แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
โอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ที่หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม เมตตาให้นำมาบรรยาย
บรรยายธรรมโดย พระมหาอนุชน สาสนกิตติ (ป.ธ.๙, ดร.)
ในวันอาทิตย์ที่ ๓๐ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา
เรื่อง กฐินไม่ใช่เรื่องเงินเรื่องปัจจัย แต่คือการได้มาสมัครสมานสามัคคีตามพระพุทธประสงค์
(บางส่วนจากโอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า)
วันนี้เป็นวันทอดกฐินสามัคคีประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๕ ของธรรมสถานบ้านดอนตำลึง ต.บ่อสุพรรณ อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี วันนี้เป็นวันทอดกฐิน เพื่อบูชาคุณพระพุทธศาสนา เพื่อทดแทนคุณแผ่นดิน เทิดพระเกียรติองค์พระมหากษัตริย์ไทยทุกๆ พระองค์ พระพุทธเจ้าทรงให้พระสงฆ์อยู่ประจำพรรษาหน้าฝน สามเดือนในไตรมาส พอออกพรรษาปวารณาแล้ว ให้พากันทำจีวรเพื่อจะได้จาริก ปฏิบัติธรรมไปในที่ต่างๆ และเปิดโอกาสให้พุทธบริษัท ๔ ทั้งพระภิกษุ ทั้งสามเณร ทั้งข้าราชการ ทหาร ตำรวจ พ่อค้า ประชาชน องค์กรต่างๆ ร่วมกันทอดกฐินเพื่อเป็นธรรมเป็นวินัย ในวันนี้องค์พ่อแม่ครูบาอาจารย์หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม ได้เมตตาฝากธรรมะมาแสดงธรรมในงาน
งานกฐินเป็นงานสามัคคีทำมาตั้งแต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าพาพระทำกาลจีวร ให้พระที่อยู่จำพรรษาทำจีวรในระยะเวลา ๑ เดือน กฐินนั้น เป็นพระพุทธบัญญัติเรียกว่าเป็นพระบรมพุทธานุญาต ตามพระวินัยของพระสงฆ์ ได้ตรัสไว้ว่า พระภิกษุได้จำพรรษาจำนวน ๕ รูปขึ้นไป เมื่อออกพรรษาแล้ว หมายความว่าได้อยู่ร่วมกันมาครบไตรมาส คือตั้งแต่แรม ๑ ค่ำ เดือน ๘ จนถึง ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ มีอานิสงส์คือมีสิทธิพิเศษที่จะกรานกฐิน เพราะฉะนั้น การกรานกฐินจึงเป็นสิทธิพิเศษโดยเป็นอานิสงส์ที่พระผู้จำพรรษาแล้วมีสิทธิ์ที่จะได้ ส่วนพระที่ไม่ได้จำพรรษาไม่มีสิทธิ์ และที่เป็นพระบรมพุทธานุญาตนั้นก็คือ พระสงฆ์ต้องถือเป็นเรื่องสำคัญต้องปฏิบัติเท่ากับเป็นพระพุทธบัญญัตินั้นเอง.
ทีนี้ต้องแยกว่า “ทอดกฐิน” เป็นเรื่องของโยม ส่วนของพระเรียกว่า “กรานกฐิน” กรานเป็นภาษาโบราณ มีความหมายว่า ขึงผ้าที่ไม้สะดึงเพื่อตัดเย็บ ในที่นี้ก็คือเพื่อทำเป็นจีวร จะต้องมีผ้าของกลางผืนหนึ่ง ในบรรดาผ้าสามผืนที่เรียกว่า ไตรจีวร คือ หนึ่ง สังฆาฏิ ผ้าที่ใช้พาดบ่าในปัจจุบันและเป็นผ้าห่มซ้อนกันหนาวและห่มซ้อนในเวลาบิณฑบาต สอง อุตราสงค์ คือผ้าห่มกายที่ใช้ห่มมากที่สุด สาม อันตรวาสก คือ ผ้านุ่งหรือผ้าสบงนั่นเอง.
พระสงฆ์ที่จำพรรษามาด้วยกัน จะต้องได้ผ้ามาเป็นของสงฆ์เพื่อทำเป็นจีวรผืนใดผืนหนึ่งในสามผืนนี้ จะเป็นสังฆาฏิก็ได้ เป็นอุตราสงค์ก็ได้ เป็นอันตรวาสกคือสบงก็ได้ เมื่อได้ผ้าแล้วก็มาตกลงกันในที่ประชุมว่า จะมอบให้แก่พระภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง ต้องตกลงกันมอบผ้ากฐินที่จะทำเป็นจีวรผืนเดียวนี้ให้แก่พระภิกษุรูปเดียว นี้คือการแสดงความสามัคคี.
ผ้าที่เกิดมีแก่สงฆ์ที่จะมอบให้นี้ จะเป็นผ้าเก่าผ้าใหม่หรือผ้าบังสุกุลก็ได้ จะเป็นญาติโยม คฤหัสถ์ถวายก็ได้ แต่จะไปขอใครไม่ได้เป็นอันขาด แม้แต่จะไปเลียบเคียงก็ไม่ได้ ถ้ามีพระไปเที่ยวพูดเลียบเคียงแล้วโยมถวายมา ถือว่าเป็นโมฆะ เรียกว่ากฐินเดาะ คือกฐินนั้นเสียไปเลยไม่มีผล เมื่อได้ผ้ามาแล้วพระก็เข้าที่ประชุมมอบผ้าให้แก่รูปใดรูปหนึ่ง ตามข้อตกลงของสงฆ์ จากนั้นจึงนำผ้ามาตัด มาเย็บย้อม ทำเป็นจีวรให้เสร็จภายในวันนั้น.
เมื่อทำจีวรเสร็จแล้ว รูปที่ได้รับไปก็อธิษฐานเป็นผ้าครอง แล้วนำมาเข้าที่ประชุมอีกครั้งบอกความสำเร็จของการกรานกฐิน คือ บอกแจ้งการที่ได้ทำผ้าที่สงฆ์มอบให้นั้นเสร็จเป็นจีวรให้ตนใช้ได้แล้ว จากนั้นที่ประชุมสงฆ์ก็จะอนุโมทนาคือแสดงความเห็นชอบยินดีด้วย เมื่อแสดงความเห็นชอบด้วยแล้ว พระภิกษุทุกรูปที่เข้าร่วมประชุมนั้นก็จะได้อานิสงส์ คืออานิสงส์การจำพรรษา ๕ อย่าง ขยายเวลาออกไปสี่เดือนจนถึงวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๔ นี้คือความเป็นมาของการทอดกฐินตามพระบรมพุทธานุญาต อันเป็นอริยประเพณีที่สืบทอดมาจนถึงทุกวันนี้.
จังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดอ่างทอง จังหวัดสิงห์บุรี จังหวัดกาญจนบุรี เป็นเมืองประวัติศาสตร์ของชาติไทย สืบทอดวัฒนธรรมต่อเนื่องมาตั้งแต่สมัยสุวรรณภูมิ ฟูนัน อมราวดี ทวารวดี และศรีวิชัย ครั้งถึงสมัยพระเจ้าอู่ทอง ได้สร้างเมืองมาทางฝั่งใต้หรือทางตะวันตกของแม่น้ำท่าจีน ชื่อเมืองเรียกว่า อู่ทอง จวบจนสมัยขุนหลวงพะงั่ว เมืองนี้จึงเรียกว่าชื่อว่า สุพรรณบุรี นับแต่นั้นมา
จังหวัดสุพรรณบุรีเป็นจังหวัดของคนดี มีคุณธรรม เป็นคนขยัน เป็นคนกตัญญูกตเวที เป็นเมืองของนักปราชญ์ เช่นในปัจจุบันนี้คือ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ. ปยุตฺโต) พระพรหมบัณฑิต ผู้ที่ละสังขารวายชนม์ไปก็อย่าง เช่น สมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ ๑๗ (ปุ่น ปุณณสิริ) พระมงคลเทพมุนี (หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ) หลวงปู่สังวาลย์ หลวงปู่สนอง เป็นต้น แล้วก็เป็นบ้านเกิดของพระอาจารย์สมัย พระผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ดีที่สุดรูปหนึ่งของเมืองไทย เป็นลูกหลานคนจังหวัดสุพรรณบุรี ที่เป็นผู้ที่มีบุญ ผู้ที่มีปัญญา ได้บรรพชาอุปสมบท เป็นผู้ตั้งมั่นในพระธรรมวินัย
วัดดอนตำลึงก็ตั้งมา ๒๐ กว่าปี ตระกูลของท่านอาจารย์บุญชู ก็ถวายที่ดิน เพราะช่วงนั้นอาจารย์บุญชูบวชปฏิบัติธรรมอยู่หลายปี ได้ถวายสถานที่แห่งนี้ให้กับหลวงพ่อกัณหา หลวงพ่อกัณหาก็ปล่อยสถานที่นี้ให้เป็นไปโดยธรรมชาติ มีพระปฏิบัติดีบ้าง ไม่ดีบ้าง ปะปนกันไปเป็นเวลาหลายปี เมื่อ ๒ ปีมานี้อาจารย์บุญชูไปกราบหลวงพ่อกัณหาว่าไม่มีพระอยู่จำพรรษา ให้หลวงพ่อกัณหาส่งพระมาอยู่ หลวงพ่อกัณหาก็บอกอาจารย์บุญชูว่า ส่งพระไปมันส่งไปไม่ได้หรอก ถ้าส่งพระไปแล้วไปอยู่กับโจร พระก็ต้องกลายเป็นโจร ผู้ที่มาบวชกับหลวงพ่อนี้มีทั้งลูกคนรวย มีทั้งลูกคนจน เมื่อมาอยู่ในสถานแห่งนี้ ถ้าผู้ที่เค้ามุ่งมรรคผลนิพพาน เค้าก็ไม่มีใครเค้าอยากจะมา
จังหวัดสุพรรณบุรีเป็นจังหวัดที่ดีของประเทศไทย ควรจะได้รับในสิ่งที่ดีๆ ถ้าจะให้หลวงพ่อส่งพระไปต้องเอาพระจริงๆ พระ100% พระที่มุ่งมรรคผลพระนิพพาน บวชมาเอามรรคผลพระนิพพานอย่างเดียว ประชาชนคนในท้องถิ่นก็ต้องพากันเข้าใจ เราจะไม่เพียงแค่มีพระไว้สำหรับสวดผี ไว้สำหรับสวดงานมงคลต่างๆ เราต้องเอาพระที่มุ่งมรรคผลนิพพาน พระที่มาอยู่ด้วยกันต้องปฏิบัติอย่างนี้หมดทุกๆ รูป แม้แต่ลูกของโยมมาบวชก็ต้องเอาอย่างนี้ ไม่เอาส่วนบุคคล ตัวตน เพื่อความมั่นคงของชาติ ศาสน์ กษัตริย์ จะได้มีพระพุทธศาสนาที่มุ่งมรรคผลพระนิพพาน เหมือนครั้งพุทธกาลที่พระพุทธเจ้าทรงพระชนม์อยู่ พระที่มาอยู่นี้ต้องอยู่ในความรับผิดชอบของท่านพระอาจารย์สมัยเพียงรูปเดียว เพราะพระอาจารย์สมัยเป็นพระที่ปฏิบัติดีที่สุด เป็นพระที่ตั้งมั่นสมาทานพระวินัย สิกขาบทน้อยใหญ่ เป็นผู้ที่มีความตั้งมั่น พระมาอยู่ที่นี้ก็ให้พากันฉันอาหารมังสวิรัติ เพื่อทุกท่านจะได้ฝึกใจของตัวเองที่ว่า การไม่ทำบาปทั้งปวง ทำแต่บุญแต่กุศลให้ถึงพร้อม ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ญาติโยมพอรับได้มั้ย? อาจารย์บุญชูบอกว่า “ได้” ฟังดูแล้วก็ ฉันมังสวิรัติฟังดูแล้วก็ทะแม่งๆ ให้ญาติโยมฟังดูแล้วก็ทะแม่งๆ
ให้พุทธบริษัทพากันเข้าใจนะ การทำอย่างนี้ปฏิบัติอย่างนี้มันได้แก้ไขตัวเองมากที่สุด สิ่งที่ทำยากที่สุดก็คือไม่บริโภคเนื้อสัตว์ กุ้ง หอย ปู ปลา หมูเนื้อ เป็ด ไก่ เพราะสิ่งเหล่านั้นมันอร่อย มันกระทบกระเทือนผู้ที่มาบวชมากนะ เพราะใครก็อยากที่จะทำอะไรมันสุดเหวี่ยง ต้องอร่อยที่สุด แซ่บที่สุด ลำที่สุด ที่พระพุทธเจ้าสอนให้สติพระบอกว่า อย่าเป็นคนเลี้ยงยาก หมายถึง ที่เราไปติดในรสของอาหาร ไปติดอยู่ในผ้าไตรจีวร ติดในที่อยู่ที่อาศัย ติดในความสุขความสะดวก ความสบาย มันจะกลายเป็นคนเลี้ยงยาก ให้ทำเหมือนพระพุทธเจ้า ทรงเสียสละหมดทุกอย่าง ไม่มีความกังวลเรื่องอยู่ เรื่องนอน เรื่องฉัน เพราะเราเสียสละ เพื่อพัฒนาใจของตัวเอง เพราะเราต้องแก้ไขใจของตัวเอง ไม่ต้องไปแก้ไขใจของคนอื่น เพราะปัญหาต่างๆ นั้นมันอยู่ที่ใจของเราเอง มันลำบากนะ ทานอาหารวังสวิรัติน่ะ มันลำบาก ครั้งพระพุทธกาล พระเราติดในรสอร่อย ติดในเนื้อสัตว์ วันพระ ชาวพุทธเค้าไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต พระก็ฉันไม่ได้จนโยมที่อุปัฏฐากต้องเฉือนเอาเนื้อตัวเองมาทำเป็นอาหาร จนได้บัญญัติเรื่องทานเนื้อมนุษย์ ให้เข้าใจอย่างนี้ คนเรามันชอบนะ ชอบพวกเนื้อ ปลา หมู เป็ด ไก่ ไปเห็นไก่ย่าง มันก็น้ำลายไหลนะ เห็นหมูย่าง มันก็น้ำลายไหลนะ ก็ต้องทำใจ เพราะคนเรานี้ต้องหยุดมี sex ทางจิตใจ ต้องแก้ไขตัวเองจริงๆ
พระทำอย่างนี้ก็คงจะไม่ลำบากประชาชนมากเกิน ให้เข้าใจว่า พระได้พากันเสียสละแล้ว ถ้าพระฉันอย่างไร พระทำอย่างไร พระสูบบุหรี่โยมก็หาบุหรี่มาให้ พระจะฉันก๋วยเตี๋ยวก็ต้องหาก๋วยเตี๋ยวมาให้ พระจะฉันไก่ย่างหมูย่างโยมก็หามาให้ อย่างนั้นไม่ได้ ให้เข้าใจพระธรรมวินัย ให้พากันเข้าใจนะในเรื่องนี้
ธรรมสถานแห่งนี้ พระอาจารย์สมัยก็จัดสถานที่เป็นสัดส่วน ส่วนหนึ่งก็ให้เป็นที่ทางพระอยู่ ส่วนหนึ่งก็ให้พวกแม่ชีผู้หญิงอยู่ เพื่อเป็นสัดส่วน เพื่อทุกคนจะได้มุ่งมรรคผลพระนิพพาน มีความคิดเห็นเหมือนกัน มีการปฏิบัติเหมือนๆ กัน มีศีลเสมอกัน แล้วก็หลวงพ่อใหญ่ก็บอกพระอาจารย์สมัยว่า หลวงพ่อใหญ่ให้สร้างเมรุ เพื่อประชุมเพลิง เพราะในหมู่บ้านของเราก็มีบ้าน มีวัด มีโรงเรียน แล้วก็มีที่ประชุมเพลิงที่ดี ที่ทันสมัย กดสวิตชั่วโมงกว่าๆ ก็หายหมดแล้ว แต่ที่ธรรมสถานแห่งนี้ ก็จะไม่เอาประเพณีที่จะทำให้เนินช้า ทำให้ออกไปทางปรารภทางโลกมากเกิน จะไม่เอา สถานที่แห่งนี้ต้องเอาพระธรรม พระวินัย ส่งบุญส่งกุศลให้สำหรับผู้ที่วายชนม์จริงๆ ผู้ที่วายชนม์สิ่งที่ท่านต้องการที่ไปคือบุญ คือกุศล สถานที่จัดงานฌาปนกิจถึงไม่มีอบายมุข ไม่มีกินเหล้า เมาเบียร์ เล่นการพนัน ไม่มีการเก็บเงินเก็บตังค์ เพราะว่าไม่เอางานคนตายมาเป็นงานทำธุรกิจ สิ่งนี้ก็พากันเข้าใจนะ
ให้ญาติโยมพุทธบริษัทเข้าใจเรื่องพระศาสนา พระศาสนานี้คือการพัฒนาใจของเราทุกๆ คน เพื่อเข้าสู่มรรคผล เข้าสู่พระนิพพาน เรียกว่า อริยมรรคมีองค์๘ พระศาสนาไม่ใช่นิติบุคคล ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน เป็นการพัฒนาจิตใจ การปฏิบัติทางจิตใจ เราทุกคนเกิดมาอย่างนี้ ก็ต้องพัฒนาความรู้ความเข้าใจ ให้เป็นหลักเหตุหลักผล ให้ไปตามหลักวิทยาศาสตร์ และก็พัฒนาใจให้ควบคู่กับวิทยาศาสตร์ เราจะได้ไม่ทำบาปทั้งปวง ทำแต่บุญกุศลให้ถึงพร้อม ตั้งอยู่ในความไม่หลง ความไม่เพลิดเพลิน ความไม่ประมาท
เพราะโลกนี้เค้าพัฒนาตั้งแต่เทคโนโลยี พัฒนาวิทยาศาสตร์ เค้าไม่ได้พัฒนาใจ ปัญหาต่างๆ ถึงเกิดขึ้น เหมือนที่เรารู้เราเห็นอย่างนี้แหละ มันแก้ไม่ได้ มันทำให้ตัวเรานี้ก็เสียหาย คนอื่นก็เสียหาย เรียกว่า เป็นมนุษย์ที่เป็นขยะต่อโลก ต่อแผ่นดิน ไม่เป็นประโยชน์ต่อตัวเรา ต่อผู้อื่น ต่อส่วนรวม เราต้องพัฒนาทั้งวิทยาศาสตร์ และพัฒนาใจไปพร้อมๆ กัน เห็นมั้ยเราดูๆ แล้วก็ ยาเสพติดก็เยอะ เหล้าเบียร์ก็เยอะ ปืนก็เยอะ ระเบิดก็เยอะ เพราะว่าเราไปพัฒนาตั้งแต่ทางวิทยาศาสตร์ พัฒนาแต่การเรียนการศึกษา จบประถม จนปริญญาเอก จบนักธรรมตรี จนถึง ป.ธ.๙ เราก็แก้ปัญหาไม่ได้ ประเทศไทยเราจะมีทหารหลายล้าน มีตำรวจหลายล้าน ผู้พิพากษา อัยการหลายล้าย หรือมหาวิทยาลัยหลายร้อย หลายพันแห่ง มันก็แก้ปัญหาไม่ได้ เพราะว่ามันต้องพัฒนาใจพร้อมกับวิทยาศาสตร์ไปพร้อมๆ กัน แล้วก็ไม่ได้ไปแก้คนอื่น ทุกคนก็มาแก้ที่ตัวเอง ถ้าเราไปแก้คนอื่น มันไม่ได้ อย่างพระพุทธเจ้า ที่จะเป็นพระพุทธเจ้าท่านก็แก้ตนเอง บำเพ็ญพุทธบารมีตั้งหลายล้านชาติ จนแก้ตนเองได้ จนละนิสัย ละวาสนาได้ ท่านแก้ที่ตัวเอง ถ้าเราทุกคนแก้ที่ตัวเอง เค้าเรียกว่ามีศีลเสมอกัน มีสมาธิเสมอกัน มีปัญญาเสมอกัน เอาธรรมเป็นหลัก เอาธรรมเป็นใหญ่
ให้ทุกท่านทุกคนพากันเข้าใจศาสนา เราปฏิบัติในศาสนาอย่างนี้ถึงจะถูกต้อง ที่เราเห็นในประเทศไทยหรือหลายๆ ประเทศมันไม่ใช่ศาสนา มันเป็นนิติบุคคล เป็นตัวเป็นตน มันไปเอาทางขลัง ศักดิ์สิทธิ์ ไปทางไสยศาสตร์ มันไม่ได้ มันเสียหาย ไม่ได้สอน ไม่ได้ปฏิบัติตามพระพุทธเจ้า มันหันหลังให้พระพุทธเจ้า เราเลยพากันได้รับกรรมรับเวร ที่มีปัญหา ที่พากันเป็นโรคจิต โรคประสาท มีปัญหาหย่าร้าง เป็นสังฆเภท พระก็เป็นสังฆเภท ทะเลาะกัน ประชาชนก็เป็นสังฆเภททะเลาะกัน เห่าหอนในสภา เป็นเยี่ยงสัตว์เดรัจฉาน
จึงให้ทุกท่านเข้าใจนะ เรื่องศาสนา การปฏิบัติต่อพระศาสนาได้บุญได้กุศลเยอะ อย่างเราถวายของให้พระพุทธเจ้าครั้งเดียวอย่างนี้ มันจะมีบุญมีกุศลเท่าทวีคูณหลายหมื่น หลานแสน หลายล้าน ถวายพระอรหันต์ หรือถวายพระอริยเจ้าขั้นต่ำลงมาอย่างนี้ ก็ได้บุญระดับอย่างนี้ๆ ให้เข้าใจ เราถวายแต่กับภิกษุที่ถือแบรนด์เนมของพระพุทธเจ้า โกนหัว ห่มผ้าเหลือง แม้แต่ตัวท่านเองก็ยังเอาตัวไม่รอด มันไม่เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม มันก็ย่อมได้อานิสงส์น้อย ให้เข้าใจ แล้วให้เข้าใจลงไปด้วยว่า พระที่แท้จริงนั้น มันอยู่ที่ตัวเรา ตัวเราเป็นประชาชน เป็นฆราวาส เราก็เป็นพระได้ ตั้งแต่พระโสดาบัน ถึงพระอนาคามี ทำไมเป็นพระอรหันต์ไม่ได้ เพราะว่ามันยังห่วงลูกห่วงหลาน ห่วงธุรกิจหน้าที่การงานอยู่ ไม่เหมือนนักบวช นักบวชต้องเอามรรคผลพระนิพพานอย่างเดียว ถึงจะเรียกว่าพระ เรียกว่าพระศาสนา
เมืองสุพรรณบุรี เมืองกาญจน์ เมืองอยุธยา สิงห์บุรี ลพบุรีนี้ เป็นเมืองสมรภูมิสงครามแต่ครั้งโบราณ รุ่นเก่า รุ่นหลายร้อยปี มีศึกสงคราม ถึงเล่นเครื่องรางของขลัง เล่นอะไรกันเยอะ มันเลยเล่นอภินิหารกันเยอะ อภินิหารมันก็ดีหรอก แต่ว่ามันไปนิพพานไม่ได้ เหมือนกับผู้ที่ได้ฤทธิ์โลกียะเหาะเหินเดินอากาศไป ไปเจอสาวร้องเพลงเพราะๆ มันตกลงมาเลย เหาะต่อไม่ได้ บางทีก็กลายเป็นลูกเขยชาวบ้าน อย่างนี้แหละมันเป็นเพียงโลกียะ พระพุทธเจ้าให้เราไปไกลกว่านั้น เพราะว่ามีอิทธิปาฏิหาริย์เท่าไหร่มันก็ยังแก่ ยังเจ็บ ยังตายอยู่ อย่างนี้แหละ ที่พึ่งที่ประเสริฐอื่นใด มันถึงไม่ประเสริฐเท่ากับพระพุทธเจ้า ให้เราเข้าใจนะ เราอย่าพากันไปติดแต่เครื่องรางของขลัง อะไรๆ ก็จะขลังอย่างเดียวเลย มันขลังไม่จริงหรอก สิ่งที่จะขลังจริง ศักด์สิทธิ์จริง คือพระธรรมวินัย คือให้เราอยู่ในซุปเปอร์ไฮเวย์ คือศีล สมาธิ ปัญญา เค้าเรียกว่ามันขลัง มันศักดิ์ มันสิทธิ์ ที่จะนำเราออกจากวัฏฏะสงสารได้ ให้เราได้เข้าใจ
ประชาชนทุกคนถึงพากันกราบพระ ไหว้พระ ตอนเช้า ตอนเย็น และก็นั่งสมาธิท่องพุทโธๆ แต่ในชีวิตประจำวันของเรานี้ก็เราต้องมีความเห็นถูกต้อง เข้าใจถูกต้อง ปฏิบัติถูกต้อง วันหนึ่งคืนหนึ่งมันมี ๒๔ ชม. เวลานี้เราทำงานทำการก็ให้มีความสุขในการทำงาน ทำการ เราอย่าไปคอรัปชั่นเวลานอน ต้องให้ได้ ๖ ชม. เราต้องนั่งสมาธิท่องพุทโธๆ เพื่อเป็นอาหารเสริม เพราะในชีวิตประจำวันเราก็อาหารหลัก อาหารหลักก็คือคิดดีๆ พูดดีๆ ทำดีๆ เสียสละ คนเราต้องมีความสุขในอย่างนี้ๆ มันถึงไม่เป็นโรคจิตโรคประสาท เราจะทำงานไป ทุกข์ไป มันไม่ใช่ อันนั้นเป็นอบายมุข อบายภูมิ เพราะเราไม่เสียสละ เราก็เป็นคนเห็นแก่ตัว ทำงานทุกอย่างก็เพื่อเสียสละ
ทำไมถึงทอดกฐิน เพราะทุกคนก็ต้องรับผิดชอบเรื่องส่วนรวม เพราะว่าพระนี้ก็คือพระก็ต้องเอามรรคผลเอาพระนิพพาน ในพรรษาก็ตั้งใจประพฤติตั้งใจปฏิบัติเอามรรคผลพระนอพพาน ออกพรรษาจาริกไปในที่ต่างๆ ครั้งพุทธกาลนะ พระพุทธเจ้าให้พากันทำจีวร ใช้เวลา ๑ เดือน และเปิดโอกาสให้ประชาชนได้สมัครสมานสามัคคีกัน ครั้งพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าก็ทรงมาทำด้วย เพราะงานอื่นพระพุทธเจ้าก็ไม่มาทำด้วยหรอก อันนี้มันความมั่นคงของพระศาสนา ความสมัครสมานสามัคคีนี้เป็นสิ่งที่สำคัญนะ ถ้าเราไม่สมัครสมานสามัคคี แตกสมานสามัคคี เค้าเรียกว่า สังฆเภท ครอบครัวเราไม่รักกัน ไม่สามัคคีกันเรียกว่าครอบครัวสังฆเภท รัฐบาลก็ทะเลาะกัน เค้าเรียกรัฐบาลสังฆเภท พระพุทธเจ้าเน้นให้เราสมัครสมานสามัคคีกัน ทุกคนต้องละเสียซึ่งทิฏฐิมานะอัตตาตัวตน ต้องถือความสมัครสมานสามัคคี เอาประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก อย่าเอาปริมาณ
การทอดกฐินนี้เค้าไม่ได้ทอดเพื่อหาเงิน เพื่อสร้างโบสถ์ สร้างวิหาร สร้างเจดีย์ หรือค่าน้ำค่าไฟนะ แต่เพื่อความสมัครสมานสามัคคีกัน
ถ้าพระภิกษุสามเณรปฏิบัติตามพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า โอ้... ของทุกอย่างไม่มีที่เก็บหรอก เพราะใครก็อยากถวาย ใครก็อยากเสียสละ การทอดกฐินถึงไม่เน้นเรื่องเงิน เรื่องสตางค์ เรื่องปัจจัย ให้เข้าใจนะ ให้เข้าใจว่ากฐินไม่เกี่ยวกับเงิน ไม่เกี่ยวกับสตางค์ ถ้าพระปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ไม่ต้องกลัว
แต่เพราะทุกวันนี้ไปเข้าใจเรื่องศาสนาผิดกัน เสียหายเยอะ เพราะเอาวัดเป็นสถานที่บังเทิน เป็นเวทีลิเก เวทีหมอลำ ภาพยนต์ คอนเสิร์ต ชกมวย อันนี้มันตรงกันข้ามกับพระศาสนา เพราะว่าการหาเงินมาเอาทั้งบาป เอาทั้งบุญสนั่นหวั่นไหว อันนี้ไม่ถูกต้องนะ อันนี้ผิดพระธรรมคำสั่งสอน เป็นการทำลายพระพุทธศาสนา เพราะความโลภ ความหลงเป็นหลัก ให้เข้าใจเรื่องทอดกฐินนะ กฐินที่วัดนี้ถึงไม่ประกาศว่าปีนี้ได้กี่แสน มันไม่ใช่สาระที่สำคัญ พระที่มาอยู่วัดเรานี้ ก็ถือว่าเป็นพระที่ได้มาตรฐาน ได้สแตนดาด ที่อยู่ในโอวาทการดูแลของพระอาจารย์สมัย จะเทศน์เก่ง เทศน์ไม่เก่งก็ชั่งท่าน แต่ท่านปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ อย่างนี้ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว ให้เข้าใจอย่างนี้
ขอให้ทุกคนมีความสมัครสมานสามัคคีกัน อย่าไปว่าเเก้ไม่ได้ มันเเก้ได้ เพราะว่ามันเเก้ส่วนบุคคล ใครคนใดก็ต้องเเก้คนนั้น คนเราจะเคารพนับถือกันได้ เพราะคนนั้นมีศีลมีธรรมมีมรรคผลนิพพาน ถ้าอย่างนั้น เป็นพ่อเป็นเเม่เป็นลูก ก็เคารพนับถือไม่ได้ เพียงเเต่สงสารกันเฉยๆ ก่อนที่จะสอนคนอื่นก็ต้องเเก้ตัวเองก่อน ทุกคนกว่าเราจะสอนลูกสอนหลานได้ ก็ต้องเเก้ที่ตัวเองก่อน ต้องทำอย่างนี้ปฏิบัติอย่างนี้
ความสมัครสมานสามัคคีที่เรามาร่วมรวมกันนี้ ถึงมีบุญใหญ่มีอานิสงส์มาก เราไม่ต้องพูดเรื่องเงินเรื่องสตางค์ เรื่องได้บุญมาก เราไม่ต้องมาพูดหรอก ทุกคนรู้เเก่ใจอยู่เเล้ว การจัดงานกฐินนี้หน่ะ เป็นการเอาพระธรรม เอาพระวินัย เป็นการเอามรรคผลนิพพาน พระพุทธเจ้าให้เราเอามรรคผลพระนิพพาน ต่อยอด สืบทอดพระศาสนา พระพุทธเจ้าไม่ให้พากันเข้าใจผิดคิดว่า ทอดกฐินเพื่อเพื่อเงินปัจจัย นั่นไม่ใช่ เพราะการประพฤติการปฏิบัติอยู่ที่ปัจจุบัน ทุกคนต้องเปลี่ยนเเปลงที่ปัจจุบันหมด เดี๋ยวนี้การสื่อสารมันก็ทั่วถึงกันหมด ถือว่ามันง่ายขึ้น ที่เรามีความเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นระยะ เรื่องยาเสพติด เรื่องปืน เรื่องอะไรอย่างนี้ มันต้องมาเเก้ที่เรา เเก้ที่ครอบครัวเรา ถ้าไม่อย่างนั้น ประเทศไทยเราก็จะเป็นเเต่ผู้ที่เดินเอกสาร มันไม่ได้เป็นนักปฏิบัติ การศึกษานี้มันถึงคู่กับชีวิต ที่เราเกิดมา ศึกษาเล่าเรียนตั้งเเต่อนุบาลไปจนถึง ดร. ตั้งเเต่นักธรรมตรีไปถึง ป.ธ.๙ มันต้องเอามาใช้ในปัจจุบัน
คนเราต้องสอนตัวเองเตือนตนเอง สอนให้มองตนเอง พิจารณาตนเองก่อนเสมอ ตักเตือนแก้ไขตนเองก่อน ไม่ใช่คอยจับ ผิดผู้อื่น ซึ่งตามปกติของคนแล้วมัก จะมองเห็นความผิดพลาดของบุคคลอื่น แต่ลืมมองของตนเอง ทำให้สูญ เสียเวลา และโอกาสในการปรับปรุง พัฒนาตนเอง ใครเล่าจะตักเตือนตัว เราได้ดีกว่าตัวเราเอง จึงมีพุทธพจน์ ตรัสให้เตือนตนเองว่า "อตฺตนา โจทยตฺตานํ = จงเตือนตน ด้วยตนเอง"
จงเตือนตนของตน ให้พ้นผิด
ตนเตือนจิตตนได้ ใครจะเหมือน
ตนเตือนตน เตือนไม่ได้ ใครจะเตือน
ตนแชเชือน ใครจะเตือน ให้ป่วยการ
มองตนเหมือนพระเนตรที่มองต่ำของพระพุทธรูป คือ การสอนให้ใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบัน ไม่ใช่เหม่อฝันเฟื่องถึงเรื่องที่ยังไม่ได้เกิดขึ้น หรือมัวหลงอยู่ในอดีตที่ผ่านพ้นไปแล้วและไม่มีวันหวนกลับมาตาที่มองลงต่ำจะช่วยย้ำเตือนใจเราว่า “กลับมาก่อนเถิด กลับบ้านมาอยู่กับลมหายใจที่ปลายจมูก เพราะนั่นคือบ้านแท้จริง”
ทุกคนถามว่า ศาสนาของเราจะดีขึ้นอีกได้ไหม? ดีขึ้นเเน่นอน ถ้าเรามีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้อง ถ้าทุกคนเสียสละ ข้อสำคัญมันอยู่ที่ผู้นำ ถ้าผู้นำเเก้ไขตัวเองสิ่งภายนอกมันก็ง่าย ถ้าผู้นำเป็นตาลยอดด้วนไม่ยอมเเก้ไข เค้าเรียกว่าพันธุ์เป็นหมันเเล้ว เอามาปลูกมาก็ไม่ออกลูก สำคัญอยู่ที่ผู้นำ เราไปทำตามใจตัวเองไปทำตามอารมณ์ไม่ได้ มหานรกจะเกิดขึ้นเเก่เรา มหาอเวจีจะเกิดขึ้นเเก่เรา ประเทศไทยจะทะเลาะวิวาท เเตกความสามัคคีกัน คนจิตใจหยาบสกปรก เมื่อเราไม่พัฒนาตัวเอง โลกนี้ก็จะพินาศ ประเทศไทยของเราก็จะพินาศ เราจะไปคิดรวยอย่างโง่ๆ ไม่ได้ เป็นข้าราชการนักการเมืองอย่างโง่ๆ ไม่ได้ เราต้องกตัญญูกตเวทีต่อประเทศชาติ บ้านเมืองของเรา ต่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ของเรา โลกเค้าพัฒนาเรื่องวัตถุ เรื่องเทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์น่ะ "เพราะสิ่งนี้มี สิ่งนั้นก็ถึงมี" เราก็มาพัฒนา 'อริยมรรค' พัฒนา 'ข้อวัตรปฏิบัติ' ให้มีในตัวในตน พยายามเชื่อมั่นในตัวเองให้มาก ชีวิตนี้จะไม่ได้งมงาย ไม่ได้เพ้อฝันไปหลงความสุข ที่จะทำให้เราตกนรกไปจนไม่รู้จักที่จบที่สิ้น เราประพฤติปฏิบัติไปก็ย่อมเข้าถึงความสงบ ความดับทุกข์ไปเรื่อยๆ ให้พากันตั้งมั่นในพระรัตนตรัย ในสิ่งที่มีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติที่ถูกต้อง ทุกท่านทุกคนจะได้เข้าถึงความประเสริฐที่เกิดมาเป็นมนุษย์ เพื่อประสบความสำเร็จคือเดินตามอริยมรรคสู่มรรคผลพระนิพพาน
หลวงปู่มั่นสอนว่า “ความไม่ยั่งยืนเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่และแน่นอน ความยิ่งใหญ่คือความไม่ยั่งยืน ชีวิตที่ยิ่งใหญ่คือชีวิตที่อยู่ด้วย ทาน ศีล เมตตาและกตัญญู ชีวิตที่มีความดีอาจมิใช่ความยิ่งใหญ่แต่ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ต้องอาศัยคุณธรรมความดีเท่านั้น”
ไม่มีมิตรสหายใดใด จะยิ่งใหญ่เกินกว่า..."ความรู้"
ไม่มีศัตรูใดใด จะยิ่งใหญ่เกินกว่า..."ความเจ็บไข้ได้ป่วย"
ไม่มีความรักใดใด จะยิ่งใหญ่เกินกว่า..."ความรักของพ่อแม่"
ไม่มีอำนาจใดใด จะยิ่งใหญ่เกินกว่า..."กฏแห่งกรรม"
ไม่มีคุณงามความดีใดใด จะยิ่งใหญ่เกินกว่า..."ความกตัญญูกตเวทิตา"
ไม่มีความสุขใดใด จะยิ่งไปกว่า..."ความสงบ" (นตฺถิ สนฺติ ปรํ สุขํ)
หลวงพ่อใหญ่ขอฝากมา อนุโมทนากับคนจังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งเป็นผู้ที่โชคดี ที่มีพระพุทธเจ้า มีพระมหากษัตริย์ ประเทศไทยเราน่ะ ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ คู่กันมาพร้อมกับประเทศไทย การปกครองโดยเอาธรรมะเป็นหลัก เราประพฤติปฏิบัติอย่างนี้ ความมั่นคงก็จะกลับมาสู่จังหวัดสุพรรณบุรี ให้ทุกคนพากันเข้าใจอย่างนี้ ขออนุโมทนากับคณะสงฆ์ ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ พ่อค้า ประชาชนทุกหมู่เหล่า ตลอดจนถึงคณะศรัทธาสาธุชนที่มีน้ำใจ เสียสละเวลา เสียสละแรงกายเพื่อมาเพิ่มแรงใจ เสียสละทรัพย์สินเงินทอง มาช่วยกันเตรียมงานจัดงานทอดกฐินสามัคคีในปีนี้ ให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี
ขอตั้งจิตอธิษฐานใจ ด้วยคุณพระรัตนตรัยและบารมีธรรมแห่งองค์พ่อแม่ครูบาอาจารย์ ขอจงอภิบาลปกป้องคุ้มครองรักษาให้ทุกท่าน เป็นผู้ปราศจากสรรพทุกข์ สรรพโศก สรรพโรค สรรพภัย สรรพอุปัทวันตรายใดใด อย่าได้พ้องพาน ขอให้เจริญยิ่งยืนนานด้วยมนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ และนิพพานสมบัติด้วยกันทุกท่านเทอญ