แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
โอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ที่หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม เมตตาให้นำมาบรรยาย
บรรยายธรรมโดย พระมหาอนุชน สาสนกิตติ (ป.ธ.๙, ดร.)
ในวันเสาร์ที่ ๑๐ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๕
ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา
เรื่อง พรรษาแห่งการตื่นรู้ ตอนที่ ๔๙ เรานี้เกิดมาแล้วชาติหนึ่ง ควรคำนึงถึงชาติศาสนา ไม่ควรให้เสียทีที่เกิดมา ในหมู่ประชาชาวไทย
ในโอกาสอันเป็นมงคลวันนี้ กองทัพภาคที่ ๒ ได้จัดงานทอดผ้าป่าสามัคคีเพื่อสมทุนบูรณะปฏิสังขรณ์ “อาคารพุทธศาสนสถานค่ายสุรนารี” และเพื่อทดแทนคุณแผ่นดิน บูชาคุณพระพุทธศาสนา เทิดพระเกียรติองค์พระมหากษัตริย์ไทยทุกๆ พระองค์ ในวันนี้ได้อาราธนา หลวงพ่อเจ้าคุณพระเทพสีมาภรณ์ จจ.นครราชสีมา เจ้าอาวาสวัดบึง พระอารามหลวง หลวงพ่อเจ้าคุณพระราชวชิราลังการ จจ.นครราชสีมา เจ้าอาวาสวัดวชิราลงกรณวราราม ท่านเจ้าคุณพระอุดมธีรคุณ รจจ.นครราชสีมา จล.วัดสุทธจินดา โดยมีองค์พ่อแม่ครูบาอาจารย์หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม ประธานสงฆ์วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมราม อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา มาเป็นประธานฝ่ายสงฆ์
ท่านพลโทสวราช แสงผล แม่ทัพภาคที่ ๒ พร้อมด้วยคุณสุกัญญา แสงผล นายกสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขาภาคที่ ๒ เป็นประธานกรรมการดำเนินงาน, ท่านวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา, พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้บัญชาตำรวจภูธรภาค ๓, ดร.ยลรดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ.นครราชสีมา, พร้อมด้วยแม่ทัพน้อยที่ ๒, รองแม่ทัพภาคที่ ๒, รองแม่ทัพน้อยที่ ๒, เสนาธิการกองทัพ, ผู้บัญชาการกองพลทหารราบ, ผู้บัญชาการกองพลพัฒนา, ผู้บัญชาการกองพลทหารม้า, ผู้บัญชาการกองบัญชาการช่วยรบ, ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกต่างๆ ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ แพทย์พยาบาล คหบดี พ่อค้า ประชาชน คณะศรัทธาสาธุชนทั้งหลาย ได้พร้อมใจกันทอดผ้าป่าสามัคคีเพื่อสมทุนบูรณะปฏิสังขรณ์ “อาคารพุทธศาสนสถานค่ายสุรนารี” ซึ่งเป็ฯสถานที่จัดกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาของหน่วย เป็นที่ฝึกอบรมพัฒนาทางด้านจิตใจกำลังพลและครอบครัว ซึ่งได้ดำเนินการก่อสร้างมาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๐ ซึ่งในปัจจุบันมีสภาพทรุดโทรมไปตามกาลเวลา ได้มีการปรับปรุงมาหลายครั้ง ในการนี้ แม่ทัพภาคที่ ๒ ได้ขอรับเมตตาจากองค์พ่อแม่ครูบาอาจารย์หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม ท่านได้ให้แนวทางระดมทุนจัดพิธีทอดผ้าป่าสามัคคีเพื่อสมทบทุน ในการบูรณะปฏิสังขรณ์ให้มีความเหมาะสมสวยงาม เกิดประโยชน์ในการจัดกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาที่สำคัญของหน่วย และแสดงออกถึงความสามัคคีร่วมมือร่วมใจของกำลังพลภายในกองทัพภาคที่ ๒ ตลอดจนพุทธศาสนิกชนทั่วไป ได้มีส่วนร่วมในการกุศลครั้งนี้โดยทั่วกัน
มนุษย์เราคือผู้ที่ประเสริฐมาก ประเสริฐพิเศษ ประเสริฐจริงๆ ทุกท่านทุกคนมีอายุส่วนใหญ่ไม่เกิน ๑๐๐ ปี ที่จะได้สร้างบารมี สร้างคุณธรรม เพื่อประโยชน์แก่หมู่มวลมนุษย์ ทั้งแก่ตนและบุคคลอื่น สิ่งที่ที่สุดของโลกเราต้องเอาธรรมาธิปไตย คือเอาธรรมะเป็นหลัก เอาธรรมะเป็นใหญ่ เอาธรรมะเป็นที่ตั้ง ทุกชาติศาสนา ต้องพากันทำอย่างนี้ ถ้าเราทำตามใจตัวเอง ตามอารมณ์ตัวเอง ตามความรู้สึกตัวเอง ตามอวิชชา ตามความหลง นั่นเป็นสิ่งที่เสียหาย ไม่ใช่พุทธะ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
ทุกท่านทุกคนนะ ข้าราชการทหารตำรวจ ต้องเอาธรรมเป็นใหญ่ เอาธรรมเป็นที่ตั้ง ครอบครัวทุกครอบครัว ถึงจะมีความสุข ไม่มีหนี้ไม่มีสิน ไม่มีอบายมุข อบายภูมิ ถึงจะปฏิบัติได้ พวกเรานี้โชคดี มีท่านแม่ทัพภาคที่ ๒ ที่เป็นผู้เอาธรรมเป็นใหญ่เอาธรรมเป็นที่ตั้ง พ่อแม่ครูบาอาจารย์ถึงได้มา ณ สถานที่แห่งนี้ มาเพื่อให้กำลังใจซึ่งกันและกัน เพราะคนเราชีวิตนี้นะ มันทำอย่างอื่นไปไม่ได้ ต้องเอาธรรมเป็นใหญ่ เอาธรรมเป็นหลัก เอาธรรมเป็นที่ตั้ง ที่เราทำไปส่วนใหญ่มันผิดหมด เพราะการเรียนหนังสือ มันเรียนเพื่อตัวเพื่อตน ไม่ได้เรียนเพื่อมีปัญญา เพื่อเสียสละ เอาแต่วัตถุ เอาไปไม่ได้ ต้องเอาใจไปด้วย เอาใจคือ ไม่ให้ใจมีโทษ ไม่ให้ใจมีปัญหา ไม่ให้ใจหลง ให้ใจมีสติ มีปัญญา ต้องพัฒนาทั้งเทคโนโลยี พัฒนาทั้งใจไปพร้อมๆ กัน ถึงไม่เป็นโรคจิต โรคประสาท
มาเป็นทหารหาญก็ได้มาฝึกวินัย ฝึกความอดทนความแข็งแกร่ง ฝึกให้รู้จักเวลา ไม่ติดเหล้า ไม่ติดบุหรี่ ไม่ติดโทรศัพท์มือถือ ซึ่งแต่ก่อนอยู่กับพ่อแม่ก็ยังไม่ได้ฝึกแบบนี้ ครอบครัวของทหารต้องเป็นครอบครัวที่ดีที่สุด เพราะโครงสร้างของทหารเป็นผู้ที่มีระเบียบ มีวินัย มาตั้งแต่บรรพบุรุษแล้ว ต้องเน้นที่พระรัตนตรัย มีศีล ๕ เพราะว่ามันควบคู่กับการปกครองของประเทศ เพราะผู้ที่ได้รับคัดเลือกมาเป็นทหารเกณฑ์ ต้องได้รับเอาสิ่งที่ดีๆ ไปจากทหาร ทหารเราต้องเป็นสีขาว ไม่เป็นทหารสีเทา ไปติดอบายมุขเข้าสู่อบายภูมิ กินเหล้า เจ้าชู้ เล่นการพนัน คุมบ่อน คุมบาร์ รับจ้างทวงหนี้ พวกคุมบ่อนเพราะตำรวจเอาไม่อยู่ ถ้าภาพรวมดี ผู้ที่ออกนอกแถวคงจะมีน้อย เพราะเด็กที่เข้ามาเป็นทหารเกณฑ์ทุกวันนี้ ก็ย่อหย่อนอ่อนแอในระเบียบวินัย บ้างก็ติดบุหรี่ ติดเกมส์ เพราะประชาธิปไตยที่เห็นแก่ตัวนี้ มันไม่มีโอกาสที่จะฝึก ถ้าไม่ตั้งใจ ผู้ที่จะมาเป็นทหารเกณฑ์เวลากลับไปก็ให้เป็นคนใหม่ เพราะว่าทหารไทยนี้ถือว่าสุดยอด ถ้างานไหนเป็นงานทหารถือว่าเป็นงานที่ดี งานที่สมบูรณ์แบบ แม้แต่เข้ามาในค่ายทหาร ประชาชนก็ไม่อยากมา เพราะทหารมีระเบียบ แต่ทหารกับประชาชนต้องคืออันหนึ่งอันเดียวกัน ท่านแม่ทัพถึงได้จัดให้มีพุทธศาสนสถาน จึงต้องเปลี่ยนแปลงจากสีเทา เปลี่ยนแปลงไปด้วยอนุศาสนาจารย์ที่ได้รับการเลือกเฟ้นมาเป็นต้นแบบ เป็นต้นฉบับ เพราะสมัยนี้เจริญแล้ว การสื่อสารมวลชนก็รู้กันหมดภายในไม่ถึงกี่นาที ที่สำคัญคือต้องมีต้นแบบ มีแม่ทัพ มีรองแม่ทัพ เป็นต้นแบบ อนุศาสนาจารย์นี้ต้องเป็นหลัก
คนเราไม่ต้องไปสู้กับอะไร สู้กับตัวเองนี่เเหละ ถ้าตัวเองยังสู้ไม่ไหว แล้วจะไปสู้กับคนอื่นได้ยังไง เราทุกคนนั้นให้เข้าใจนะ ใครกินเหล้าเมายา เล่นการพนัน เจ้าชู้ มันไปไม่ได้หรอก ถึงจะเก่ง จะซิกแซก มันไปไม่ได้ เราต้องระลึกถึงสิ่งที่ดีๆ ศาสนาทุกศาสนามันก็ไปในแนวเดียวกันนี่แหละ ต่างก็แต่ชื่อเฉยๆ แต่ทุกคนต้องก้าวไปตามธรรม ไม่ใช่แบบ มือใครยาวสาวได้สาวเอา ยังงั้นไม่ได้ ยังงั้นมันเดินขบวนไม่จบ มันไม่จบหรอก ทุกคนต้องเอาธรรมเป็นใหญ่ ทุกคนต้องเสียสละเหมือนกัน ก้าวไปด้วยธรรมะอย่างนี้แหละ มันถึงจะต่อยอดแห่งความสุขความดับทุกข์ เข้าสู่สันติภาพ คนเราน่ะอย่าไปทำตามใจ อย่าไปทำตามอารมณ์ มันเสียเวลา เพราะกฎหมายบ้านเมืองเป็นสิ่งที่ดีอยู่แล้ว ธรรมะเป็นสิ่งที่ดีอยู่แล้ว ถึงเวลาแล้ว ที่ต้องมาเป็นผู้ตื่น มาทำตามพระธรรมคำสั่งสอน ที่ประเสริฐ ที่พระพุทธเจ้าบำเพ็ญพุทธบารมีมาหลายล้านชาติ มาบอกมาสั่งสอน เป็นสิ่งที่ทำได้ปฏิบัติได้เมื่อหายใจอยู่ เมื่อไม่หายใจนั้นแหละถึงทำไม่ได้ เราไม่ต้องไปโทษคนโน้นคนนี้หรอก ใครทำดีก็ได้ดีทุกคนแหละ ใครพูดดีก็ดีทุกคน ใครทำดีก็ก้าวหน้า ถ้าใครทำไม่ดี ก็ไม่ก้าวหน้า เพราะเกิดจากการกระทำ
เราอย่าให้มีไสยาศาสตร์ต่างๆ เราต้องมีพุทธะ เพราะเราทำตามใจตัวเอง ทำตามอารมณ์ตัวเอง เอาความรู้สึกอย่างนี้ ไม่เอาธรรมเป็นใหญ่ ไม่เอาธรรมเป็นที่ตั้ง อย่างนี้เค้าเรียกว่าไสยศาสตร์ เราตามอารมณ์ตามความคิด เราไม่รู้จักศาสนานะ เรากำลังหลงงมงายในไสยศาสตร์ ความหลงคือไสยศาสตร์ หลงในรูปเสียงกลิ่นรสลาภยศสรรเสริญคือไสยศาสตร์ ไสยศาสตร์อย่างหยาบ คือ พวกดูหมอ ทำเครื่องรางของขลัง นี้เรียกว่าไสยศาสตร์อย่างหยาบ ที่เค้าทำมาหากินกับพระศาสนา อันนี้ไม่ใช่ศาสนา อย่าพากันหลง เเม้เเต่หลงในตัวในตน ถือว่ายังเป็นไสยศาสตร์อยู่ เห็นไหมไสยศาสตร์ มันพาให้เรามีปัญหา มันขี้เกียจเรียนหนังสือ มันก็สอบได้คะแนนไม่ดี ไม่มีความสุขในการทำงาน มันจะรวยได้ไง ไม่มีความสุขในความขยัน มันจะรวยได้ยังไง ไม่มีความสุขในการรับผิดชอบ มันจะรวยได้ยังไง ไม่เสียสละ มันจะเข้าถึงความสุขความดับทุกข์ได้ยังไง เราต้องเสียสละซึ่งตัวซึ่งตน เรามีความสุขมาก มีความสุขจริงๆ ทำไมมีความสุขอย่างนี้นะ เพราะเราได้ทำดีดี คิดดีดี คนเราเสียสละมันถึงเป็นคนฉลาด ถึงจะเป็นคนที่มีสติ มีปัญญา ถ้ายังนั้นนะ มันเครียด เพราะคนเราเสียสละ มันถึงจะมีความสุขไม่เครียด
การเมืองไม่ใช่สิ่งขัดแย้งกับหลักการของพระพุทธศาสนา และศีลธรรมในศาสนายังจำเป็นมากต่อการมีการเมืองที่ดี ที่อำนวยประโยชน์สุขให้สังคมอีกด้วย ดังคำของหลวงพ่อพุทธทาสว่า “ถ้าศีลธรรมไม่กลับมาโลกาวินาศ มนุษยชาติจะเลวร้ายกว่าเดรัจฉาน”
การดำรงชีวิตตั้งแต่บรรพบุรุษบรรพชนของเรา ก็เอาพระพุทธศาสนาเอาคำสอนของพระพุทธเจ้ามาใช้เสมอมา พระมหากษัตริย์ไทยตั้งแต่สร้างชาติมานับพันปีก็เป็นกษัตริย์ผู้ทรงธรรม ดำเนินตามทางสายกลางคือพัฒนาประเทศชาติพัฒนาบ้านเมือง พัฒนาเทคโนโลยีแล้ว ก็ให้คนพัฒนาจิตใจไปพร้อมๆ กัน
คำว่าไทย คือ ความเป็นอิสระ ไม่เป็นทาสของกิเลสตัณหาไม่เป็นทาสของนายทุน ถ้าไม่เสียสละ ใจก็จะไม่เป็นไท แต่เป็นทาสของความเห็นแก่ตัว เป็นทาสของความขี้เกียจขี้คร้าน เป็นทาสของอบายมุข จึงต้องเป็นผู้เสียสละ ใจของเราจึงจะเป็นไท สมกับที่ได้เกิดมาในแผ่นดินไทย เราอย่าไปลืมพ่อหรือแม่ อย่าลืมพระมหากษัตริย์ผู้สร้างชาติผู้รักษาพระศาสนาไว้ให้เรามาจนทุกวันนี้ ประเทศชาติเราจะสงบร่มเย็นเป็นสุขได้ ต้องเอาธรรมะเป็นใหญ่ เป็นที่ตั้งในการปกครองและอยู่ร่วมกัน ประเทศชาติจึงจะสงบสุข ดังบทร้อยกลองที่มีชื่อว่า “หัวใจเมือง” ของคุณถมอม อัครเศรณี เมื่อปี ๒๔๙๒ ที่ว่า
เมืองใดไม่มีทหารหาญ เมืองนั้นไม่นานเป็นข้า เมืองใดไร้จอมพารา เมืองนั้นไม่ช้าอับจน
เมืองใดไม่มีพาณิชเลิศ เมืองนั้นย่อมเกิดขัดสน เมืองใดไร้ศิลปะโสภณ เมืองนั้นไม่พ้นเสื่อมทราม
เมืองใดไม่มีกวีแก้ว เมืองนั้นไม่แคล้วคนหยาม เมืองใดไร้นารีงาม เมืองนั้นสิ้นความภูมิใจ
เมืองใดไม่มีดนตรีเลิศ เมืองนั้นไม่เพริศพิสมัย เมืองใดไร้ธรรมอำไพ เมืองนั้นบรรลัยแน่นอนฯ
การเมืองกับธรรมะก็ต้องเป็นอันเดียวกัน มันแยกกันไม่ได้ เขาเรียกว่าเทคโนโลยีกับคุณธรรมต้องไปพร้อมกัน ไอคิวกับอีคิวต้องไปพร้อมกัน การเรียนการศึกษาถ้าเราไม่เอาคุณธรรมเป็นหลัก ก็เป็นการเรียนการศึกษาเพื่อทำลายโลก เพื่อทำให้โลกนี้เสียหาย เพราะจิตใจกับการพัฒนาเทคโนโลยีต้องไปพร้อมกัน มันถึงจะเป็นสายกลาง ผู้ที่เป็นนักการเมืองก็ดี เป็นข้าราชการทหารตำรวจก็ดี เป็นประชาชนก็ดี เป็นนักบวชก็ดี ต้องพากันเข้าใจนะ เราลองคิดดูดีๆ เราเกิดมาก็ไม่ได้เอาอะไร เรามาแต่ตัวเปล่าๆ เวลาเราตายไปก็ไม่ได้เอาอะไร แล้วเราจะเป็นตัวอย่างแบบอย่างในทางที่ไม่ดีให้ลูกให้หลานเราได้ยังไง เราเกิดมาต้องมาเสียสละ เพื่อให้ลูกให้หลานเราต่อยอดสืบทอดคุณธรรมของเราให้ยิ่งๆ ขึ้นไป
พระก็ทรงไว้ซึ่งพระธรรมพระวินัยของพระ ทหารตำรวจก็ต้องทรงไว้ซึ่งวินัยของทหารตำรวจ ทุกคนต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้มีความสุข เพราะความสุขมันอยู่ที่เราทำหน้าที่ ถ้าเราไม่ทำอย่างนี้ ปฏิบัติอย่างนี้ การเดินขบวนมันไม่จบ เพราะข้าราชการก็ทำผิด นักการเมืองก็ทำผิด ประชาชนก็ทำผิด เพราะตัวมันเองมันระเบิดตัวมันเอง มันทำร้ายตัวของมันเอง ด้วยความคิดเห็นผิด เข้าใจผิด ปฏิบัติผิด ไม่มีใครจะมาทำลายศาสนาคริสต์ ไม่มีใครจะมาทำลายศาสนาอิสลามได้ ไม่มีใครจะมาทำลายศาสนาพุทธได้ นอกจากตัวของมันเองที่ศาสนิกไม่ไปทำหน้าที่ของตัวเองให้สมบูรณ์ เราจะเอาใจของตัวเองเป็นใหญ่ เอาอารมณ์ของตัวเองเป็นใหญ่ เอาความรู้สึกตัวเองเป็นใหญ่ไม่ได้ ต้องเอาธรรมวินัย เอากฎหมายบ้านเมืองที่มันเป็นธรรมเป็นคุณธรรม ไม่ใช่เพื่อพวกพ้องที่เราเห็นอยู่ พากันกินเหล้ามากก็ออกกฎหมายตั้งโรงเหล้ามาตรฐานได้ เล่นการพนันเยอะก็สร้างบ่อนคาสิโนมาตรฐาน ก็ไปตั้งย่อย ตามหมู่บ้าน คนรวยกินรวบหมด ถ้ากฎหมายใดไม่เป็นธรรม บัญญัติขึ้นมาออกนิติบัญญัติมาเพื่อความเห็นแก่ตัว ขัดต่อธรรมะ กฎหมายนั้นก็ถือว่าไม่ถูกต้อง ออกมาเพื่อพวกพ้องบริวาร ประชาธิปไตยของคนทุกคนคือธรรมะ อันเป็นธัมมาธิปไตย ความเห็นของปุถุชนสามัญชนเป็นล้านๆ คน ก็ยังสู้พระอรหันต์ไม่ได้ ทุกคนต้องมาเอาธรรมเป็นหลักเอาธรรมเป็นใหญ่เอาธรรมเป็นที่ตั้ง ประเทศเราจึงจะเข้าถึงความสงบร่มเย็นได้ การที่ได้มาซึ่งทรัพย์สมบัติ ข้าวของเงินทอง เกียรติยศ ต้องมาจากการเสียสละคืนซึ่งตัวตน ใจของเราทุกคนถึงสงบถึงจะเย็น
ความสมัครสมานสามัคคี เป็นสิ่งที่ดีเป็นสิ่งที่สำคัญ โลกนี้เสียหายก็เพราะว่าสงคราม ประเทศเราเสียหายก็เพราะว่า คณะรัฐบาลการปกครอง เกิดจากความเเตกเเยก ของรัฐบาลสังฆเภท ทำไมถึงเเตกเเยก เพราะไม่ได้เอาประโยชน์ส่วนรวม พากันไปเอาเงินเอาสตางค์ พรรคไหนก็ไม่มีเลย มีเเต่พรรคเงินไปหมด พวกสงฆ์เเตกเเยกกันก็เพราะผลประโยชน์ ความสมัครสมานสามัคคีเป็นสิ่งที่สำคัญ อยู่ในครอบครัวต้องเอาความสมัครสมานสามัคคีเป็นหลัก ในบ้าน ในโรงเรียน ความสมัครสมานสามัคคีจึงสำคัญ ถ้าเราทะเลาะวิวาทกัน เราก็ไม่เเตกต่างจากสัตว์เดรัจฉานที่มันเเย่งอาหารกัน ให้ทุกคนพากันเข้าใจ ลบสิ่งที่ทะเลาะวิวาทกันให้เป็นเลขศูนย์ ไม่สมควรจะโง่ไปอีก การเเบ่งพรรคเเบ่งพวกไม่ดี เราดูตัวอย่างเเบบอย่างของคณะสงฆ์นครราชสีมา เดี๋ยวนี้ เจ้าคณะจังหวัด รองเจ้าคณะจังหวัด ทั้งมหานิกายทั้งธรรมยุติ เดี๋ยวนี้ท่านรักกัน สมัครสมานสามัคคีกัน หยุดสังฆเภทกัน อย่างนี้ดี เพราะการถือพรรคถือพวก เเตกเเยก ไม่สมัครสมานสามัคคีเป็นสิ่งที่เสียหาย เป็นสิ่งที่เจ็บปวด เราจึงต้องเสียสละออกไป
พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระราชนิพนธ์เพลง "รักชาติบ้านเมือง" ขึ้นเป็นเพลงปลุกใจให้รักชาติและให้สามัคคี เพื่อช่วยให้เกิดความสนิทสนมกลมเกลียวกัน เนื้อหาก็จับใจควรแก่การจดจำ คือ
"เรานี้เกิดมาแล้วชาติหนึ่ง ควรคำนึงถึงชาติศาสนา ไม่ควรให้เสียทีที่เกิดมา ในหมู่ประชาชาวไทย
แม้ใครตั้งจิตรักตัว จะมัวนอนนิ่งอยู่ไฉน ควรจะร้อนอกร้อน ใจ เพื่อให้พรั่งพร้อมทั่วตน
ชาติใดไร้รักสมัครสมาน จะทำการสิ่งใดก็ไร้ผล แม้ชาติย่อยยับอับจน บุคคลจะสุขอยู่ได้อย่างไร
ใครมาเป็นเจ้าเข้าครอง คงจะต้องบังคับขับไส เคี่ยวเข็ญเย็นค่ำร่ำไป ตามวิสัยเชิงเช่นผู้เป็นนาย
เขาจะเห็นแก่หน้าค่าชื่อ จะนับถือพงศ์พันธ์นั้นอย่าหมาย
ไหนจะต้องเหนื่อยยากลำบากกาย ไหนจะอายทั่วทั้ง โลกา
เพราะฉะนั้นช่วยกันสวามิภักดิ์ จงรักร่วมชาติศาสนา
ยอมตายไม่เสียดายชีวา เพื่อรักษาอิสระคณะ ไทย
มนุษย์เราเกิดมาต้องมีการเรียนการศึกษา ต้องมีงานทำ เพื่อมีบ้าน มีรถ มีสิ่งอำนวยความสะดวกสบาย เพราะร่างกายที่เรามีธาตุมีขันธ์ จะได้อยู่ร่มเย็นเป็นสุข เป็นปัญหาที่จำเป็นรีบด่วน สิ่งที่จะมั่นคงก็คือเรื่องจิตเรื่องใจ ต้องพัฒนาไปเพื่อ เข้าถึงความสุขความดับทุกข์ที่เเท้จริง คือ หยุดเวียนว่ายตายเกิด การดำรงชีวิตของเราต้องพัฒนาสองอย่าง ต้องพัฒนาทั้งกาย พัฒนาทั้งใจไปพร้อมๆ กัน เรียกว่าทางสายกลาง ที่เรียกว่าศาสนา ก็คือ ธรรมะ ธรรมะก็คือ ศาสนา ศาสนา ย่อยมาเป็นศีล เป็นระเบียบเป็นพระวินัย เพื่อให้ทุกคนปรับใจ ปรับกายวาจา ใจกิริยามารยาทเข้าหาธรรมะ ทุกคนมีหน้าที่ปรับตัวเองเข้าสู่ธรรมะ เข้าสู่ระเบียบสู่วินัย เข้าสู่เวลา ไม่เอาตัวตนเป็นหลัก ไม่เอาตัวตนเป็นใหญ่ จะได้มีความเห็นเหมือนๆ กัน มีความตั้งมั่นเหมือนกัน มีระเบียบมีวินัย มนุษย์เราถึงจะอยู่ได้ร่มเย็นเป็นสุข เรียกว่า ธรรมะ คู่กับการพัฒนาทางวิทยาศาสตร์ ทุกคนต้องมีหน้าที่ทำอย่างนี้ ปฏิบัติอย่างนี้
ถ้าเอาเเต่ทางกาย ทางวิทยาศาสตร์ ทางเทคโนโลยีมันก็ยังไปไม่ได้อยู่เเล้ว ต้องพัฒนาเรื่องจิตเรื่องใจไปพร้อมๆ กัน เพราะร่างกายเค้าเปรียบเสมือนรถยนต์ ร่างกายเปรียบเสมือนบ้าน ใจเปรียบเสมือนเจ้าของบ้าน ให้อาหารร่างกายให้ถูกต้อง เเล้วต้องให้อาหารใจให้ถูกต้อง ให้อาหารกายด้วย บ้านที่อยู่ที่อาศัย ทานอาหารให้ถูกต้อง ให้ได้เเคลอรี่ตามความต้องการของร่างกาย ทานอาหารก็ไม่หวานเกิน ไม่มันเกิน ไม่เค็มเกิน ไม่เปรี้ยวเกิน ที่อาศัยบ้านก็ให้อากาศถ่ายเท บ้านไม่สกปรก เเล้วความสุขต้องอยู่ที่ปัจจุบันตั้งเเต่เช้าจนนอนหลับ เราถึงจะไม่เสียสุขภาพจิต บางทีวันสองวันมันไม่เป็นไร ถ้าหลายวันมันจะสะสม เเล้วให้การนอนการพักผ่อน เพราะร่างกายคนเราถ้านอนไม่พอ มันต้องมีปัญหาเเน่นอน สติสัมปชัญญะก็จะไม่ค่อยดี อันนี้เป็นเหตุผลเป็นวิทยาศาสตร์
ชีวิตของเราวันหนึ่งคืนหนึ่งประชาชนคนทำงาน ต้องนอนวันละ ๖ ชั่วโมง อย่างมากก็ ๘ ชั่วโมง ให้บังคับตัวเอง ไม่อย่างนั้นมันขอโอกาสขอเวลาไปเรื่อย ตามโทรศัพท์ ตามคอมพิวเตอร์ ตามรูป เสียง กลิ่น รส ลาภ ยศ สรรเสริญไปไม่ได้ มันต้องปฏิบัติให้ถูกตามกฏแห่งกรรม กลางวันเราก็ทำงานให้มีความสุข ตั้งเเต่เช้าจนเย็น ให้มีความสุขในการทำงาน อย่าไปทำงานเเล้วใจมันไปอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ ต้องอยู่กับงาน ถ้าอย่างนั้นใจมันจะไม่เย็น มันจะฟุ้งซ่าน กลางคืนกราบพระไหว้พระ นั่งสมาธิ เเล้วก็นอนสักสามทุ่มกว่าๆ ตีสี่ตีห้าถึงพากันตื่นขึ้น เราจะเห็นคนเเก่ตื่นขึ้นตีหนึ่งตีสอง นอนไม่หลับ เพราะว่าปวดท้องปัสสาวะ เมื่อมาปัสสาวะแล้วคิดไปเรื่อย ก็ทำให้นอนไม่หลับ การนอนไม่หลับ จะทำให้ร่างกายทรุดโทรม การทำงานวันต่อไปไม่ได้ศักยภาพเต็มที่ มันเป็นสาเหตุให้เกิดโรคกระเพาะ โรคอะไรต่างๆ สติปัญญาจะไม่ฉลาด คล่องเเคล่วว่องไว ยิ่งสร้างปมด้อยให้กับตัวเอง เนื่องจากเราไม่รู้หลักการ เนื่องจากถึงเวลานอนไม่ยอมนอน เราอย่าพากันคอร์รัปชั่นเวลานอน ถึงเวลานอนเราต้องเสียสละ ไปคิดมากยิ่งยากจน ไปคิดมากยิ่งเป็นโรคจิต โรคประสาท สุขภาพกายก็ไม่สมบูรณ์ เพราะเราทำไม่ถูกต้อง มันไม่จบหรอก ต้องจัดการตัวเอง
ผลวิจัยทางวิทยาศาสตร์งรับรองว่า การทำจิตให้สงบเป็นสมาธินับเป็นการจัดระเบียบคลื่นสมองที่มีประสิทธิภาพที่สุด และถือเป็นการผ่อนคลายเชิงลึก ด้วยเหตุนี้ สมองอันปราศจากข้อมูลขยะของพระอรหันต์จึงไม่ต้องการช่วงเวลาหลับลึกเพื่อฟื้นฟูสภาพสมองและจัดระเบียบเซลล์ประสาทมากเท่าคนทั่วไป จึงนอนเพีงแค่วันละ ๔ ชั่วโมงก็พอแล้ว พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงอานิสงส์ของการหลับอย่างมีสติไว้ ๕ ประการ ได้แก่ ๑. ทำให้หลับเป็นสุข ๒. ทำให้ตื่นเป็นสุข ๓. ทำให้ไม่ฝันร้าย ๔. ทำให้เทวดารักษา ๕. ทำให้มีสติไม่หลงใหลในกามซึ่งเกิดจากความฝัน
๗ ขั้นตอนสู่ การนอนอย่างพระอรหันต์
๑. หมั่นเจริญสติและฝึกสมาธิระหว่างวันเพื่อจัดระเบียบสมองและลดการปรุงแต่งอารมณ์
๒. หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้สมองและร่างกายตื่นตัวก่อนนอน เช่น การดูหนังแอ๊คชั่น การออกกำลังกาย การดื่มเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีน การคิดเรื่องงาน ฯลฯ เพื่อให้ร่างกายพร้อมเข้าสู่การนอนอย่างสงบและมีสติ
๓. นอนอย่างปล่อยวาง ทำจิตให้ว่างก่อนเข้านอน ด้วยการสะสางงานและวางแผนสิ่งที่จะต้องทำในวันรุ่งขึ้นให้เรียบร้อย อาจวางกระดาษและดินสอไว้ข้างเตียงเพื่อจดสิ่งที่นึกขึ้นได้จะได้ไม่ต้องคิดวนไปเวียนมาเพราะความกังวล
๔ .นอนในที่เย็น เงียบ และมืด ปราศจากแสงเสียง และสิ่งรบกวนที่จะทำลายสมาธิในการนอน
๕. หลับไปด้วยจิตอันนิ่งสงบและเป็นกุศล แทนที่จะหลับไปอย่างเหนื่อยอ่อนเพราะคิดปรุงแต่งสารพัน
๖. จัดระเบียบการนอน มีกำหนดเวลานอนและตื่นที่ชัดเจนเพื่อสร้างวินัยให้ร่างกาย
๗. ลุกขึ้นอย่างกระฉับกระเฉงทันทีที่ตื่น อย่ามัวโอ้เอ้งัวเงียพ่ายแพ้ให้ความขี้เกียจ เพราะการตื่นขึ้นเองโดยไม่มีใครปลุกเป็นการส่งสัญญาณให้คุณรู้ว่าสมองได้พักผ่อนเพียงพอแล้ว การนอนนานกว่านั้นจึงถือเป็นความขี้เกียจ
การนอนอย่างมีสติเป็นองค์ประกอบประการสำคัญที่ในการประพฤติปฏิบัติต่อเนื่องในทุกอิริยาบถ เพื่อเป็น “ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน” อยู่ตลอดเวลาอย่างแท้จริง
ทุกคนได้รับการเเต่งตั้งให้เป็นโน่นเป็นนี่ ทำตามหน้าที่ของตัวเองให้สมบูรณ์ด้วยการเสียสละ คนเราถ้าไม่เสียสละมันไม่มีความสุข ไม่มีความดับทุกข์ เราต้องพากันทำงานให้มีความสุข อันนี้เป็นอริยสัจ ๔ เป็นความจริง ให้ทุกคนรู้จัก ว่าเราไม่เสียสละ ไม่สามารถที่จะเข้าถึงความสุขความดับทุกข์ได้ เราไม่เสียสละเราก็มีความผิด ถึงเเม้จะเป็นสิ่งที่ดี เราก็เสียสละทางจิตใจเพื่อไม่ให้เราหลง ถึงจะเป็นความเจ็บปวดทางร่างกาย เราก็ต้องเสียสละ เราไม่อยากให้มันเจ็บ ไม่อยากเเก่ ไม่อยากตาย เราก็คือคนบ้า เป็นคนหลง
ให้ทุกท่านทุกคนพากันเข้าใจ พากันปฏิบัติ อนุศาสนาจารย์ผู้เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญด้านศาสนาและศีลธรรมของกองทัพ ที่บวชเรียนนักธรรรม เปรียญธรรม และจากมหาจุฬาฯ มหามกุฏฯ ก็ต้องพากันปฏิบัติไปพร้อมๆ กัน เราอย่าไปคิดว่า เดี๋ยวเรียนจบเเล้วค่อยปฏิบัติ นั่นไม่ใช่ ต้องปฏิบัติพร้อมกับการเรียนการศึกษาและการทำงานไปพร้อมๆ กัน ต้องเป็นผู้ที่สมบูรณ์พร้อมในปัจจุบัน คนเราไม่มีใครถึงอนาคตสักทีหรอก มันต้องเป็นปัจจุบันไปอย่างนี้ เพราะสิ่งนี้มีสิ่งนี้จึงมี มันไปเรื่อย ให้ทุกคนพากันเข้าใจ พวกที่ล่องลอย ชีวิตอยู่กับอนาคต ปัจจุบันไม่ปฏิบัติ มันเสียโอกาส เสียเวลา ทุกคนอย่าไปให้โอกาสเเก่มารทั้งหลายทั้งปวง ขอโอกาสไปเรื่อย มันไม่ได้ เป็นสิ่งที่ยืดเยื้อ สงครามชีวิตมันไม่จบ
ธรรมดาบุคคลทั้งหลายในโลกนี้ ย่อมปรารถนาอย่างยิ่งที่จะมีชัยชนะเหนือคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นความชนะในด้านใดก็แล้วแต่ เช่น ชนะในการแข่งขันกีฬา ชนะในการแข่งขันด้านธุรกิจ ชนะเหล่าอมิตรศรัตรู เป็นต้น มันเป็นธรรมดาของคน เป็นความต้องการขั้นพื้นฐานของคน เพราะเมื่อมีชัยชนะ หรือรู้สึกว่าตัวเองมีชัยชนะเหนือคนอื่น ย่อมจะเกิดความภาคภูมิใจขึ้นมา มีความกระหยิ่มยิ้มย่องขึ้นมา มีความรู้สึกว่าตัวเองนั้นเหนือกว่าคนอื่น แต่ถ้าพ่ายแพ้ หรือรู้สึกว่าตัวเองพ่ายแพ้ ย่อมจะมีความเสียใจ มีความทุกข์ใจ มีความหดหู่ใจตามมาเป็นแน่แท้
ดังนั้น โดยธรรมชาติของมนุษย์แล้ว ทุกคนต้องการชัยชนะ ต้องการชนะคนอื่น ทุกๆ คนมัวแต่มุ่งหวังจะชนะคนอื่น ซึ่งเป็นการชนะภายนอก เป็นการชนะที่ไม่ยั่งยืน เป็นชัยชนะที่ก่อความสุขให้ได้เพียงชั่วครั้งชั่วคราว เป็นชัยชนะที่สร้างความสุขให้ฝ่ายหนึ่งแต่สร้างความทุกข์ให้อีกฝ่ายหนึ่ง
แต่จะมีสักกี่คนที่พิจารณาเห็นความจริงข้อนี้ ความจริงที่ว่า ชัยชนะภายนอกหรือชัยชนะทางโลกนั้น เป็นสิ่งที่ไม่ยั่งยืน ประเดี๋ยวประด๋าว ชั่วครั้งชั่วคราว
ในทางพระพุทธศาสนา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนไว้ว่า “อตฺตา หเว ชิตํ เสยฺโยชนะตนนั่นแหละเป็นดี”
คำว่า “ชนะตน” หมายถึง ชนะใจตนเอง ชนะกิเลสที่หลอกให้โลภ ให้โกรธ ให้หลง เพราะโดยธรรมดา มนุษย์เราแพ้กิเลสอยู่ตลอดเวลา
ในขณะที่เราเอาชนะในการแข่งขันกีฬา เราดีใจ แต่เราหารู้ไม่ว่า เรากำลังพ่ายแพ้ให้กับความหลง
ในขณะที่เราชนะคู่แข่งทางธุรกิจ เรากระหยิ่มยิ้มย่อง แต่เราหารู้ไม่ว่า เรากำลังพ่ายแพ้ให้กับความโลภ
ในขณะที่เราได้ชัยชนะจากการสู้รบปรบมือกับศรัตรูคู่อาฆาต เราสะใจ แต่เราหารู้ไม่ว่า เรากำลังพ่ายแพ้ให้กับความโกรธ
จะเห็นได้ว่า ชัยชนะภายนอก หรือชัยชนะในทางโลก ไม่ว่าเราจะชนะอะไร ชนะใคร ชนะในเรื่องใดก็ตาม เรายังพ่ายแพ้ให้กับกิเลสอยู่ตลอดเวลา
ดังนั้น การชนะภายนอกนั้นจึงถือว่าเป็นชัยชนะที่ไม่ประเสริฐอะไร เป็นแต่เพียงการชิงดีชิงเด่นกันตามกระแสโลกเท่านั้น ชนะแล้วก็กลับแพ้ได้ ไม่แน่นอน แต่การชนะใจตัวเอง หรือการชนะกิเลสที่กลุ้มรุมจิตใจของเรานี่สิ ถึงจะถือว่าเป็นชัยชนะที่ประเสริฐ เมื่อใดเราเอาชนะความโลภ ความโกรธ ความหลง ที่คอยกัดกร่อนจิตใจของเราได้แล้ว เมื่อนั้น ชัยชนะทางโลกอื่นๆ ก็จะไม่อยู่ในความคิดของเราอีกเลย กลายเป็นเรื่องเล็กน้อยไปเลย และเราจะได้ชื่อว่า เป็นผู้ชนะที่แท้จริง ไม่ต้องกลับมาแพ้อีกต่อไป และจะได้รับความสุขที่ถาวร
ทุกท่านทุกคนก็จะเคารพเราได้ ก็เพราะเราเป็นคนมีศีลมีธรรมมีระเบียบมีวินัย เค้าถึงเคารพนับถือเรา เค้าเคารพนับถือเราก็เพราะเราเป็นคนที่เสียสละ ผู้ที่มาก่อนเกิดก่อนก็ต้องเสียสละ คนเสียสละเค้าถึงมีศีลมีระเบียบมีวินัย ถึงปีเกษียณก็ต้องเกษียณ เกษียณเเล้ว เราต้องเสียสละต่อ เพราะคนเรามันอยู่ที่ปัจจุบัน อยู่ที่ความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติถูกต้องในปัจจุบัน เกษียณเเล้วถ้าเราเป็นคนดี ทุกคนก็เคารพนับถือเราอยู่เเล้ว วัยเกษียณเป็นวัยที่เน้นทางจิตทางใจ เน้นทางพรหมจรรย์เเล้ว ตั้งใจตั้งเจตนา ศึกษาทางจิตใจ เพราะเราข้าราชการช่วยเหลือคน ทีนี้เราต้องช่วยเหลือตัวเอง
หลวงปู่มั่นสอนว่า “ความไม่ยั่งยืนเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่และแน่นอน ความยิ่งใหญ่คือความไม่ยั่งยืน ชีวิตที่ยิ่งใหญ่คือชีวิตที่อยู่ด้วย ทาน ศีล เมตตาและกตัญญู ชีวิตที่มีความดีอาจมิใช่ความยิ่งใหญ่แต่ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ต้องอาศัยคุณธรรมความดีเท่านั้น”
โลกเค้าพัฒนาเรื่องวัตถุ เรื่องเทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์ "เพราะสิ่งนี้มี สิ่งนั้นก็ถึงมี" เราก็มาพัฒนา 'อริยมรรค' พัฒนา 'ข้อวัตรปฏิบัติ' ให้มีในตัวในตน พยายามเชื่อมั่นในตัวเองให้มาก ชีวิตนี้จะไม่ได้งมงาย ไม่ได้เพ้อฝันไปหลงความสุข ที่จะทำให้เราตกนรกไปจนไม่รู้จักที่จบที่สิ้น เราประพฤติปฏิบัติไปก็ย่อมเข้าถึงความสงบ ความดับทุกข์ไปเรื่อยๆ ให้พากันตั้งมั่นในพระรัตนตรัย ในสิ่งที่มีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องปฏิบัติที่ถูกต้อง ทุกท่านทุกคนจะได้เข้าถึงความประเสริฐที่เกิดมาเป็นมนุษย์ เพื่อประสบความสำเร็จคือเดินตามอริยมรรคสู่มรรคผลพระนิพพาน
ขออนุโมทนากับ กองทัพภาคที่ ๒ ได้จัดงานทอดผ้าป่าสามัคคีเพื่อสมทุนบูรณะปฏิสังขรณ์ “อาคารพุทธศาสนสถานค่ายสุรนารี” และเพื่อทดแทนคุณแผ่นดิน บูชาคุณพระพุทธศาสนา เทิดพระเกียรติองค์พระมหากษัตริย์ไทยทุกๆ พระองค์ ในวันนี้...