 มันไม่ได้ มหายาน มันคางเหลืองหมด เป็นผู้มีปัญญาทั้งหลาย เป็นผู้ที่เป็นประสาทมาก มีทั้งโรคฟุ้งซ่าน โรคซึมเศร้า แล้วก็โรคทรัพย์จาง คนไม่มีความสุขเขาเรียกว่าทรัพย์มันจาง ไม่มีอริยทรัพย์ ทรัพย์มันจาง มีแต่สมบูรณ์ด้วยอบายมุข อบายภูมิ สมบูรณ์ด้วยนรก สมบูรณ์อเวจี จะมีประโยชน์อะไร เพราะคืนวันมันเอากลับคืนมาไม่ได้
เพราะว่าหลวงพ่อมาคิดดูแล้วนะ ว่ามันไปไม่ได้ ถ้าหลวงพ่อตาย ก็จะไปยินดีในพระครู ในเจ้าคุณหน่ะ มันก็ก่อนบวชยังไม่บ้า พอบวชแล้วมันยิ่งบ้า การที่ได้กินข้าวดีๆ อย่าไปหลงในข้าว การที่ได้ยศตำแหน่งที่ดีๆ ก็อย่าไปหลงในยศในตำแหน่ง เขาเอาไว้ทำงาน เขาเอาไว้ให้มาเสียสละ พระกรรมฐานจะได้กลับมา ไปตามสิ่งแวดล้อม ไปตามโทรศัพท์ ไปตามคอมพิวเตอร์ มันต้องเป็นกรรมถอก พัฒนาเป็นลูกเขยชาวบ้านอย่างอลังการ กรรมฐานมันเลยไม่มีฐานอะไร มันมีแต่ความล้มเหลว มันไม่เข้าสู่ปฏิจจสมุปบาท คือเหตุปัจจัยแห่งความถูกต้อง
หลวงพ่อถึงพูดเรื่องวัตถุกาม เช่น โทรศัพท์มือถือ สำหรับพระเราทุกรูปไม่จำเป็นต้องมี ยิ่งโทรทัศน์เเล้ว พระไม่ต้องมี ถ้าพระมีโทรศัพท์มือถือเหมือนกับมีภรรยาเนี่ยเเหละ ถ้ามีโทรทัศน์เหมือนมีภรรยาหลายคนเลย เพราะอันนี้มันต่างกับประชาชนเพียงเเต่ยังไม่มีภรรยาภายนอก เเต่ทางจิตใจ ถ้าเรามีโทรศัพท์ เท่ากับเรามีเมีย ถ้ามีโทรทัศน์มีเมียหลายคน เพราะอันนี้มันเป็นของห้ามไม่ให้ไปมรรคผลพระนิพพาน เราอย่าไปคิดว่า เอ๊... อยู่ที่วัดไม่ให้มีอะไรเลย มันจะอกเเตกตาย มันไมตายหรอก มีเเต่กิเลสมันตาย เพราะเราไม่ให้อาหารมันเลยตาย อานาปานสติของเราต้องชัดเจน หายใจเข้ารู้ชัดเจน หายใจออกชัดเจน เราต้องมีความสุขในการทำข้อวัตรปฏิบัติ ปรับตัวเข้าหาเวลา อย่าไปทำตัวตามอัธยาศัยตามความรู้สึกไม่ได้ เพราะเวลาคนเรามันมีค่า เราจะเอาเเต่อัธยาศัย เอาเเต่นั่งหลับ เอาเเต่อยากจะทำโน่นทำนี้ อย่างนี้ทุกคนต้องพากันเข้าใจ ต้องเข้าใจพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า เป็นสิ่งที่ดีมากประเสริฐมาก เราอย่าเอาคนอื่นเป็นหลัก เอาพระพุทธเจ้าเป็นหลัก พระอรหันต์ ที่ ท่านเป็นพระอรหันต์คือท่านเอาพระพุทธเจ้าเป็นหลัก อย่าไปถือนิสัยปุถุชน มหาปุถุชน ต้องถือนิสัยของพระพุทธเจ้า
คนเราต้องเข้าสู่ระบบระเบียบเข้าสู่ไลน์ของพระพุทธเจ้า มันถึงจะเป็นอย่างนี้นะ ทุกคนถ้าตามใจตัวเองตามอารมณ์ตัวเองมันไม่เก่งหรอก เราอย่าไปคิดว่าเค้าเก่ง ที่เค้าว่าเราเดินตามรอยของพระพุทธ ถ้าเราปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ โยมเค้าก็ได้บุญได้กุศล นี้เป็นความมั่นคงของชาติ ชาติที่เป็นมนุษย์เป็นผู้ประเสริฐ เป็นความมั่นคง จะได้ต่อยอดเป็นพระอริยเจ้า ความมั่นคงของศาสนา ของพระมหากษัตริย์ จะได้ส่งไม้ผลัดต่อลูกต่อหลาน เราดูโครงสร้างของสังคมของเรา มันมีเเต่ความล้มเหลวของชาติ ของศาสนา ของพระมหากษัตริย์ บรรพบุรุษเรา เราต้องเข้าใจอย่างนี้ ความมั่นคงมันอยู่ที่ไหน ไม่ได้อยู่ที่พวกทหารตำรวจอะไรหรอก มันอยู่ที่ทุกคนมีความเห็นถูกต้อง เข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง เราต้องปฏิบัติตัวเองให้ได้ มันถึงจะบอกคนได้
ให้ทุกคนมีสติมีสัมปชัญญะ เราอย่าไปท้อใจ ความท้อใจคืออาการตัวตน ตัวตนมันเยอะ คนเรามานะทิฏฐิมันเยอะ คนมีตัวตนเยอะ มีข้อเเม้มันอย่างนี้ มันว่าร้อน ว่าหนาว ว่าเช้า ว่าเย็น ว่าบ่าย มันทิฏฐิมานะเยอะ ขนาดเราตกจากบ้าน ยังว่าเป็นอะไร ก็ยังบอกว่าเป็นผู้ใหญ่บ้าน เอ๊! เจ้าโลก เจ้าเวียนว่ายตายเกิด มันจะครองโลกไปถึงไหน โลกคือหมู่สัตว์ที่ไม่มีสัมมาทิฏฐิ เป็นมิจฉาทิฏฐิ มันไม่รู้ทุกข์ ไม่รู้เหตุเกิดทุกข์ ไม่รู้ข้อปฏิบัติถึงการดับทุกข์
การปฏิบัติมันต้องปฏิบัติอย่างนี้ๆๆ ให้ทุกท่านมีความสุขอย่างนี้ ไม่ต้องสนใจเรื่องอนาคตจะอยู่ยังไงจะกินยังไงหรอก อันนั้นมันระบบครอบครัว พระพุทธเจ้าเห็นไหมท่านเสียสละหมด ท่านถึงมีความสุข เสียสละไม่ใช่ขี้เกียจขี้คร้านนะ ขยันมากกว่าเก่า เพราะว่าคนขี้เกียจขี้คร้านนั่น เค้าเรียกว่าคนมีมิจฉาทิฏฐิ คนไม่ขยัน ไม่รับผิดชอบ เค้าเรียกว่ามิจฉาทิฏฐิ ที่เซ่อๆ เบลอๆ พวกที่มาบวช พวกนี้เรียนหนังสือไม่เก่ง พวกติดเหล้าติดยาหากินไม่ได้ มาเอาศาสนา ไม่เป็นไร ให้ตั้งอกตั้งใจเสียสละ เพราะเราจะได้ไล่มิจฉาทิฏฐิ มามีความสุขในการรักษาศีลทำข้อวัตรข้อปฏิบัติ ต้องใจเเข็งทำติดต่อกันหลายวันหลายเดือนหลายปีอย่างนี้
ทุกท่านทุกคนต้องเปลี่ยนเเปลงตัวเอง พัฒนาตัวเอง ปรับตัวเองอย่างเต็มที่เลย เมื่อก่อนเดินไปทางทิศตะวันตก ทีนี้หันหลังกลับไปเดินทางทิศตะวันออกเลย ออกจากโลก ออกจากวัฏฏะสงสาร ผู้ที่อยู่ที่บ้านก็ประพฤติพรหมจรรย์เบื้องต้น คือศีล 5 ให้เรามีความสุขในการถือศีล 5 ตั้งใจตั้งเจตนา อันไหนเป็นศีล เป็นข้อวัตรปฏิบัติ เราต้องตั้งใจตั้งเจตนา มีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ เราอย่าไปสงสัยว่าเราปฏิบัติได้หรือไม่ได้? มันได้ มันได้ทุกคนถ้าเสียสละ มันถึงจะเก่ง เอาให้มันเป็นธรรม เป็นปัจจุบันธรรม เป็นคุณธรรม ทุกคนพากันตั้งใจนะ
วัดคือข้อวัตรปฏิบัติ วัดอยู่ที่ทุกคนในชีวิตประจำวัน มีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง ทุกคนปัญหาต่างๆ ในโลกมันไม่มีหรอก ต้องกลับมาหาตัวเอง กลับมาเเก้ไขตัวเอง กลับมามีความสุขในการประพฤติปฏิบัติ เพราะเวลาของเรามันมีค่ามีราคาเวลา เราต้องกลืนกินเวลาด้วยการประพฤติการปฏิบัติ ถ้าเราไม่ปฏิบัติ เวลาจะกินเราปล่อยให้เราเเก่ไปเฉยๆ อย่างนี้มันก็ไม่ได้ มันเสียหาย จะมีประโยชน์อะไร ไปหาอยู่หากิน ให้มันเเก่ไปเฉยๆ เเล้วก็ไม่มีอะไร
เราเป็นพระนี่นะ ถึงเราจะเทศน์ไม่เก่ง สอนไม่เก่ง "ไม่สำคัญ ไม่มีปัญหา" เราช่วยพระศาสนาได้ด้วยการเป็นพระที่ดี เป็นพระที่เดินตามรอยพระพุทธเจ้า การพูด การเทศน์ การสอนเป็นร้อยครั้ง ก็สู้เป็นตัวอย่างที่ดีให้หมู่คณะ ให้ญาติโยมดู...ไม่ได้
พระพุทธเจ้าท่านให้เราพัฒนาตัวเอง พัฒนาทางจิตใจ ที่มันเป็นพระพเนจรไม่เดินตามรอยพระพุทธเจ้า มันถึงทำให้เรามีปัญหา เรามันชอบพเนจรไปใน 'ทิศ' ทั้งสี่ สุดท้ายก็ได้เป็น 'ทิด' กันเป็นแถวๆ ตามบาปตามกรรมที่ตัวเองทำไว้ เพราะว่าความเผอเรอ ความประมาทในสิ่งเล็กๆ น้อยๆ อนุโลมตามญาติตามโยมที่มีเจตนาดี มีความมุ่งหวังดี แต่ตั้งอยู่ในความประมาทมากเกินไป
พระพุทธเจ้าท่านมีเมตตาต่อเราทุกคน ก่อนที่ท่านจะเสด็จดับขันธ์สู่ปรินิพพาน ท่านก็ตรัสโอวาทครั้งสุดท้ายไว้ว่า "สังขารทั้งหลายทั้งปวงมันไม่เที่ยง ท่านจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด" นี้เป็นพระวาจามีในครั้งสุดท้ายของพระตถาคตเจ้า
พระเรานี้ก็แปลกนะ! ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบพอสมควร ญาติโยมเขานิมนต์ไปที่โน่นที่นี่ ไปเมืองนอกเมืองนา ก็พากันดีใจพอใจ ยิ้มๆ กันนะ...พระพุทธเจ้าท่านให้เราระวังตัวดีๆ เดี๋ยวจะเป็น 'พระสัญจร' เดี๋ยวจะเป็น 'พระพเนจร' ลืมเนื้อลืมตัว ลืมการประพฤติปฏิบัติของตัวเอง ไม่ได้เอาพระธรรมพระวินัยเป็นที่ตั้ง เอาญาติเอาโยมเป็นที่ตั้ง "โยมเขาว่าอย่างไรก็เอาอย่างนั้น...ใช่ไหม?"
ที่โยมเขามาหาพระ มาที่วัดของเราน่ะ เขาไม่ได้มาดูวัดใหญ่ๆ มาดูกุฏิศาลาสวยๆ นะ เขาพากันมาดูข้อวัตรปฏิบัติ
กุฏิใหญ่ๆ ศาลาใหญ่ๆ มันสู้ญาติโยมเขาไม่ได้อยู่แล้ว ที่ญาติโยมเขาทำกันในเมือง มันใหญ่อยู่แล้ว สูงตั้งหลายสิบชั้น
เขามาดูข้อวัตรปฏิบัติ มาดูการกระทำการปฏิบัติสิ่งที่ประเสริฐ ว่าพระว่าอาจารย์วัดนี้เขาปฏิบัติกัน น่าเคารพน่ากราบไหว้เพียงใด สมกับเป็นลูกศิษย์ของพระพุทธเจ้า สมกับเป็นลูกศิษย์ของครูบาอาจารย์หรือไม่?
เรามีเจตนาดี เราตั้งใจบวชไม่สึก พระพุทธเจ้าท่านให้เราสร้างเหตุ สร้างปัจจัย ไม่ให้ย่อหย่อนอ่อนแอ ติดสุขติดสบาย ติดฟรีสไตล์
พระของเราถ้าไม่ปฏิบัติตามพระวินัย เขาเรียกว่าเป็น 'พระบาป' เมื่อมันบาปใจมันก็ป่วย ใจมันป่วยใจมันก็ผอมโซ ใจมันไม่มีกำลังไม่มีพลังใจ มีโรคมีภัยเยอะ เพราะการประพฤติปฏิบัติธรรมนี้ ตัวเองมันรู้ตัวเองว่า มันกราบตัวเองไม่ได้ มันไหว้ตัวเองไม่ได้ มันกำลังเน่ามาจากข้างในใจนั่นแหละ
การที่จะรักษาตัวเองให้หายป่วย ให้หายเจ็บทางใจ รักษาความเน่าความเหม็นในใจ พระพุทธเจ้าท่านให้เราพากันเดินตามทางสายกลาง คือ ตั้งใจใหม่ ให้เอา 'พระวินัย' เป็นที่ตั้ง ให้ตั้งใจใหม่เหมือนกับพระบวชใหม่นี่แหละ เราจะบวชนานก็จริง แต่ใจของเรามันก็ยังเป็นโยมเป็นฆราวาสอยู่ ใจของเรามันยังไม่ได้เป็นพระเลย
พระพุทธเจ้าท่านให้เราเมตตาตัวเอง สงสารตัวเอง อย่าทำร้ายตัวเองด้วยการผิดศีล ผิดวินัย ผิดข้อวัตรปฏิบัติ เมื่อท่านปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เดินตามทางสายกลางที่พระพุทธเจ้าทรงสอน สถานการณ์ในใจของเรามันก็จะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี มีพลังจิตพลังใจดุจดังพญาช้างสารที่มันแข็งแรง ที่เรามาเป็นโรคทางจิตทางใจมันก็หายไปหมดตามปฏิปทา ตามเหตุ ตามปัจจัยที่เราปฏิบัติ
ความสุขความสบายมันเป็นสิ่งเสพติด ถ้าเราไม่รู้จักเขา ก็จะทำให้การประพฤติปฏิบัติของเราเป๋เหมือนกัน ทำให้เป๋ เอียงไปเอียงมา
พระพุทธเจ้าท่านถึงให้เราตั้งอยู่ในความไม่ประมาทนะ สร้างความดีสร้างบารมีให้ยิ่งๆ ขึ้นไป
ปฏิปทาความดีของเราต้องต่อเนื่องตลอดกาล...ไม่ให้ขาดสาย การสืบทอดต่อยอดพระศาสนาเป็นการส่งต่อกันไปเรื่อยๆ ถ้าไม่มีรูปแบบ ไม่มีตัวอย่าง สิ่งที่ดีๆ ก็หมดไป
เรามาบวชมาปฏิบัติ พระพุทธเจ้าท่านให้เราสร้างประโยชน์ตนให้ถึงพร้อม และก็สร้างประโยชน์ผู้อื่นด้วยการเป็นตัวอย่าง
การสร้างบารมี การทำความดีทุกคนต้องอดทนต้องขยัน ต้องบำเพ็ญ ต้องสร้างเอง เดี๋ยวนี้เราอาศัยบารมีของพระพุทธเจ้า เราอาศัยบารมีพ่อแม่ครูอาจารย์ ที่ท่านปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ สำหรับบารมีตัวเราเองมันยังน้อยอยู่ มันยังไม่พอ
เราสังเกตดูครูบาอาจารย์ที่ดังๆ ที่ท่านปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ที่ท่านลาละสังขารไปแล้ว ส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะมีลูกศิษย์ลูกหาปฏิบัติดีๆ มีความเก่งมีความสามารถเหมือนกับครูบาอาจารย์
ตามเป็นจริงแล้วมันเลียนแบบกันได้ มันถอดแบบกันได้ เพราะว่ามีตัวอย่างให้ดู ให้เห็น ให้ได้ยิน ได้ฟัง ได้สัมผัส เราก็จับเอาแต่สิ่งที่ดีๆ เพื่อต่อยอดสืบทอดพระพุทธศาสนาให้ยิ่งๆ ขึ้นไป พระพุทธเจ้าท่านให้เราทุกๆ คนกลับมาดูความบกพร่องของตัวเอง เมื่อมันเห็นความบกพร่องของตัวเองก็ให้เราแก้ไข... พากันเดินตามทางสายกลาง
เราอย่าไปโทษญาติโยมเขา ว่าโยมไม่ดีอย่างโน้น ไม่ดีอย่างนี้ โยมสมัยนี้ติดเหล้างอมแงม สำส่อนเจ้าชู้ ไม่สนใจเข้าวัด ไม่สนใจพระพุทธศาสนา สาเหตุที่ญาติโยมเขาเป็นอย่างนั้น ก็เพราะพระเรายังเป็นตัวอย่างได้ไม่ดี
ที่เขาไม่เข้าวัด ก็เพราะเขาไม่เลื่อมใสในตัวเรา ถ้าเขามีศรัทธาเลื่อมใส เขาก็จะพากันมาทั้งวันเลย จนพระไม่มีเวลาพักผ่อน เขามาเพื่อจะมากราบมาไหว้ อยู่ตั้งไกลเขาก็ยังพากันมา เพราะ 'ความดี' เป็นสิ่งที่หอมไกล เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการ
เห็นไหม ...ตัวอย่างที่พระพุทธเจ้าท่านอุบัติขึ้นมาในโลก ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีได้ยินว่าพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นแล้ว ก็ดีใจ เกิดปีติจนสลบไป และได้ไปกราบพระพุทธเจ้า ฟังธรรม ได้บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบัน เป็นมหาอุบาสก ได้สร้างวัดถวายพระพุทธเจ้ามีนามว่า 'เชตวัน'
เราจะไปโทษคนอื่น...ว่าคนอื่น เราว่าคนอื่น เป็นความไม่ยุติธรรมเลย ไม่ถูกต้อง เราต้องหันกลับมาหาตัวเอง ถึงแม้มันจะยากลำบาก พระพุทธเจ้าท่านก็ให้พวกเราพากันทำ
ชีวิตนี้มันประเสริฐ อยู่ที่เราได้ปฏิบัติตามพระพุทธเจ้า ได้เดินตามทางสายกลางของพระพุทธเจ้า ความประเสริฐความเป็นสิริมหามงคลก็จะเกิดแก่เรา 'สุดโต' มีความเป็นอยู่ด้วยความผาสุก มีพระนิพพานเป็นบ้านที่อยู่อาศัยด้วยกันทุกท่านทุกคน
ทุกๆ วันนี้ พ่อแม่ครูบาอาจารย์ ท่านมองเห็นพระหลายๆ รูป แม่ชีหลายๆ คน ปฏิปทามันยังไม่ดี มันยังไม่ได้มาตรฐาน ท่านเป็นห่วงอนาคตว่า เขาแก่ไปมากกว่านี้ ชีวิตของเขาจะเป็นอย่างไร เพราะปฏิปทาเขาไม่ดีไม่ได้มาตรฐาน ใครเขาจะมาเคารพ ใครจะมานับถือ ใครจะมาอุปัฏฐากอุปถัมภ์ เวลาไม่มีพ่อแม่ครูบาอาจารย์ให้พึ่งบารมี พึ่งใบบุญ ชีวิตของเขาต้องลำบากแน่!
ให้ทุกคนกลับมาพิจารณาว่า ตัวเองนั้นปฏิบัติตรงต่อคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้วหรือยัง?
ท่านอย่าไปคิดว่า วัดในประเทศไทยมันมีเยอะ ไม่อยู่วัดนี้ ก็ไปอยู่วัดนั้น วัดนั้นวัดนี้ ยิ่งแก่ยิ่งเฒ่า ก็ยิ่งลำบาก เพราะสาเหตุเราเป็นคนเห็นแก่ตัว เป็นคนขี้เกียจขี้คร้าน ติดสุขติดสบายนี่แหละ กรรมมันถึงได้ตามสนอง เพราะบาปมันมีจริง นรกมันมีจริง
เราจะไปโทษคนโน้นคนนี้ ว่าเขาไม่เคารพเลื่อมใสไม่ได้! เพราะตัวเราเอง ทำตัวไม่น่าเคารพเลื่อมใส ผู้ที่เขามีสติปัญญาจะเคารพนับถือใคร เขาย่อมดูให้ดี เราจะปฏิบัติแบบปากกัดตีนถีบเอาตัวรอดไปวันๆ ไม่ได้! พูดประจบคนโน้น พูดประจบคนนี้ ความดีไม่มีก็สรรหาเรื่องราวต่างๆ มาอวด มาคุย เพราะเราไม่มีความจริง
ท่านสอนว่า "ทุกคนไม่ต้องห่วงอนาคต ให้เดินตามศีล สมาธิ ปัญญา อย่างเดียว ทุกอย่างจะดีเอง เป็นสิ่งที่แน่นอน ทุกๆ คนเคารพนับถือหมด ผู้ใหญ่ก็เคารพนับถือ ผู้น้อยฆราวาสญาติโยมก็เคารพนับถือนะ"
วันนี้ ครูบาอาจารย์ท่านมีเมตตาบอกเรา...สอนเรา... เตือนเรา... กลัวเราจะติดหลงอยู่ ให้เราตั้งใจพัฒนาตัวเอง ให้ทุกท่านทุกคนถือว่า พระพุทธเจ้าชี้ขุมทรัพย์ให้แก่เรา ครูบาอาจารย์บอกสอนเรา เตือนเรา ถ้าเราฟังหูซ้ายทะลุหูขวาอย่างนี้ มันไม่ถูกนะ
ทุกท่านทุกคนเอามาคิดดู ว่าตัวเราเองต้องปรับปรุงแก้ไขอะไร ที่ปฏิบัติอย่างนี้แหละ เราจะได้เข้าถึงมรรคผลนิพพาน
เราจะไปนิพพานก็ต้องสร้างเหตุสร้างปัจจัย เราอย่าไปพูดเรื่องพระนิพพานอยู่ไกลๆ โน้น อยู่สูงๆ โน้น ให้กลับมาหาศีล หาข้อวัตรปฏิบัติ นี่แหละ...คือหนทางไปสู่ 'พระนิพพาน"
พระพุทธเจ้าท่านก็ไม่ให้ย่อหย่อนอ่อนแอ ตั้งอยู่ในความประมาท เพราะบวชหลายปี หรือว่าเป็นพระเถระ ถ้าไม่ตั้งอกตั้งใจประพฤติปฏิบัติ ก็มีแต่สร้างกรรมให้แก่ตัวเองและเป็นแบบอย่างให้กับลูกศิษย์ลูกหาไม่ได้ สัจธรรม คือ ความจริง เค้าไม่ได้มีว่าพระเก่า พระใหม่ ถ้าใครไปจับไฟก็ร้อนทั้งพระใหม่ พระเก่า
พระพุทธเจ้าท่านให้ทุกคนมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ พยายามทำความดี ปฏิบัติหน้าที่ให้มีความสุข กายอยู่ที่ไหนก็ให้ใจมันอยู่ที่นั่น มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ ขาดสติ ๑ นาที ก็บ้า ๑ นาที อย่าไปหลงทางวัตถุ เราหลงมาหลายภพหลายชาติแล้ว พระพุทธเจ้าท่านว่าอย่าไปโง่ ให้วัตถุกามคุณมันเผาจิตเผาใจ ต้องหยุดตัวเอง อดกลั้นอดทน ถ้าเราไม่อดกลั้นอดทน จิตใจของเรานี้ไม่มีทางที่จะสงบ ไม่มีทางที่จะเย็นได้ เพราะจิตใจของเรามันตกอยู่ในอำนาจของความมืด คือกามคุณทั้งหลาย มันหลงวัตถุ ของออกมาใหม่ๆ มันก็ยิ่งหลง
เรามาบวชมาปฏิบัตินี้ต้องตัดใจ ต้องข่มใจ ฝืนกิเลส ฝืนใจของตัวเอง ทำทุกวัน ปฏิบัติทุกวัน "ถ้าไม่อย่างนั้นน่ะ 'ความรู้เราท่วมหัวก็เอาตัวไม่รอด' เพราะไม่มีการปฏิบัติกาย ปฏิบัติใจ" ต้องเอาสติสัมปชัญญะมาฝึกกาย นั่ง เดิน บริโภคอาหารก็ให้รู้แล้วก็ให้มันสงบ อย่าให้มันวุ่นวาย เพราะใจของเรานี้มันหยุดไม่เป็น มันสงบไม่เป็น บังคับตัวเองให้มันเย็นไว้นะ ที่เราว่าขยัน มันยังไม่ขยัน ที่มันกลัวยากลำบาก กลัวเจ็บ กลัวปวด แสดงว่าเรายังไม่ขยัน
ความขี้เกียจขี้คร้านนี้มันเป็นปัญหาใหญ่หลวง ทุกคนอย่าได้ไปสนใจกับความขี้เกียจขี้คร้าน ถ้าเราไปสนใจมัน ไปติดมัน ชีวิตของเราจะเจริญก้าวหน้าได้อย่างไร?
ที่มันมีปัญหาใหญ่ เรื่องติดสุข ติดขี้เกียจขี้คร้าน เราต้องเดินออกจากความสุข ความขี้เกียจขี้คร้าน ปรับตัวเองเข้าหาพระวินัย เข้าหาข้อวัตรปฏิบัติ เพราะเรามีข้อวัตร มีพระวินัย เป็นเครื่องฝึกในขั้นหยาบ อดทนเอา เสียสละเอา ถือนิสัยของพระพุทธเจ้าไว้ "ทำความดี สร้างปฏิปทาให้มันสม่ำเสมอ ก้าวไปข้างหน้าเรื่อยๆ อย่าถอยหลังนะ"
ถึงเราเดินช้าก็ไม่เป็นไร มีความหนักแน่นด้วยสมาธิ คือความตั้งใจมั่นชอบ ต้องตั้งใจจริงๆ มันถึงจะได้ดี ไม่ใช่จดๆ จ้องๆ ลูบๆ คลำๆ เป็นการลูบคลำในสีลัพพตปรามาส ในข้อวัตรข้อปฏิบัติ
พระพุทธเจ้าท่านให้เราตั้งใจนะ การตั้งใจในการประพฤติปฏิบัติธรรมอย่างเข้มข้น มันไม่ตายหรอก! อย่างมาก...ก็เพียงผอม อดทนเอา ถึงเวลาทำกิจวัตรต่างๆ ต้องปรับตัวเองเข้าหากิจวัตรต่างๆ อย่าได้มีข้อแม้ใดๆ ทั้งสิ้น
ความดีน่ะ พระพุทธเจ้าท่านไม่ให้เรากลัวนะ ความดีถ้าเรากลัวความดี เขาเรียกว่าเป็นคนบาป เราอย่าไปคิดว่า "พอแล้ว พอแล้ว แค่นี้ก็เหนื่อยมากแล้ว แค่นี้ก็ยากลำบากแล้ว" "ทำข้อวัตร...นี้รู้หรือเปล่าว่า สมาธิมันกำลังจะเกิด ปัญญามันกำลังจะเกิด อย่าท้อแท้"
การปฏิบัติ มันต้องอยู่เหนือความเบื่อเขาเรียกว่า สัมมาสมาธิ
การปฏิบัติบูชามันลำบาก มันผัดวันประกันพรุ่งเน๊าะ! มันรอให้เวลาผ่านไป เขาตีระฆังแล้วมันก็ไม่อยากไป มันรอให้ถึงเวลาทำวัตรมันถึงไป อย่างนี้เป็นต้น "มันกลัวความดี มันท้อใจ"
การทำข้อวัตรปฏิบัติ คนที่มีกิเลส มันก็ไม่อยากทำเหมือนนักโทษมันไม่อยากเข้าแดนประหาร กิเลส มันคือนักโทษนะ มันก็ไม่อยากเข้าแดนประหาร มันก็ไม่อยากตาย
'ใจ' ของเรานี้ ผู้เป็นนายคุมนักโทษต้องเข้มแข็งซื่อตรงต่อเวลา ต้องควบคุมนักโทษสู่แดนประหาร การประหาร ก็ได้แก่ นำเจ้าทิฏฐิมานะอัตตาตัวตนนี่แหละ...เข้าสู่ข้อวัตรปฏิบัติใช่ไหม เพื่อตัดสิ่งที่หยาบๆ ออกจากจิตใจของเรา
รู้หรือเปล่าทุกท่านทุกคนกำลังพากันเป็นนักโทษ โทษ...เพราะท่านเกิดมานี่แหละ ต้องปราบนักโทษด้วยการมาเดินทางสายกลาง อาศัยศีล อาศัยข้อวัตรปฏิบัติ อาศัยสัมมาสมาธิ มาประพฤติปฏิบัตินะ
บุคคลคนหนึ่งที่จะเปลี่ยนแปลงตนเองได้ มันต้องอาศัยศีล อาศัยข้อวัตรปฏิบัติ มันถึงจะเปลี่ยนแปลงได้ ไม่ใช่อยู่เฉยๆ มันจะเปลี่ยนแปลง
หวังว่าทุกท่านทุกคน จะได้นำเอาพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่องค์พ่อแม่ครูอาจารย์เมตตาฝากให้เรา ได้พากันประพฤติปฏิบัติ เพื่ออนาคตวันข้างหน้าต่อยอดสืบทอดพระศาสนาด้วยกันทุกท่านทุกคนเทอญ...
แจกปัญญา แจกศาสนา แจกธรรมวินัย แจกสิ่งที่ถูกต้อง
เพื่อเดินตามรอยพระพุทธเจ้าร้อยเปอร์เซ็นต์
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
โดยทุกท่านสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่
https://linktr.ee/watsubthawee
Share wisdom, spread Buddhism and its discipline.
Advocate righteousness to follow Lord of Buddha's footsteps 100%
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
You can receive new Dharma updates.
https://linktr.ee/watsubthawee