แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
โอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ที่หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม เมตตาให้นำมาบรรยาย
บรรยายธรรมโดย พระมหาอนุชน สาสนกิตติ (ป.ธ.๙, ดร.)
ในวันพุธที่ ๑๔ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๕
ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา
เรื่อง พรรษาแห่งการตื่นรู้ ตอนที่ ๕๓ รู้จักบริหารรายรับรายจ่ายทางกายทางใจ จึงจะได้กำไรชีวิต
(บางส่วนจากโอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า)
วันนี้คุณรัชญ์สิรี ชูเวสศิริพร คุณพีระ - คุณสุณี ตรีชดารัตน์ ได้นิมนต์องค์พ่อแม่ครูบาอาจารย์หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม พร้อมด้วยคณะสงฆ์ ๑๕ รูป จากวัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม มาทำบุญประจำปี และอุทิศบุญกุศลให้กับบรรพบุรุพ เจ้าที่เจ้าทาง เจ้าพ่อเขาใหญ่ ที่ปกปักรักษา เดอะกรีนเนอรี่รีสอร์ทแห่งนี้ พร้อมทั้งท่านที่ได้เกี่ยวข้อง เพื่อบำเพ็ญบุญกุศลประจำปี
ผู้ที่เกิดเป็นมนุษย์คือ ผู้ที่ประเสริฐ มีร่างกายที่จะเอามาใช้งาน มาประพฤติมาปฏิบัติส่วนใหญ่ก็จะไม่เกินร้อยปี จะเกินบ้างก็เพียงเล็กน้อย ด้วยเหตุนี้ทุกท่านทุกคนต้องพากัน เห็นความสำคัญ เราเกิดมาเป็มนุษย์ที่ประเสริฐ ทุกท่านทุกคนต้องมาประพฤติมาปฏิบัติตนเอง เพื่อสร้างบารมีในชีวิตประจำวัน เพราะว่าเราจะไปทำตามใจตามอารมณ์ตามความยึดมั่นถือมั่นตามความหลงไม่ได้อันนั้นมันเป็นได้เเต่เพียงคน ถือว่ายังไม่ได้พัฒนาตัวเองสู่ความเป็นมนุษย์ หรือว่าเป็นพระอริยเจ้า โยมเป็นคนดี เป็นคนที่ตั้งมั่นในพระพุทธเจ้าตั้งมั่นในพระธรรมตั้งมั่นในพระอริยสงฆ์ ได้บำเพ็ญกุศลทุกๆ วันในการประพฤติในการปฏิบัติ เป็นเหตุเป็นผลที่ได้อาราธนานิมนต์องค์หลวงพ่อกัณหา มาที่นี่
ให้ทุกท่านทุกคนรู้จักทุกข์ รู้จักเหตุเกิดทุกข์ รู้จักข้อปฏิบัติถึงความดับทุกข์ เราถึงจะแก้ปัญหาได้ ชีวิตของเราถึงจะดำเนินสู่มรรค มรรคก็คือในทางที่ดี ผลก็คือความดับทุกข์แก้ปัญหาได้ ทั้งทางเศรษฐกิจและทางจิตใจ ต้องพัฒนาพร้อมๆ กัน ทุกคนเกิดที่ไหน มาจากไหนไม่สำคัญ สำคัญอยู่ที่ที่การประพฤติ การปฏิบัติของเรา ถ้าเราไม่รู้จัก เราก็ทำตามสัญชาตญาณนั้นไม่ได้ ที่มันสร้างปัญหาที่ทำให้เราให้เราต้องเวียนว่ายตายเกิดในทางที่ไม่ดี เราต้องเอาพระพุทธเจ้าเป็นหลัก พระพุทธเจ้าคือใคร พระพุทธเจ้าคือธรรมะ ธรรมะก็คือพระพุทธเจ้า ศาสนาก็คือพระธรรม เราต้องพากันเข้าใจ อันไหนมันไม่ฉลาดไม่เข้าใจก็ต้องให้เข้าใจ เมื่อเข้าใจแล้วก็ต้องประพฤติปฏิบัติ
คนเราต้องมีความตั้งมั่น มีความเข้มแข็งเพื่อจะประพฤติปฏิบัติตัวเองในปัจจุบัน มันจะไปอย่างนี้แหละ คนเราจะไปใจอ่อนไม่ได้ เพราะเราจะข้ามวัฏฏะสงสารอย่างนี้ เราก็มีความเห็นถูกต้อง ความเข้าใจถูกต้อง ปฏิบัติถูกต้อง มันจะเป็นยานนำเราไป ไม่มีใครมาทำให้เราจน มาทำให้เรารวยหรอก มันอยู่ที่เรา คนเหมือนกัน มันก็ไม่เหมือนนะ มันอยู่ที่เราประพฤติปฏิบัติ เรายังไม่หมดลมหายใจ เราก็ยังปฏิบัติธรรมได้ เราจะไม่ได้มีหนี้มีสิน ในการดำเนินชีวิต เราจะมีธรรมอีกด้วยที่ชีวิตของเราจะได้ไม่ผิดพลาด ที่มันไม่ดี แสดงว่า เรายังไม่รู้จักทุกข์ ไม่รู้จักเหตุเกิดทุกข์ เราไม่บังคับตัวเอง ไม่ Control ตัวเอง เราทำอย่างไรก็ได้อย่างนั้น เพราะสิ่งนี้มี สิ่งนั้นมันก็ต้องมี คนเราทุกคนกลัวสังขารร่างกายนี้จะลาละจากนี้ไปก็เกือบ 100 ปี ต้องใช้ชีวิตนี้ให้คุ้มค่า
ชีวิตของเรา ทุกคนต้องพากันรู้ เพราะในชีวิตประจำวันของเราคือรายรับรายจ่าย เช่นว่า ตาเห็นรูปอย่างนี้คือรายรับแล้ว หูฟังเสียงคือรายรับแล้ว รายจ่าย คือเราไปยินดียินร้ายเค้าเรียกว่ารายจ่าย ที่เรายังไม่ตาย ที่ตาเห็นรูป หูฟังเสียง แสดงว่ามันเป็นรายรับของเรา เราต้องมีสัมมาทิฏฐิ มีความเห็นถูกต้อง มีความเข้าใจถูกต้อง เราปฏิบัติให้ถูกต้อง เพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตประจำวันของเรานะ มันเอาปัญญามาให้เรา เอาสมาธิมาให้เรา เอาศีลมาให้เรา
อย่างผู้ที่ทำการค้าใหญ่ๆ ที่บริษัทไม่ล้มเหลว เค้าต้องเก่งเรื่องรายรับ รายจ่าย และละเอียดในการทำบัญชีลงบัญชี อย่างคนที่ควบคุมบริษัทที่ลงทุนหลายหมื่นล้าน หลายแสนล้าน หรือว่าหลายล้านๆ เค้าต้องละเอียด จะไปมองข้ามสิ่งเล็กๆ น้อยๆ บริษัทที่ล้มเหลว เหมือนประเทศไทยเรามีหนี้ มีสินอะไรมากมาย ก็เพราะว่าเราไม่รู้ทุกข์ ไม่รู้เหตุเกิดทุกข์ ไม่รู้ข้อปฏิบัติถึงความดับทุกข์ มีรายรับนิดเดียว แต่ว่ารายจ่ายเราจ่ายไปเยอะ ประเทศไทยเราถึงเป็นหนี้ภาพรวมเยอะ
ชีวิตของเราก็เหมือนกัน ที่ในครอบครัวแต่ละครอบครัวมีหนี้คนละหลายหมื่นบ้าง หลายแสนบ้าง บางทีก็หลายล้านบ้าง เพราะเราไม่รู้รายรับรายจ่าย เราไม่ได้พิถีพิถันในรายรับ รายจ่าย อย่างบุคคลที่ตั้งบริษัท ขายของก็ดี ทำอะไรก็ดี แต่ไม่ได้ควบคุมรายจ่าย ทีนี้แหละไม่กี่ปีก็บริษัทนั้นก็อยู่ไม่ได้
ผู้ที่จะดำรงชีวิตอยู่ด้วยเอาธรรมเป็นหลัก เอาธรรมเป็นใหญ่ ต้องรู้รายรับรายจ่าย ถ้าไม่อย่างนั้นเราก็จะเป็นหนี้เหมือนกับที่เราเป็น ไม่ได้ควบคุมในการซื้อของใช้ของอะไรอย่างนี้ มันก็ไม่มีความสุขในปัจจุบัน เป็นคนล่องลอย หนี้สินก็ย่อมมีแก่เรา อย่างเราขี้เกียจขี้คร้านอย่างนี้ เราก็เป็นรายรับแล้ว รายจ่ายเราก็ต้องเบรค ถ้าอันนี้ไม่ดีไม่ถูกต้อง เราจะไปขี้เกียจไปทำไม เพราะว่าสิ่งเหล่านี้คือ ข้อสอบ เราตอบข้อสอบก็ด้วยความประพฤติด้วยการปฏิบัติของเราเรียกว่า ศีล เราก็ต้องหยุดคิด หยุดพูด หยุดทำ ยังรู้จักหน้าตาชัดเจนทุกแง่ทุกมุม อีกหลายปีข้างหน้าเค้าก็จะเจริญเติบโตได้ เปรียบเสมือนคนที่รวยในเมืองไทยนี้ เรามองดูว่าเค้ามองการณ์ไกล เค้าซื้อที่ดินไว้ ในที่มันยังไม่เจริญ แต่หลายปีข้างหน้าที่ดินนั้นก็ย่อมเจริญขึ้นแน่ จากที่บางคนซื้อหลักหมื่น ก็ขายได้หลักล้าน บางทีก็หลักหลายล้าน ต่อไร่ ต่องาน
การที่คิดดีๆ พูดดีๆ ที่เรามีศีล มีสมาธิ มีปัญญา มันก็เหมือนกัน เป็นผู้รู้จักทุกข์ รู้เหตุเกิดทุกข์ รู้จักข้อปฏิบัติถึงความดับทุกข์ อารมณ์ต่างๆ อะไรในชีวิตประจำวันของเรานี้มันล้วนแต่เอาศีลมาให้เรา เอาสมาธิมาให้เรา เอาปัญญามาให้เรา เราต้องจัดการ เพราะอันนี้มันเป็นรายรับรายจ่าย ในชีวิตเรียกว่า อริยมรรคมีองค์ ๘ เรารู้ว่าไปกินเหล้ามันไม่ดี ไปเจ้าชู้ เล่นการพนัน เทียวกลางคืน ขี้เกียจขี้คร้าน คบคนชั่วเป็นมิตร นั้นมันไม่ดี เราก็รู้ว่าอันนี้มันเป็นรายรับที่มันไม่ดี เรารับ ตาเห็นรูป หูฟังเสียง หรือว่าอารมณ์ที่คิดขึ้นมา เค้าเรียกว่ารายรับ รายจ่ายเราจ่ายไปด้วยศีล ด้วยสมาธิ ด้วยปัญญาเรา เราต้องทำอย่างนี้ เราถึงจะไปได้
เราต้องพากันเข้าใจอย่างนี้ เพราะว่าเราอยู่บ้าน อยู่ที่ทำงาน อยู่ในโรงงาน ทำธุรกิจ เราก็ต้องเอาธรรมเป็นใหญ่ เอาธรรมเป็นที่ตั้ง เราจะไปหาว่าคนนั้นไม่ดี มันไม่ใช่ ดีมันอยู่ที่เรา จะไปเอาดีเอาชั่วกับคนอื่น เขาเรียกว่าคนไม่ฉลาด ไปโทษคนอื่น เราก็ต้องมีดีมีชั่วให้เราได้ทำใจ ถ้าไม่อย่างนั้นเรามันไม่ใช่คนฉลาด เรายังเป็นคนโง่อยู่ ที่เราบกพร่องเรื่องใช้เงินฟุ่มเฟือย เราก็ไม่ฟุ่มเฟือย ที่เราเกี่ยวข้องกับอบายมุข ขี้เกียจ ขี้คร้าน กินเหล้า เมายา เจ้าชู้ พวกนี้เราต้องปิดประตูอบายภูมิของตัวเอง
เมื่อเรารู้จักพระศาสนาอยู่แล้ว ทุกคนก็พากันประพฤติปฏิบัติ อยู่ที่บ้าน อยู่ที่ทำงาน อยู่ในสถานที่ใดทุกแห่ง นั้นคือการปฏิบัติธรรมของผู้ที่ประเสริฐ ที่เราเกิดมาเป็นมนุษย์ เราจะได้มีพระพุทธเจ้า มีพระธรรม มีพระอริยสงฆ์ในตัวของเราเอง เราจะไม่ได้ไปหาพระที่อื่น พระมันอยู่ที่ตัวเรา มีความเห็นถูกต้อง มีความเข้าใจถูกต้อง ปฏิบัติถูกต้อง หยุดอบายมุข หยุดอบายภูมิของตัวเอง เราจะได้ควบคุมรายรับรายจ่าย ทั้งเศรษฐกิจในชีวิตประจำวัน และควบคุมรายรับรายจ่ายทางจิตใจไปพร้อมๆ กัน ตาเห็นรูปครั้งเดียวอย่างนี้ เราไปยินดีอย่างนี้รายจ่ายก็จ่ายไป รักชอบๆ เดินอยู่กับรักชอบๆ มันรายจ่ายเยอะขนาดนี้ ในชีวิตประจำวันเราก็มีแต่ มีเพศสัมพันธ์ มี sex กับอารมณ์ความคิด โอ๋... อย่างนี้เจ๊งแน่ เราไปเรียนหนังสือ หรือไปทำงานทำการ ตาเห็นรูปหูฟังเสียงอย่างนี้ แสดงว่าเรารับแล้ว ถ้าเราไม่มีปัญญาเราก็จ่ายไปทีนี้มันขาดทุนแน่ เรารู้จักทุกข์ รู้เหตุเกิดทุกข์ รู้ข้อปฏิบัติถึงความดับทุกข์ รู้จักอริยสัจ ๔ ครูบาอาจารย์ท่านพูดว่าธรรมะขั้นสูง จะอธิบายให้ประชากรโลกเนี้ยยากลำบาก เราดูจริงๆ น่ะ ถ้าเราเข้าใจแล้วมันไม่ลำบากหรอก ทุกคนต้องรู้อริยสัจ ๔ มันไม่ใช่ของลำบากหรอก
"...คนเราน่ะ ถ้าคิดไม่ดี เค้าเรียกว่ารายจ่ายเยอะเนอะ รายรับไม่ค่อยจะมีนะ ตาเราเห็นรูปอย่างนี้เค้าเรียกว่ามีเป็นรายรับนะ ถ้าเรามีความหลง เราตามไปเรื่อยๆ อย่างนั้น เรายินดี อย่างนี้น่ะ รายจ่ายเยอะนะ ที่เราไม่สบายส่วนใหญ่ เรารายรับนิดเดียว รายจ่ายมันเยอะ มันมีหนี้มีสินน่ะ
ปัจจุบันนี้เป็นสิ่งที่สำคัญ อันไหนไม่ดี เราก็ไม่คิด ถ้าเราคิดน่ะ แสดงว่าเราไปมี sex มีเพศสัมพันธ์กับความคิด อย่างนั้นน่ะ รายจ่ายเราเยอะเลย รายจ่ายของเรามันจะเดือดร้อนถึงไม่เป็นโรคประสาท ก็โรคจิต
เราก็ฝึกมาหายใจเข้ามีความสุข หายใจออกมีความสุข เรารู้อารมณ์ รู้ความคิดให้เกิดปัญญา เราไม่ตามไป ถ้าตามไป ค่าใช้จ่ายเยอะเลย ต้องพากันฝึกหายใจเข้าสบาย ออกสบายไว้เยอะๆ เราเดินเราเหินอะไร ก็พากันฝึก หายใจเข้าสบาย ออกสบายไว้
ถ้าเราไม่ตามอารมณ์ไป ไม่ตามความคิดไป เราก็ไม่ต้องมีรายจ่าย เราจะได้เป็นคนมีศีล มีสมาธิ มีปัญญาในปัจจุบัน เราปฏิบัติธรรมเราก็ทำอย่างนี้แหละ ใจเราดี ใจสบาย เราก็ไม่ต้องไปหาอาจารย์ที่ไหน ถ้าเราตามอารมณ์ ตามความคิดไปน่ะ อย่างนี้รายจ่ายเยอะน่ะ เจ๊งแน่ อยู่ดีๆ น่ะ หาเรื่องให้ตัวเองปวดหัวเฉยๆ เราต้องพากันฝึกอานาปานสติไว้ พากันหายใจเข้าสบาย หายใจออกสบายไว้ เราต้องปฏิบัติ ถ้าไม่ปฏิบัติ รายจ่ายจะเยอะ เท่ากับชีวิตขาดทุน ไม่ได้กำไร
เราต้องเชื่อพระพุทธเจ้า เอาพระพุทธเจ้าเป็นหลัก ถือนิสัยของพระพุทธเจ้า เราถึงจะแก้ปัญหาได้ คนเราต้องอย่าเพลินไป เสียสุขภาพจิต เสียสุขภาพกาย คนเราวันหนึ่งคืนหนึ่งก็ทานอาหารวันละ ๓ ครั้งสำหรับประชาชน สำหรับการนอน ประชาชนก็นอน ๖ ชม หรือ ๘ ชม ถึง ๒-๓ ทุ่ม ก็พากันกราบพระไหว้พระ นั่งสมาธิ นอนท่องพุทโธ เสียสละ ถ้าอย่างนั้นมันจะคอรัปชั่นเวลานอน ถ้านอนไม่พอ สติสัมปชัญญะไม่สมบูรณ์ ศักยภาพทางกายทางจิต ที่เราเรียนเราศึกษามามันก็หมดสภาพ เพราะเราไม่ได้ทำไปตามหลักวิทยาศาสตร์ หลักเหตุผลน่ะ พวกที่ติดโทรศัพท์ ติดไลน์โทรศัพท์ ติดเกมส์ ติดหนัง ติดละคร มันต้องรู้จักนะ อันนี้เราโง่นะ เราไม่ฉลาดนะ อย่างนี้เราต้องเสียสละเพื่อเราจะได้นอนอิ่ม ปัญหาต่างๆ เราก็ปลงมันไว้
มีคนบอกว่าเกิดมาต้องหากำไรให้ชีวิต โดยเอาความสุขใส่ตัวให้มากที่สุด ต้องดื่มต้องกินของอร่อยๆ ต้องไปเที่ยวรอบโลก ต้องมีแฟนเยอะๆ ต้องหาประสบการณ์แปลกแหวกแนว ต้องใช้ของดีมีคุณภาพ สรรหาของราคาแพงๆ ไว้ประดับบารมี ถ้าได้อย่างนี้ถึงจะเรียกว่ามีกำไรชีวิต...
หากคุณคิดว่าตัวเองมีค่า เพราะมี “เงิน” วันไหนเงินหมด คุณค่าคุณก็หมด
หากคุณคิดว่าตัวเองมีค่า เพราะ “หน้าตา” ดี วันไหนคุณแก่ลงจนหน้าตาไม่ดี คุณค่าคุณก็หมด
แต่ตราบใดที่คุณรู้ว่าตัวเองมีค่า เพราะเป็น “คนดีจริงๆ” ตราบใดที่คุณยังมีความดี คุณก็จะ “มีคุณค่า” ได้ตลอดไป…
แต่ลองมานึกดูเถิด หากเราได้สิ่งที่กล่าวมาข้างต้นแต่ชีวิตหลังความตายเราต้องไปใช้ชีวิตใหม่ในอบายภูมิอย่างทุกข์ทรมาน ต้องตกนรกอย่างยาวนาน อย่างนี้ยังจะเรียกว่า เกิดมาได้กำไรชีวิตไหม ในเมื่อชาติที่ไปเกิดใหม่กลับมีสภาวะตกต่ำทรมานแสนสาหัสไปกว่าเดิม หากเรามาศึกษาความรู้ในทางพระพุทธศาสนาจะพบว่า ผู้ที่เกิดมาแล้วได้กำไรชีวิตไปจริงๆ ก็คือ ผู้ที่เข้าถึงความสุขที่แท้จริงของชีวิต ได้พบความสุขสงบจากการหยุดปัญหา หมดปัญหา หยุดการเวียนว่ายตายเกิด อย่างนี้ถึงจะเรียกว่าได้กำไรชีวิต
ฉะนั้น จงให้ความสำคัญกับการปฏิบัติธรรมเถิด อย่ามัวปล่อยเวลาไปกับเรื่องไร้สาระอีกเลย เพราะช่วงเวลาแห่งความแข็งแรงของชีวิตมีจำกัด ดังนั้นเราต้องหยุดใจให้ได้ก่อนสิ่งอื่นทั้งหมด เพื่อให้เราเกิดมาได้กำไรชีวิตไปจริงๆ
เพราะคนเรามักจะไปตามสัญชาตญาณ ผัสสะมากระทบตรงไหนก็ไปตามสิ่งนั้น พระพุทธเจ้าถึงให้เรารู้จักอริยสัจสี่ รู้จักอนิจจังว่าทุกสิ่งมันไม่แน่ไม่เที่ยงไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน จะตามไปไม่ได้ มันเป็นที่ไม่ปลอดภัย เราต้องเป็นผู้เดินตามรอยพระพุทธเจ้าถึงจะเป็นผู้ที่ชนะมาร
ถ้าเราเอาศีลเอาธรรม เอาความถูกต้อง ทุกคนเค้าก็ยอมรับได้ เค้าก็เหมาะสมที่จะเป็นพ่อเป็นแม่ เป็นเจ้านาย เป็นอะไรอย่างนี้แหละ ทุกคนน่ะจะเคารพคนอื่นได้เพราะคนอื่นมีศีล เราจะเคารพตัวเองได้เพราะตัวเองมีศีล อย่างเราเห็นทุกวันเราไปบ่นให้พวกเด็กๆ สมัยใหม่ ว่ามันไม่ฟังพ่อไม่ฟังแม่ พ่อแม่ไม่มีศีลไม่มีธรรม ใครเค้าจะเคารพพ่อเคารพแม่จากใจ เป็นแต่เคารพเพราะพ่อแม่เฉยๆ ว่า พ่อแม่เป็นผู้มีอุปการคุณเลี้ยงดูเค้ามา ส่งเสียเค้ามา เค้าได้ดีขนาดนี้ก็เพราะพ่อแม่ เค้าก็แค่สงสาร ถ้าเราไม่มีศีล ๕ ใครเค้าจะมานับถือ ให้พากันเข้าใจนะ ให้พากันตั้งใจใหม่ ปรับตัวเองใหม่ อย่าให้ความเคยชินเป็นถนนซูปเปอร์ไฮเวย์ไปในทางที่ไม่ดี เป็นสิ่งชำนิชำนาญสำหรับสามัญชน เราต้องยังเอาพระพุทธเจ้าเป็นหลัก เอาพระธรรม พระอริยสงฆ์เป็นหลัก
เราปฏิบัติตามหลักเหตุหลักผล ตามหลักวิทยาศาตร์ เราก็ย่อมมีอยู่มีกินเหลือกินเหลือใช้ เป็นคนรวย พระพุทธเจ้าท่านให้เราเจริญภาวนา เพื่อจะได้พัฒนาใจ ถ้าอย่างนั้นเราจะรวยอย่างคนไม่มีปัญญา ยิ่งรวยยิ่งเเก่ก็ยิ่งหลง เหมือนที่เราเห็นพวกฝรั่งเค้าก้าวไปไกลกว่าเรา ชีวิตเค้าจะอยู่กับความรวย ถือเงินเป็นพระเจ้า เคารพนับถือเรื่องกาม ในเรื่องกิน เรื่องเที่ยว เรื่องเหล้า เรื่องเบียร์ อันนี้เป็นสิ่งที่เสียหาย อันนี้เป็นสิ่งที่ล้มเหลวสำหรับผู้ที่ทำตามหลักเหตุผล ตามหลักวิทยาศาสตร์ ได้วัตถุ ได้บ้านได้รถ ได้ลาภ ได้ยศ สรรเสริญ จะพากันมางมงายอย่างนี้ไม่เอา มนุษย์เกิดมาเมื่อยังไม่ได้เป็นพระอริยเจ้าย่อมมีโอกาสตกไปสู่อบายภูมิ ต้องพากันสมาทานในพระรัตนตรัย ในเรื่องศีล เรื่องเจริญภาวนาวิปัสสนาขึ้น
เราจะไปตามกระแสตามอารมณ์ตามสิ่งแวดล้อมไม่ได้ ที่ไม่รู้ผัสสะไม่รู้อายตนะ เอาแต่ความสุขทางเนื้อหนังมังสา เพียงแค่เป็นคนรวยเป็นเทวดา มันไม่ได้มันเป็นเหยื่อมาให้เรากินมาให้เราบริโภค มาให้ติด มาให้ยึด มาให้หลง เราต้องมีสติมีปัญญา เราอย่าตามไป ทุกคนก็อย่างนี้แหละต้องการความสุขต้องการความเอร็ดอร่อย แต่ว่าความสุขความเจริญอร่อยมันอันตราย เราต้องกลับมาหาสติสัมปชัญญะ กลับมาหาหายใจเข้าหายใจออกสบาย เรียกว่ามีพุทโธผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบานอย่างนี้แหละ พระพุทธเจ้าถึงเป็นผู้มีความสุขที่สุดในโลก
ทิ้งทุกอย่างอันเป็นเหตุแห่งทุกข์ ที่เป็นทุกข์ก็เพราะเราตามไป เราต้องเผาด้วยปัญญา เห็นแจ้งในไตรลักษณ์ ต้องมาหยุดก่อนวัฏสงสาร ลาก่อนวัฏสงสาร ต้องมาเห็นใจ สงสารตนเองนะ มีความสุขในการคิดดีๆ พูดดีๆทำดีๆ เป็นธรรมะ เป็นสัจจะ การกระทำดีๆ เพราะคนเราปลูกพืชเช่นใดก็ย่อมได้รับผลเช่นนั้น สมาทานไว้ในใจให้เต็มที่ ยักษ์มารทั้งหลายเปรตผีอสุรกายเราไม่เอา มารู้ข้อปฏิบัติ ให้ถึงความดับทุกข์ ทำให้ติดต่อต่อเนื่องกัน เป็นวันเป็นเดือน การปฏิบัติถ้าทำสม่ำเสมอ มันง่าย เราทุกคนย่อมมีความมั่นคง ถ้าเอาธรรมะเป็นหลักเป็นที่ตั้ง
คนเรายังไม่ตายก็จะมีความคิด มีอารมณ์ มีความรู้สึกอย่างนี้ รถดีๆ ย่อมมีเบรกดี มีคนขับดีๆ การปฏิบัติอานาปานสติลมหายใจเข้าหายใจออก เราจะหยุดความคิดความปรุงแต่งได้ เราต้องมาเจริญอานาปานสติหายใจเข้า หายใจออกสบาย หายใจเข้าหายใจออกก็มีความสุข ลมหายใจเข้า ลมหายใจออกที่ประกอบด้วยสติและสมาธิ เป็นการหยุดกรรมตัดกรรม มันจะลบเรื่องอดีตออกจากใจเรา อานาปานสติ คือการทำงานกับลมหายใจเข้าออก ทุกคนต้องเก่งต้องชำนาญ แตกฉาน คล่องแคล่ว มีความสุขในการทำในการประพฤติปฏิบัติ พลังจิตพลังใจเราถึงจะมีถึงจะมา นี่เป็นงานเพื่อสร้างพลังจิตพลังใจในปัจจุบัน
หลวงปู่มั่นสอนว่า “ความไม่ยั่งยืนเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่และแน่นอน ความยิ่งใหญ่คือความไม่ยั่งยืน ชีวิตที่ยิ่งใหญ่คือชีวิตที่อยู่ด้วย ทาน ศีล เมตตาและกตัญญู ชีวิตที่มีความดีอาจมิใช่ความยิ่งใหญ่แต่ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ต้องอาศัยคุณธรรมความดีเท่านั้น”
ไม่มีมิตรสหายใดใด จะยิ่งใหญ่เกินกว่า..."ความรู้"
ไม่มีศัตรูใดใด จะยิ่งใหญ่เกินกว่า..."ความเจ็บไข้ได้ป่วย"
ไม่มีความรักใดใด จะยิ่งใหญ่เกินกว่า..."ความรักของพ่อแม่"
ไม่มีอำนาจใดใด จะยิ่งใหญ่เกินกว่า..."กฏแห่งกรรม"
ไม่มีคุณงามความดีใดใด จะยิ่งใหญ่เกินกว่า..."ความกตัญญูกตเวทิตา"
ไม่มีความสุขใดใด จะยิ่งไปกว่า..."ความสงบ" (นตฺถิ สนฺติ ปรํ สุขํ)