แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
โอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ที่หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม เมตตาให้นำมาบรรยาย
บรรยายธรรมโดย พระมหาอนุชน สาสนกิตติ (ป.ธ.๙, ดร.)
ในวันจันทร์ที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๖
ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา
เรื่อง ชีวิตใหม่ที่เลือกได้ ตอนที่ ๔๖ ความไม่ใจอ่อน เป็นบ่อเกิดแห่งความสำเร็จในสรรพหน้าที่การงานทั้งหลายทั้งปวง
(บางส่วนจากโอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า)
คนเรา ไม่รู้ทุกข์ ไม่รู้เหตุให้เกิดทุกข์ ไม่รู้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ เราพากันตามอวิชชาตามความหลง เราไม่รู้จักอริยสัจ ๔ เราไม่ได้เดินตามรอยของพระพุทะเจ้า เราเดินตามความหลง เราเข้าใจผิดปฏิบัติผิด เราเป็นคนไม่มีศีล ไม่มีสติ ไม่มีสัมปชัญญะ ไม่มีสมาธิ เราเป็นโรคใจอ่อน เราทุกคนเสียหายเพราะเป็นโรคใจอ่อน โรคใจอ่อนน่ะถึงทำให้ลูกให้หลานเสียคน ทำให้ตัวเองเสียคนไม่พอ ยังทำให้ลูกให้หลานเสียคน
พระพุทธเจ้าสอนให้เราต่อยอดจาก พรหมวิหาร จนไปสู่เรื่องอริยสัจ ๔ คือรู้ทุกข์ รู้เหตุเกิดทุกข์ รู้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ เรียกว่าให้รู้ด้วย อนิจจัง ว่าไม่แน่ไม่เที่ยง รู้ด้วยอนัตตาว่าไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน ความถูกต้องมันไม่เป็นพี่เป็นน้องกับใคร เราเป็นคนใจอ่อน เราจะเป็นพ่อเป็นแม่ได้อย่างไง เราจะเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ได้อย่างไง เราจะเป็นผู้นำของตัวเอง ของประเทศชาติได้อย่างไง เรื่องใจอ่อนอย่างนี้นะ ถ้าเราใจอ่อนมันเปรียบเหมือนฝี เหมือนหัวฝี ถ้ามันจะเป็นฝีเพราะว่าเป็นไวรัส พอแตกเชื้อโรคมันก็ขยับขยาย เราเป็นคนดูแลฝีแล้วก็เราก็ติดไวรัส พวกพ่อพวกแม่นี่ ตัวเองเสียคนยังไม่พอ ยังให้ลูกเสียคนเพราะเป็นโรคใจอ่อน ไม่มีสัมมาสมาธิเป็นธรรมชาติ คนเราต้องมีสมาธิเป็นธรรมชาติ เรียกว่า ขณิกสมาธิ เราต้องมีความเห็นถูกต้อง ความเข้าใจถูกต้อง
ประเทศเราล่มเสียหายเพราะเป็นโรคใจอ่อน ทำตามใจ ทำตามตัวเอง มันถึงพากันไปกินบ้านกินเมือง ทั้งข้าราชการ นักการเมือง ทั้งพระเจ้า พระสงฆ์ มันเป็นโรคใจอ่อน มันเป็นโรคเรามีความเห็นผิดความเข้าใจผิด ไม่มีพรหมวิหารทั้ง ๔ ที่สมบูรณ์ มีครึ่งๆ กลางๆ ดำๆ ด่างๆ คนใจอ่อนอย่างนี้ก็ทำให้ศีลด่างศีลพร้อย ทำให้สมาธิด่างพร้อย สมาธิขาด ทำให้ปัญญาเกิดไม่ได้ พวกใจอ่อน พวกทำให้จิตใจเศร้าหมอง ทำให้มีเซ็กทางความคิดมีเซ็กทางอารมณ์ มันต้องใจเข้มแข็ง เราต้องเห็นภัยในวัฏฏสงสาร
คนเราน่ะผอมโซเพราะเราขาดอาหาร เมื่อเราไม่ทานอาหารมันจะแข็งแรงได้อย่างไง ถ้าเราไม่มีศีล ใจเราจะแข็งแรงได้อย่างไง ถ้าเราไม่มีสัมมาสมาธิใจเราจะแข็งแรงได้อย่างไร เมื่อนักมวยขึ้นเวทีนี้ ไม่รู้ตัวเองนะ มีแต่ใจอ่อนนะ คนเราต้องมีความเชื่อมั่นในพระรัตนตรัย มีความเชื่อมั่นในพระพุทธเจ้า มีความเชื่อมั่นในพระอริยะสงฆ์ มันจะเอาตัวเองเป็นที่ตั้งได้อย่างไร เพราะเราเป็นโรคใจอ่อน เพราะตามใจตัวเอง ตามอารมณ์ตัวเอง ถือพรรค ถือพวก ถือหมู่คณะ ไม่ได้เอาธรรมเป็นใหญ่ เอาธรรมเป็นหลัก เอาธรรมเป็นที่ตั้ง พระพุทธเจ้าท่านสอนเราให้เราเอาศีลเป็นที่ตั้ง เอาธรรมเป็นที่ตั้ง สัมมาสมาธินี่ต้องแข็งแรงแข็งแกร่ง เราจะเป็นโรคใจอ่อนนี่ไม่ได้ มันทำลายเผ่าพันธุ์ของเหล่ามนุษย์ มันเป็นได้แต่เพียงคน มันจะไปได้อย่างไรล่ะ มันทำทั้งชั่วทั้งดี ทำทั้งผิดทั้งถูก มันจะไปอย่างไรได้ มีแต่ความล่มจมมีแต่ความเศร้าหมอง ถ้าใจอ่อนอย่างนี้ มันจะไปไงได้
พวกที่มาบวชก็ติดอยู่ในกาม มีเซ็กทางความคิด มีเซ็กทางอารมณ์ ยินดีในการพูดการคุย ยินดีในรูปเสียงกลิ่นรส ลาภยศ สรรเสริญ มันจะไปได้อย่างไง พวกที่มาบวชนี่นะ เราจะมาเอาอย่างพ่ออย่างแม่เราไม่ได้นะ พ่อแม่คือผู้ที่เวียนว่ายตายเกิดนะ เราต้องเอาอย่างพระอรหันต์ พระอริยเจ้า เราอย่าไปถือนิสัยของตัวเอง เราต้องถือนิสัยของพระพุทธเจ้า ไม่ได้หรอก พ่อแม่เรายากจน พ่อแม่เราใจอ่อนนะ ลูกมาบวชได้ 3 ปี สัญญากันไว้แล้วก็ ครบ 3 ปีแล้วก็ หืมม… คนเราต้องก้าวไปข้างหน้าสิ คนเราต้องฉลาดเหมือน อนาถบิณฑิกเศรษฐี จ้างลูกไปฟังธรรม เมื่อลูกไปฟังธรรม ปฏิบัติ ได้บรรลุธรรม ไม่เอาเงินแล้ว เขาเอาความเป็นพระอริยะเจ้า
เราผู้เป็นพ่อเป็นแม่อย่าใจอ่อนนะ อย่าให้เสื่อม เราเป็นพระอริยะเจ้าไม่ได้ เป็นพระอรหันต์ไม่ได้ ก็ต้องส่งลูกๆ ให้มันเป็นพระอรหันต์กัน เพราะคนเราอย่างประเทศไทย มันมีคอรัปชั่น มันมีโกงกิน มันใจอ่อน มันไม่รู้จักทุกข์ ไม่รู้จักเหตุเกิดทุกข์ ไม่รู้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ มันก็แข็งกันบ้านหรู รถหรู แข่งยศแข่งตำแหน่งกัน มันเลยทำให้ประเทศเศร้าหมอง มันเลยไม่ได้เป็นข้าราชการ มันเลยไม่ได้เป็นนักการเมือง เพราะโรคใจอ่อน โรคมันไม่รู้ทุกข์ ไม่รู้เหตุเกิดทุกข์ ไม่รู้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ โอ้ยย… ทำไมมันถึงเป็นอย่างนี้ ให้เรารู้จักนะ จะมืดไปถึงไหนจะบอดไปถึงไหน จะไปเลือกตั้งทำไม สส สว น่ะ เพราะไม่แก้ไขตนเอง แก้ไขแต่คนอื่น มันแก้ไม่ได้หรอก เพียงเอาแต่ฐานเสียงเพื่อหาเงินหาตังเฉยๆ เราดูอย่างพระพุทธเจ้า ดูอย่างท่านมหาภูมิพล ท่านเสียสละ คนเราต้องจิตใจเข้มแข็งนะ อย่าเป็นโรคใจอ่อน โรคใจอ่อนมันก็มาหลงแต่เปลือก มันหลงแต่กระพี้มันไม่ได้ เราจะพัฒนาจิตใจให้เป็นพระอริยะเจ้าเนี่ยมันยังจะไปหลงไปอีก มันเรียกว่ายิ่งรวยยิ่งหลง มีรถมีตำแหน่งยิ่งหลง จะหลงไปถึงไหนอีก
เรื่องใจอ่อนนี้เป็นเรื่องใหญ่ ที่ผู้บำเพ็ญบารมีหลายร้อย หลายพัน หลายหมื่น หลายแสน ที่ไปไม่ได้ก็เพราะใจอ่อน ที่ประเทศชาติบ้านเมืองของเราเป็นอย่างนี้ก็เพราะผู้นำใจอ่อน ผู้ที่เป็นเพื่อนรักกันมาเสียเพื่อนก็เพราะความใจอ่อน ครอบครัวเราอย่างเช่นครอบครัวคนจีนที่มีความขยันประหยัดซื่อสัตย์กตัญญูกตเวที แต่ครอบครัวแตกแยกล้มละลาย ก็เพราะใจอ่อน ญาติพี่น้องมีปัญหากันก็เพราะใจอ่อน ไม่ได้เอาธรรมเป็นหลัก ทะเลาะเบาะแว้งแย่งสมบัติแย่งมรดกกัน
ที่ชีวิตเรามันไปไม่ได้ ไม่ก้าวหน้า ก็เพราะความใจอ่อน ไม่ได้ปรับตัวเองเข้าหาเวลา เข้าหาธรรม คนที่ใจอ่อน จิตใจย่อมไม่มีพลัง ไม่มีสัมมาสมาธิ อย่างที่พูดให้ฟังแล้วที่บริษัทต่างๆ ที่ไปไม่ได้ล้มละลายก็เพราะความใจอ่อน เสียเพราะใจอ่อน ผู้นำที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่เค้าถึงว่าต้องมีพรหมวิหาร ๔ มีความเข้มแข็ง มีสัมมาสมาธิเป็นหลัก ไม่ให้นิวรณ์เข้าไปแทรกแซง ถ้าเช่นนั้นก็จะถูกอคติทั้ง ๔ ครอบงำแทรกแซงได้ อย่างประเทศคอมมิวนิสต์จะเป็นคอมมิวนิสต์ก็ไม่ได้ ก็เพราะว่าความใจอ่อน สมาทานที่จะทำความดีเพื่อส่วนรวมมันก็เป็นไปไม่ได้ มันถึงต้องเป็นอย่างนี้
ถ้าเราไม่มีภาคประพฤติภาคปฏิบัติ มันก็เป็นเพียงการเรียนการศึกษาเฉยๆ ไม่เข้าสู่ภาคประพฤติปฏิบัติ
ทำไมเราถึงเป็นอย่างนี้ครอบครัวเราเป็นอย่างนี้ก็เพราะเราใจอ่อน ถึงนำครอบครัวล่มจม ความขี้เกียจขี้คร้านอบายมุขอบายภูมิมันก็ทับถม จิตใจทับถมความประพฤติ
ทำงานให้มีความสุขให้ใจอยู่กับเนื้อกับตัว เราตื่นตีสี่ห้า นอนหกทุ่มเราต้องมีความสุขในการทำงาน กินอาหารอร่อยกินได้แต่เราไปหลง เค้าเรียก…เราไม่ฉลาด กินอร่อยแล้วไปหลง นอนหลับสบายๆแต่เราอย่าไปหลง ถ้าเราไม่หลงทุกอย่างจะมีประโยชน์ต่อเรา ถ้าหลงทุกอย่างจะมีโทษแก่เรา
คนเรานี่น่ะถ้าตามใจ ตามกิเลสตัวเอง ปัญญาไม่มี ถ้าเราใจอ่อนหยุดตัวเองไม่ได้ ปัญญาไม่มีแน่นอน คนเราใจเข้มแข็งถึงมีปัญญา ถ้าเป็นนักมวย ต้องหมัดหนัก ต่อยเร็วด้วย คนเราต้องใจเข้มแข็ง โยมพระ ใจอ่อนถึงไม่มีปัญญา
คนใจอ่อน ไม่ใช่ คนมีปัญญา เป็นคนโง่ ติดเรื่องเก่าๆ คิดมากๆต้องเป็นโรคประสาท อันไหนไม่ดีต้องใจเข้มแข็ง อย่าไปคิดมัน
ความหิวอาหาร กระตุ้นให้เราเกิดความคิด ก็อย่าไปคิดมัน ถ้าเราคิดหลายๆครั้ง มีปัญหาแน่นอน เพราะคนเราจุดสำคัญต้องรู้จัก...ความคิด และ ไม่ฟุ้งซ่านตาม...ความคิด ส่วนใหญ่คนเก่งคนฉลาดควบคุมความคิดไม่อยู่
เราเป็นคนเก่งคนฉลาดเราต้องใจเข้มแข็ง ไม่ปล่อยให้ตัวเองคิด ถ้าเราไม่ปล่อยให้ตัวเองคิดมันก็ไม่มีเรื่อง เค้าเรียกว่าเราใจอ่อนใจไม่เข้มแข็ง ทำตามความคิด
เราอดอาหารเพื่อจะฝึกใจเข้มแข็งใจไม่อ่อนแอ เราอดข้าวหลายวันถ้าไม่ปรุงแต่ง มันก็ไม่เหนื่อยต้องรู้จักนะ ปัญญาสำคัญ...เรารู้ เข้าใจ ต้องเอาไปปฏิบัติ ให้พ่อแม่ภูมิใจว่าลูกฉันดี ต้องทำได้
อย่างประเทศไทยหลวงปู่มั่น หลวงตามหาบัว ท่านก็เป็นชาวบ้าน ไม่ได้เรียนสูง ท่านปฏิบัติ ท่านประสบความสำเร็จ ข้อสำคัญคือ จิตใจเข้มแข็ง มีความรับผิดชอบสูง มีสมาธิตลอดเวลา เข้มแข็งตลอดเวลา
คนเรานี่ใจอ่อนนะเราเห็นคนร้องไห้ เราก็อยากร้องไห้ตาม เห็นของอร่อยๆ ก็น้ำลายไหล เค้ามาด่ามาว่าเรา เราก็โกรธ
เราเกิดมาเราไม่ได้พบกับบัณฑิต เราคบกับสามัญชนทั่วๆไป ที่พากันเอาใจตัวเองเป็นหลัก เอาอารมณ์ตัวเองเป็นหลัก เอาความรู้สึกตัวเองเป็นหลัก เอาตนเป็นที่ตั้ง เราถึงพากันมีปัญหา เพราะเรามันทำตามที่เราได้รู้ได้เห็น สิ่งเหล่านี้มันครอบงำเราจนมืดมิดบอดสนิท การเรียนการศึกษาเราถือว่าดี แต่ว่ามันขาดภาคประพฤติภาคปฏิบัติ แล้วทุกคนก็ใจอ่อน สัมมาสมาธิมันตั้งไม่ได้ ไม่มีความตั้งมั่น เราทุกคนถึงมาถือหลักที่ว่าพระรัตนตรัย ได้แก่ เอาพระพุทธเจ้าเป็นหลัก เอาความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง คือ เอาธรรมะเป็นหลัก แล้วก็เอาพระอริยสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเป็นหลัก ต้องเอาหลักอย่างนี้ จะเอาหลักอย่างอื่นมันไม่ได้
ธรรมะของพระพุทธเจ้าใช้ได้กับมนุษย์ทุกคนที่อยู่ในทุกหนทุกแห่ง ทุกคนลองเดินไปอย่างนี้เหมือนกันทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ประเทศไทย ประเทศจีน ประเทศฝรั่ง ประเทศแขก ก็ต้องไปในแนวนี้ ถ้าไม่อย่างนั้นมันไม่ได้ มันจะมีปัญหา มันยุ่ง เพราะการดำเนินชีวิตของเรา จะเป็นได้แต่เพียงคน คนมันทำทั้งดีทั้งชั่วทั้งผิดทั้งถูก แต่ว่าถูกมันไม่ค่อยทำกันหรอก เพราะธรรมชาติเหมือนน้ำฝน ตกมาจากฟ้าลงสู่ภูเขามันก็ไหลลงไปที่ต่ำ มันไม่มีความเห็นถูกต้อง ไม่เข้าใจถูกต้อง มันก็ทำไปอย่างนั้น เราจะไปหาผู้นำไม่ได้ ตัวเราเองนี้แหละคือผู้นำ เราต้องนำตัวเองออกจากทุกข์ ออกจากเหตุเกิดทุกข์ เข้าถึงข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ เราต้องเป็นผู้นำเสียเอง เราจะไปเอาผู้นำภายนอกมันยุ่ง เพราะว่าเรื่องจะไปแก้ไขคนอื่นมันยาก
เราเป็นประชาชนก็ต้องปฏิบัติที่ใจของเรา ที่กาย ที่วาจา ของเราทุกเราอยู่ทุกหนทุกแห่ง เราจะเป็นพระวัดบ้าน วัดป่า หรือมหายาน เถรวาท วัชรยาน หรือทุกศาสนา ก็ต้องไปในแนวเดียวกันอย่างนี้ ทุกคนจะไปแนวอื่นไม่ได้ ไปแนวอื่นมันแก้ปัญหาไม่ได้ เพราะความเห็นแก่ตัวจะไปแก้ปัญหาได้ยังไง เพราะอย่างคนเป็นโรคเบาหวาน จะแก้มันก็อยู่ที่อาหาร ไปกินยามันคือไปแก้ที่ปลายเหตุ อย่างคนเรามันยากจนเพราะอบายมุข อบายภูมิ มันครอบงำหมดเพราะเราเป็นคนเห็นแก่ตัว ไม่เสียสละ ไม่ตั้งมั่นในการขยัน เสียสละ รับผิดชอบ ไม่ตั้งมั่นในกตัญญูกตเวที ไม่มีความสุขในการทำความดี มีแต่จะเอาจะมีจะเป็น ไม่ได้เข้ากฎแห่งกรรมที่ไปในฝ่ายที่จะดับทุกข์ได้เลย มีแต่สร้างปัญหาให้กับตัวเอง เราจะไปโทษใคร เรื่องความยากจน เราจะไปโทษใคร ที่เราเรียนหนังสือไม่ดี เราจะไปโทษใคร
เพราะว่าการปฏิบัติมันเป็นเรื่องของเรา เป็นเรื่องของตัวเรา เราทุกคนต้องพากันแก้ไข ไม่แก้ไขไม่ได้ ทำไมถึงไม่ได้ เพราะว่าเราไม่ได้ปฏิบัติ มันก็ไม่ได้ ก็เหมือนลมหายใจ เราก็ต้องหายใจเอง ทานข้าวก็ต้องทานเอง คนไม่มีปัญญาก็จะไปโทษสิ่งนู้นโทษคนนี้ ไม่เป็นระเบียบ ไม่เป็นวินัย จะไปแก้ไขที่คนอื่น มันไม่ได้ ต้องกลับมามองดูตัวเอง เราต้องใจแข็งใจเข้มแข็ง เราใจอ่อนไม่ได้ ต้องมีสัมมาสมาธิมั่นคง อย่างหลวงปู่มั่น หลวงพ่อชา หลวงตามหาบัว ท่านเจ้าคุณพุทธทาส ท่านใจเข้มแข็งด้วยสัมมาสมาธิ อย่างหลวงพ่อชา มีน้องชายสุดท้อง ครูบรรพตมาบวชกับท่าน ท่านก็ไม่ให้อยู่กับท่าน ท่านให้ไปอยู่กับหลวงพ่อจันทร์ที่วัดบึงเขาหลวง เพราะว่าจะปราบให้เต็มที่ เหมือนคนจีนที่สอนลูกสมัยก่อน ลูกเกิดมาได้สามสี่ขวบก็ส่งไปอยู่กับเพื่อน ให้เพื่อนฝึกให้บังคับให้ เขาถึงได้เป็นคนดี ได้เป็นเศรษฐี
คนเราจะใจอ่อนไม่ได้ ต้องใจเข้มแข็ง คนเรามันเสีย เพราะความใจอ่อน ถ้าเราไม่เข้มแข็งไม่ได้หรอก ไม่มีสัมมาสมาธิไม่มีความตั้งมั่น เมื่อสมาธิก็ยังไม่มี ไม่มีความตั้งมั่น ปัญญาจะมาจากไหน เพราะว่ามันไม่มีฐานที่จะก้าวไปสู่ปัญญาได้เลย เราต้องใจเข้มแข็งเพราะเราจะเสียเพราะความใจอ่อนของเรานี้แหละ เห็นไหมคนสมัยใหม่เลี้ยงลูกมา กลัวลูกทุกข์ลูกลำบากไม่ได้ฝึกลูกเลย เลี้ยงให้โตแต่ร่างกาย แต่ว่าจิตใจคุณธรรมศีล สมาธิ ปัญญา ไม่มีเลย อย่างนี้มันเป็นการทำร้ายลูกของเรานะ เราเป็นคนใจอ่อน เป็นคนไม่มีปัญญานะ
อย่างวัดแต่ละวัด เจ้าอาวาส สมภารก็ใจอ่อน ทำตามใจตัวเอง ยุ่งแต่กับเรื่องเงิน เรื่องสตางค์ เรื่องยศ เรื่องสรรเสริญ ไม่ได้ตามพระพุทธเจ้าเลย วัดเลยถึงไม่เป็นวัด มันเป็นแก๊งไป ไม่มีข้อวัตรปฏิบัติเลย ไม่มีพระบวชเลย มันมีแต่ผู้ที่ลาสิกขาหมด หมายถึงว่า ผู้ที่ไม่เอาธรรมเอาพระวินัยคือผู้ที่ลาสิกขา บวชอยู่ก็ไม่มีสิกขาไม่มีการประพฤติ ไม่มีการปฏิบัติ จริงๆ การอยู่ที่วัดบ้านนั้นดี เพราะว่าไปบิณฑบาตก็ใกล้ โยมมาทำบุญก็ง่าย เราต้องเอาใหม่ ต้องไปทำวัตรเช้า-เย็น นั่งสมาธิทุกวัน กวาดวัดทุกวัน รักษาศีลให้ได้ทุกข้อ ไม่อย่างนั้นจะไปเอาเปรียบเขา เราก็เป็นกาฝากสังคม เป็นผู้ที่มาทำลายศาสนา ทุกคนทำได้ปฏิบัติได้ เราให้แก้ที่ตัวเองก่อน แก้ที่เจ้าอาวาสก่อน ลูกวัดทุกคนก็คือเจ้าอาวาส เจ้าอาวาสคุมใครก็คุมตัวเอง อย่างผู้บวชใหม่เจ้าอาวาสก็คือคุมตัวเอง
ให้ถือนิสัยของพระพุทธเจ้า อย่าพากันถือนิสัยของตัวเอง ตัวเองมันเป็นปุถุชนจะไปถือนิสัยมันทำไม มันพึ่งโผล่มาจากนรกขุมไหน ไปถือนิสัยมันทำไม หมายถึงตัวเองนี้นะ เราต้องเข้าใจ เพราะเราทุกคนต้องพากันแก้ไขตัวเอง คือนำตัวเองเอาพระพุทธเจ้าเป็นสรณะ เอาพระธรรมเป็นสรณะ เอาพระอริยสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเป็นสรณะ ก็คือตัวเรานี้แหละ เราต้องใจเข้มแข็งต้องมีปัญญา ถ้าเป็นประชาชน พ่อแม่ก็ต้องเข้มแข็ง จะไปอ่อนแอไม่ได้ อย่าให้อบายมุขทางสู่อบายภูมิเข้ามาในตัวเรา ในครอบครัวของเรา ในสังคมของเรา มันแสนระทมข่มขื่น ให้เราเข้าใจ อย่าไปโทษสิ่งนู้นสิ่งนี้ อย่าไปโทษฝนแล้ง อย่าไปโทษน้ำท่วม มันต้องโทษตัวเองที่เกิดมาแล้วตามใจตัวเอง ตามอารมณ์ตัวเอง ตามความรู้สึกตัวเอง มันถึงได้ท่องเที่ยวในวัฏฏะสงสาร
จิตใจของตนต้องดี ต้องเบิกบาน ต้องมีความสุข เราจะได้เป็นไทยแท้ เป็นอิสระจากอวิชชา ความหลง เราต้องกลับมาหาศีล หาธรรม หาคุณธรรม อย่าไปกลัวตาย อย่าไปกลัวอดตาย มันจะตายที่ไหน เพราะเราต้องเป็นคนเสียสละ เราถึงจะมีปัญญา เราทุกคนต้องเสียสละ ไม่ตามใจตัวเอง ไม่ตามความคิดตัวเอง มันถึงจะมีสัมมาสมาธิ ปัญญาของเราถึงจะเกิดได้ ศีล สมาธิ ปัญญาถึงได้ไปพร้อมๆกันเป็นอริยมรรคมีองค์แปดที่สมบูรณ์ ชีวิตของเราจึงจะได้มีความสุข จะได้พัฒนาทั้งเทคโนโลยี พัฒนาทั้งใจได้ ถ้าเรามัวแต่พัฒนาแต่ภายนอก ไม่ได้พัฒนาใจ มันจะมีปัญญาหรอ มันไม่มีปัญญานะ เราอย่าไปเข้าข้างตัวเอง ต้องเอาธรรมะเป็นใหญ่ เอาธรรมะเป็นที่ตั้ง
ต้องพากันคิดเป็นวางแผนเป็นรับผิดชอบเป็น มีความสุขในการดำเนินชีวิตที่ประเสริฐ เราไม่ต้องพากันยากจน เหมือนพ่อแม่ปู่ย่าตายายที่พาเราทำมา เราไม่ต้องไปกลัวความจนมันเสื่อม ไม่ต้องไปรักษาวงศ์ตระกูลที่ยากจนไว้ ยากจนมาจากอะไร ทำไมสงวนไว้นักหนา ยากจนก็มาจากความขี้เกียจขี้คร้าน กินเหล้าเมายา เจ้าชู้เล่นการพนัน ชอบเที่ยว คบคนชั่วเป็นมิตร ไม่ขยันไม่รับผิดชอบในการทำงาน อย่าไปกลัวความยากจนเสื่อม เราต้องเป็นผู้ที่ตื่นเถิดชาวมนุษย์ผู้มีจิตใจสูง อย่าได้พากันหลงใหลต่อไปอีกเลย ถึงคราวแล้วถึงเวลาแล้ว ทุกคนต้องพากันมาเสียสละ
การดำเนินชีวิต การสร้างบารมีของเรา ต้องทำติดต่อเนื่อง อย่าไปประพฤติลูบคลำย่อหย่อนอ่อนแอ อย่าไปลังเลสงสัย ต้องมีความตั้งมั่น มีศรัทธามีฉันทะมีความพอใจ เราประพฤติปฏิบัติไปก็จะมีความสุข ก็จะมีปัญญา เรามีปัญญาก็จะมีความสุข ก็จะพัฒนาไปอย่างนี้ ยิ่งแก่ยิ่งเฒ่า ก็ยิ่งอุทานได้ว่า โอ้! ทำไมมีความสุขอย่างนี้ น่าอัศจรรย์จริง ธรรมะของพระพุทธเจ้าช่างประเสริฐแท้ สอนมวลมนุษย์ให้เข้าถึงความสุขความดับทุกข์ได้อย่างแท้จริง
เราจะพากันไปรักไปหลงเลย อบายภูมิที่ตกต่ำแบบนี้ ที่เราท่องเที่ยวมานานเป็นอเนกชาติ น่าจะสมควรสมเวลาแล้ว ที่เราจะต้องมีสติมีปัญญาให้รู้ว่า เป็นสิ่งที่พวกคนเขลาพากันหลงอยู่ แต่ท่านผู้รู้หาข้องอยู่ไม่ ต้องปิดอบายมุขให้กับตนเอง ปิดอบายภูมิให้กับตนเอง
อย่าคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ทรงเกียรติ มันไม่ใช่ทรงเกียรติมันเสียเกียรติ เกียรติของความเป็นมนุษย์มันหมดแล้ว มันจะเหลืออะไร เหลืออยู่แต่กายเท่านั้นเอง แต่ว่าใจมันดิ่งลงในอบายภูมิไปหมดแล้ว ลองคิดดูสิ! หมู่มวลมนุษย์ทั้งหลาย เกียรติของความเป็นมนุษย์ยังเหลืออยู่ไหม? ที่กล่าวมานี้ เพื่อจะให้ทุกคนรู้แจ้งว่า เราทุกคนสมควรแก่เวลาแล้ว ที่จะต้องมาประพฤติปฏิบัติ มีศีลเสมอกันมีปัญญาเสมอกัน มีความตั้งมั่นเสมอกัน มีปัญญาที่จะออกจากวัฏสงสาร เราจะได้มีจิตใจสว่างไสว ไหลไปสู่กระแสแห่งพระนิพพาน อันเป็นจุดหมายสูงสุดของพระพุทธศาสนา
ฝึกให้ใจสงบ ให้ใจอยู่กับกาย ฝึกปล่อยวางเรื่องที่เป็นอดีต ปล่อยวางที่วิตกกังวลในเรื่องอนาคต พยายามให้ใจสงบอยู่กับปัจจุบัน ความสงบนี้มีความจำเป็นมาก เพราะว่าความสงบเป็นที่อยู่ที่อาศัยของใจ ถ้าใจเราไม่สงบมันเสียศูนย์ไปหมด สมดั่งพุทธภาษิตว่า “ความสุข ความดับทุกข์ อันไหนก็สู้ความสงบไม่ได้ ไม่มี”
เราฝึกหายใจเข้าสบายออกสบายทุกๆ อิริยาบถ ใจของเราจะได้อยู่กับปัจจุบันพระพุทธเจ้าท่านตรัสพุทธภาษิตในโอวาทปาติโมกข์ไว้ว่าสพฺพปาปสฺส อกรณํ คือ การไม่ทำบาปทั้งปวง คนเราต้องทำความดีตั้งแต่เช้าจนหลับ ตื่นขึ้นก็ทำความดีต่อ เสียสละต่อการปฏิบัติอย่างนี้เขาเรียกว่าเป็นคนรักษาศีล เป็นผู้ปฏิบัติธรรม มีสมาธิอยู่กับการรักษาศีล
สมาธิก็แปลว่าความสงบ ความสุข ความดับทุกข์ ความเย็นใจ ความสบายใจ ศีลกับสมาธิมันก็ต้องไปด้วยกัน ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ใจมีความสุข ใจเย็น ใจสบาย ปัญญาคือความฉลาด ความเฉลียว รอบคอบ คิดได้ดี คิดได้เก่ง เป็นคนมีเหตุมีผล
แต่ปัญญานี้ยังใช้งานไม่ได้ถ้าไม่มีศีลถ้าไม่มีสมาธิ ปัญญาเราจะไม่ได้ผล ไม่สามารถที่จะละกิเลส ละตัวละตนได้ ต้องอาศัยศีลคือความประพฤติดีปฏิบัติชอบ ต้องอาศัยสมาธิคือความตั้งมั่น หนักแน่น ไม่หวั่นไหว ไม่ง่อนแง่น ไม่โยกคลอน ทนต่อการท้าทาย ต่อการพิสูจน์ จิตใจที่สงบเป็นจิตใจที่ความปรุงแต่งเข้ามาก่อกวนไม่ได้
เราถึงจำเป็นต้องฝึกสมาธิให้เป็นธรรมชาติในชีวิตประจำวัน ให้ใจมันมีความสุข ให้ใจมันอยู่กับเนื้อกับตัว ไม่ให้จิตใจมันหลงโลก หลงอารมณ์ หลงสิ่งแวดล้อม เป็นจิตใจที่ไม่ถูกอิทธิพลของสิ่งแวดล้อม ไม่ว่ารูป เสียง กลิ่น รส ลาภ ยศ สรรเสริญ ในชีวิตประจำวันมันมาครอบงำ
ถ้าเรามีสมาธิแล้วมันจะแยกกันไปคนละเรื่อง สิ่งภายนอกมันก็เป็นภายนอก กายมันก็เป็นกาย ใจมันก็เป็นใจ มันจะสงบอยู่ เป็นสุขอยู่ ดับทุกข์อยู่ เราต้องทำไปอย่างนี้ ทำไปเรื่อยๆ ทำไปทุกวัน เราทำงานก็ให้ใจเรามีความสุขกับการทำงาน เราทำกิจวัตรก็ให้ใจเรามีความสุขกับการทำกิจวัตรประจำวัน เราอย่าไปแยกว่าการปฏิบัติธรรมก็อย่างหนึ่ง การทำงานก็อย่างหนึ่ง ที่แท้มันเป็นอันเดียวกัน มันจะแยกกันไม่ได้ เหมือนกับเรามีลมหายใจ เราอยู่ที่ไหนเราต้องหายใจ
ถ้าเราปฏิบัติอยู่อย่างนี้อินทรีย์ของเราก็จะแก่กล้า เราก็จะได้รู้ว่าเขาทำอย่างนี้เอง เขาปฏิบัติอย่างนี้เองคือการปฏิบัติธรรม การปฏิบัติธรรมคือการเสียสละละตัวละตน การทำงานก็คือการเสียสละละตัวละตน ละความขี้เกียจขี้คร้าน ละความติดสุขติดสบาย ผลที่ได้รับก็คือเราจะเป็นผู้ที่มีความสุข ร่ำรวยด้วยโภคทรัพย์และก็ร่ำรวยด้วยคุณธรรม
ทำไปเรื่อยๆ อย่าไปใจร้อน คนเรามันใจร้อน ทำอะไรนิดหน่อยก็อยากได้มาก ปฏิบัตินิดหน่อยก็อยากบรรลุ กิเลสมันเผาตัวเอง มันเผาทั้งที่ยังไม่ตาย เรียกว่ามันตกนรกทั้งเป็นทั้งที่ยังไม่ตาย มันเผาตนเองยังไม่พอ มันเผาคนอื่นเผาพี่เผาน้อง สารพัดที่มันจะเผา เราไม่ต้องอยาก เราสร้างเหตุสร้างปัจจัยให้พร้อมให้เต็มที่ ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ที่จริงเราก็ไม่อยากประมาท แต่บางทีธาตุขันธ์ของเราไม่อำนวย เลยกลายเป็นคนประมาท เราเป็นคนใจอ่อน จิตใจไม่เข้มแข็ง ไม่ตั้งมั่น ใจไม่มีสมาธิ มันเลยไม่มีกำลัง เราก็ต้องเข้มแข็ง ต้องหนักแน่น ต้องกล้าหาญ ต้องกล้าตัด กล้าละ กล้าวาง เราต้องตายคือตายจากความคิดอย่างนี้ อารมณ์อย่างนี้ ตายจากความยึดมั่นถือมั่นอย่างนี้
ถ้าเราไม่ตาย เราก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงตัวเองไปทางที่ดี ส่วนมากมันติด มันอาลัยอาวรณ์ มันไม่อยากทิ้ง เพราะว่าสิ่งเหล่านี้มันสร้างบารมีมาด้วยกันนานแล้ว มันไม่อยากพลัดพรากจากกัน เราจำเป็นต้องตัด ต้องละ ต้องวาง เราต้องตัดสังโยชน์ตัดสังสารวัฏด้วยความจำเป็น เพราะการเกิดทุกข์คราวเป็นทุกข์ร่ำไป การแก่ทุกคราวเป็นทุกข์ร่ำไป การเจ็บทุกคราวเป็นทุกข์ร่ำไป การตายทุกคราวเป็นทุกข์ร่ำไป มันเป็นสิ่งที่น่าเบื่อ มันไม่มีอะไรนอกจากทุกข์เท่านั้นเกิดขึ้น ทุกข์เท่านั้นตั้งอยู่ ทุกข์เท่านั้นดับไป
การที่เรามาสงบระงับสังขารทั้งหลายจะเป็นสุขอย่างยิ่ง เรามีสมาธิมีความตั้งมั่น พระพุทธเจ้าท่านถึงหายใจเข้าก็สบาย ออกสบาย มีปีติ สุข เอกัคตา ไม่วิ่งไปตามอารมณ์ ตามสังขาร ชื่อว่าความปรุงแต่งมันเป็นทุกข์อย่างยิ่ง ให้เรากลับมาที่ใจเรา มันเป็นของง่าย ปัญหาต่างๆ ในโลกนี้มันมาจบที่ใจเรา เรื่องภายนอกมันไม่จบ เรามาทำปริญญาทำเรื่องดับทุกข์ภายในจิตใจให้กับตัวเอง
นี่แหละเป็นการปฏิบัติที่ถูกต้อง ถูกตรง สมควรและเป็นบุคคลที่น่ากราบน่าไหว้ เป็นบุคคลที่เกิดมามีประโยชน์ไม่สูญเปล่า เป็นประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่น บุคคลเช่นนี้น่าจะมีมากๆ จะได้นำความสงบ ความสุข ความร่มเย็น แก่ชาวโลกทุกๆ คนที่เกิดโลกเดียวกันกับเรา เราต้องเปลี่ยนแปลงตนเองด้วยการมีศีล สมาธิ ปัญญา จะได้เป็นผู้มีความสุข ความดับทุกข์สู่ตนเองที่ถาวร