แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
โอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ที่หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม เมตตาให้นำมาบรรยาย
บรรยายธรรมโดย พระมหาอนุชน สาสนกิตติ (ป.ธ.๙, ดร.)
ในวันจันทร์ที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๖
ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา
เรื่อง
(บางส่วนจากโอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า)
สิ่งที่เสียหายของประเทศไทยนี้คือ สิ่งเสพติด ยาเสพติด แล้วก็ที่ทำให้ประเทศไทยเราเสียหาย คือหลงในอบายมุขและอบายภูมิ หลงอบายมุข ที่ทำให้ประเทศไทยเราตกต่ำไปสู่อบายมุข ทุกคนต้องพากันรู้ จุดเด่นจุดหลัก จุดสำคัญคือสิ่งเสพติด เรามันติดในความอร่อยของโลก รูป เสียง กลิ่น รส ลาภ ยศ สรรเสริญ ความสุข ความสะดวกความสบายที่มนุษย์เราพัฒนามาตามหลักเหตุผล ตามหลักวิทยาศาสตร์ ที่ก้าวไปไกลกว่าอย่างอื่น เราทุกคนต้องรู้จักไสยศาสตร์ ไสยศาสตร์ คือความหลง
ประเทศไทยก็คือต้องเป็นผู้มีสติ เป็นผู้มีปัญญา เราจะเข้าถึงความสุขความดับทุกข์ด้วยปัญญา ด้วยการเรียนการศีกษา พร้อมทั้งการประพฤติ การปฏิบัติ เมื่อเรามีปัญญาแล้ว ต้องเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ เราอย่าไปหลงในสิ่งที่เรารับผัสสะ เราก็หลงในสิ่งที่เราเสพ หรือว่าเราสัมผัส เพราะเรามีตาก็เพื่อให้เราฉลาด เรามีหูก็เพื่อฉลาดรู้จักอนิจจัง รู้จักทุกขัง รู้อนัตตา ว่าสิ่งเหล่านี้คือไฟต์คือไฟต์ติ้ง ที่ให้เรามาประพฤติให้เรามาปฏิบัติ เพราะสมณะที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 นั้น คือที่เรามีความเห็นถูกต้อง มีความเข้าใจถูกต้อง ปฏิบัติถูกต้อง ในผัสสะ ในอารมณ์ ในปัจจุบันธรรม ที่พระพุทธเจ้าบอกว่าอริยะมรรค์มีองค์ 8 เพราะการแก้ปัญหาก็ต้องแก้ปัญหาอย่างนี้
อบายมุข คือหนทางที่จะให้เราเสื่อมทำให้เราตกต่ำ ตกต่ำเศร้าหมอง ไม่ดี เเต่ที่เราทำโน่นทำนี้มันไม่ใช่เรื่องของกาย มันเป็นเรื่องของใจที่เราทุกคนมันหลง เพราะกายมันเปรียบเสมือนรถยนต์ เหมือนยานอะไรต่างๆ ที่พาเราไปทำงาน ไปใช้งาน ที่เราเป็นอย่างโน่นเป็นอย่างนี้ มันไม่ใช่เรื่องของกาย กายนี้มันมาจากใจ อาหารกายก็คือพวกข้าว พวกอาหารการนอน การพักผ่อน การเปลี่ยนอิริยาบถ อาหารใจ อารมณ์ความคิดอะไรต่างๆ เราหลงต่างๆ มันเป็นอาหารใจ อาหารกายคือเรามีการเสพทางกาย อาหารใจ คือ มันเป็นความคิด มันเป็นอารมณ์ มันเป็นการเสพทางใจ การเสพอย่างนี้ ถ้าภาษาฝรั่งนี้คือ มีเซ็กซ์ทางกาย มีความสัมพันธ์ทางกาย เซ็กซ์ทางจิตใจคือเรายินดี เราหลงเราคิดไป เราหลงในรูปในเสียงในกลิ่นในรสลาภยศสรรเสริญ อย่างนี้เค้าเรียกว่ามีเซ็กซ์ทางความคิด มีเซ็กซ์ทางอารมณ์ มันไม่ได้ ต้องรู้จัก ถ้าไม่รู้จัก มันจะไปเรื่อย พระพุทธเจ้าถึงสอนเรา
ถ้ามันคิดมาครั้งที่หนึ่ง เอาให้มันเป็นสัญชาตญาณ สัญชาตญาณก็คือการรับรู้ทางร่างกาย วาระจิตที่ ๒ ให้รู้ผิดรู้ถูก ให้เอาใจมาภาวนาวิปัสสนา ว่าทุกอย่างที่มันเกิดขึ้นในปัจจุบัน คือ สภาวธรรม ให้เรารู้จัก ให้เอาองค์ภาวนามาพิจารณาสู่พระไตรลักษณ์ ว่าทุกสิ่งมันไม่แน่ไม่เที่ยง มันเกิดขึ้นกับกายของเรากับใจของเรา ให้ใจเราได้ปฏิบัติ เพื่อใจของเราจะได้เกิดวิปัสสนา เกิดปัญญา ถ้าไม่มีสิ่งเหล่านี้ ก็ชื่อว่าร่างกายเราตายแล้ว นี่คือ เทวทูตมาบอกมาสอนเราในชีวิตประจำวัน
การประพฤติการปฏิบัติมันไม่อยู่ไกล อยู่ที่ใจของเราในปัจจุบัน อนาคตทั้งหมดอยู่ที่ใจของเราปฏิบัติ อดีตทั้งหมด ถ้าเราไม่เสียสละเราไม่ปล่อยวาง มันก็อยู่ที่ใจของเราในปัจจุบันเหมือนกัน ถ้าเราไม่เสียสละทางจิตทางใจมันก็ย่อมมีปัญหา เรื่องความเห็นถูกต้อง ความเข้าใจถูกต้องเป็นสิ่งที่สำคัญ เมื่อเรามีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้อง เราก็ต้องสมาทาน สมาทานคือตั้งใจ อธิษฐานจิต ว่าเราต้องสมาทาน ว่าไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดในกาม พูดโกหก ไม่กินเหล้าเมาสุรา เล่นการพนัน อย่างนี้ก็สมาทานในใจ เเล้วปฏิบัติทางกาย ถึงจะเป็นเรื่องจิตเรื่องใจ ก็ต้องเอากายประพฤติปฏิบัติ เราสมาทานเเน่วเเน่หนักเเน่น มันถึงจะเป็นศีล ความตั้งมั่น สมาทาน มันถึงจะเป็นสัมมาสมาธิ
การประพฤติการปฏิบัติเราต้องทำติดต่อต่อเนื่องกัน เพราะลมหายใจเราต้องหายใจติดต่อต่อเนื่อง ถ้าเราไม่หายใจติดต่อต่อเนื่องเราก็ตาย เหมือนไก่มันฟักไข่ต้องใช้เวลาสามอาทิตย์ เเต่เราเป็นมนุษย์มันมีปัญญามาก มันต้องใช้เวลามากกว่านั้น ความประพฤติของเราพระพุทธเจ้าบอกว่าเป็นมรรค มรรคนี้ก็คือ เป็นข้อวัตรข้อปฏิบัติเป็นการกระทำในใจของเราในปัจจุบัน อันนี้จะเป็นกฏเเห่งกรรม เรียกว่าเป็นศีล เป็นศิลปะของชีวิต ศิลปะที่ประเสริฐ ต้องพากันทำติดต่อกัน เพราะมนุษย์เราจะมีสมาธิอยู่สิบนาที ครึ่งชั่วโมง มันก็ยาก เพราะว่าเราไม่ได้พากันประพฤติพากันปฏิบัติ ชีวิตของเรามันถึงเป็นได้เเต่เพียงคน วุ่นวายทั้งวัน ใจสับสนวุ่นวาย คิดทั้งดีทั้งชั่ว ผสมปนเประคนกันไปหมด
เพราะประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้านี้แหละ จึงจะเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ มนุษย์เราทุกคนถือว่าโชคดี เกิดมาถือว่าเป็นผู้ประเสริฐ ได้มาประพฤติปฏิบัติเพื่อหยุดชาติ เราลองคิดดู ถ้าเราไปเกิดเป็นหมู หมา กา ไก่ เป็นสัตว์เดรัจฉาน บนบก ในน้ำ ตัวเล็ก ตัวน้อย ไม่มีโอกาสดีๆเช่นนี้นะ มีแต่ไปเสวยทุกข์ตามวิบากกรรม วนเวียนแต่เรื่องกินเรื่องนอน เรื่องหาอาหาร เรื่องสืบพันธุ์ มันวนอยู่แค่นั้นเอง ทุกท่านทุกคนร่างกายประเสริฐแล้ว แต่ถ้ายังปล่อยใจให้มันยังสาละวน อยู่แต่กับเรื่องกิน เรื่องกาม เรื่องเกียรติ เรื่องนอน วนอยู่แค่นี้มันก็ไม่ต่างอะไรกับสัตว์เดรัจฉาน ต่างแค่เพียงร่างกาย
การประพฤติการปฏิบัติให้เราพาเข้าใจนะ ไม่ใช่เราไปปฏิบัติที่วัดที่โน่นที่นี้หรอก อยู่ที่เราปฏิบัติทุกหนทุกเเห่ง ต้องพัฒนาที่ใจ ไม่ให้ใจมันคิด ไม่ให้ใจมันพูด ไม่ให้ใจมันทำ อันนี้ต้องทำอย่างนี้ อยู่ที่ปัจจุบัน เราต้องตั้งมั่นใจพระรัตนตรัยกราบพระไหว้พระทุกวัน พระพุทธเจ้าถึงสอนให้เราทุกคน พากันมีศีล ๕ วันพระพากันมีศีล ๘ มีศีล ๘ เพราะว่าเพื่อจะไปหาพระพุทธเจ้า พระอริยเจ้า ไปหาบัณฑิต ครั้งพุทธกาล มีพระพุทธเจ้า มีพระอริยเจ้า เพราะคนเรามันต้องทำติดต่อต่อเนื่องมันถึงจะได้กำลังใจ ถ้าเราไม่รู้จักกราบพระไหว้พระ ข้อสำคัญคือ พ่อคือเเม่ต้องเป็นตัวอย่างเเบบอย่าง พ่อเเม่ต้องตั้งมั่นในพระรัตนตรัย เคร่งครัด พวกลูกหลานๆมันถึงจะได้เห็นตัวอย่างเเบบอย่าง ทุกวันนี้พ่อเเม่มันเป็นตัวอย่างเเบบอย่างไม่ได้ ลูกหลานก็ไม่เคารพนับถือ เหมือนเราถ้าไม่เอาศีลเอาธรรม เอาคุณธรรมก็ไม่มีใครเคารพนับถือในตัวเรา ส่วนใหญ่คนชาวบ้าน ลูกมันจะไม่เคารพนับถือเรา เพียงเเต่สงสารเรา เพราะเราเป็นผู้มีบุคคลกับเค้า เราช่วยเค้ามาตั้งเเต่เด็กจนถึงวันตาย
พระพุทธเจ้าท่านไม่ให้เราพากันหลงวัตถุ หมายถึงไม่ให้หลงกายมาก ไม่หลงสิ่งของ ญาติพี่น้องวงศ์ตระกูลมาก เพราะสิ่งเหล่านี้มันเป็นของชั่วคราว เราต้องรู้จักภาวนาสู่พระไตรลักษณ์ อนิจจังมันไม่เเน่ ไม่เที่ยง มันเกิดขึ้นตั้งอยู่เเล้วก็ดับไป ทุกขัง มัน อยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ ต้องแปรเปลี่ยนไป อนัตตาคือสิ่งเหล่านั้นไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน เหมือนที่เรารู้เราเห็น มันต้องเอาตัวนี้มาพิจารณา ภาวนา วิปัสสนาเยอะๆ มันจะได้ปล่อยจะได้วาง จะได้ลดตัวลดตน
ถ้าเราเข้าถึงจิตถึงใจในปัจจุบันนี้ เราจะไม่มีความลังเลสงสัย ว่าคนไหนตายเเล้วเกิดใหม่ หรือว่าตายเเล้วไม่ได้เกิด เพราะว่าการประพฤติการปฏิบัติมันจะจัดการความคิดของเราในปัจจุบัน อย่าไปหลงวัตถุมาก มันจะเอาเเต่ความสุขทางร่างกายความสะดวก ความสบาย เราก็จะได้เเต่ความสุขเป็นมนุษย์รวย เป็นเทวดา เป็นทิพย์เป็นวิมาน มันจะไม่ได้เข้าถึงพระพุทธศาสนา ที่เป็นของประเสริฐ ความสุขอย่างนี้มันเป็นวิทยาศาสตร์ระดับพื้นฐานเฉยๆ เราลองดูตั้งแต่ชาติก่อน ไปจนถึงชาติหน้าสำหรับโลกนี้ เราเป็นเหมือนกับแขกผู้มาเยือน ไปพบปะคนนั้น คนนี้ มีวัตถุสิ่งของเงินทองอันนั้น อันนี้ ได้ใช้อำนวยความสะดวกสบาย สุดท้ายก็ต้องโบกมือลาจากกันไป ไม่ว่าจะรักหวงแหนเพียงใด จะหามายากขนาดไหน มันก็ต้องจบกันทีแต่เพียงชาตินี้ อย่าพากันหลง ถ้าหลงมันจะรวยอย่างไม่ฉลาด
ทุกท่านทุกคนต้องพากันฝึกท่องพุทโธ หายใจเข้าท่องพุท หายใจออกท่องโธ ฝึกหายใจเข้าก็ให้รู้ชัดเจน หายใจออกก็ให้รู้ชัดเจน หายใจเข้าสบาย หายใจออกสบาย ใจของเราจะได้อยู่กับเนื้อกับตัว ส่วนใหญ่เราก็ไปตามความคิด ไปตามอารมณ์ ไปตามสิ่งที่สัมผัสกับหู กับตา อายตนะต่างๆ มันต้องไปอย่างนั้น เราต้องฝึกท่องพุทโธฝึกอานาปานสติ ฝึกหายใจเข้าหายใจออก ต้องพากันฝึก ถ้าอย่างนั้น มันจะเป็นคนไม่มีบ้าน ไม่มีบ้านทางใจ มีเเต่บ้านทางกาย มันต้องมีบ้านทางใจด้วย ท่านถึงให้เรานั่งสมาธิกันตอนเช้าตอนเย็น นั่งท่องพุท ท่องโธ พุทโธ หายใจเข้าท่องพุท หายใจออก ท่องโธ ต้องพากันฝึก เราจะเอาเเต่ดูโทรทัศน์ เล่นโทรศัพท์อย่างนี้ไม่ได้ มันไม่ได้พัฒนาใจ มนุษย์เราถ้าไม่ได้พัฒนาใจ มันเเย่กว่าสัตว์เดรัจฉาน สัตว์เดรัจฉานมันไม่โกงกินคอร์รัปชั่น มันไม่กินเหล้ากินเบียร์ มันไม่เล่นการพนันนะ สัตว์เดรัจฉานน่ะ เราต้องเข้าใจ
เราไม่รู้จักพระพุทธเจ้า ไปกินเหล้ากินเบียร์ เล่นการพนัน ตามภายนอกไป มันไม่ได้ เราเเย่กว่าสัตว์เดรัจฉานอีก ถ้าว่าเเย่กว่าก็เครียด ความจริงมันเเย่กว่าจริงๆ เราดูสิ ในอะไรต่างๆ มันเเย่กว่าสัตว์เดรัจฉานทั้งหมด มันเเต่งตัวโก้ ใส่เน็คไท เป็นผู้ทรงเกียรติ เเต่ไม่ได้ทรงเกียรติอะไรหรอก มันเเย่กว่าสัตว์เดรัจฉานอยู่ ถ้าเราไม่รู้จักความสุขความดับทุกข์มันอยู่ที่ปัจจุบัน อยู่ที่ใจของเราสงบ ใจของเรามีปัญญา ทุกท่านทุกคนพากันพัฒนาตนเอง เพราะว่าปู่ย่าตายายบรรพบุรุษของเราก็ตายไปหมดเเล้ว เราก็เริ่มเเก่ไปทุกวันๆ
ต้องมีความสุขในการทำงาน เพราะงานก็คือความสุข งานก็คือเราจะช่วยเหลือญาติพี่น้องวงศ์ตระกูลของเรา ไม่ตั้งใจทำงานเขาเรียกว่าคอรัปชั่น ยิ่งไปเอาเงินที่เขามาสนับสนุนไปกินไปเซ็นอย่างนี้เขาเรียกว่าโกงกินคอรัปชั่นๆ ทุกๆ หน่วยงาน เพราะทุกคนก็ต้องเสียภาษีให้บ้านเมืองตัวเองแต่ว่ามันทำใจไม่ได้เพราะข้าราชการ เราต้องพากันเปลี่ยนความคิดใหม่ เปลี่ยนประพฤติกรรมใหม่ เราอย่าไปตั้งตระกูลมาเพื่อโกงกินคอรัปชั่น
เรารู้เฉยๆ ไม่ได้ เราต้องสมาทานเราต้องตั้งใจ และเข้าสู่ภาคปฏิบัติ ต้องใช้เวลาหลายวันหลายเดือน ชีวิตของเราถึงจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี ขนาดเขาติดเขา ติดคุกกี่ครั้ง ออกมาว่าจะเข็ดไหม พวกหัวหน้าครอบครัวเราจะเอาแต่กินเหล้าขาว เหล้าแดง ในตอนค่ำนั้นไม่ดี ไม่ถูกต้อง ไม่ควรจะให้เด็กๆมันรู้ ถ้าอันไหนมันไม่ดี เด็กมันจะจำไป
พระพุทธเจ้าบอกเราทุกคนว่า อย่าไปคบค้าสมาคมกับคนไม่ดี คนไม่ดีก็คือพวกขี้เกียจ ขี้คร้าน พวกกินเหล้า กินเบียร์ เล่นการพนัน เจ้าชู้ สรวลเสเฮฮาอย่างนี้เขาเรียกว่าคนไม่ดี พวกนี้ก็เหมือนกับไวรัส โควิดเราไปใกล้มันก็ต้องคิด เพราะมันยังยินดีอยู่มันถึงไปใกล้เขา เพราะว่า โจรก็มีแก๊งของความเป็นโจร นักการพนันก็มีแก๊งนักการพนัน ตัวอย่างที่เห็นได้ง่ายในปัจจุบันก็คือ การติดยาเสพติดในหมู่วัยรุ่น ทั้งที่เยาวชนทั้งหลายต่างได้ยินได้ฟังเรื่องโทษภัยของยาเสพติดชนิดต่างๆ จากโรงเรียน สถาบันการศึกษา ตลอดจนจากสื่อประเภทต่างๆ มากมาย แต่เหตุใดเหล่าวัยรุ่นจำนวนมาก จึงยอมตกเป็นทาสของยาเสพติด ทั้งๆ ที่ยาเสพติดเหล่านั้นไม่ได้มีการวางขายโดยทั่วไป ต้องลักลอบจำหน่ายกันเฉพาะแห่ง เฉพาะกลุ่มบุคคลเท่านั้น
คำตอบก็คือ "การคบเพื่อนเลว หรือคบคนพาล ชักนำไปสู่ความหายนะเช่นนั้น" เหล่าวัยรุ่นที่คบคนพาลดังกล่าวแล้ว แม้ไม่ทราบว่าตนจะต้องเสวยวิบากกรรมอย่างไรในภพชาติต่อไป แต่สภาพชีวิตที่พวกเขาและครอบครัวของเขาต้องเผชิญในปัจจุบันชาติ ก็คือความทุกข์ แสนสาหัส พอที่จะเรียกได้ว่า "ตกนรก" ทีเดียว
คนพาล จึงเป็นคนที่มีใจขุ่นมัวเป็นปกติ เป็นผลให้มีความเห็นผิด ยึดถือค่านิยมผิดๆ และมีวินิจฉัยเสีย คือไม่รู้ว่าอะไรดี อะไรชั่ว อะไรควร อะไรไม่ควร เช่น บัณฑิตเห็นว่า “เหล้า” เป็นของไม่ดี ทำให้ขาดสติ นำความเสื่อมมาให้นานัปการ แต่คนพาลกลับเห็นว่า “เหล้า” เป็นของประเสริฐ เป็นเครื่องกระชับมิตร หรือบัณฑิตเห็นว่า “การเล่นไพ่” เป็นอบายมุข เป็นปากทาง หรือเป็นสัญลักษณ์แห่งความฉิบหาย แต่คนพาลกลับเห็นว่า “การเล่นไพ่” เป็นสิ่งดีทำให้เพลิดเพลิน เป็นการฝึกสมองซ้อมวิชาคำนวณ ดังนี้เป็นต้น
การไม่คบคนพาล คือการไม่ยอมมีพฤติกรรมสัมพันธ์ใดๆ ดังกล่าว ข้างต้นกับคนพาล ถ้าเรายังคบคนพาลอยู่ ไม่ว่าจะในระดับไหนก็ตาม รีบถอนตัวเสียโดยด่วน อย่าประมาท รีบตัดไฟเสียแต่ต้นลม มิฉะนั้นจะพลาด ติดเชื้อพาลโดยไม่รู้ตัว กลายเป็นพาลตามไปด้วย
โบราณท่านให้คติเตือนไว้ว่า ห่างสุนัขให้ห่างศอก ห่างวอกให้ห่างวา ห่างพาลาให้ห่างหมื่นโยชน์แสนโยชน์
การเลือกคบคนเป็นสิ่งสำคัญในการดำเนินชีวิต เพราะมีผลทำให้อนาคตของเรารุ่งโรจน์หรือตกต่ำได้ พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้ว่า การไม่คบหาสมาคมกับคนพาลเป็นมงคลของชีวิต เพราะคนพาลมักคิดไม่ดี พูดไม่ดี ทำไม่ดีเป็นปกติ ชอบชักนำไปในทางที่ผิด ผู้ที่เข้าใกล้จึงมักมีความเห็นผิดตามไปด้วย ดังนั้น ผู้ที่ปรารถนาความเจริญรุ่งเรืองในชีวิต จึงจำเป็นต้องหลีกให้ห่างไกลจากคนพาล
บัณฑิตในกาลก่อนเคยกล่าวไว้ว่า "แม้ชมพูทวีปจะไร้ซึ่งคนดี อย่าพึงคบกับคนพาลเลย จงห่างไกลเหมือนคนหลีกหนีอสรพิษร้าย เพราะคนพาลย่อมนำแต่ความวิบัติมาให้ อกุศลทั้งมวลเกิดขึ้นได้เพราะอาศัยคนพาล การคบกับคนพาลจึงมีแต่นำทุกข์มาให้โดยส่วนเดียว"
คนพาลนี้ เราอย่าไปทำตามเขา เราต้องรู้จักพัฒนาตนเอง เพื่อให้ใจเราได้พัฒนา ได้พบพระพุทธเจ้า ได้ปฏิบัติตามพระพุทธเจ้า คือความรู้ ความใจในภาคประพฤติ ภาคปฏิบัติ เรียกว่าอริยมรรคมีองค์แปด
ยาน ที่จะพาเราออกจากวัฏฏสงสารนี้ก็คือ ศีล คือสมาธิ คือปัญญา ความหลง ความเพลิดเพลินนี้ทำให้เราเนิ่นช้า ทำให้เราเสียเวลาไปในแต่ละวันๆ เราต้องรู้จักว่าอันไหนดี อันไหนไม่ดี ต้องเน้นเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติอย่างนี้ ให้ทุกท่านทุกคนพากันตั้งมั่นในพระรัตนตรัย สมาทานศีล ๕ ในใจทุกคน กราบพระไหว้พระ คนเรามันความเคยชิน อันไม่บาปมันไม่อยากคิด อันไหนไม่บาปมันก็ไม่อยากพูด อันไหนไม่บาปมันก็ไม่อยากทำ เพราะว่าการท่องเที่ยงในวัฏฏะสงสารมันบริโภคเเต่บาปเเต่กรรม นิสัยเคยชินเราต้องรู้จัก รู้จักทุกข์รู้จักเหตุเกิดทุกข์ รู้จักความดับทุกข์ รู้จักข้อปฏิบัติถึงความดับทุกข์ เรียกว่ารู้จักอริยสัจ ๔ หายใจเข้าก็ให้รู้หายใจออกก็ให้รู้ ต้องกลับมามีความสุขในศีลในธรรม มีความสุขในการเสียสละ ต้องพัฒนาใจเราอย่างนี้
คนเก่ง คนหัวดีนี่ ยังสู้คนที่มีความเพียรขยันสม่ำเสมอ... ไม่ได้ กระต่ายถึงแม้มันจะวิ่งเร็ว แต่มันก็แพ้เต่าจนได้ เพราะว่ามันตั้งอยู่ในความประมาท คนหัวดีน่ะ ถ้าตั้งอยู่ในความประมาทนี่ หัวดีมันจะมีประโยชน์อะไร.... เพราะว่าเราตั้งอยู่ในความประมาก ยิ่งรู้มากก็ยิ่งยากนาน เพราะว่ามันประมาท พระพุทธเจ้าท่านไม่มีความประมาท ท่านถึงได้เป็นพระพุทธเจ้า พระอรหันต์ท่านไม่มีความประมาท ท่านถึงได้เป็นพระอรหันต์
ถ้าศีลเราด่างพร้อยอย่างนี้ แสดงว่าเราติดสุขติดสบายแล้ว เราตั้งอยู่ในความประมาทแล้ว สมาธิเราอ่อนกำลังแล้ว ปัญญาเราชักมืดมัวแล้วนะ ทุกท่านทุกคนอย่าทำร้ายตัวเองด้วยความประมาท ความเพียรเป็นสิ่งที่จะต้องพากเพียร เพราะเราได้เกิดมาเป็นมนุษย์เป็นผู้ประเสริฐแล้ว ต้องเอาร่างกายต้องเอาปัจจัยสี่ มาสร้างความดีมาสร้างบารมี คนเรามันอาลัยอาวรณ์นะ มันอาลัยอาวรณ์ในสิ่งที่เราติดอยู่ เรายึดอยู่ มันไม่อยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง พระพุทธเจ้าท่านให้เราคิดดีๆ นะ ว่าชีวิตของเรานี่ ทำอย่างไรมันถึงจะมีคุณค่ามีประโยชน์
ถ้าเราไม่ยกระดับจิตขึ้นสู่การประพฤติปฏิบัติมันจะมีประโยชน์ได้อย่างไร เราอยู่เฉยๆ นี้มันจะเจริญได้อย่างไร มันจะรวยได้อย่างไร มันจะมีคุณธรรมได้อย่างไร... "มันไม่ได้!" 'กรรม' มันมีจริงๆ นะ 'เวร' มันมีจริงนะ แต่คนน่ะมองไม่ออก มันจะมารู้ตัวเองก็ตอนที่ว่า... ตัวเองมันเป็นคนทุกข์ คนจน คนยากลำบาก
"การรักษาศีลนั่นน่ะ จะเป็นคนมีโภคทรัพย์" มันก็แน่นอน...เพราะการรักษาศีลนั้น เราทำความดี เราเสียสละ อย่างนี้นะ เราช่วยเหลือตัวเอง ช่วยเหลือคนอื่น เราไม่เอาเปรียบใคร เราไม่ทำตามใจตัวเอง ไม่ทำตามกิเลส ทุกคนก็เคารพเรา นับถือเรารักเรา ทำมาหากินอะไรก็สะดวกก็ง่าย เพราะเครดิตเรามันดี เพราะเราเป็นคนมีศีล เป็นคนที่ไว้ใจได้ เป็นบุคคลที่เขาเคารพกราบไหว้นะ
คนมีศีลน่ะ ได้ 'อริยทรัพย์' คือบุญ คือกุศล เราลองคิดดูสิ คนมีศีลกับคนไม่มีศีลไปขายของ ประชาชนเขาจะซื้อของใครมาก....เขาก็ย่อมซื้อของคนที่มีศีลมากกว่า เพราะว่าผู้ที่มีศีลตั้งอยู่ในความเมตตาไม่เอาเปรียบเอารัดเขา ไม่ทำอาชีพบนหลังคนยากคนจน ไม่เอาความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น เป็นบุคคลที่คอยช่วยเหลือคนอื่น ถึงเขาจะเอากำไรน้อยอย่างนี้ เขาก็ได้ขายเยอะ มันก็ได้เงินมากกว่าที่ขายแพงๆ น่ะ นั่งหลับอยู่ไม่ค่อยจะมีใครไปซื้อ ยิ่งนานวัน คนขายแพงก็ยิ่งเน่ายิ่งเหม็น คนมีศีลขายถูกก็ยิ่งหอมกระจายไปไกล..เขารวยอย่างถูกต้อง รวยอย่างมีบุญ มีกุศลที่ไม่มีบาปมีกรรมได้ทั้งเงิน ได้ทั้งคุณธรรม
ทุกวันนี้ที่มนุษย์เราอยู่ด้วยกัน มันไม่ค่อยไว้ใจกัน เพราะว่าไม่ลงใจ เพราะหาคนที่มีศีลนี้มันหาลำบาก "หาเพชรนิลจินดาก็ถือว่ามันยังหาง่ายกว่าหาคนที่มีศีลนะ" คนที่ไม่มีศีลน่ะ... มันไม่นึกถึงบาปบุญคุณโทษ ทั้งเบียดเบียนสัตว์ เบียดเบียนมนุษย์ ค้าขายก็ทำอาชีพบนความยากลำบากของคนอื่น ด้าขายมนุษย์ ค้าขายสัตว์เป็น ค้าขายเหล้าบุหรี่ศาตราอาวุธ ทุกวันนี้หนักมากนะ ค้าขายยาเสพติด อาชีพมีแต่บาปๆ ทั้งนั้น "คนไม่มีศีลนี่มันอันตรายเน๊อะ มันอันตรายทั้งตนเองทั้งผู้อื่น"
ชีวิตที่ไม่มีศีล เป็นชีวิตที่ไม่ปลอดภัยนะ เป็นการสร้างกรรมสร้างเวร พระพุทธเจ้าท่านถึงเมตตาทุกๆ คนให้ประกอบอาชีพที่ชอบ คือ ไม่เป็นบาป เป็นกรรม เป็นเวร เพราะชีวิตนี้ก็เกิดมาส่วนใหญ่ ก็ไม่เกินร้อยปีก็ต้องตาย สมควรจะเอาชีวิตมาสร้างความดีสร้างบารมี ไม่ใช่เอามาทำบาปทำกรรมนะ สร้างเวรสร้างกรรม ท่านให้เราคิดว่า เราเกิดมาเราก็ไม่ได้เอาอะไรมาด้วย เมื่อเราลาละสังขาร เราก็ไม่ได้เอาอะไรไปนะ
หลายๆ คนก็คิดไม่ออกนะ...ว่าถ้าเราไม่ผิดศีลเราจะรวยได้อย่างไร? ถ้าเราปฏิบัติตามศีลนั้นจะต้องรวยแน่นอน แต่ทุกคนที่มันทำไม่ได้ ก็เพราะว่าความอยากมันมาก ความต้องการมันมาก จิตใจมันหยาบ มันเลยเป็นคนไม่ละอายต่อบาป เกรงกลัวต่อบาป สะดุ้งต่อบาป บาป มันเป็นสิ่งที่ไม่มอง...ไม่เห็นตัวเห็นตนนะ เขาเลยไม่กลัวบาปกัน แล้วยังคิดไปอีกว่า ไอ้คนที่เขาทำบาปทำกรรม ทำไม่ดี เห็นแต่รวยๆ ทั้งนั้น
'บาปกรรม' พระพุทธเจ้าตรัสว่า "เหมือนกับสุนัขมันไล่เนื้อ เมื่อมันตามทันเมื่อไหร่สุนัขนั้นก็กัดเนื้อ" ถ้าเราทำความดีมากๆ กรรมมันก็ตามไม่ทัน
กรรม กว่ามันจะให้ผลบางทีมันก็ช้า แต่ภาพรวมๆ แล้วก็....ทุกคนก็ต้องได้รับผลของกรรมไม่ว่าวิธีใด...ก็วิธีหนึ่ง นอกจากผู้นั้นปฏิบัติดีปฏิบัติชอบกรรมนั้นตามไม่ทัน เขาปฏิบัติธรรมเข้าถึงพระนิพพานก่อน
เราดูตัวอย่าง พระโมคคัลลานะเป็นผู้ที่เลิศทางอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ เวลาท่านจะนิพพานต้องถูกโจรห้าร้อยทุบตีจนแตกละเอียด เพราะกรรมเก่าของท่านตั้งแต่อดีต ท่านเคยทำร้ายพ่อแม่ ท่านก็รู้กรรมในอดีตของตัวเอง พยายามที่จะหนีกรรม ท่านก็หายตัว เหาะเหินเดินอากาศหนี สุดท้ายก็ยอมรับกรรม ให้เขาทุบตีจนแหลกละเอียด แล้วท่านจึงได้อาศัยอิทธิปาฏิหาริย์นี้...สมานกาย แล้วไปกราบลาพระพุทธเจ้าเพื่อนิพพาน
คนเราน่ะ ถ้าตั้งใจดีๆ รักษาศีลดีๆ มันไม่จนหรอก คุณค่าของเรานี่...อยู่ที่เราเป็นคนมีศีล คนที่มันได้รับความดีอย่างโน้นอย่างนี้ มันมาจากผลของศีลนะ
'ศีล' นี้แหละ... ช่วยเราตั้งแต่พื้นๆ จนถึง "พระนิพพาน'
เราเข้าสู่ความรู้ในการปฏิบัติในปัจจุบัน เราจะได้เข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้า อิสระจากอวิชชา จากความหลง เราจะได้หยุดไสยศาสตร์ ความหลงที่มีอยู่ในตัวในตน เราก็เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติให้ติดต่อต่อเนื่องกัน ไก่ฟักไข่ก็ใช้เวลา 3 อาทิตย์ หมู่มวลมนุษย์ทั้งหลายพัฒนาวิทยาศาสตร์มาก็พากันหลง มันต้องใช้เวลามากกว่านั้น พระพุทธเจ้าบอกว่า 7 วันนะ ถ้า 7 วันมันแก้ไม่ได้ ก็ 7 เดือน 7 เดือนไม่ได้ ก็ 7 ปี เราต้องถือธรรมะเป็นหลักเป็นที่ตั้ง เรียกว่าพรมหจรรย์ เราจะเป็นแต่เพียงคนไม่ได้ จึงต้องเข้าสู่ธรรมวินัยเรียกว่า จิตมีสมาธิ มีสัมปชัญญะ หรือว่าพรหมจรรย์ เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ เพราะอันนี้คือสัจจะ คือความจริง เป็นอริยสัจ 4 เพราะสิ่งนี้มีสิ่งนั้นมันถึงมี ถ้าสิ่งนี้มีถ้าเราไม่ให้มันมี เราก็ต้องหยุด เพราะอันนี้คือความสุขความดับทุกข์ของหมู่มวลมนุษย์ทั้งหลาย
บ้านเราเมืองเราถ้าไม่เอาศีลเป็นหลักเอาธรรมเป็นหลักไม่เอาคุณธรรมทั้งหลาย ตระกูลของความเป็นมนุษย์มันก็อยู่ไม่ได้หรอก ตระกูลที่เราสร้างขึ้นมา นามสกุลนั้น นามสกุลนี้ แซ่นู้น แซ่นี่ มันก็ไปไม่ได้หรอก เพราะว่าเราไม่เอาธรรมะเป็นหลักไม่เอาธรรมะเป็นใหญ่ เราก็ต้องรับความพินาศ ความฉิบหาย เพราะอันนี้คือความสุขความดับทุกข์ เราอย่าไปหลงในความอร่อย ความลำ ความแซ็บ ความหรอย ต้องพากันมีสติพากันมีสัมปชัญญะ ต้องหยุดตัวเอง เพราะว่า เราต้องพัฒนาตัวเอง เพราะการทำติดต่อต่อเนื่อง เขาเรียกว่า การส่งสู่ปัจจัยแห่งมรรคผลนิพพาน ต้องทำอย่างนี้ เราจะได้ไม่ระเหเร่ร่อนในวัฏฏะสงสาร เพราะเป็นผู้รู้ผู้ตื่น ผู้เบิกบานในปัจจุบัน
พระพุทธเจ้าท่านให้เราเห็นคุณค่าในการเกิดมาเป็นมนุษย์นะ ได้ประพฤติปฏิบัติ ได้สร้างความดีได้สร้างบารมี เราต้องเป็นผู้ชนะมาร มารที่มันอยู่ในจิตในใจของเรา มีทั้งพญามาร มีทั้งเสนามาร ลูกหลานมาร มันอยู่ในใจของเรา
หวังว่าทุกท่านทุกคนจะได้นำเอาพระธรรมของพระพุทธเจ้าไปคิด ไปพิจารณา น้อมมาประพฤติปฏิบัติ อย่าได้ฟังแล้วก็แล้วไป เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา เป็นตาลยอดด้วนไม่ได้! เป็นผู้ที่ตายจากคุณงามความดี เป็นผู้ที่ตายจากคุณธรรม
ถ้าใจของเรามันป่วย ใจของเรามันมีโรค ที่มันเป็นโรคเป็นภัย ก็ให้ใจของเรามันฟื้นหายจากโรคจากภัยนะ เพราะคนเรามันอ้วนตั้งแต่กายนะ แต่ใจมันผอม ใจมันป่วย ต้องเอาศีลนี่แหละ เอาธรรมนี่แหละ เอาข้อวัตรปฏิบัติขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปประพฤติปฏิบัติ เราจะได้เข้าถึงความประเสริฐที่เราได้เกิดมาเป็นมนุษย์