แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
โอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ที่หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม เมตตาให้นำมาบรรยาย
บรรยายธรรมโดย พระมหาอนุชน สาสนกิตติ (ป.ธ.๙, ดร.)
ในวันอังคารที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๖
ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา
เรื่อง ชีวิตใหม่ที่เลือกได้ ตอนที่ ๕๓ มีประพฤติปฏิบัติธรรมโดยสุจริตไม่มีอะไรแอบแฝง ย่อมอยู่เป็นสุขทั้งในโลกนี้และโลกหน้า
(บางส่วนจากโอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า)
พระพุทธเจ้าท่านบำเพ็ญพุทธบารมี 20 อสงไขย แสนมหากัป ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า นับเวลายาวนานหลายล้านชาติ ได้ทรงเผยแผ่ พระพุทธศาสนา วางรากฐานพระพุทธศาสนาเป็นเวลา 45 ปี จนพระพุทธศาสนาตั้งมั่นจนทุกวันนี้ อีก 7 วันข้างหน้าก็เป็นวันมาฆะบูชา คือวันแสดงพระโอวาทปาฏิโมกข์ พระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ต้องทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข์เหมือนกัน เพราะว่าศาสนาที่จะเกิดได้มีได้ ก็เนื่องมากจากความเห็นถูกต้อง เข้าใจถูกต้อง ปฏิบัติถูกต้อง ที่ปัจจุบัน
ศาสนาก็คือ ความเห็นถูกต้อง เข้าใจถูกต้อง ปฏิบัติถูกต้อง ถึงเป็นศาสนา ถึงเป็นศีล เป็นสมาธิ เป็นปัญญา เป็นอริยมรรคมีองค์ ๘ เกิดเป็นมนุษย์ถึงเป็นมงคล เป็นสัปปายะ ได้มาพบ ได้มาเข้าใจคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ถึงเป็นสัปปายะ ได้ประพฤติได้ปฏิบัติตามพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า เป็นสิ่งที่ดี เราพัฒนาเทคโนโลยี พัฒนาวิทยาศาสตร์ แล้วทำให้หมู่มวลมนุษย์นี้สบายขึ้นสะดวกขึ้น แต่หมู่มวลมนุษย์นี้ก็เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ไม่ได้ ก็พากันได้เป็นแต่เพียงคน ไม่เข้าถึงความดับทุกข์ ไม่เข้าถึงคุณอันประเสริฐ
ทุกวันนี้เรามีพระพุทธศาสนาก็เป็นได้แต่เพียงแบรนด์เนม พระสงฆ์องคเจ้าในเมืองไทยของเรานี้ก็ไม่ค่อยได้ปฏิบัติตามพระพุทธศาสนา ได้แค่ไม่กี่เปอร์เซ็นต์ พี่พูดอย่างนี้ก็ไม่ได้ว่าประมาทพระไม่ได้ก้าวร้าวพระ เพราะพระที่แท้จริงนั้นคือพระธรรมคือพระวินัย คืออริยมรรคมีองค์ ๘ คือมรรคผลพระนิพพาน ไม่ได้ว่าให้โยมนะ ส่วนใหญ่ผู้ที่มาบวชในพระพุทธศาสนานี้ ก็ไม่ได้เอามรรคผลพระนิพพาน มีความเห็นผิดเข้าใจผิดนึกว่ามาว่าให้พระ มาว่าให้โยม ทุกคนให้พากันเข้าใจนะ นี่คือเราจะพูดความจริง พูดพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ที่เราได้ยินชื่อของพระพุทธเจ้านั้น ก็มีบุญมีกุศลอย่างหาที่สุดหาประมาณไม่ได้ เราต้องเข้าสู่ความประพฤติภาคปฏิบัติ เพราะเราจะมาถือแต่แบรนด์เนมนี้มันไม่ได้ มันทำลายความเป็นมนุษย์ เพราะเราจะมาแสวงหาความถูกใจความตามใจอย่างนี้ไม่ได้ ชีวิตของเรานี้ทุกท่านทุกคนต้องพากันรู้ทุกข์ รู้เหตุเกิดทุกข์และรู้ข้อปฏิบัติถึงความดับทุกข์
เราดูตัวอย่างแบบอย่างที่มหายานได้ผิดพลาด พากันเน้นแต่เรื่องจิตเรื่องใจ ทิ้งธรรมทิ้งวินัย เอาแต่เรื่องจิตเรื่องใจ เอาแต่ปัญญา แต่ทิ้งศีลน่ะ ไปเน้นแต่เรื่องจิตเรื่องใจนั้น มันไม่ได้ เราดูตัวอย่างแบบอย่างที่หลวงปู่มั่นพากันทำพากันปฏิบัติ คนภาคอีสาน คนไม่มีการเรียนการศึกษา เมื่อสมัยเกือบ 100 ปีก่อน หลายคนไม่ได้จบ ป. 4 สมัยโบราณเรียนสูงก็แค่ ป. 4 แต่เมื่อปฏิบัติตามพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ด้วยหลวงปู่มั่นพาทำพาปฏิบัติ หยุดมีเซ็กส์ทางอารมณ์หยุดมีเซ็กส์ทางความคิด เราเอาพระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่ ถ้าเข้าจิตใจเขาเป็นพระอริยเจ้า
เมื่อหลายปีที่ผ่านมาบ้านเมืองเราพัฒนาขึ้น โลกเราก็พัฒนาขึ้นมีหนังสือพิมพ์ มีวิทยุมีโทรทัศน์ พระเราก็มีการเรียนการศึกษา มีการเรียนการศึกษาก็ดีแล้ว มันถูกต้องมันใช้ได้แล้ว แต่เราต้องไม่ทิ้งพระธรรมพระวินัย ไม่ทิ้งการประพฤติปฏิบัติ เพราะศาสนาที่แท้จริงนั้นไม่ใช่แบรนด์เนม ไม่ใช่อยู่ที่โบสถ์วิหารเจดีย์ ศาสนวัตถุ วัสดุก่อสร้างไม่ใช่เจ้าอาวาส ไม่ใช่พระครูไม่ใช่เจ้าคุณ แล้วก็คณะปกครอง อยู่ที่มีความเห็นถูกต้องความเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง พวกนี้ก็ทำตามใจอารมณ์ตัวเอง ทำตามอารมณ์ตัวเอง เอาการเมืองมาครอบพระศาสนา
การพัฒนาพระสงฆ์ตามพระพุทธเจ้าน่ะ พระพุทธเจ้านั้นวางหลักไว้แล้ว ใช้เวลา ๔๕ พรรษา วางพระธรรมพระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่ คือโครงสร้าง ทั้งพระเจ้าพระสงฆ์องค์สามเณรปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ทุกแห่งทุกสถานที่ก็ไม่ต้องเปลืองงบรัฐบาล ไม่ต้องมีค่านู่นค่านี่ค่าอะไร เพราะว่าทุกคนก็ยอมเคารพคารวะเลื่อมใส เพราะการพัฒนาตัวเองมันต้องตามธรรม เพราะความสุขของมนุษย์นั้นมีอยู่ที่ความเห็นถูกต้องความเข้าใจถูกต้อง มีความสุขในการทำงาน มีความสุขในการถือศีล ปฏิบัติธรรมไปพร้อมๆ กัน บำรุงตัวเอง บำรุงครอบครัว บำรุงพระศาสนาไปในตัว พระพุทธเจ้าก็บอกอยู่แล้วว่า ไม่ต้องไปขอของจากคนที่ไม่ใช่ญาติไม่ใช่ปวารณา ไม่ต้องหาเงินจากหมอดู ขายเครื่องรางของขลัง เพราะธรรมวินัยขลังศักดิ์สิทธิ์อยู่แล้ว
ทุกบ้านทุกสถานที่ ก็ต้องมีวัดมีโรงเรียน ถ้าเรามีศาสนวัตถุ แต่เราไม่มีผู้ประพฤติผู้ปฏิบัตินี้มันก็เสียหาย เราจะมีวัดไว้ทำไม เราจะมีโรงเรียนไว้ทำไม เราจะเป็นพ่อเป็นแม่เขาได้อย่างไร คำว่าพ่อพ่อแม่คือแบบคือพิมพ์คือตัวอย่างแบบอย่าง สิ่งที่เสียหายที่สุดก็คือ ความหลง คือสิ่งเสพติด พระพุทธเจ้าก็ให้เรามีปัญญา ไม่ให้เราหลงไม่ให้เสพไม่ติด ถ้าเราไปติดในเหล้าในเบียร์ ในบุหรี่ ยาอี ยาม้า มันเกินไป มันสกปรกเกิน แต่ละบ้านแต่ละครอบครัวอย่างนี้ก็ย่อมมีความสุขมีความอบอุ่นจากธรรมะ
การเผยแผ่พระพุทธศาสนาของพระพุทธเจ้า ถึงไม่มีงบประมาณสักบาทสักสตางค์เดียว มีแต่ผู้ที่ช่วยเหลือตัวเองได้ คือพระราชา หรือเศรษฐีมหาเศรษฐี ในทางพระพุทธศาสนา กินอยู่ตามเศรษฐกิจพอเพียง พอกินพอใช้ ช่วยเหลือคนอื่น ช่วยเหลือส่วนรวม เราจะได้พัฒนาตัวเอง ตัวเองก็มีความสุข ความอบอุ่น บุตรธิดาภรรยาสามี ก็มีความอบอุ่น
พระเรานี้ส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจเรื่องพระศาสนา ยังพากันเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง ไม่เอาศีลเป็นที่ตั้ง ไม่เอาธรรมเป็นที่ตั้ง ปล่อยให้ใจตัวเองสกปรกปล่อยให้วัดตัวเองสกปรก ต้องขอของจากคนที่ไม่ใช่ญาติไม่ใช่ผู้ที่ปวารณา คนเราถ้าไม่ปฏิบัติน่ะ ก็ต้องไปจำเอาในหนังสือนักธรรมตรีนักธรรมโทนักธรรมเอก หรือเปรียญธรรมมาเทศน์มาสอนอย่างนี้ เมื่อได้ปฏิบัติแล้วไปสอนใคร ใครเขาจะเชื่อ ใครเขาจะนับถือ อย่างพระพุทธเจ้าท่านก็สอนท่านเอง 100% พระอรหันต์ก็สอนท่านเอง 100% แล้วท่านถึงมีความสุข ท่านถึงเสียสละ บอกพวกเราเพื่อบอกทางเข้าหาความดับทุกข์เข้าหาพระนิพพาน เมื่อเราไม่ได้สอนตัวเองเลย ปล่อยให้ตัวเองตามอัธยาศัย จะเอาอะไรมาสอน เมื่อคนจมอยู่ในน้ำไม่ได้ว่ายน้ำน่ะ มันก็มีแต่จะตาย การเผยแผ่มันถึงเผยแผ่ไม่ได้ มีแต่ไปนอนแผ่กัน ให้เข้าใจ
ให้รู้จักความประเสริฐคือเราเป็นมนุษย์ ความประเสริฐคือการเอาธรรมะเป็นที่ตั้งเป็นที่ดำเนิน เรียกว่าพระรัตนตรัย ประชาชนก็พากันเข้าใจ ที่จริงน่ะ เราจะไปโทษประชาชนนี้ก็ไม่ได้หรอก เพราะพวกที่มาบวช เมื่อตัวเองไม่ได้ประพฤติปฏิบัติ ก็ไปยัดเยียดสิ่งที่ไม่ใช่ศาสนาให้ประชาชน เช่นวัดทุกวัดมีเวทีหมอลำมีเวทีลิเก มีเวทีหนังตะลุง คอนเสิร์ต เป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับพระพุทธเจ้าทรงสั่งสอน บางทีพระเราก็พากันไปหาทอดกฐินทอดผ้าป่า มีขบวนแห่ต่างๆ เพราะพระเรานี่ก็สอนเขาแห่นาค รอบโบสถ์ ไปสอนเขาเพื่อหารายได้เพื่อจัดงาน พวกที่ทำผิดก็คือพระคุณเจ้าที่ไม่ได้เอาพระศาสนาเป็นที่ตั้ง อย่างนี้มันผิด แต่ก่อนเราไม่ได้ทอดผ้าป่า ไม่ได้ทอดกฐิน ไม่ได้ทำพิธีการบวชนาค ประชาชนก็ไม่ได้ทำผิดน่ะ ไม่ได้มาฟ้อนมามารำมาเต้นรอบโบสถ์รอบศาลา อันนี้ก็เป็นเพราะพระคุณเจ้าไปสอนในทางที่ผิด ไม่สอนในทางที่ถูก จะไปว่าโยมว่าเขาไม่ได้ เพราะโยมเขาก็ฟังพระนะ ถ้างั้นเขาจะมีเจ้าอาวาสไว้ทำไม มีเจ้าคณะตำบลเจ้าคณะอำเภอไว้ทำไม ให้พากันเข้าใจนะ ภาพรวมส่วนใหญ่เราพากันทำผิดนะ เราเห็นแก่เงินเห็นแก่สตางค์เห็นแก่วัตถุ ทุกท่านทุกคนไม่ได้ถือพระศาสนา แต่ไปถือวัตถุ ถือเงิน ถือสตางค์ พัฒนาตั้งแต่ทางภายนอกไม่ได้พัฒนาใจ
ถ้าพระสงฆ์องคเจ้าเอาพระธรรมพระวินัย มุ่งมรรคผลนิพพาน ประเทศไทยก็โชคดีนะที่มีพระมหากษัตริย์ไทย ให้ลาบวช 120 วัน หรือ 3 เดือนเข้าพรรษา เพื่อฝึก สมัยโบราณให้บวชตั้งแต่เป็นเณรให้ฝึก แต่สมัยนี้มีน้อยแล้ว เพราะเรียนหนังสือติดต่อต่อเนื่อง เขาไม่เห็นความสำคัญในพระศาสนาเท่ากับการเรียนการศึกษา เพราะคนตั้งแต่โบราณกาลที่จะเป็นพระราชาเป็นพระมหากษัตริย์ ก็จะให้ไปเรียนศาสตร์เรียนศิลป์กับผู้ที่ทรงศิลปวิทยาในป่าในเขาที่สงบวิเวก เมื่อเราไม่ทำตามพระพุทธเจ้า ก็ย่อมไปตามเนื้อหาสาระที่มันไม่ถูกต้อง ผู้ที่มาบวชก็ต้องยอมรับความจริงนะ ว่าเราต้องเอาธรรมเอาพระวินัยเป็นหลัก ไม่อย่างนั้นมันก็ไม่ได้พัฒนาตัวเอง อย่าไปปิดประตูความดี นึกว่า พระพุทธเจ้าว่าให้เรา นึกว่าครูบาอาจารย์มาว่าให้เรา อย่างนี้ก็ มาเปิดโปงความชั่วกันน่ะ อย่างนี้ก็ทำให้สถาบันเสื่อมสิ สถาบันมันไม่เสื่อมอยู่แล้ว พวกที่ทำไม่ถูกต้อง ปฏิบัติไม่ถูกต้อง มันทำให้เสื่อม มันเริ่มจะหากินในทางไม่ถูกต้องชักลำบาก เพราะทุกวันนี้ได้ข่าวทางโทรทัศน์ทางหนังสือพิมพ์ ในพวกที่มาบวชที่ไม่เอามรรคผลนิพพานนี้ทำเรื่องเสื่อมเสียแทบจะทุกวันเลย ที่เราได้ข่าวกันทุกวันนี้แหละ
ทุกท่านน่ะ ถ้าไม่อยากให้สิ่งที่ไม่ดีมันเกิดหรือแก่ตัว ก็รีบปรับเนื้อปรับตัว อย่าไปเอาอย่างมหายาน ประชาชนมองข้าม ดูจะไปขับรถก็ช่าง จะไปหากินก็ช่าง จะไปกินข้าวกี่มื้อก็ช่าง เขาถือว่ามันจะชั่วเต็มที่ เขาก็พากันเฉยๆ แล้ว พระมหายานอีกหลายปีข้างหน้า พวกเถรวาทก็จะตกต่ำอย่างนั้นเหมือนกันน่ะ ประชาชนก็จะเฉยก็จะไม่ว่าอะไรเหมือนกันนะ แต่สิ่งที่เสียหายก็คือพระศาสนา ประชาชนทุกคนจะได้รับความเสียหาย ประชาชนก็หลงงมงายไป ถ้าได้บวชลูกบวชหลานน่ะ บางคนถ้าไม่ได้แห่นาค ไม่ได้จัดงานเลี้ยงนี่ก็ไม่บวช มันไปบวชเอาอะไร บวชก็เพื่อเอามรรคผลนิพพาน เอาพระธรรมเอาพระวินัยใช่ไหม เมื่อก่อนก็ยังไม่บาป เหมือนถ้าประชาชนถ้าไปทำผิดอย่างนี้ก็เท่าหนึ่งแล้ว ผู้ที่เป็นข้าราชการไปทำผิด ก็ผิดมาก ก็มีโทษมาก พระเราไปทำความผิดก็เหมือนกันน่ะ จะไปดูหนังโป๊ ไปติดต่อนารีสีกา มันไม่ได้ มันเป็นอาบัติถุลลัจจัย เป็นอาบัติสังฆาทิเสส หรือเป็นอาบัติปาราชิก ถึงทางกฎหมายบ้านเมืองไม่เป็นไร แต่ธรรมวินัยนี้เป็นมันเป็นสิ่งที่ไม่ได้ ทุกวันนี้ก็ได้ยินข่าวว่าพระทำอย่างนู้นอย่างนี้ มันไม่ผิดกฎหมาย แต่มันก็ผิดพระธรรมผิดพระวินัย พระวินัยเป็นเรื่องจิตเรื่องใจ เรื่องมรรคผลพระนิพพานน่ะ เพราะนักบวชต้องหยุดมีเซ็กส์ทางความคิดมีเซ็กส์ทางอารมณ์ ไม่อย่างนั้นมันจะไปได้อย่างไงหล่ะ เราไม่ใช่มาหากินกับความเป็นนักบวชนะ ประชาชนก็อย่าไปคิดว่า ชั่วช่างชี ดีช่างสงฆ์ คิดอย่างนั้นมันไม่ได้ เราต้องช่วยกันดูแล อันนี้เราไม่ได้ว่าให้พระนะ เราว่าให้พวกที่มาบวชกันเป็นพระ บวชเป็นเณร บวชเป็นชี แต่ไม่มีพระธรรมวินัย อย่างไปว่าให้พระ พระธรรมพระวินัย มันก็ผิดอยู่แล้ว พระปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบอยู่แล้ว อย่าไปว่าให้ท่าน มีแต่เคารพบูชา กราบไหว้
ทุกท่านทุกคนต้องรู้ชัดรู้แจ้ง แล้วนำตนเองประพฤติปฏิบัติ เพื่อจะได้นำตนเองสู่ศีลสู่ธรรม สู่ธรรมวินัย ทุกท่านทุกคนต้องเป็นเจ้าอาวาสทุกคน เพื่อปฏิบัติตนเอง คุ้มครองตนเอง สอนตนเองปฏิบัติตนเอง 100% ธรรมะถึงจะลื่นไหลออกมา เราจะได้พากันหยุดเซ่อๆ เบลอๆ เซื่องๆซึมๆ อย่างนี้ใช้ไม่ได้เพราะทุกคนมันเก่งทุกคนอยู่แล้ว ถ้าเอาธรรมะเป็นหลัก ธรรมะเป็นใหญ่ในการดำเนินชีวิต เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เก่งไม่ฉลาด ไม่ว่าจะเป็นคนบ้านนอก ชนบท ในกรุง ในเมือง ต้องเก่งต้องฉลาด ไม่ต้องลังเลสงสัย
ไม่เรียนหนังสือก็เก่ง ก็ฉลาดได้ เพราะธรรมะที่แท้จริงไม่ได้อยู่ในหนังสือ ถ้าเรารู้จักดีชั่วผิดถูก ขยันประหยัดซื่อสัตย์กตัญญู ไม่มีอบายมุข ฟังพระพุทธเจ้า ปฏิบัติตามพระพุทธเจ้า ปฏิบัติตามพ่อแม่ครูบาอาจารย์ เรามีความสุขในการประพฤติปฏิบัติอย่างนี้ ไม่มีมายาสาไถยหลบหลีก หลบเลี่ยง แก้ตัว ถกเถียงเก่ง โต้แย้งเก่ง จนขนาดถึงขั้นไปกล่าวตู่พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า เถียงพระพุทธเจ้า ทำตามจิตตามใจ เรียกว่า พากันลาสิกขาบทแล้ว ถึงจะปลงผมห่มผ้าเหลืองก็ลาสิกขาบท จะเอาแต่จิตใจ แต่ไม่เอาพระธรรมวินัยไม่ได้ ต้นไม้ต้นหนึ่ง จะมีแก่นได้ มีทั้งกิ่งทั้งไป มีสะเก็ด มีเปลือก มีกระพี้ จึงจะมีแก่นได้ อย่างเช่น พระภิกษุสามเณรที่บวชมา ศีลทุกข้อพระวินัยทุกข้อ ต้องประพฤติปฏิบัติ ให้ครบถ้วนอย่าพากันลาสิกขาบท เราจึงจะเป็นสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นพระธรรมวินัย เป็นพระของมหาชน เป็นเนื้อนาบุญของโลก ใจของเราไม่เป็นเหมือนภิกษุสามเณร ส่วนใหญ่ที่เป็นกันอยู่ คือไม่ได้ทำตามพระธรรมวินัย ยังเป็นผู้ที่เห็นแก่ตัวอยู่อย่างนี้
ประชาชนคนส่วนใหญ่กลัว 'ศีล' รักษาศีล ๕ ก็กลัว รักษาศีล ๘ ก็กลัว รักษาศีล ๒๒๗ ก็กลัว มันกลัวความดี กลัวตัวเองได้ดี มันก็เป็นสิ่งที่น่าแปลก "เราปฏิบัติธรรมน่ะ ถ้าเราไม่เอาศีลจะได้ไหม เอาเรื่องจิตเรื่องใจ เอาเรื่องวิปัสสนาเลย?" "ไม่ได้" เพราะคนคิดอย่างนี้มันเป็นคนเห็นแก่ตัว มันเป็นคนอยากจะรวยแต่ว่าไม่ทำงาน อยากจะได้บรรลุธรรมแต่ไม่รักษาศีล เพราะศีลเป็นฐานของสมาธิ ถ้าเรามีศีล สมาธิก็ขึ้นมาเองโดยอัตโนมัติ แล้วก็พ่วงไปหาตัวปัญญา ได้ทั้ง ศีล สมาธิ ปัญญา
นักปฏิบัติธรรมจะไปทิ้งศีลไม่ได้! เหมือนคนที่เข้าใจว่า การประพฤติปฏิบัติธรรม ถ้าไม่ทำวัตรสวดมนต์ได้ไหม นั่งสมาธิเลยอะไรอย่างนี้? ความคิดอย่างนี้ มันเป็นความคิดของคนขี้เกียจขี้คร้านนะ คนจะหมดความโลภ ความโกรธ ความหลงมันต้องเป็นคนไม่ขี้เกียจขี้คร้าน มันต้องทำอะไรทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อเสียสละ เพื่อละความเห็นแก่ตัว
ความเห็นแก่ตัวของเรานี้ มันมาหลายรูปแบบนะ มาในความฉลาดมีเหตุมีผล ว่าทำอย่างโน้นได้รับผลอย่างนี้ ทำอย่างนี้ได้รับผลอย่างนั้น มันมีเหตุผลนะ
การประพฤติการปฏิบัติธรรมนี้ มันต้องมีเหตุมีผล แล้วก็เหนือเหตุเหนือผลอีก เพราะคนเราถ้ามีเหตุผลเยอะ มันต้องได้ทะเลาะกัน เพราะใครก็มีเหตุผลทั้งนั้น มันไม่ยอมกันหรอก... ใครเรียนมากก็ยิ่งมีเหตุผลมาก หาวิธีมาพูดมาหักล้าง สิ่งที่มันผิดก็ยังเอาเป็นสิ่งที่ถูกให้ได้ อย่างเรื่องกฎหมายอย่างนี้ เอาหลัก-เอาฐาน-เอาพยานมายืนยันกัน บางทีเรื่องมันไม่จริงก็ต้องหาพยานปลอมมาแล้ว
การปฏิบัติธรรมนี่มันไม่มีข้อแม้ใดๆ ทั้งสิ้น มันไม่มีเหตุผลอะไรที่จะมาโต้แย้ง มันโต้แย้งไม่ได้ เพราะร่างกายถึงคราวมันแก่ มันก็ต้องแก่ไป เราจะไปบอกว่า... "ไม่ได้... ลูกเรายังไม่โต หลานเรายังไม่โต หลานเรามันยังเรียนไม่จบ ฐานะยังไม่มั่นคงอยู่ เราแก่ไม่ได้" ไม่ได้! มันก็ต้องเป็นไปตามนั้น มันไม่มีข้อแม้ใดๆ ทั้งสิ้น "บางทีเราก็ตายกะทันหันนะ ไม่ได้ตั้งท่าเลย"
พระพุทธเจ้าท่านถึงให้เรามาแก้ที่จิตที่ใจของเรา ปรับที่จิตที่ใจของเรา พยายามให้จิดให้ใจของเราไม่ไปสู้รบตบดีกับธรรมะวินัยของพระพุทธเจ้า
นี่เราล่ะ...แย่เลย มันเถียงพระพุทธเจ้าฉอดๆๆ ในใจมันต่อรองทั้งวันทั้งคืน อย่างนี้มันถูกต้องไหม... อย่างนี้ไม่ถูกต้อง
ที่คนเขาทะเลาะกัน สามีภรรยาก็ทะเลาะกัน มันไม่ถูกต้อง มันไม่สงบ ที่บ้านเมืองที่สังคม...ที่เขาทะเลาะกันเขารบกัน มันไม่สงบ อันนั้นมันเป็นเรื่องภายนอกนะ
ภายในเรานี่แหละ มันชอบเป็นนักรบ รบแม้แต่พระพุทธเจ้า เถียงพระพุทธเจ้าอยู่นั่นแหละ เราอย่าไปปฏิเสธตัวเองนะ... ว่าตัวเองนี้ไม่ได้เถียงพระพุทธเจ้า เพราะเราเถียงพระพุทธเจ้าตลอดนะ การเถียง 'พระพุทธเจ้า' ก็คือเราไม่ยอมรับความจริง ไม่ยอมรับความจริงอย่างไร? อย่างเราที่เกิดมาก็ไม่อยากให้มีโรคมีภัยนี่แหละ ความคิดอย่างนี้แหละ เป็นการเถียงพระพุทธเจ้า
เราบวชมาอุปสมบทมาต้องรักษาพระวินัย รักษาสิกขาบทน้อยใหญ่ให้ได้ 100% ถึงจะเป็นพระของมหาชนของส่วนรวม เรารักษาศีล 10 ได้ 100% จึงจะเป็น สามเณรของมหาชน พระพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญพระพุทธบารมีจนได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ทรงมาบอกมาสอนเพื่อให้เราได้ประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมวินัย ขัดเกลาใจให้พ้นทุกข์ เป็นเนื้อนาบุญของโลก เป็นพระของมหาชน เราดูตัวอย่างแบบอย่าง ยุคหลวงปู่มั่น พาลูกศิษย์ลูกหาประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมวินัย 100% ได้บรรลุธรรมเป็นพระอริยเจ้ากันมากมาย
พระพุทธเจ้าสอนว่า ให้พากันประพฤติพรหมจรรย์ ประพฤติปฏิบัติตามพระวินัย ตามสิกขาบทน้อยใหญ่ เพื่อมุ่งมรรคผลพระนิพพาน ให้ทุกท่านทุกคนไม่ให้ใจอ่อน มีสัมมาสมาธิเป็นที่ตั้ง เมื่อท่านปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ทั้งตัวของท่านเอง การประพฤติปฏิบัติของท่านเอง จะนำท่านไปสู่สุคติโลกสวรรค์สู่มรรคผลพระนิพพาน อย่าได้ใจอ่อน อย่าได้ย่อหย่อนอ่อนแอลูบคลำในศีลในข้อวัตรปฏิบัติ เราไม่ต้องไปลังเลสงสัยในพระพุทธเจ้า ในพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว ในพระอริยสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติตรงปฏิบัติชอบปฏิบัติเพื่อรู้ธรรมเป็นเครื่องออกจากทุกข์ เน้นเข้าสู่ภาคประพฤติปฏิบัติ เพราะการปฏิบัติของเราคือการทำปริญญาอันเอกอุ ปริญญาสูงสุดของชีวิตที่มนุษย์ควรได้ควรถึงในชาตินี้
พระพุทธเจ้าทรงนำพาเราทำดีอย่างสมบูรณ์ งดงามทั้งในเบื้องต้นท่ามกลางและที่สุด เราจะไปทำอย่างอื่นไม่ได้ เพราะมันไม่ถูกต้อง ไม่ได้เป็นไปเพื่อความเบื่อหน่ายคลายกำหนัด เพื่อความดับ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความหลุดพ้น เพื่อพระนิพพาน พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า เป็นสิ่งที่ทั่วโลก ทวนกระแส ทวนใจ ทวนอารมณ์ ทวนความรู้สึกทวนอัธยาศัยของเรา พระพุทธเจ้าทรงขนาบเรา เราจึงต้องมาขนาบตนเอง ฝึกฝนตนเอง เพราะว่าการประพฤติปฏิบัติเป็นเรื่องของเรา เป็นเรื่องเฉพาะตน ไม่ใช่เรื่องของคนอื่น
พระพุทธเจ้ายังตรัสไว้ว่า อานนท์ ! เราไม่พยายามทำกะพวกเธอ อย่างทะนุถนอม เหมือนพวกช่างหม้อ ทำแก่หม้อที่ยังเปียก ยังดิบอยู่ อานนท์ ! เราจักขนาบแล้ว ขนาบอีก ไม่มีหยุด อานนท์ ! เราจักชี้โทษแล้ว ชี้โทษอีก ไม่มีหยุด ผู้ใดมีมรรคผลเป็นแก่นสาร ผู้นั้นจักทนอยู่ได้. คนเรา ควรมองผู้มีปัญญาใดๆ ที่คอยชี้โทษ คอยกล่าวคำขนาบอยู่เสมอไป ว่าคนนั้นแหละ คือผู้ชี้ขุมทรัพย์, ควรคบบัณฑิตที่เป็นเช่นนั้น เมื่อคบหากับบัณฑิตชนิดนั้นอยู่ ย่อมมีแต่ดีท่าเดียว ไม่มีเลวเลย.
หลวงพ่อกัณหา ไม่ได้ว่าให้พระภิกษุสามเณรผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบตามพระธรรมวินัยของพระพุทธเจ้านะ ว่าให้แต่ภิกษุสามเณร ที่ทำตามจิตตามใจ ตามอารมณ์ตามความรู้สึก ออกนอกแนวพระธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า เพื่อจะได้สำนึกสำเหนียกว่าที่ครูบาอาจารย์นำพาเราประพฤติปฏิบัติธรรม เป็นสิ่งที่ประเสริฐมาก
เราจะได้ไม่เอาพระธรรม คำสอนที่ประเสริฐนั้น มาเหยียบย่ำทำลายให้หายไป เพราะอวิชชาความหลง ความเห็นแก่ตัว ที่เราเป็นผู้นำเป็นประธานสงฆ์ เหมือนที่กำลังเป็นกันอยู่นี้ ทุกคนยังหน้าไม่อายบอกว่าตนเองเป็นศิษย์พระพุทธเจ้า ท่านยังจะมีหน้ามาพูด เป็นแต่ผู้เอาศาสนา เอาชื่อเสียงครูบาอาจารย์มาหากิน ให้พิจารณาให้ดีๆ อย่าปฏิเสธพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ ที่ท่านได้เสียสละบอกสอนนำพาเราประพฤติปฏิบัติขัดเกลาเพื่อพระนิพพาน
จะหัวดีไม่หัวดีไม่สำคัญ สำคัญที่มุ่งมรรคผลนิพพานจริงๆ เรามีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้อง ต้องเป็นคนซื่อสัตย์ ปฏิบัติตามรอยของพระพุทธเจ้า ใครจะฉลาด ไม่ฉลาด จะหัวดี ไม่หัวดี ไม่สำคัญ สำคัญอยู่ที่เราเป็นคนซื่อสัตย์ คนซื่อสัตย์ต่อพระพุทธเจ้าจะไม่ไปคิดเรื่องอยากได้เงินได้ทอง ไม่มีใจไปคิดเรื่องผู้หญิงเรื่องกินเรื่องเที่ยว คนซื่อสัตย์จะไม่คิดไม่พูดไม่ทำแบบนี้ ต้องเป็นผู้ซื่อสัตย์ เกรงกลัวต่อบาปละอายต่อบาป ไม่คิดเรื่องไปในทางกาม ไม่คิดเรื่องผู้หญิง เรื่องกามคุณ แม้กระทั่งเรื่องเสพเรื่องกินเรื่องเที่ยวที่ผ่านมาก็ตามที ต้องไม่คิด จึงเป็นการพัฒนาไปสู่ความซื่อสัตย์ มันมีอย่างที่ไหนเราบวชเป็นพระยังไม่เกรงกลัวต่อบาปไม่ละอายต่อบาป ยังคิดถึงสาว คิดชอบสาวอยู่ อย่างนี้คือคนไม่ซื่อสัตย์ คิดเรื่องเงินเรื่องทองเรื่องยศตำแหน่งสรรเสริญ ไม่มีใครจะบรรลุธรรมได้เลยถ้าไม่ซื่อสัตย์ อย่างระบบความคิดระบบความเห็นของที่วัดเรา องค์พ่อแม่ครูบาอาจารย์ไม่ให้มีโทรศัพท์ เราก็ยังคิดแต่ว่าวัดนั้นก็ยังมีวัดนี้ก็ยังมีวัดนั้นก็ยังโทร เราจะไปเอามาตรฐานของที่อื่นไม่ได้ มันคือการยังยินดีในกาม ใครจะไปทำอย่างนั้นก็ช่างหัวมัน พระพุทธเจ้าไม่ได้ให้เราคิดไม่ได้ให้เราทำอย่างนี้
ทุกท่านทุกคนต้องเป็นคนซื่อสัตย์ต่อพระพุทธเจ้า ซื่อสัตย์ต่อพระธรรม ซื่อสัตย์ต่อพระอริยสงฆ์ สิ่งไหนไม่ดีต้องไม่คิด ไม่พูด ไม่ทำถ้าไม่เป็นคนซื่อสัตย์ถึงจะปลงผมห่มผ้าเหลืองแต่ใจก็ ยังเป็นโจรเป็นมหาโจร หมกดาบหมกปืนพกระเบิดเอาไว้ในจีวร เพราะไม่ซื่อสัตย์ทำตามใจทำตามอารมณ์ไม่มีความละอายแก่ใจไม่มีหิริโอตตัปปะ ทำตามผู้ทุศีล ทำตามอลัชชีก็พาตัวของตัวเองให้เป็นผู้ทุศีลเป็นอลัชชีตามไปด้วย
ใจเรานี้คือเมล็ดพันธุ์คือปลูกเมล็ดพันธุ์ที่ไม่ดีไม่บริสุทธิ์เอาไว้สิ่งไม่ดีสิ่ง ไม่บริสุทธิ์จะไปคิดมันทําไม จะไปติดใจ จะไปติดอกติดใจอยู่ในเรื่องกามคุณไม่ได้ เพราะมันไม่ใช่ ทางแห่งพรหมจรรย์จึงต้องสมาทานไม่คิดไม่พูดไม่ทำ ต้องมาสมาทานให้เป็นผู้ที่มีศีลงดงาม ให้เป็นผู้ที่งดงามด้วยศีลด้วยสมาธิและปัญญาที่เสมอกัน เราจึงต้องมาสมาทานเพื่อเป็นผู้ที่มีศีล มีสมาธิมีปัญญา เสมอกันทั้งอาราม มีปัญญาสละคืนความขี้เกียจขี้คร้าน ความเห็นแก่ตัว ทุกคนต้องเป็นหนึ่ง ต้องเป็น เอกไม่เป็นรองใคร เพราะธรรมะเป็นหนึ่งเป็นเอกไม่ได้เป็นรอง ถ้าทำอยางนี้ไม่ต้องกลัวใครว่าเพราะเอาธรรมะเป็นหลัก เอาธรรมะเป็นใหญ่ไม่ต้องระแวงภัยจากที่ไหนๆ เราบวชมาเพื่อเสียสละจึงต้อง ตามรอยพระพุทธเจ้าเอาอยางพระอรหันต์ผู้เป็นต้นแบบให้เรา เราต้องพัฒนาตนเองเช่นนี้ปฏิบัติเช่นนี้ อย่าไปคิดว่าทำไม่ได้สมองไม่ดี มันไม่เกี่ยวกันเลย อยู่ที่ความซื่อสัตย์ ถ้าคิดพูดทำในสิ่งดีๆ สิ่งที่ออกมาก็จะมีแต่ธรรมะจะได้เป็นพืชพันธุ์ สร้างความดีให้แก่ตนเอง สร้างที่พึ่งให้แก่ตนเองและก็ยังสร้างที่พึ่งให้แก่พระศาสนาให้แก่ญาติพี่น้องแล้วก็ศรัทธาประชาชน ไม่เกี่ยวกับรู้มากรู้น้อย ขึ้นอยู่ที่ความซื่อสัตย์ต่อพระพุทธเจ้า ต่อพระธรรม ต่อพระอริยสงฆ์ เอาธรรมะเป็นหลักเอาธรรมะเป็นใหญ่ อย่าไป เก็บโจรมหาโจรเอาไว้ในใจ ต้องเอาธรรมะของพระพุทธเจ้าเป็นหลักเป็นใหญ่เอาไว้ในใจ ต้องพากนทำอย่างนี้ ปฏิบัติอยางนี้ พระพุทธเจ้าจึงจะไว้วางใจเรา ครูบาอาจารย์จึงจะไว้วางใจเรา
เพราะทุกวันนี้หาคนไว้วางใจยาก ประชาชนจะกราบก็แค่กราบสัญลักษณ์แค่ปลงผมห่มผ้าเหลืองแต่ใจก็ยังสงสัยอยูว่า เป็นพระจริงหรือเปล่า ใจเป็นพระจริงหรือเปล่า ใจไม่ได้เป็นมหาโจร จึงต้องกลับมาหาธรรมะบ้าง หายใจเข้าหายใจออกให้มี ความสุขสดชื่นเบิกบานกระปรี้กระเปร่า กายก็อย่างหนึ่ง ใจก็อย่างหนึ่ง ใจต้องรู้จักความคิดต้องรู้จักการปรุงแต่ง อย่าให้เล่ห์เหลี่ยมมายาของโจรของมหาโจรมาครอบงำจิตใจ จะได้ไม่เป็นทาสของกิเลส ตัณหาและอวิชชา
ธมฺมํ จเร สุจริตํ น นํ ทุจฺจริตํ จเร ธมฺมจารี สุขํ เสติ อสฺมึ โลเก ปรมฺหิ จ.
บุคคลพึงประพฤติธรรมให้สุจริต, ไม่พึงประพฤติธรรมนั้นให้ทุจริต, ผู้มีปกติประพฤติธรรมย่อมอยู่เป็นสุขในโลกนี้และโลกหน้า.