แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
โอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ที่หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม เมตตาให้นำมาบรรยาย
บรรยายธรรมโดย พระมหาอนุชน สาสนกิตติ (ป.ธ.๙, ดร.)
ในวันพฤหัสบดีที่ ๑๒ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา
เรื่อง ชีวิตใหม่ที่เลือกได้ ตอนที่ ๑๖ ไม่ต้องไปอ้อนวอนขอ ไม่ต้องไปอยาก เพราะทุกอย่างมันไปจากเหตุจากผล จากปัจจัย ที่ทำถูกต้อง ปฏิบัติถูกต้อง
(บางส่วนจากโอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า)
มนุษย์เราคือผู้ที่ประเสริฐ จะเป็นคนจน คนรวย ทุกชาติ ทุกศาสนาก็คือผู้ที่ประเสริฐ เพราะระบบสมองสติ ปัญญานั้น เอามาประพฤติ เอามาปฏิบัติพัฒนาตัวเองเข้าสู่ความสุข ความดับทุกข์ได้พอกันทุกๆ คน ขึ้นอยู่ที่เรามีความเห็นถูกต้อง ความเข้าใจถูกต้อง ปฏิบัติถูกต้องในปัจจุบัน ที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า อริยมรรคมีองค์ 8 ต้องอยู่ในความเห็น มีความเข้าใจ มีการประพฤติปฏิบัติ ของมนุษย์ทุกคน ถ้าเราทำตามใจทำตามตัวเองนั้น มันก็เป็นได้แต่เพียงคน ให้ทุกท่านทุกคนพากันเข้าใจ จะได้แก้ไขตัวเองทุกๆคน จะได้มีความสุขในการประพฤติปฏิบัติอยู่ในทุกๆ หนทุกๆ แห่ง เราจะได้หยุดอบายมุขหยุดอบายภูมิในตัว และหยุดไสยศาสตร์คืออวิชชาคือความหลง ที่มันเป็นพลังงานแห่งการเวียนว่ายตายเกิด
ทุกท่านทุกคนต้องทำอย่างนี้ ปฏิบัติอย่างนี้ เพราะเรามีสัปปายะที่ประเสริฐแล้วคือการได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ได้พบพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ผู้บำเพ็ญพุทธบารมีมาหลายล้านชาติ ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้ามาบอกมาสอน วิธีประพฤติปฏิบัติให้เข้าถึงความดับทุกข์ในปัจจุบัน ไม่ต้องรอชาติหน้า คือเอาปัจจุบัน เพราะสิ่งนี้มีสิ่งนั้นมันถึงมี ปฏิบัติดีๆ ในปัจจุบัน คนเราต้องอย่าไปตามใจตัวเอง อย่าไปตามอารมณ์ตัวเอง มันจะเป็นได้แต่เพียงคน ต้องเอาทำเป็นหลักเอาทำเป็นใหญ่มีความสุขในการประพฤติปฏิบัติ เราอย่าไปหลงงมงาย ต้องละสักกายทิฏฐิ ละซึ่งตัวซึ่งตน มันเสียหาย ไม่มีใครมาประพฤติปฏิบัติให้เรา เราต้องพากันประพฤติปฏิบัติ เราต้องปฏิบัติอย่างนี้ เราเดินไปถูกทาง มันก็จะสบายเอง เราไม่ต้องไปอ้อนวอน ไม่ต้องไปขอ ไม่ต้องไปอยาก เพราะทุกอย่างมันไปจากเหตุจากผลจากปัจจัย ที่มันทำถูกต้องปฏิบัติถูกต้อง มีสัมมาทิฏฐิ คือมีความเห็นถูกต้อง เข้าใจถูกต้อง ปฏิบัติให้ถูกต้อง เราต้องสมาทาน ในการพูด การคิดการปฏิบัติ มันต้องหยุดมีเซ็กส์ทางความคิด หยุดมีเซ็กส์ทางอารมณ์ มันไม่ฉลาด มันเสียหาย เราต้องปรับตัวเองเข้าหาธรรมะ เข้าหาเวลาพากันประพฤติปฏิบัติ ทุกอย่างมันไม่ใช่ความสุข มันเป็นความหลงงมงาย
การปฏิบัติธรรมนี้เป็นสิ่งที่ดี การปฏิบัตินี้ถึงเป็นการบูชาพระพุทธเจ้า ทุกๆ คนเกิดมาต้องมาให้ทาน ต้องมาเสียสละ ตื่นขึ้นมาเราต้องเสียสละซึ่งตัวซึ่งตน ไม่เอาตัวตนเป็นหลัก อย่างนี้เขาเรียกว่า การให้ทาน การเสียสละ มีความสุขในการที่จะประกอบอาชีพ มีความสุขในการทำงาน ที่ไม่เป็นบาปไม่เป็นกรรมไม่ได้ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ไม่ได้ประพฤติผิดในกาม กามนี้ก็หมายถึงความสุขที่เราได้มาจากการเบียดเบียน เช่น การลักทรัพย์ การทำลายทรัพยากรของชาติ มันรวมกัน เขาก็เรียกว่ากามหมด ความเห็นแก่ตัวก็เรียกว่ากาม แต่มันแยกเป็นข้อเป็นๆ เฉยๆ
เราต้องทำอย่างนี้ปฏิบัติอย่างนี้ถึงจะมีความสุข ทุกอย่างมันเป็นความสุขความดับทุกข์ในตัว ด้วยความเจตนาด้วยความตั้งใจ เราจะเดินทางไกลเราก็ต้องใช้ยาน ญาณก็คือศีล ศีลก็คือไม่คิด ไม่พูด ไม่ทำในสิ่งที่ไม่ดี ทำแต่ในสิ่งดีๆ เขาเรียกว่าศีล เขาเรียกว่าญาณ ยานที่ออกจากวัฏสงสาร เรามาถึงสถานที่นี้แล้วจะไปสถานที่อื่น ก็ต้องใช้ยาน ยานที่พระพุทธเจ้าจัดให้แล้ว ก็คือความประพฤติปฏิบัติของเรานี่เอง การคิดดีๆ พูดดีๆ ทำดีๆ ทุกท่านทุกคนต้องหยุดมีเซ็กส์ทางความคิด หยุดมีเซ็กส์ทางอารมณ์ มันจะได้เข้าสู่ภาคประพฤติภาคปฏิบัติ มันต้องละอายต่อบาป เกรงกลัวต่อบาป การเวียนว่ายตายเกิดมันเป็นสิ่งที่ทำให้เรามีปัญหา มีภาระที่ต้องบริหารธาตุบริหารขันธ์ เราต้องหยุด หยุดเหมือนแกงหม้อใหญ่ หมายถึงธรรมะที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว เราเพียงแต่มาหยุดตัวเอง แล้วใจมันจะสงบใจมันจะเย็น หมู่มวลมนุษย์ทั้งหลายจะได้มีความสุขมีความเย็น จะไม่ได้มีสงคราม จะได้เข้าสู่สันติภาพ การเรียนการศึกษาก็จะมีแต่คุณ ผู้ที่ออกบวชไม่ได้ อยู่ที่บ้านก็ให้อยู่ในศีล อยู่ในธรรม อยู่ในพรหมจรรย์ ระดับศีล ๕ ต้องเอาธรรมเป็นหลักเอาธรรมเป็นใหญ่
ผู้ที่มาบวช เพื่อบริโภคปัจจัย ๔ กับพวกที่รักษาศีล ๕ ก็ต้องตั้งใจประพฤติปฏิบัติเต็มที่ เราอย่ามาละเมิดศีลละเมิดพระวินัย มันทำลายส่วนรวม ทำลายมรรคผลนิพพานแก่มวลมนุษย์ เพราะเราจะมาเป็นกาฝากสังคมไม่ได้ มันไม่ดี ให้เราเข้าใจ หมู่มวลมนุษย์ทั้งหลายจะได้เข้าถึงความสุขความดับทุกข์ได้ทุกหนทุกแห่ง ทุกคนทำได้ปฏิบัติได้ เพราะระบบของศาสนา ถึงเป็นระบบพอดี พระเราไม่ต้องทำอะไร พัฒนาตัวเอง เข้าถึงมรรคเข้าถึงผล ฉันอาหารวันหนึ่งเพียงหนเดียว ไม่ต้องไปฉันมากมันมีภาระ มันจะไปรบกวนประชาชนเขา ตั้งแต่ตอนเช้าไปบิณฑบาต ไม่ต้องเก็บสังฆทาน ไม่ต้องเก็บของไว้ ไม่ต้องเก็บเงินเก็บสตางค์ เพราะอันนั้นมันไม่ใช่พระธรรม ไม่ใช่พระวินัย มันเป็นได้แต่เพียงคน พระต้องเสียสละ ให้มันเป็นธรรมเป็นพระวินัย มีความสุขอย่างนี้ เพราะเราถึงต้องช่วยเหลือตัวเอง ที่อยู่ที่อาศัยก็ต้องทำความสะอาด ของใช้ก็ต้องเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่มีใครมาอุปถัมภ์อุปัฏฐาก เพราะคนอื่นเขาก็จะได้พัฒนาบ้านของเขา ครอบครัวของเขา ระบบอะไรมันก็พอดี กุฏิมันถึงจะสะอาด ห้องน้ำห้องสุขา มันถึงจะสะอาด ทุกอย่าง มันลงตัวมันพอดี ทุกคนก็ต้องตั้งข้อวัตรกิจวัตรไว้ เพื่อเสียสละ เพื่อจะได้ฝึกใจตัวเอง เพราะใจตัวเองมันเห็นแก่ตัว มันขี้เกียจขี้คร้าน มันไม่อยากรักษาพระวินัยสิกขาบทน้อยใหญ่ มันมีเซ็กส์ทางความคิดมี sex ทางอารมณ์ ต้องหยุด ไม่อย่างนั้นมันจะไม่มีสัมมาสมาธิ มันไม่ได้เป็นพระอะไร มันเป็นแต่เพียงคนเห็นแก่ตัว มีแบรนด์เนม มันเป็นคนฉลาดเป็นคนมีปัญญา แต่มันก็เป็นโจรไปในตัว ให้พากันเข้าใจ
วัดทุกวัดมันจะได้สะอาด มันสะอาดมาจากไหน มันสะอาดมาจากใจของผู้ที่เสียสละ ผู้ไม่เสียสละใจมันสกปรก ที่อยู่ที่อาศัยมันก็สกปรก มันเกิดจากความเข้าใจผิด มันเอาตัวเอาตนเป็นพระนิพพาน มันไม่ได้ มันต้องเสียสละ เราถึงจะเป็นพระ พวกที่มาทำบุญกับเรา เขาถึงจะได้บุญได้กุศล อันนี้เราทำตามใจตัวเอง ทำตามอารมณ์ตัวเอง ทำตามความรู้สึกตัวเอง ตัวเราก็ยังเอาตัวไม่รอด แล้วจะเอาบุญที่ไหนไปให้เขา เขาสงเคราะห์หมูหมา กา ไก่ เขาก็ได้บุญระดับหนึ่ง เราเป็นแต่เพียงคนไม่ได้เป็นพระ เราก็สงเคราะห์บุญให้เขาได้นิดหน่อย เราต้องเข้าถึงพระธรรมพระวินัย พวกที่มาบวชทั้งหลาย หลายหมื่นรูปหลายแสนรูปต้องพากันเข้าใจ ทุกหนทุกแห่งมันจะลงตัวมันจะพอดี เราจะเห็นวัดป่าวัดปฏิบัติ ทำไมวัดเขาสะอาด เพราะวัดเขามีพระธรรมมีพระวินัย เขาเข้าสู่เศรษฐกิจพอเพียง มีความสุขในการเดินตามอริยมรรคมีองค์ 8 ทุกวันเดินจงกรม นั่งสมาธิ ไม่ใช่พากันมา LINE โทรศัพท์ ไม่ใช่มาพูดเรื่องการบ้านการเมือง พูดเรื่องฟุตบอล มันไม่ใช่ มันต้องเข้าถึงความสุขความดับทุกข์ เพราะธุรกิจของพระหรือกิจวัตรของพระ คือพระธรรมคือพระวินัยคือมรรคผลพระนิพพาน คือสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ ไม่ใช่รูปก็ดึงดูดไปหมด เหมือนเศษเหล็กแม่เหล็กน้อยๆ มันก็ดึงดูดเข้าไปหมด เราไม่ได้มีสัมมาสมาธิ เราไม่มีความตั้งมั่น เราก็ถูกความเห็นแก่ตัว ถูกมิจฉาทิฏฐิมันดึงไป เราต้องเกาะพระธรรมเกาะพระวินัยไว้ให้ดีๆ พวกที่บวชมาใหม่ต้องมาฝึกใจของท่าน ต้องปฏิบัติที่ใจของท่าน เพราะความเคยชินมันเคยเห็นแก่ตัว มันเวียนว่ายตายเกิด
เราต้องมาปรับตัวเข้าหาพระธรรมเข้าหาพระวินัย ว่าไม่คิดไม่พูดไม่ทำ มีความสุขในการรักษาศีล มีความสุขในการตั้งมั่น มีความสุขในการเสียสละซึ่งตัวซึ่งตน ทำข้อวัตรกิจวัตร พระธรรมพระวินัยนั้นเราต้องปรับใจเข้าหา เราต้องหยุดหมด เราถึงจะเป็นพระธรรมเป็นพระวินัย เราจะไม่ทำตามโจร ทำตามเปรต ทำตามผี ผีมันอยู่ในใจที่มันหลงงมงาย เวียนว่ายตายเกิดมาหลายภพหลายชาติ มันไม่ได้ เราต้องมาเสียสละ ความเป็นพระธรรมพระวินัยมันถึงจะได้เกิด มันใช้เวลาหลาย หลายอาทิตย์ เหมือนไก่มันฟักไข่ใช้เวลา ๓ อาทิตย์ แต่มนุษย์มันกิเลสมาก หรือว่าคนมันกิเลสมาก มันต้องใช้เวลานานมากกว่านั้น ต้องมีข้อวัตรมีข้อปฏิบัติอย่างนี้ พวกที่มาบวชชั่วคราว เวลาสึกออกไปจะได้เปลี่ยนแปลงตัวเอง ประเทศไทยเขาถึงเรียกว่าบัณฑิต หรือว่าทิด ประเทศไทยก็มีโครงการที่จะสร้างทรัพยากรแห่งความเป็นมนุษย์ ทางพระเจ้าอยู่หัวเข้าถึงให้พากันลาบวชได้ ให้เข้าใจอย่างนี้ ให้ตั้งใจศึกษากัน ให้ตั้งใจปฏิบัติ พระเก่าต้องเป็นตัว พระมันไม่ได้หมายถึงโกนหัวบวชนานแล้วเรียกว่าพระเก่า พระคือพระธรรมพระวินัย อย่าไปใจอ่อน ถ้าใจอ่อนเดี๋ยวโรคทางใจมันจะมากขึ้น เดี๋ยวมันจะไปโรงพยาบาลบ่อยนะ อายหมอเขา เป็นเดือนเป็นปีก็จะเห็นแต่หน้าพระองค์นี้เณรองค์นี้ เพราะว่ามันเป็นโรคใจอ่อน ใจไม่เข้มแข็ง มันตามสิ่งแวดล้อม สิ่งแวดล้อมมันกระตุ้น ร้องไห้เร็ว หัวเราะเร็ว มันต้องรู้จักตัวเองนะ
การปฏิบัติธรรมเบื้องต้น พระพุทธเจ้าถึงให้เราเน้นไปทางเรื่องศีล เพื่อให้จิตใจมันหยุด จิตใจมันอ่อนกำลังลง เพื่อตัดขบวนการที่มันจะทำงานต่อเนื่อง การรักษาศีลการปฏิบัติศีลยังเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อทุกๆ คนที่ยังไม่หมดกิเลส สิ้นอาสวะ เมื่อเรารักษาศีลได้ ปฏิบัติศีลได้ จิตใจของเรามันถึงจะหยุด เย็น เป็นสมาธิ เป็นสัมมาสมาธิ ตัวสัมมาสมาธินี้แหละ มันจะอาศัยความสงบ อาศัยความเย็น อบรมบ่มปัญญา ความร้อนรน รุนแรง มันจะได้หมดกำลังหมดพลังไป สมาธิคือตัวดับทุกข์ในชีวิตประจำวัน
รถยนต์คันหนึ่งประกอบด้วยอะไหล่ต่างๆ อะไหล่ที่สำคัญที่ให้เราปลอดภัย ได้แก่ เบรกนะ รถนี้ต้องเบรกดี ต้องเบรกมาตรฐาน เบรกของคนนี้ก็ได้แก่ “สัมมาสมาธิ”
คนเราถ้าจิตใจไม่มีสมาธิคือจิตใจไม่มีพลัง เป็นจิตใจที่ป่วย ที่ไม่สบาย สมาธิต้องดีนะ ต้องเอาตัวเองให้อยู่ ต้องเบรกตัวเองให้อยู่ สิ่งเล็กๆ น้อยๆ ไม่ให้ตัวเองผิดพลาด เรามันเป็นคนขี้เกียจขี้คร้าน เราใคร่ครวญตัวเองดีแล้ว ว่าความขี้เกียจขี้คร้าน เราจำเป็นที่จะต้องกำจัดหรือจัดการ ต้องอาศัยสัมมาสมาธินี่แหละ คือความตั้งใจจริง ตั้งใจชอบ จิตใจมีพลังมาก พลังมหาศาล ไม่กลัวความเหน็ดเหนื่อย ความยากลำบาก เพราะความกลัวหรือความวิตกกังวล มันทำลายความดีของเรา ทำลายศักยภาพของเรา
สิ่งไหนที่มันดีๆ พระพุทธเจ้าท่านไม่ให้เรากลัว ไม่ว่ามันจะเหน็ดเหนื่อยยากลำบากเพียงใด ถือว่ามันเป็นหนทางที่จะต้องผ่าน ถ้าเรากลัวก็มีแต่แพ้กับแพ้ ในอดีตที่ผ่านมาเราแพ้มาแล้วจนเราเกิดความท้อใจ แพ้แล้วแพ้เล่า เรื่อยๆ มา มีแต่แพ้กับแพ้
พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้สอนให้เรากลัวนะ อุปสรรคความยากลำบาก เป็นสิ่งที่เราทุกๆ คนต้องผ่าน ถ้าไม่ผ่านมันจะไปได้อย่างไร ?
ความดีเป็นสิ่งที่ทุกๆ คนต้องทำ ให้ทุกๆ คนมีความเชื่อมั่นในความดี เชื่อมั่นในตัวเองว่าตัวเองนี้ทำได้ ปฏิบัติได้ ให้ยากกว่านี้ ให้ลำบากกว่านี้ก็ปฏิบัติได้ ที่อาการของจิตใจทุกคนกำลังสู้อยู่นี้ เผชิญอยู่นี้มันไม่ใช่สิ่งภายนอกนะ คือการสู้กับใจของตัวเอง สู้กับความกลัวความกังวลของตัวเอง
พระพุทธเจ้าท่านอธิษฐานจิตเลยนะ ก่อนที่จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าท่านเอาหญ้าคา ๘ กำมือของนายโสตถิยะมานั่งขัดบัลลังก์อธิษฐานจิตเลยว่า “แม้หนังเอ็นกระดูกเท่านั้นจักเหลืออยู่ เนื้อและเลือดจะเหือดแห้งไปก็ไปที ถ้าข้าพเจ้าไม่ตรัสรู้ธรรมก็จะไม่ลุกออกจากอาสนะนี้”
บรรดาเหล่าพญามาร เสนามาร บุตรมาร ลูกหลานมารเยอะแยะเลย มาให้พระพุทธเจ้าได้ผจญมาร พระพุทธเจ้าท่านก็คิดว่ามารมันก็ได้แก่จิตใจของเรานี่เอง คนเรานะ เวลาทำความดีมันมีอุปสรรคเยอะ มันมีปัญหาเยอะ ทุกคนต้องฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ นานา สิ่งสำคัญมันอยู่ที่จิตใจนะ ถ้าใจของเราไม่มีปัญหา ทุกสิ่งทุกอย่างมันก็ไม่มีปัญหา เราจะไปกลัวมันทำไม
เรารู้จักแล้ว เราใคร่ครวญชัดเจนแล้วว่า เราทำไปมันถูกต้องมันดี เราติดสุขติดขี้เกียจขี้คร้านนี่มันไม่ดี เราจำเป็นที่จะต้องละ ต้องปล่อย ต้องวาง เราจะไปหวงมันไว้ทำไม เอาไว้ทำไม เรายังไม่ตายเราต้องตกนรกทั้งเป็นนะ
คนยากคนจนเขาเรียกว่าตกนรกทั้งเป็นนะ เป็นเพราะว่าเราติดสุขติดสบายติดขี้เกียจขี้คร้าน จิตใจของเราที่มันไม่ดีนี้ เราต้องแก้ไขนะ เราจะเลือกเอาแต่สิ่งที่เราชอบ มันไม่ได้ เราต้องผ่านให้มันไปหมด ทั้งชอบไม่ชอบ
การที่เราไปไม่ได้ ก็คือเราติดอยู่ เราติดอยู่ก็คือเราไปไม่ได้ นี่เห็นไหม ที่เราติดอยู่เราไปไม่ได้ เพราะว่าเรามันขี้เกียจขี้คร้าน ลูกคนรวยมันก็ติดขี้เกียจขี้คร้าน ลูกคนจนมันก็ติดขี้เกียจขี้คร้านนะ ใจมันอยากได้อย่างโน้น อยากดีอย่างนี้ แต่เราเป็นคนขี้เกียจขี้คร้าน เป็นคนไม่ขยัน ขยันนิดหน่อยมันก็จะตายซะแล้ว
ความขยันนี้มันต้องปฏิบัติเป็นปฏิปทาในชีวิตประจำวัน ในปัจจุบันนี้ กรรมของเราที่มันเป็นคนขี้เกียจขี้คร้าน ผลงานของเรามันออกมาไม่ดี เรายิ่งเป็นคนคิดมาก ยิ่งเป็นคนวิตกกังวล เดี๋ยวโรคอาหารไม่ย่อยมันจะตามมา เดี๋ยวโรคประสาทมันจะตามมา เดี๋ยวโรคจิตมันจะตามมา มันขบวนเดียวกัน มันเป็นพรรคพวกเดียวกัน
พระพุทธเจ้าท่านให้เราผ่านไปเถอะ ผ่านการขี้เกียจขี้คร้านนี่ ผ่านการติดสุขติดสบายนี่ ให้มีความสุข มีความพอใจ มีความยินดีทำแต่สิ่งที่ดีที่ถูกที่ต้อง
เราอย่าไปกลัวความสุขมันหายไปจากเรา ความสุขนี้มันมีแก่เราแน่ในอนาคต แต่เดี๋ยวนี้เราต้องผ่านอุปสรรค เราต้องฝ่าฟันศัตรู อาศัยกายเป็นเครื่องฝึก มันทุกข์กายไม่เป็นไร ลำบากกายไม่เป็นไร ให้เราพอใจในการสร้างความดี สร้างบารมี เราจะไปโทษใครไม่ได้นะ เพราะเรามันโง่เอง พระพุทธเจ้าว่าเรามันโง่เองนะ ให้เราฉลาดๆ หน่อย
เทคโนโลยีเขาพัฒนากันไปไกล แต่ว่าหัวใจคนนี้ไม่ได้พัฒนา พยายามที่จะแก้ไขแต่ภายนอก พระพุทธเจ้าท่านให้เราแก้ไขภายใน แก้ไขจิตใจของเรา เอาความกลัวในสิ่งที่ไม่ควรกลัวออกจากใจของเรา
ความกลัวเป็นอาการของจิตใจชนิดหนึ่ง เป็นอาการของอบายสัตว์ชนิดหนึ่งชื่อว่า “อสุรกาย” ถ้าเราพากันกลัว ไม่กล้าทำความดี เราก็เป็นลูกหลานของเปรตอสุรกายนะ
ลูกหลานเปรตอสุรกายมันกลัวไปหมด กลัวผี เป็นคนหวาดสะดุ้งตกใจง่าย เป็นคนสติสัมปชัญญะน้อย ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว พระพุทธเจ้าท่านสอนเราไม่ให้กลัว ถ้าสิ่งไหนดีๆ ต้องรีบทำต้องรีบประพฤติปฏิบัติ ความแก่เราไม่กลัว เราจะกลัวมันทำไม กลัวมันก็ต้องแก่อยู่แล้ว ความเจ็บเราก็ไม่กลัว เราจะกลัวมันทำไม กลัวมันก็ต้องเจ็บอยู่แล้ว ความตายเราไม่กลัว เพราะกลัวมันก็ต้องตายอยู่แล้ว ไม่ตายเร็วก็ตายช้า มันเป็นเรื่องปกติ
แต่เรามีความเข้าใจผิด มีความเห็นผิดมันเลยกลัว ความกลัวมันมีทุกข์นะ ทุกข์จนนอนไม่หลับ มันทรมาน ทำไมมันถึงกลัวล่ะ เพราะว่าเราตามอารมณ์ไป ตามความคิด คิดไปจนมันกลัว ความคิดนี้ให้ทุกคนรู้จักนะ เราจะไปตามความคิดไปไม่ได้นะ
ถ้าสิ่งไหนมันจะเป็นทุกข์ มันผุดคิดขึ้นมา พระพุทธเจ้าท่านให้เรารู้จักแล้วอย่าไปตามความคิดไป เห็นไหมที่เรากลัวในสิ่งต่างๆ สิ่งที่สมควรกลัว เพราะว่าเราตามความคิดไป คิดจนมันกลัวน่ะ
วิธีที่เราจะแก้ความกลัวแก้ความคิดนี้ ให้เรากลับมาหาตัวเอง ด้วยการหายใจเข้าหายใจออกให้มันชัดเจน รู้ตัวทั่วพร้อมให้มันชัดเจน รู้จนจิตใจเป็นหนึ่ง ไม่ส่งออก ไม่ตามอารมณ์ไป จิตใจเป็นตัวของตัวเอง
ผู้ที่ไม่มีความกลัวก็ได้แก่พระอรหันต์ เพราะว่าท่านไม่ได้วิ่งตามความคิด ไม่ได้วิ่งตามอารมณ์ ท่านรู้อยู่แล้วว่าความคิดอย่างนี้มันไม่มีประโยชน์ จะคิดมันทำไม คิดแล้วมันมีปัญหาเสียศักยภาพ ผู้ที่มีจิตใจกังวลมันมีความกลัวซ่อนอยู่
พระพุทธเจ้าท่านให้เรารู้จักตัวเองนะ เราไม่ต้องกลัวมันอีกแล้ว เราทำดีๆ เราพูดดีๆ เราคิดดีๆ ชีวิตของเรามันก้าวไปด้วยการกระทำ เราจะไปกลัวมันทำไม วิตกมันทำไม ถึงเวลานอนก็ให้เรานอนให้มีความสุข ตื่นขึ้นเราก็จะได้มีเรี่ยวแรง มีศักยภาพทั้งทางกาย ทั้งทางจิตใจ
ธรรมะที่ทำให้ใจเรามีกำลัง ได้แก่ความพอใจในการทำความดี พอใจในการเสียสละ พอใจในการละความเห็นแก่ตัว มีความสุขมาก มีความเบิกบานมากในการทำความดี มีความเพียร มีความบากบั่น มีความพยายามไม่ท้อแท้ ถือเอาอุปสรรคนั้นเป็นการสร้างความดี ให้ถือคติว่าถ้าไม่มีความยากลำบาก มันก็ไม่ได้สร้างบารมีนะ
ความเพียรต้องทำติดต่อ ต่อเนื่อง เพียรทั้งทางกาย วาจา ทั้งจิตทั้งใจ ความเพียรเท่านั้นที่จะนำเราออกจากทุกข์ เพราะเราใคร่ครวญดูแล้ว ถูกต้องแล้ว ว่าสิ่งเหล่านี้แหละเป็นสิ่งดับทุกข์ให้เราได้แน่นอน นอกเหนือจากนั้นไม่มี
ต้องมีความตั้งใจ ที่เราผิดพลาดในชีวิตเพราะเราไม่เอาจริงเอาจัง ทีนี้เราพร้อมแล้วที่จะเอาจริงเอาจัง เราใคร่ครวญดูแล้ว ถูกต้องแล้ว สิ่งใดที่มันได้มาโดยง่าย มันเป็นสิ่งที่ไม่ดีนะ
ทุกอย่างมันต้องได้มาจากกระทำของเราเอง ถ้าเราคิดอย่างนี้ เราตั้งใจอย่างนี้แหละ จิตใจของเรามันมีพลังนะ เราต้องสร้างเหตุปัจจัยอย่างนี้แหละ ว่ากันเป็นวินาทีๆ ไปหลายวินาทีเป็นนาที หลายนาทีเป็นชั่วโมง หลายชั่วโมงเป็นหนึ่งวัน “ความดีเท่านั้นที่จะทำให้เราได้ดี”
กรรมก็คือการกระทำของเราเอง การบูชาอะไรก็สู้กับการนำตัวเองประพฤติปฏิบัติที่ฝืนจิตฝืนใจ ฝืนอารมณ์ให้เหนือชอบเหนือไม่ชอบนี้ไม่ได้
พระพุทธเจ้าท่านให้เราเหลียวแลมองดูตัวเองนะ ว่าพวกเรากำลังมัวทำอะไรกันอยู่ ท่านตรัสถามว่า พวกเรากำลังทำอะไรกันอยู่ ว่าพวกเรากำลังเดินตามรอยพระพุทธเจ้า เดินตามรอยพระอรหันต์หรือยัง?
เราทุกคนมีโอกาสพิเศษที่สังคมเขาสมมุติให้เราเป็นผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ บ้านก็ไม่ได้เช่า ข้าวก็ไม่ได้ซื้อ ทุกอย่างอำนวยความสะดวก สบายหมด พวกเราและท่านจะมาทำผิดธรรมวินัยของพระพุทธเจ้าไม่ได้ "เราต้องเน้นมาหาใจที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง เจตนาที่ไม่มีความผิด ทั้งทางใจ ทางคำพูด ทางการกระทำ"
"เราทำไม่หยุด ปฏิบัติไม่หยุด มรรคผลนิพพานก็เกิดขึ้นกับเราได้โดยไม่ต้องสงสัย" ที่ทำไปสงสัยไป แสดงว่าใจเราไม่แน่วแน่ ถ้าจิตใจเราไม่แน่วแน่ในพระธรรมวินัย 'ยังเป็นผู้ไม่สุจริต' ก็จะต้องประพฤติปฏิบัติ เพื่อให้กราบไหว้ตัวเองได้ ไม่ใช่ให้คนอื่นมากราบไหว้ 'พวกนั้นมันบาป'
เพราะพระพุทธเจ้าท่านไม่ได้ให้แข่งเรื่องมีลาภมาก มีบารมีมาก ท่านให้เน้นที่จิตที่ใจเพื่อดับกิเลส ดับตัวตน...
ให้เราแผ่เมตตาให้กับตัวเอง เราทำงานไปมีความสุขกับการทำงาน กับการเสียสละ แล้วอย่าลืมหายใจเข้าสบายออกสบายด้วยนะ ไม่ใช่เราหายใจเข้าสบายออกสบายอยู่ตลอดเวลา เราทำงานสักพักสลับกับการหายใจเข้าออกสบาย เพื่อเราจะได้ผ่อนคลาย เพื่อไม่ให้เราเครียดมากเกิน เขาเรียกว่าพักยกให้เวลากับตัวเอง เราทำอย่างนี้แหละปฏิบัติอย่างนี้ ความจริงชีวิตของเรามันเป็นอย่างนี้นะ โลกธรรมสิ่งภายนอกมันเกิดกับใจของเราตลอด พระพุทธเจ้าท่านให้เราพากันรู้จัก อย่าให้มันมาครอบงำจิตใจของเรา ถือว่ามันมาให้เราฉลาด มันมาให้เราได้ทำจิตทำใจ เราอยู่ที่ไหนมันก็หนีโลกธรรมไปไม่พ้น โลกธรรมนั่นแหละที่มาให้เราได้พัฒนาใจนะ เราอย่าได้พากันกลัว กลัวจะไปพบปัญหาอย่างโน้น กลัวจะไปพบปัญหาอย่างนี้ เราอย่าไปกลัวนะ
ความกลัวนี้เป็นสิ่งที่เราจะต้องแก้ไข เป็นหนทางที่เราจะต้องผ่านความเมตตานี้เป็นสิ่งที่เราจะต้องเจริญให้ยิ่งๆ ขึ้นไป
หวังว่าทุกท่านทุกคนจะได้นำเอาคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาประพฤติมาปฏิบัติมาแก้ไขตัวเองให้ได้
ชีวิตของเราต้องเอาความถูกต้องเป็นเดิมพัน เอาความเป็นธรรม เอาความยุติธรรม เอาพระวินัย เป็นเดิมพัน ต้องเสียสละ เพื่อพัฒนาสร้างอริยมรรค เพื่อตัดซึ่งตัวซึ่งตน ที่มันนำทุกๆ คนให้ท่องเที่ยวอยู่ในวัฏฏะสงสาร ให้เข้าถึงธรรม ถึงปัจจุบันธรรมให้ได้ในในปัจจุบัน เราไม่ต้องกลัว ปัจจุบันอย่างนี้เราต้องมีจิตใจที่โดดเด่น จิตใจที่ไม่มีอะไรครอบงำได้ มีแต่ธรรมะ มีแต่สภาวะธรรมที่ปราศจากตัวตน ให้ทุกท่านทุกคนพากันประพฤติปฏิบัติอย่างนี้ เราไม่ต้องไปหงอเหมือนแต่ก่อน ในโลกนี้เราไม่มีอะไรที่จะน่ากลัว เพราะว่าเราเดินตามรอยของพระพุทธเจ้า พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า จิตใจของเราย่อมสง่างามโดดเด่นด้วยศีล ด้วยสมาธิ ด้วยปัญญา
ทุกท่านทุกคนต้องภาวนาอย่างนี้ ปฏิบัติกันอย่างนี้ เพราะว่าพวกนี้มันจะไม่มีอะไรมาสะดุดใจ มันจะเป็นที่สง่างาม ตั้งมั่นในพระธรรม เช่นว่าการรักษาศีลก็คือ ข้อเดียวนี่แหละ มันจะไปของมันอย่างนี้ ที่นี้มันจะไม่กลัวใครซักคน ร้อยๆ คน เป็นพัน เป็นแสน มันก็จะไม่กลัว เพราะความหวาดสะดุ้งอะไรมันก็จะไม่มี เพราะเราเอาธรรมเป็นหลัก เพราะเราไม่มีอะไรที่จะต้องการ เพราะเราทำตามพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าพาเราเสียสละ มันถึงจะไปทางที่จะตัดสังโยชน์ได้ ศีล สมาธิ ปัญญา มันถึงจะพัฒนา
พวกเราทุกคนต้องเอาธรรมะเป็นหลัก เอาธรรมะเป็นที่ตั้ง อย่าให้สิ่งที่มันเป็นความเคยชิน ที่ยึดมั่นถือมั่นเป็นตัวเป็นตน เรียกว่าใจที่มีอคติ คนเรามันมีตัวมีตนมันมีอวิชชา มีความหลง มันถึงแสดงออกทางจิตใจ เราทุกคนให้ตั้งมั่นในพระรัตนตรัย ในพระพุทธเจ้า คนเรากลัวแก่มันก็แก่อยู่แล้ว กลัวตายมันก็ตายอยู่แล้ว กลัวเจ็บมันก็เจ็บอยู่แล้ว อย่าให้มันเจ็บทั้งกายทั้งใจ คนเราไม่ต้องกลัวหรอก เราคิดดีๆ มันก็ได้ดี เราพูดดีๆ มันก็ได้ดี ขยันรับผิดชอบดีมันก็ดี เพราะความดีและความถูกต้อง มันจะนำเราไปเอง เพราะสิ่งนี้มีสิ่งนั้นมันถึงมี ทุกคนทำได้ ทุกคนปฏิบัติได้ อย่าให้ความอคติที่มันอยู่ในใจของเรา อยู่ในภพภูมิเรามันมีอำนาจ มีปัญหา เราเสียพลังทางจิตใจ เพราะว่าสิ่งเหล่านี้เอง มันเล่นงานประชาชน ถ้าเราเอาธรรมเป็นหลัก เอาธรรมเป็นใหญ่ เดี๋ยวธรรมะย่อมชนะทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งหลายทั้งปวง เพราะสิ่งอื่นนั้น สิ่งที่เป็นตัวเป็นตน เค้าเรียกว่า ของไม่จริง มันไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่ความยุติธรรม เป็นอวิชชา เป็นความหลงอยู่ เราเกิดมาเพื่อมารู้แจ้ง เพื่อมาเสียสละ เพื่อมาพระพุทธเจ้า ทุกท่านทุกคนจะได้ลาก่อนวัฏฏะสงสารในภาคประพฤติภาคปฏิบัติ เดี๋ยวมันจะค่อยๆ ไปของมันเอง แต่ก่อนเราไม่รู้ข้าศึก แล้วก็ไม่รู้ที่จะประพฤติปฏิบัติ รักษาศีลก็อย่างนี้ไปรักษาตั้ง 24,000 ธรรมขันธ์ มันอยู่ที่ใจของเรานี้แหละ อยู่ที่ปัจจุบันนี้แหละ เราก็เอาธรรมเป็นหลัก เอาธรรมเป็นใหญ่ ด้วยความตั้งใจ การปฏิบัติธรรมมันถึงจะง่ายเข้าง่ายเข้า เราจะสมมุติ เราเพียงที่จะเอามาใช้การใช้งานเฉยๆ จิตใจของเราต้องเข้าถึงวิมุติติความหลุดพ้นในปัจจุบันไปเรื่อยๆ