แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
โอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ที่หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม เมตตาให้นำมาบรรยาย
บรรยายธรรมโดย พระมหาอนุชน สาสนกิตติ (ป.ธ.๙, ดร.)
ในวันศุกร์ที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๖
ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา
เรื่อง ชีวิตใหม่ที่เลือกได้ ตอนที่ ๓๙ เทคโนโลยีพัฒนาไปไกล แต่ว่าหัวใจคนนี้ไม่ค่อยได้พัฒนา เพราะพยายามแก้ไขแต่ภายนอก
(บางส่วนจากโอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า)
ทุกท่านที่เกิดมา ร่างกายเป็นมนุษย์ แต่จิตใจนั้นเป็นคน เพราะการเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏนี้ มันเป็นพลังงานของอวิชชาของความหลง จึงพากันเป็นได้แต่เพียงคน ทำไม่ถูก 100 % ทำทั้งดีทั้งชั่ว ถึงเรียกว่าคน เมื่อมีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ จึงได้มาบอกมาสอน เพื่อให้ทุกท่านทุกคนหยุดเวียนว่ายตายเกิด เพราะการเวียนว่ายตายเกิด มันต้องมีภาระอย่างนี้แหละ เมื่อเกิดมาต้องมีภาระในสังขารในร่างกาย มีความแก่มีความเจ็บมีความตาย พลัดพรากจากกันไปตามอายุขัย ทุกๆ คนหน่ะ ส่วนใหญ่อายุขัย ก็จะไม่เกิน 100 ปี พระพุทธเจ้าได้มาตรัสรู้มาบอกมาสอน ให้เอาร่างกายเอามาทำความดี เพื่อเราจะได้หยุดเป็นคน เข้าสู่ความเป็นมนุษย์ ให้พากันสู้ ให้พากันเข้าใจ ตามภาษาบาลีเรียกว่า สัมมาทิฏฐิ มีความเห็นถูกต้อง มีความเข้าใจถูกต้อง และเข้าสู่การประพฤติการปฏิบัติ สิ่งนี้เรียกว่าศีล ศีลนี้คือยานที่จะนำเราออกจากวัฏฏะสงสาร ออกจากสังสารวัฏ เปรียบเสมือนรถ รถยนต์หน่ะ นำเราไปสู่จุดหมายปลายทาง เปรียบเสมือนเครื่องบินนำเราไปสู่จุดหมายปลายทาง เปรียบเสมือนเรือที่นำเราข้ามทะเลมหาสมุทรสู่จุดหมายปลายทาง
ความตั้งใจมั่นชอบ เรียกว่าสัมมาสมาธิ คือความตั้งใจมั่นชอบ จิตใจต้องตั้งมั่น เพราะในชีวิตประจำวันย่อมมีผัสสะอยู่ตลอดเวลา คนไม่มีผัสสะไม่มีอารมณ์ก็คือคนที่ตาย ความตั้งมั่นจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ เราต้องสมาทานต้องตั้งมั่น เพราะสิ่งต่างๆ ในชีวิตประจำวันคือไฟท์ติ้ง คือการประพฤติการปฏิบัติ ให้ทุกท่านทุกคนต้องรู้ว่า ความตั้งมั่นนี่เป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะเราทุกคนหน่ะ ต้องมีความเห็นถูกต้อง มีความเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง อย่าไปใจอ่อน เพราะทุกสิ่งทุกอย่างนั้น คือกฎแห่งกรรม คือกฎของพระไตรลักษณ์ ไม่แน่ไม่เที่ยง ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน
ทุกท่านต้องใจเข้มแข็งต้องเสียสละ เราพบเพื่อจากไป สัมมาสมาธิเป็นสิ่งที่สำคัญ โรคใจอ่อน โรคความหลง มันเป็นไวรัสที่ยิ่งใหญ่ ใหญ่ยิ่ง ยิ่งกว่าโควิด 19 ที่กำลังเป็นอยู่ในปัจจุบัน โควิดในปัจจุบันนี้ มันตายเพียงครั้งเดียวหน่ะ แต่ไวรัสโควิด ที่เราหลง ย่อมทำให้มนุษย์เวียนว่ายตายเกิดตั้งหลายภพหลายชาติ ความยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นตัวเป็นตน นี่แหละคือโควิด ที่นำเราเวียนว่ายตายเกิด รูปสวยๆ รูปหล่อๆ เสียงเพราะๆ กลิ่นหอมๆ อาหารที่เอร็ดอร่อย ความสะดวกความสบาย นี่แหละคือไวรัสทางจิตทางใจ ให้ทุกท่านทุกคนรู้ทุกข์ รู้เหตุเกิดทุกข์ รู้ความดับทุกข์ รู้ข้อปฏิบัติถึงความดับทุกข์ เราผู้เป็นมนุษย์เราต้องบริโภคทุกสิ่งทุกอย่างด้วยสติด้วยปัญญา มนุษย์เราพากันพัฒนาเทคโนโลยี มีความสะดวกความสบาย เป็นอย่างดี เป็นระดับพรีเมี่ยม พระพุทธเจ้าถึงให้เรามีสัมมาสมาธิ อย่าไปหลงอย่าไปใจอ่อน ต้องมีปัญญา พร้อมกับมีสัมมาสมาธิ เป็นความตั้งมั่น ให้พากันเสียสละ ทุกท่านทุกคนต้องพากันเสียสละ ถ้าท่านไม่เสียสละนั้น ท่านจะไปไม่ได้ ท่านจะเป็นได้แต่เพียงคน พากันเสียสละ
ให้ทุกท่านทุกคนหน่ะขอบใจสิ่งต่างๆ ที่ให้เราเกิดผัสสะเกิดอารมณ์ ในการประพฤติในการปฏิบัติ นี่คือไฟท์นี่คือการปฏิบัติของเราทุกคนน่ะ นี้คือกระบวนการแห่งการเวียนว่ายตายเกิด นี้คือการหยุดกระบวนการเวียนว่ายตายเกิด ที่พระพุทธเจ้าตรัสถึงการเกิดของปฏิจจสมุปบาท คือบาทฐานแห่งการเวียนว่ายตายเกิด นี้คือการหยุดบาทฐานแห่งการเวียนว่ายตายเกิด ทุกๆ ท่านทุกคนต้องผ่านไฟท์ของตัวเองในปัจจุบัน ปัจจุบันนี้คือสมาธิ อิริยาบถทั้ง ๔ เราต้องมีพื้นฐานสัมมาสมาธิ สมาธิเราต้องตั้งอยู่ใน ขณิกสมาธิ ในการเดินการเหินการนั่งการนอน ต้องมีสมาธิกับปัญญา สัมมาทิฏฐิ ในชีวิตประจำวัน เพื่อเราจะได้หยุดเวียนว่ายตายเกิด ตัดกระแสปฏิจจสมุปบาท ศีลสมาธิปัญญา จะได้ก้าวไปพร้อมๆ กันในชีวิตประจำวัน ที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า ไม่ทำบาปทั้งปวง ทำแต่บุญแต่กุศลให้ถึงพร้อม ชำระจิตให้ผ่องใส ด้วยความไม่ประมาท นี่้เป็นไฟท์ติ้งที่มีความสุขนะ ที่เราพากันประพฤติพากันปฏิบัติ ลบอดีตออกไปให้เป็นเลข 0 ปัจจุบันคือไฟท์ในการประพฤติในการปฏิบัติ เพื่อจะมีแต่สติ มีแต่สมาธิ มีแต่ปัญญา
ชีวิตประจำวันของเราทุกคนหน่ะ วันหนึ่งมี 24 ชม. เวลานอนเวลาพักผ่อนมี 6-8 ชม. เวลาตื่น อิริยาบถทั้ง 4 นี้ เป็นเวลาทำงานพร้อมกับปฏิบัติธรรมไปพร้อมๆ กัน ถ้าเราประพฤติปฏิบัติอย่างนี้หน่ะ สมองของเราก็จะได้ใช้แต่สิ่งที่จำเป็น สมองเราจะไม่เอาไปใช้แบบที่สับสนวุ่นวาย ที่เรียกว่าคนเนี่ย มันวุ่นวายจริงๆ เวลาเช้า เวลาเย็น สำหรับชาวพุทธของเราควรจะพักผ่อนสมอง เรียกว่าสัมมาสมาธิ คือหยุดพักผ่อนสมองเลยนะ ให้ใจของบเราอยู่ในระดับอัปปนา คือหยุดพักสมองเลยหรือจะมากกว่าอัปปนาก็ได้ เพื่อจะได้ซ่อมแซมสมอง เพื่อเราจะได้หยุดปรุงแต่ง ที่บาลีมีว่า เตสํ วูปสโม สุโข การระงับสังขารการปรุงแต่งทั้งหลายทั้งปวง เป็นความสุขความดับทุกข์อย่างยิ่ง ระดับนอนระดับพักผ่อนของพระอรหันต์ถึงเป็นการพักผ่อน ไม่มีความฝัน ระดับคนระดับสามัญชนนี่ก็พากับฝันกันสนั่นหวั่นไหว การฝึกสมาธิ การปฏิบัติสมาธิ คือการพักผ่อนสมอง เราจะพักผ่อนสมองได้อย่างไง พระพุทธเจ้าให้เราเจริญอานาปานสติ หายใจเข้าก็รู้ชัดเจน หายใจออกก็รู้ชัดเจน หายใจเข้าให้สบาย หายใจออกก็ให้สบาย พระพุทธเจ้าให้เราทุกคนพากันเจริญอานาปานสติ ตั้งแต่ระดับขณิกอานาปานะสติ ระดับอุปจาระอานาปานสติ แล้วหยุดความปรุงแต่งพักผ่อนอยู่กับอัปปนาสมาธิ อย่างนี้เป็นต้น พระพุทธเจ้ามีอานาปานะสติเป็นวิหารธรรม ทุกอิริยาบถ ยืน เดิน นั่ง นอน พระพุทธเจ้าทรงอยู่ด้วยอานาปานสติ พระอรหันต์ขีณาสพก็อยู่ด้วยอานาปานสติ สามัญชนผู้ที่จะพัฒนาตนเองให้เป็นพระอริยะเจ้าน่ะ ก็อยู่กับอานาปานสติ อานาปานสติถึงเป็นได้ทั้ง สมถะ คือความสงบ เป็นได้ทั้งปัญญา เรียกว่า วิปัสสนา อานาปานสติทุกๆ อิริยาบถนี่ จะตัดเรื่องอดีตที่ผ่านมาให้เราเป็นปัจจุบันธรรม จะได้ตัดอนาคตเป็นความฟุ้งซ่าน ทะยานอยาก ความเพ้อฝัน ความงมงายให้สงบเย็นลง ให้เป็นปัจจุบันธรรม
ปัจจุบันนี้พระพุทธเจ้าให้เราอยู่กับธรรมะ อยู่กับพระวินัย ที่มีอานาปานสตินี้ เป็นสิ่งที่กำกับ ที่เรียกว่าสัมมาสมาธิ เราจะได้หยุดความเป็นคน หยุดความฟุ้งซ่าน มันจะได้ตัดเรื่องกามเล็กๆ น้อยๆ กามใหญ่ๆ ที่มันเป็น เปรต ยักษ์ มาร อสุรกาย สัตว์นรก สัตว์เดรัจฉาน ที่มันเป็นไวรัสยิ่งใหญ่ใหญ่ยิ่งครองใจของเราลงไปได้ อานาปานสตินี้ช่วยเราได้นะ พระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ถึงได้ให้ท่องพุทโธ เพื่อให้กำกับอานาปานะสติ ทุกคนต้องมีความสุขในการทำงาน เพื่อหยุดเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะสงสารนะ ทุกท่านอย่าได้พากันหลงอย่าได้ไปเพลิดเพลินตั้งอยู่ในความประมาทหน่ะ เพื่อเราจะได้หยุดมีเซ็กทางความคิดทางอารมณ์ มีเพศสัมพันธุ์ทางความคิดมีเพศสัมพันธุ์ทางอารมณ์หน่ะ เราต้องตัดด้วยอานาปานสติ อานาปานสติเป็นได้ทั้งความสงบเป็นทั้งปัญญา มีสมถะมีวิปัสสนาอยู่ในตัวอยู่แล้ว
เราทุกท่านทุกคนต้องมีความเห็นถูกต้องมีความเข้าใจถูกต้องแล้วปฏิบัติถูกต้อง แต่ก่อนเราเรียนหนังสือก็เพื่อจะเอา เราทำงานก็เพื่อจะเอา อันนี้เป็นความเห็นที่ผิดความเข้าใจผิด พระพุทธเจ้าให้เรามีความเห็นถูกต้องมีความเข้าใจถูกต้องแล้วปฏิบัติถูกต้อง มีความสุขในการเรียนหนังสือในการทำงานในการเสียสละ สุขภาพจิตของเราจะได้ดี สุขภาพใจของเราจะได้ดี เราทำถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง ผลมันก็คือ เราจะเป็นคนรวยเราจะเป็นคนมีปัญญา เราจะได้เป็นคนเก่งเป็นคนฉลาด แล้วเราจะได้พัฒนาทั้งกาย พัฒนาทั้งใจไปพร้อมๆ กัน ที่ท่านว่าเราพัฒนาตนเองเพื่อเป็นมนุษย์ ผู้ที่มีจิตใจสูงส่ง ท่านเจ้าคุณพุทธทาสบอกว่า เป็นมนุษย์ได้เพราะใจสูง….
ความรู้ความเข้าใจที่เราเรียนมา เราต้องเอามาประพฤติเอามาปฏิบัติเพื่อจะเป็นกระบวนการปฏิจจสมุปบาท ถ้าเราจะหยุดเพราะไม่ให้สิ่งนั้นมีสิ่งต่อไปจะไม่มี เราต้องเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ เพราะคนในเมืองไทยเรานี้หรือหลายๆ ประเทศ ยังไม่เข้าถึงพระพุทธศาสนา ยังไม่เข้าถึงภาคประพฤติภาคปฏิบัติ เป็นผู้มีปัญญาแต่ยังไม่ใช่ผู้ประพฤติผู้ปฏิบัติ พระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่ คือยานพาหนะที่จะพาเราออกจากวัฏฏะสงสาร พระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่มันเป็นเรื่องจิตเรื่องใจ มันเป็นเรื่องหยุดวัฏฏะสงสาร ให้ทุกท่านทุกคนพากันเข้าใจนะ ถ้าท่านไม่ทำอย่างนี้ ถือว่าท่านไม่ได้ประพฤติไม่ได้ปฏิบัตินะ ไก่มันฝักไข่จะออกลูกออกมาเป็นตัวใช้เวลา 3 อาทิตย์ เราปฏิบัติเพื่อมรรคผลพระนิพพาน เพื่อหยุดวัฏฏะสงสาร เราก็เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ คือพระวินัย เรียกว่าถือนิสัยของพระพุทธเจ้า เราต้องทำติดต่อต่อเนื่องกันไม่ให้ขาดสาย เหมือนสายน้ำอย่าให้เหมือนหยดน้ำ ต้องเป็นสายน้ำติดต่อต่อเนื่อง มีความสุขในการประพฤติการปฏิบัติ ที่เป็นไฟท์ติ้งในการประพฤติในการปฏิบัติของตัวเอง นี่ดีมาก ประเสริฐมาก ยอดเยี่ยมมาก
ลูกศิษย์หลวงปู่มั่นที่พากันได้เป็นพระอรหันต์ ท่านเอาธรรมะเอาพระวินัย ติดต่อต่อเนื่องกัน หลายเดือน หลายปี ถึงได้มีพระอรหันต์เกิดขึ้นหลายรูป เพราะการประพฤติเพราะการปฏิบัติอย่างนี้เอง ทุกท่านทุกคนพากันประพฤติพากันปฏิบัตินะ เพื่อเราจะได้เข้าถึงพระพุทธศาสนาพร้อมทั้ง อรรถะ พร้อมทั้ง พยัญชนะ ในการประพฤติในการปฏิบัติ
ทุกท่านทุกคนนั้นไม่ได้ต่อสู้กับใครนะ ต่อสู้กับอวิชชาต่อสู้กับความหลงของตัวเองนี่แหละ เราจะไปเชื่อใจของตัวเองไม่ได้ เพราะใจของตัวเองยังเป็นสามัญชนเป็นปุถุชน ต้องเอาสิกขาบทน้อยใหญ่มาประพฤติมาปฏิบัติ ถึงจะเป็นพรหมจรรย์ เราต้องเอาธรรมเอาพระวินัย 100 % อย่าพากันโง่หลาย อย่างพากันโง่ไปมากกว่านี้ วัฏฏสงสารนี่ไม่น่าเพลิดเพลิน ทุกท่านทุกคนต้องมีความสุขในการประพฤติในการปฏิบัติ นี่คือไฟท์ที่ดีที่สุดที่เรามีลมหายใจ ที่เราได้ประพฤติที่ได้ปฏิบัติ การปฏิบัติไม่กำหนดกาล ไม่กำหนดเวลา ไม่กำหนดสถานที่ มันเป็นการประพฤติการปฏิบัติทุกหนทุกแห่งของเราทุกคน ความสุขความดับทุกข์นั้น อยู่ที่เราเราทุกท่านทุกคนต้องมีความเห็นถูกต้องมีความเข้าใจถูกต้องแล้วปฏิบัติถูกต้องในปัจจุบัน อยู่ทุกหนทุกแห่ง ทั้งหมู่บ้าน ในย่านนิคมในเมืองหลวง เราต้องไฟท์ติ้งในการประพฤติในการปฏิบัติของเราทุกๆ คน
ทุกท่านทุกคนว่างจากสิ่งที่มีอยู่ ว่างจากสิ่งที่มีตัวมีตน ว่างจาก รูปเสียง กลิ่นรส ลาภยศ สรรเสริญ ศีลสมาธิปัญญา มันจะจัดการสิ่งเหล่านี้เอง เราต้องเอาทุกสิ่งทุกอย่างน้อมเข้าสู่พระไตรลักษณ์ ถ้าเราไม่น้อมเราต้องอาบัติทุกกฎ ถ้าเราตามไปเราต้องอาบัติถุลลัจจัย ถ้าเราตามไปเราก็ต้อง สังฆาทเสส ปาราชิก ทุกท่านทุกคนต้องพากันสร้างใจเป็นพระธรรมเป็นพระวินัยนะ เป็นมรรคเป็นผลเป็นพระนิพพานนะ เราอย่าพากันไปโง่หลงงมงาย พากันไปสร้างพระอิฐ พระปูน ทองเหลือง ทองแดง ทองคำ อันนั้นเป็นรูปพุทธปฏิมากร เป็นรูปของพระพุทธเจ้า ทุกท่านทุกคนต้องสร้างพระในตัวท่าน คือพระธรรมพระวินัย ถ้าท่านไม่สร้างพระธรรมพระวินัย ในใจเป็นภาคประพฤติในการปฏิบัติ ตัวท่านเองจะกลายเป็นโจร พวกที่ท่านสร้างพระพุทธรูปทองหน่ะ จะกลายเป็นโจร เรามาคิดดูมาพิจารณาดู พวกวัดต่างๆ ถ้าท่านทิ้งธรรมทิ้งพระวินัย สิกขาบทน้อยใหญ่ นั่นหน่ะคือแหล่งซ่องสุมของโจรนี้เอง
วัดนี้คือข้อวัตรคือข้อปฏิบัติ ของทุกๆ คน พระพุทธเจ้าให้พากันเข้าใจอย่างนี้ ที่เรามาอยู่ร่วมรวมกันนี้ยังไม่ใช่วัดนะ นี้เป็นอาราม เป็นโบสถ์ เป็นวิหาร เป็นเจดีย์ ที่ให้เราได้อยู่ได้อาศัย ถ้าท่านไม่มีข้อวัตรไม่มีการปฏิบัติ เราไม่ได้สมาทาน เราไม่ได้ตั้งจิตตั้งใจ เสียสละซึ่งตัวซึ่งตน หาได้เป็นวัดไม่ คำว่าพระนั้น ให้ทุกคนพากันเข้าใจนะ พระนั้นคือพระธรรมพระวินัย พระนับตั้งแต่พระโสดาบันจนไปถึงพระอรหันต์น่ะ เขาถึงเรียกว่าพระ ผู้ที่ปลงผมห่มผ้ากาสาวพัสตร์ หาใช่ว่าเป็นพระไม่ เป็นเพียงแบรนด์เนมให้บุคคลากรพัฒนาตัวเองให้เป็นพระธรรมพระวินัย ให้เป็นพระ ผู้ที่มาบวชทั้งหลายอย่าพากันหลงตัวเองนะ ต้องเข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ จัดการตัวเอง ถ้าอย่างจะไม่มีความสุขมีความดับทุกข์
ทุกท่านทุกคน ที่พึ่งของเราคือพระธรรมพระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่ คือที่พึ่งของเรา คือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พึ่งที่เราคิดดีๆ พูดดีๆ กริยามารยาทดีๆ ขยันรับผิดชอบดีๆ เพราะทุกท่านทุกคนหน่ะต้องประพฤติต้องปฏิบัติเอง ผู้ที่ไม่เข้าใจหน่ะ พึ่งภายนอก พึ่งพ่อพึ่งแม่ พึ่งครูบาอาจารย์ พึ่งรัฐบาล พึ่งอะไรสารพัดพึ่ง ไม่ได้พึ่งตัวเองเลย จึงพึ่งความเห็นถูกต้องความเข้าใจถูกต้องแล้วปฏิบัติถูกต้อง ความสุขความดับทุกข์มันอยู่อย่างนี้นะ ชีวิตของเราถึงจะได้สงบเย็นเป็นพระนิพพาน
ผู้ที่เป็นประชาชนที่ยังไม่ได้ไปบวชเป็นพระ ก็เป็นพระได้เหมือนๆ กัน ได้ตั้งแต่พระโสดาบันไปจะถึงพระอนาคามี พระก็หมายถึงพระอริยเจ้า หมายถึงพระธรรมพระวินัย ที่เรียกพระ รวมว่าศีล ศีล 5 ศีล 8 ศีล 10 ศีล 227 ศีลรวมในพระไตรปิฏก 21000 พระธรรมขันธ์ ประชาชนก็ต้องพากันตั้งมั่นในพระรัตนตรัย ทำธุรกิจหน้าที่การงาน ประพฤติปฏิบัติธรรมไปในตัว พากันมีศีล 5 ศีล 5 จะพัฒนาเราเป็นพระอริยเจ้า ตั้งแต่พระโสดาบันจนไปถึงพระอนาคามี วันปกติก็พากันรักษาศีล 5 วันพระก็พากันรักษาศีล 8 ผู้ที่แก่มากหรือผู้ที่ป่วยก็พากันรักษาศีล 5 พากันมีความสุข ในการมีศีล 5 มีความสุขในการทำงาน ต้องพากันหยุดอบายมุข อบายภูมิ ของตนเอง เหมือนที่ได้กล่าวมาแล้วที่บรรยายมาแล้ว เพราะจะได้รวยอยางฉลาดๆ มีรถ มีเรือ มีเครื่องบิน มีอะไรที่อำนวยความสดวกสบายอย่างมีสติมีปัญญา
ทุกท่านทุกคนต้องพากันมาแก้ที่ตนเอง ถ้าเราไม่มีความสุขในการทำงานละก็ สุขภาพจิตของเราก็เสีย ถ้าเราไม่มีความสุขในการเสียสละ สิ่งที่มันเป็นอดีต เราก็เสีย ทุกท่านทุกคนสิ่งที่ผ่านมาก็แล้วไป เราก็ต้องตั้งใจ เพราะอายุขัยของเราอีกไม่นาน ทุกคนก็ต้องจากโลกนี้ไป ไม่ได้อะไรไป เพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่าง การเรียนการศึกษาก็เพื่อจะไปแก้คนอื่น การทำการทำงานเนี่ย พยายามจะแก้ไขภายนอก พระพุทธเจ้าสอนเราให้แก้ทั้งภายนอกแก้ทั้งจิตใจไปพร้อมๆ กัน เพื่อเราจะมีอยู่มีกินมีใช้ พร้อมทั้งไม่หลงไม่เพลิดเพลิน ไม่ได้ตั้งอยู่ในความประมาท พวกกินเหล้ากินเบียร์เล่นการพนัน ต้องพากันหยุด เราแก้ที่ตังเองเต็มที่นะ เราจะไปโทษใคร เพราะเราเกิดมา ส่วนใหญ่ก็พากันไปโทษคนอื่น โทษให้ลูกให้หลาน ให้พ่อให้แม่ ให้รัฐบาลอะไร ไม่ได้โทษตัวเอง เพราะว่าตัวเองมีความหลงมีความเพลิดเพลิน ถึงได้พากันเกิดมา
ความสุขความดับทุกข์อยู่กับเราในปัจจุบัน คืออานาปานสติ คือหายใจเข้าสบาย หายใจออกสบาย หายใจเข้ามีความสุข หายใจออกมีความสุข หายใจเข้าให้มันสบาย เราอย่าใจฟุ้งซ่านกับสิ่งแวดล้อม กับอารมณ์ ชุลมุนไปหมด เราโกรธเราเกลียดเราชอบใครเราต้องเสียสละหมดหน่ะ เพราะการแบกของมันหนักนะ การยึดการถือมันก็หนัก ต้องปลงลงวาง ต้องพากันละธาตุละขันธ์ ทางจิตทางใจ กายมันต้องละ ใจมันต้องละ เราถึงจะมีความสุขในปัจจุบันหน่ะ เราไม่ควรจะให้ตัวเองโง่ไปกว่านี้
เวรย่อมหยุดด้วยความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปล่อยวาง คนที่มีความทุกข์ คือคนที่ยึดมั่นถือมั่นเปรียบเสมือนคนท้องผูก เหมือนคนปัสสาวะไม่ออก อุจจาระไม่ออกหน่ะ มันมีความทุกข์หน่ะ เราต้องดีท็อกซ์มันออกปล่อยมันออก
สิ่งไหนที่มันดีๆ พระพุทธเจ้าท่านไม่ให้เรากลัว ไม่ว่ามันจะเหน็ดเหนื่อยยากลำบากเพียงใด ถือว่ามันเป็นหนทางที่จะต้องผ่าน ถ้าเรากลัวก็มีแต่แพ้กับแพ้ ในอดีตที่ผ่านมาเราแพ้มาแล้วจนเราเกิดความท้อใจ แพ้แล้วแพ้เล่า เรื่อยๆ มา มีแต่แพ้กับแพ้
พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้สอนให้เรากลัวนะ อุปสรรคความยากลำบาก เป็นสิ่งที่เราทุกๆ คนต้องผ่าน ถ้าไม่ผ่านมันจะไปได้อย่างไร ?
ความดีเป็นสิ่งที่ทุกๆ คนต้องทำ ให้ทุกๆ คนมีความเชื่อมั่นในความดี เชื่อมั่นในตัวเองว่าตัวเองนี้ทำได้ ปฏิบัติได้ ให้ยากกว่านี้ ให้ลำบากกว่านี้ก็ปฏิบัติได้ ที่อาการของจิตใจทุกคนกำลังสู้อยู่นี้ เผชิญอยู่นี้มันไม่ใช่สิ่งภายนอกนะ คือการสู้กับใจของตัวเอง สู้กับความกลัวความกังวลของตัวเอง
พระพุทธเจ้าท่านอธิษฐานจิตเลยนะ ก่อนที่จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าท่านเอาหญ้าคา ๘ กำมือของนายโสตถิยะมานั่งขัดบัลลังก์อธิษฐานจิตเลยว่า “แม้หนังเอ็นกระดูกเท่านั้นจักเหลืออยู่ เนื้อและเลือดจะเหือดแห้งไปก็ตามที ถ้าข้าพเจ้าไม่ตรัสรู้ธรรมก็จะไม่ลุกออกจากอาสนะนี้”
บรรดาเหล่าพญามาร เสนามาร บุตรมาร ลูกหลานมารเยอะแยะเลย มาให้พระพุทธเจ้าได้ผจญมาร พระพุทธเจ้าท่านก็คิดว่ามารมันก็ได้แก่จิตใจของเรานี่เอง คนเรานะ เวลาทำความดีมันมีอุปสรรคเยอะ มันมีปัญหาเยอะ ทุกคนต้องฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ นานา สิ่งสำคัญมันอยู่ที่จิตใจนะ ถ้าใจของเราไม่มีปัญหา ทุกสิ่งทุกอย่างมันก็ไม่มีปัญหา เราจะไปกลัวมันทำไม
เรารู้จักแล้ว เราใคร่ครวญชัดเจนแล้วว่า เราทำไปมันถูกต้องมันดี เราติดสุขติดขี้เกียจขี้คร้านนี่มันไม่ดี เราจำเป็นที่จะต้องละ ต้องปล่อย ต้องวาง เราจะไปหวงมันไว้ทำไม เอาไว้ทำไม เรายังไม่ตายเราต้องตกนรกทั้งเป็นนะ คนยากคนจนเขาเรียกว่าตกนรกทั้งเป็นนะ เป็นเพราะว่าเราติดสุขติดสบายติดขี้เกียจขี้คร้าน จิตใจของเราที่มันไม่ดีนี้ เราต้องแก้ไขนะ เราจะเลือกเอาแต่สิ่งที่เราชอบ มันไม่ได้ เราต้องผ่านให้มันไปหมด ทั้งชอบไม่ชอบ
การที่เราไปไม่ได้ ก็คือเราติดอยู่ เราติดอยู่ก็คือเราไปไม่ได้ นี่เห็นไหม ที่เราติดอยู่เราไปไม่ได้ เพราะว่าเรามันขี้เกียจขี้คร้าน ลูกคนรวยมันก็ติดขี้เกียจขี้คร้าน ลูกคนจนมันก็ติดขี้เกียจขี้คร้านนะ ใจมันอยากได้อย่างโน้น อยากดีอย่างนี้ แต่เราเป็นคนขี้เกียจขี้คร้าน เป็นคนไม่ขยัน ขยันนิดหน่อยมันก็จะตายซะแล้ว
ความขยันนี้มันต้องปฏิบัติเป็นปฏิปทาในชีวิตประจำวัน ในปัจจุบันนี้ กรรมของเราที่มันเป็นคนขี้เกียจขี้คร้าน ผลงานของเรามันออกมาไม่ดี เรายิ่งเป็นคนคิดมาก ยิ่งเป็นคนวิตกกังวล เดี๋ยวโรคอาหารไม่ย่อยมันจะตามมา เดี๋ยวโรคประสาทมันจะตามมา เดี๋ยวโรคจิตมันจะตามมา มันขบวนเดียวกัน มันเป็นพรรคพวกเดียวกัน
พระพุทธเจ้าท่านให้เราผ่านไปเถอะ ผ่านการขี้เกียจขี้คร้านนี่ ผ่านการติดสุขติดสบายนี่ ให้มีความสุข มีความพอใจ มีความยินดีทำแต่สิ่งที่ดีที่ถูกที่ต้อง
เราอย่าไปกลัวความสุขมันหายไปจากเรา ความสุขนี้มันมีแก่เราแน่ในอนาคต แต่เดี๋ยวนี้เราต้องผ่านอุปสรรค เราต้องฝ่าฟันศัตรู อาศัยกายเป็นเครื่องฝึก มันทุกข์กายไม่เป็นไร ลำบากกายไม่เป็นไร ให้เราพอใจในการสร้างความดี สร้างบารมี เราจะไปโทษใครไม่ได้นะ เพราะเรามันโง่เอง พระพุทธเจ้าว่าเรามันโง่เองนะ ให้เราฉลาดๆ หน่อย
เทคโนโลยีเขาพัฒนากันไปไกล แต่ว่าหัวใจคนนี้ไม่ได้พัฒนา พยายามที่จะแก้ไขแต่ภายนอก พระพุทธเจ้าท่านให้เราแก้ไขภายใน แก้ไขจิตใจของเรา เอาความกลัวในสิ่งที่ไม่ควรกลัวออกจากใจของเรา
พระพุทธเจ้าท่านให้เรารู้จักตัวเองนะ เราไม่ต้องกลัวมันอีกแล้ว เราทำดีๆ เราพูดดีๆ เราคิดดีๆ ชีวิตของเรามันก้าวไปด้วยการกระทำ เราจะไปกลัวมันทำไม วิตกมันทำไม ถึงเวลานอนก็ให้เรานอนให้มีความสุข ตื่นขึ้นเราก็จะได้มีเรี่ยวแรง มีศักยภาพทั้งทางกาย ทั้งทางจิตใจ
ธรรมะที่ทำให้ใจเรามีกำลัง ได้แก่ความพอใจในการทำความดี พอใจในการเสียสละ พอใจในการละความเห็นแก่ตัว มีความสุขมาก มีความเบิกบานมากในการทำความดี มีความเพียร มีความบากบั่น มีความพยายามไม่ท้อแท้ ถือเอาอุปสรรคนั้นเป็นการสร้างความดี ให้ถือคติว่าถ้าไม่มีความยากลำบาก มันก็ไม่ได้สร้างบารมีนะ
ความเพียรต้องทำติดต่อ ต่อเนื่อง เพียรทั้งทางกาย วาจา ทั้งจิตทั้งใจ ความเพียรเท่านั้นที่จะนำเราออกจากทุกข์ เพราะเราใคร่ครวญดูแล้ว ถูกต้องแล้ว ว่าสิ่งเหล่านี้แหละเป็นสิ่งดับทุกข์ให้เราได้แน่นอน นอกเหนือจากนั้นไม่มี
ต้องมีความตั้งใจ ที่เราผิดพลาดในชีวิตเพราะเราไม่เอาจริงเอาจัง ทีนี้เราพร้อมแล้วที่จะเอาจริงเอาจัง เราใคร่ครวญดูแล้ว ถูกต้องแล้ว สิ่งใดที่มันได้มาโดยง่าย มันเป็นสิ่งที่ไม่ดีนะ
ทุกอย่างมันต้องได้มาจากกระทำของเราเอง ถ้าเราคิดอย่างนี้ เราตั้งใจอย่างนี้แหละ จิตใจของเรามันมีพลังนะ เราต้องสร้างเหตุปัจจัยอย่างนี้แหละ ว่ากันเป็นวินาทีๆ ไปหลายวินาทีเป็นนาที หลายนาทีเป็นชั่วโมง หลายชั่วโมงเป็นหนึ่งวัน “ความดีเท่านั้นที่จะทำให้เราได้ดี”
กรรมก็คือการกระทำของเราเอง การบูชาอะไรก็สู้กับการนำตัวเองประพฤติปฏิบัติที่ฝืนจิตฝืนใจ ฝืนอารมณ์ให้เหนือชอบเหนือไม่ชอบนี้ไม่ได้ พระพุทธเจ้าท่านให้เราเหลียวแลมองดูตัวเองนะ ว่าพวกเรากำลังมัวทำอะไรกันอยู่ ท่านตรัสถามว่า พวกเรากำลังทำอะไรกันอยู่ ว่าพวกเรากำลังเดินตามรอยพระพุทธเจ้า เดินตามรอยพระอรหันต์หรือยัง?
หวังว่าทุกท่านทุกคนจะได้นำเอาคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาประพฤติมาปฏิบัติมาแก้ไขตัวเองให้ได้
ชีวิตของเราต้องเอาความถูกต้องเป็นเดิมพัน เอาความเป็นธรรม เอาความยุติธรรม เอาพระวินัย เป็นเดิมพัน ต้องเสียสละ เพื่อพัฒนาสร้างอริยมรรค เพื่อตัดซึ่งตัวซึ่งตน ที่มันนำทุกๆ คนให้ท่องเที่ยวอยู่ในวัฏฏะสงสาร ให้เข้าถึงธรรม ถึงปัจจุบันธรรมให้ได้ในในปัจจุบัน เราไม่ต้องกลัว ปัจจุบันอย่างนี้เราต้องมีจิตใจที่โดดเด่น จิตใจที่ไม่มีอะไรครอบงำได้ มีแต่ธรรมะ มีแต่สภาวะธรรมที่ปราศจากตัวตน ให้ทุกท่านทุกคนพากันประพฤติปฏิบัติอย่างนี้ เราไม่ต้องไปหงอเหมือนแต่ก่อน ในโลกนี้เราไม่มีอะไรที่จะน่ากลัว เพราะว่าเราเดินตามรอยของพระพุทธเจ้า พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า จิตใจของเราย่อมสง่างามโดดเด่นด้วยศีล ด้วยสมาธิ ด้วยปัญญา