แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
โอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ที่หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม เมตตาให้นำมาบรรยาย
บรรยายธรรมโดย พระมหาอนุชน สาสนกิตติ (ป.ธ.๙, ดร.)
ในวันอังคารที่ ๒ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๔
ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา
เรื่อง เปลี่ยนฐานชีวิตให้เป็นมงคล ตอนที่ ๖ การอยู่ในสถานที่เหมาะสมและเป็นสัปปายะทางด้านต่างๆ
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
พุทธัง ธัมมัง สังฆัง นะมัสสามิ
ขอความนอบน้อมจงมีแด่พระรัตนตรัย น้อมใจกราบถวายความเคารพบารมีธรรมแห่งองค์พ่อแม่ครูบาอาจารย์ กราบขอโอกาสพระมหาเถระผู้เป็นประธาน พระเถรานุเถระ เพื่อนสหธรรมิกทุกรูปด้วยความเคารพ ขอความเจริญในธรรม ความสงบร่มเย็นแห่งจิตใจ จงบังเกิดมีแด่ผู้ปฏิบัติธรรมทุกคนทุกท่าน ทุกท่านเอามือลง นั่งฟังธรรมตามสบาย
วันนี้เป็นวันอังคารที่ ๒ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๔ การบรรยายธรรมในเรื่องของการเปลี่ยนฐานของชีวิตให้เป็นมงคล วันนี้เป็นมงคลข้อที่ ๔ ปฏิรูปเทสะวาโส การอยู่ในประเทศอันสมควร ในมงคลข้อที่ ๔ นี้พระพุทธเจ้าได้ทรงวางหลักไว้ว่า ให้อยู่ในปฏิรูปเทส เราต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับคำนี้เสียก่อนว่า ปฏิรูปเทสะหรือปฏิรูปเทสแปลว่าอะไร มีความหมายยังไง
คำว่า “ปฏิรูปเทสะวาสะ” แยกออกเป็น ๒ คำ คือคำว่า “ปะฏิรูปะ” คำหนึ่ง คำว่า ”เทสะ” คำหนึ่ง ส่วนคำว่า “วาสะ” แปลว่าการอยู่ คำว่า”เทสะ” ก็หมายถึงสถานที่หรือว่าถิ่นอาศัย ซึ่งภาษาบาลีคำนี้ก็ใช้กันทั่วไป ในภาษาไทยก็คือคำว่าประเทศะ ก็คือคำว่าประเทศนั้นเอง ก็คือสถานที่หรือเราจะเคยได้ยินคำว่ากาลเทศะ ก็คือรู้จักเวลาและสถานที่ ก็คือคำเดียวกันคำว่าเทศะคำนี้ ส่วนคำว่า ปฏิรูปะหรือปฏิรูป แปลว่าสมควร ปฏิรูปะเทสะ จึงแปลว่าประเทศอันสมควร ใส่คำว่า “วาสะ” เข้าไปจึงแปลว่าการอยู่ในประเทศอันสมควร
ทีนี้ อย่างไรเป็นประเทศที่เหมาะสมที่สมควร ในมงคลข้อนี้ พระพุทธองค์ทรงมีความหมายแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการอยู่ในประเทศที่เหมาะสม ถิ่นที่เหมาะสม สถานที่ที่เหมาะสม จึงทรงให้ความสำคัญเป็นหนึ่งในมงคลทั้ง ๓๘ เพราะว่าเป็นของสำคัญยิ่ง อย่าเข้าใจว่าที่อยู่ไม่สำคัญ เพราะว่าคนเราจะมีความเจริญหรือว่าความเสื่อมก็ต้องขึ้นอยู่กับสถานที่ที่อยู่ที่อาศัยด้วย ไม่ใช่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ได้ผลเท่ากัน ลองเปรียบเทียบดูว่าต้นสัก ต้นตะเคียน ต้นโพธิ์ ต้นไทรซึ่งเป็นต้นไม้ใหญ่ ถ้านำมาปลูกอยู่ในกระถาง มันก็จะมีความเจริญไม่ได้เพราะว่ามันก็จะกลายเป็นต้นไม้แคระ ดังนั้น เราจะเห็นได้ว่าต้นไม้ แม้ว่ามันจะเป็นสิ่งไม่มีวิญญาณ มันก็ยังต้องเลือกที่อยู่ที่อาศัยเหมือนกัน มันก็ไม่ได้ขึ้นสุ่มสี่สุ่มห้า เพราะฉะนั้น ในถิ่นที่เราอยู่อาศัยนั้นมีอาชีพความเป็นอยู่ เหมาะสมกับความรู้ความสามารถของเราหรือไม่ สิ่งที่เราจะต้องคำนึงถึงในมงคลข้อนี้มีอยู่สองความหมายด้วยกันก็คือ เราต้องเลือกอยู่ในปฏิรูปเทสคือสถานที่สมควรประการหนึ่ง อีกประการหนึ่งก็คือเราต้องทำที่ที่เราอยู่นี้ให้เป็นปฏิรูปเทส คือเป็นสถานที่ที่สมควรนั่นเอง
ประการแรกที่ว่าต้องเลือกอยู่ในปฏิรูปเทสนั้นหมายความว่าเราจะอยู่ที่ไหนก็ต้องเลือก วิธีเลือกนั้นก็ให้ถือเอาความเจริญของจิตของใจของกายของใจนี้เป็นเกณฑ์คือทรัพย์เจริญ ชีวิตเจริญแล้วก็คุณธรรมความดีเจริญ ที่บางแห่งทรัพย์สมบัติเจริญ การทำมาหากินคล่องแต่มีสิ่งที่เป็นภัยแก่สุขภาพแล้วก็ชีวิต บางแห่งทรัพย์ก็พอควร ชีวิตก็ไม่ต้องห่วง แต่ว่าเป็นที่ที่ห้อมล้อมไปด้วยสิ่งที่ดึงดูดใจแล้วก็บริวารนี้ให้มันต่ำชั่วช้าลงไป ฉะนั้น เราจึงต้องเลือกที่ที่เราจะอยู่ ไม่ว่าจะเข้าโรงเรียน เรียนในมหาวิทยาลัย จะบวชวัดไหน จะทำมาหาเลี้ยงชีพที่ไหน ต้องเลือกหมด การเลือกเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก ไม่อย่างนั้นแล้ว พระพุทธองค์ไม่ทรงตรัสไว้ว่าเป็นมงคล ตัวอย่างเห็นชัดๆ เลย แม้แต่พระพุทธเจ้าของเราตอนที่เป็นพระโพธิสัตว์ เป็นมหาโพธิสัตว์อยู่ในสวรรค์ชั้นดุสิต เวลาท้าวมหาพรหม เหล่าทวยเทพมาอาราธนาให้พระองค์เสด็จมาอุบัติเพื่อที่จะเป็นพระพุทธเจ้า พระองค์ก็ยังตรวจดูทั้ง ๕ อย่าง ปัญจะมหาวิโลกนะ หนึ่งในนั้นก็คือประเทศ ทวีป ประเทศ ตระกูล อายุ พระพุทธมารดา ประเทศจึงสำคัญ พระโพธิสัตว์พระพุทธเจ้าจะไม่ไปอุบัติยังประเทศที่ไม่เจริญด้วยอารยธรรม แต่จะไปอุบัติยังมัชฌิมาประเทศ ประเทศที่เป็นศูนย์กลางเป็นใจกลางของดินแดนอารยธรรม พระองค์จึงเลือกมาอุบัติที่แถบภูเขาหิมาลัย อินเดียตอนเหนือ ปัจจุบันคือประเทศเนปาล อุทยานลุมพินีวัน กรุงกบิลพัสดุ์ นั่นก็คือเป็นที่ที่พระองค์ทรงเลือกแล้ว เพราะฉะนั้น จะเห็นได้ว่าจะทำอะไรก็ต้องเลือก
โรงเรียนก็เหมือนกัน ไม่ใช่ว่าจะเป็นโรงเรียนแล้ว เป็นมหาวิทยาลัยแล้วจะสอนดีเหมือนกันหมด หรือว่าวัด ขอให้เป็นวัดมีกุฏิมีโบสถ์วิหารก็พอ เหมือนกันหมด ทุกอย่างมันเหมือนกันแล้ว พระพุทธเจ้าคงจะไม่สอนให้เราเลือก เราจะมาพิจารณาดู เอาความรู้สึกเป็นเครื่องวัดก็ได้ว่า ถ้าสมมุติว่าไปเข้าโรงเรียนที่ไม่เป็นโรงเรียนอย่างแท้จริง มีการสอนก็ไม่ได้ความ ครูก็ไม่มีความสามารถ ไม่ตั้งใจสอน ลองนึกดูว่าถ้าเราไปเข้าโรงเรียนนั้นหรือว่าให้ลูกหลานเข้าโรงเรียนนั้นจะได้วิชาความรู้ไหม หรือว่าจะบวช จะเข้าวัดประพฤติปฏิบัติธรรมนี้ เราก็ต้องไปบวชที่วัดที่มีข้อวัตรข้อปฏิบัติ ไม่ใช่วัดที่เป็นเพียงวัดร้าง คือร้างราจากมรรคผลนิพพาน ร้างลาจากพระธรรมวินัย แบบนั้นบวชไปเป็นร้อยปีก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร เพราะไม่ได้ธรรมวินัย ไม่ได้ข้อวัตรข้อปฏิบัติ เป็นแต่เป็นกลุ่มเป็นแก๊งเป็นพรรคเป็นพวกเป็นแก๊งโจรเท่านั้นเอง ทีนี้ ถ้าเป็นวัดที่คลุกคลีกันมาก จุดมุ่งหมายของการบวชนี้เพื่อความสงบ เพื่อความเป็นสมณะ สมณะคือผู้สงบหาความรู้ แบบนี้ก็จะไม่ได้ประโยชน์เลย หรือแม้กระทั่งที่ทำมาหากินของเรานี้ มันถนัดต่อความสามารถวิชาความรู้ที่ได้เล่าเรียนมาหรือไม่ เพราะฉะนั้น ก็ต้องทำงานที่มันถูกกับจริต ถูกกับนิสัย แล้วก็ที่สำคัญตรงสายที่เรียนจบมา ความรู้ความสามารถความถนัดที่ได้เล่าเรียนมาได้สั่งสมมานั้นจึงจะแสดงออกได้เต็มที่ ถ้าไปอยู่ผิดที่ก็ไม่มีโอกาสเจริญเติบโต เพราะฉะนั้น ทุกอย่างจึงต้องเลือกให้เป็นปฏิรูปเทสะวาสะคือการอยู่ในประเทศที่สมควร อย่างเช่นว่าเรามีความสามารถในทางการเกษตร แต่ไปอยู่ในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเครื่องจักร เป็นต้น ก็เป็นอันว่าหมดความสามารถ เรียนจบด้านนี้แต่ไปทำงานอีกด้านหนึ่ง จริงอยู่ ไม่ใช่ว่าเป็นคนที่เลือกงาน แต่ว่าต้องทำงานที่มันถูกจริต ถูกกำลัง ถูกความสามารถถึงจะเจริญเติบโตไว เพราะฉะนั้นแล้ว ปฏิรูปเทสะวาสะนี้ การอยู่ในประเทศที่สมควร อยู่ในสถานที่สมควร ประเทศที่เหมาะสม ที่ที่เหมาะสมจึงจัดเป็นมงคล
การทำที่อยู่ให้เป็นปฏิรูปเทสคือสถานที่ที่เราอยู่ ณ ปัจจุบันนี้ก็ยึดเอาหลักอย่างเดียวกัน คืออยู่แล้วเจริญมีความรุ่งเรือง ที่สำคัญ ภายนอกเป็นองค์ประกอบอย่างหนึ่งที่สำคัญ ตัวเราเองต้องมีความเห็นถูกต้อง เข้าใจถูกต้อง ดำเนินตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ หรือว่าของผู้มีความรู้ความสามารถ ปรับปรุงสถานที่ที่อยู่ที่อาศัยนี้ให้เรียบร้อย ให้สะอาด ทำบ้านเรือนให้เป็นที่ปลอดภัย มีอุปกรณ์ในการใช้ก็ง่าย สิ่งใดที่จะนำความพินาศล่มจมมาแก่ทรัพย์สินและครอบครัวก็กำจัดมันออกไปเสีย แล้วก็พยายามปรับปรุงที่อยู่ของเราให้เป็นที่น่ารื่นรมย์ แสวงหาสิ่งที่ประกอบหรือว่าที่อยู่ที่อาศัย เครื่องอุปโภคบริโภคแล้วสะดวกสบาย แล้วก็โน้มน้าวจิตใจของเราให้มุ่งเน้นการทำความดี นี่เป็นความมุ่งหมายของมงคลในการเปลี่ยนผ่านชีวิตข้อนี้ นอกจากนั้น ในมงคลสูตรท่านแสดงไว้ว่า ที่ที่เป็นปฏิรูปเทสนั้นหมายถึงเอาสถานที่ที่มีพระพุทธศาสนา ที่มีการให้ทานรักษาศีล เจริญภาวนา เป็นต้น คงอยู่ การอยู่ในถิ่นนั้นย่อมทำให้สภาพจิตใจเจริญก้าวหน้า มีพระบาลีในมงคลทีปนีว่า บริษัท ๔ คือภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ปัจจุบันก็รวมถึงสามเณร สามเณร แม่ชีอยู่แล้วก็จาริกอยู่ในที่นั้น บุญกิริยาวัตถุมีทาน ศีล ภาวนา เป็นต้นย่อมเป็นไปอยู่ คำสอนของพระบรมศาสดามีองค์ ๙ ย่อมรุ่งเรืองอยู่ในประเทศใด ประเทศนั้นสถานที่นั้นชื่อว่าเป็นประเทศอันสมควรการอาศัยอยู่ในประเทศอันสมควรนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่าเป็นมงคล เพราะเป็นปัจจัยแห่งการทำบุญ มีทาน ศีล ภาวนา เป็นต้นของสัตว์ทั้งหลาย ลักษณะที่เหมาะสมก็คือมีพุทธบริษัทอาศัยอยู่ มีพระภิกษุ ภิกษุณี สามเณร สามเณรี แม่ชี นักบวชเป็นเนื้อนาบุญเพื่อเราจะได้สั่งสมบุญแล้วก็ประพฤติปฏิบัติตามทางแห่งมรรคมีองค์ ๘ เพื่อที่จะได้ทำมรรคผลนิพพานให้แจ้ง นอกจากนี้ ยังเป็นสถานที่ที่มีคำสอนของพระบรมศาสดาที่ว่ามีองค์ ๙ เจริญรุ่งเรืองอีกด้วย ก็หมายถึงว่า คำสอนที่เป็นไปเพื่อให้เกิดมรรค ๔ ผล ๔ นิพพาน ๑ พร้อมทั้งอริยมรรคมีองค์ ๘ อริยสัจ ๔ นี้ ซึ่งเป็นไปเพื่อการบรรลุมรรคผลนิพพาน ประเทศไหนที่มีคำสอนของพระบรมศาสดาเจริญรุ่งเรืองทั้งด้านปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ ประเทศนั้น สถานที่นั้นจึงจัดว่าเป็นปฏิรูปเทส
ทีนี้ ลักษณะที่เหมาะสม ท่านก็จัดง่ายๆ เรียกว่าสัปปายะ สัปปายะมี ๔ บางแห่งท่านก็อธิบายสัปปายะมี ๗ ตรงนี้ก็คือสัปปายะมี ๔ ที่เอาง่ายสามารถปรับใช้ได้ทั้งวัดทั้งบ้าน คือ
๑. ที่อยู่ที่อาศัยเป็นที่สบาย อาวาสสัปปายะ หมายถึงว่า เป็นที่ที่มีสภาพทางภูมิศาสตร์ดี ถ้าเป็นบ้านก็ต้องมีต้นไม้ร่มรื่น น้ำไฟสะดวก ถ้าเป็นโรงเรียนก็ต้องมีสุขลักษณะดี มีอากาศถ่ายเทสะดวก ไม่มีเสียงอึกทึก มีบริเวณกว้างขวางแล้วก็เป็นบริเวณในย่านชุมชน การคมนาคมสะดวก ถ้าเป็นจังหวัดหรือภาคก็ต้องเป็นบริเวณที่มีสภาพภูมิศาสตร์ที่ดี ไม่ลุ่มไม่ดอนเกินไป ไม่หนาวไม่ร้อนจนเกินไป เป็นต้น
๒. อาหารเป็นที่สบาย หมายถึงว่า เป็นบริเวณที่สามารถจัดอาหารได้สะดวก อยู่ใกล้ตลาด อยู่ใกล้หมู่บ้านบริเวณที่มีเกษตรกรรมสามารถผลิตอาหารได้อย่างพอเพียง เป็นที่ที่สามารถประกอบธุรกิจการงานหารายได้เลี้ยงตนเองและครอบครัวได้ดี
๓. บุคคลเป็นที่สบาย หมายถึงว่า บริเวณที่อยู่นั้นไม่มีนักเลงอันธพาล ไม่มีโจรผู้ร้ายชุกชุม คนส่วนใหญ่ในละแวกนั้นเป็นคนดี มีศีลธรรม มีวินัย ใฝ่หาความก้าวหน้า
๔. ธรรมะเป็นที่สบาย หมายถึง ความดีงาม ความเหมาะสม ธรรมะเป็นที่สบาย ท่านก็บอกว่า ในทางโลกก็คือในถิ่นนั้นมีโรงเรียนเป็นสถานศึกษาสำหรับหาความรู้ได้อย่างดี มีหลักการปกครองการบริหารราชการบ้านเมืองที่ดี ในทางธรรม ในถิ่นนั้นมีพระภิกษุมีฆราวาสผู้รู้ธรรมเป็นบัณฑิต สามารถให้การสั่งอบรมสั่งสอนศีลธรรมได้อย่างดี เป็นถิ่นที่คำสอนของพระพุทธเจ้าจริงๆ นี้แผ่ไปถึง สามารถทำบุญกิริยาวัตถุได้อย่างเป็นนิจ
ลำดับความสำคัญของทั้ง ๔ อย่างที่ว่ามานี้ ธรรมะเป็นที่สบายสำคัญอันดับหนึ่ง บุคคลเป็นที่สบายก็คือสิ่งแวดล้อมของคนสำคัญเป็นอันดับสอง อาหารเป็นที่สบายสำคัญเป็นอันดับสาม อาวาสที่อยู่ที่อาศัยเป็นที่สบายสำคัญเป็นอันดับสี่ ธรรมะสำคัญที่สุด เพราะว่าถ้าไม่มีธรรมะแล้ว ต่อให้เจริญรุ่งเรืองแค่ไหนก็ล่มจมล่มสลาย เพราะว่าถึงแม้ที่อยู่ที่อาศัยจะไม่เป็นที่สบาย แต่ถ้ามีอาหารอุดมสมบูรณ์ก็ยังพออยู่ได้ ถ้าที่อยู่ที่อาศัยอาหารไม่เป็นที่สบายแต่บุคคลเป็นที่สบายแล้วก็จะสามารถปรับปรุงที่อยู่ที่อาศัยอาหารให้เป็นที่สบายได้ แต่บุคคลจะเป็นที่สบายได้ก็ต้องมีธรรมะเป็นที่สบายอยู่ในจิตอยู่ในใจเสียก่อน คับที่อยู่ง่ายคับใจอยู่ยาก คับที่อยู่ง่าย สถานที่อาศัยไม่สบายไม่เป็นไร แต่ขออย่าให้คับจิตคับใจ ถ้าคับจิตคับใจเมื่อไหร่ คนไม่มีธรรมเมื่อไหร่มันก็อยู่ยาก เพราะฉะนั้น ธรรมะสำคัญที่สุด ตัวอย่างเช่นประเทศญี่ปุ่นที่เราเห็นว่าเป็นประเทศที่เจริญรุ่งเรือง พื้นที่เป็นเกาะ แต่ว่าแต่ละปีๆนี้ มีภัยธรรมชาติบ่อยครั้ง พายุกี่ลูกๆก็ต้องเข้ามาที่ญี่ปุ่นก่อนค่อยมาถึงประเทศไทย ต้องผ่านญี่ปุ่น ผ่านเวียดนามผ่านอะไรเข้ามาก่อนเพราะว่าเป็นลมทะเล เป็นพายุทะเล มีภัยธรรมชาติจากลมพายุ แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิดอยู่บ่อยๆ พื้นที่ก็น้อย คนแออัด อาหารการกินก็ไม่เพียงพอเลี้ยงตัวเอง อาหารไม่เป็นที่สบาย แต่เนื่องจากว่าประชากรเขามีประสิทธิภาพขยันขันแข็ง มีวินัยใฝ่หาความก้าวหน้า ตรงนี้คือบุคคลเป็นที่สบาย แล้วก็มีหลักในการปกครองประเทศที่ดี มีความรักชาติ ธรรมะในทางโลกเป็นที่สบาย เพราะคนมีวินัยมาก เคารพในกฎหมายบ้านเมืองมาก ขยะก็ไม่ทิ้ง น้ำท่วมทีนึงนี้ขยะแทบหาไม่เจอเลย น้ำใสสะอาด จึงเป็นผลให้ประเทศญี่ปุ่นพัฒนาเจริญรุ่งเรืองจนเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลกได้ ถึงแม้ที่อยู่จะไม่อำนวยแต่บุคคลกับกฎหมายบ้านเมืองที่จัดเป็นธรรมะสัปปายะนี้ดี ส่วนประเทศไทยมีสภาพภูมิศาสตร์ที่ดีเยี่ยม พายุก็ไม่ค่อยมี แผ่นดินไหวแทบจะไม่มีเลย ร้อนก็ไม่ร้อนเกินไป หนาวก็ไม่หนาวเกินไป หิมะก็ไม่เคยตก ที่อยู่ที่อาศัยสบายมาก ภูมิประเทศอาหารการกินก็อุดมสมบูรณ์ ผลไม้ตามฤดูกาลก็มีหมด แต่ที่ยังขาดอยู่ก็คือคนของเรายังขาดวินัยไม่เคารพกฎหมายมากพอ ยังมีความมานะในความขยันพากเพียรไม่เพียงพอคือขี้เกียจขี้คร้าน อย่างนี้จึงขาดบุคคลเป็นที่สบาย แม้เราชาวไทยจะมีพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธศาสนาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ แต่ถ้าว่ายังเห็นแก่ความสะดวกสบายส่วนตัวอยู่มาก นำพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้ามาใช้เพียงแค่บางส่วน บางทีก็ได้เพียงแค่กิ่งแค่ใบ ไม่เข้าถึงจริงๆ เป็นเมืองพุทธแต่ว่าฆ่าสัตว์กันบรรลัยเลย ดื่มเหล้าดื่มเบียร์กันสารพัดหมด สถานที่บ่อนคาสิโนมีสะบั้นหั่นแหลกไปหมดทั้งที่บอกว่าเป็นเมืองพุทธ พุทธก็จริงแต่คำสอนไม่ได้เข้าสู่ใจจึงไปไม่ได้ ดังนั้น ธรรมะ มีธรรมะเป็นที่สบายในบางที่ แต่บุคคลไม่เป็นที่สบายคือบุคคลไม่มีธรรมเป็นใหญ่ ไม่มีธรรมเป็นหลัก ไม่มีธรรมเป็นที่ตั้ง ประเทศไทยนี้น่าอยู่กว่าหลายๆ ประเทศ เพราะว่ามีผู้คนเอื้อเฟื้อต่อกัน แต่ว่าความเจริญยังล้าหลังประเทศอื่นอยู่ก็เนื่องมาจากบุคคลที่ไม่ค่อยสัปปายะตรงที่ว่าขี้เกียจขี้คร้าน ไม่เคารพในธรรม ไม่เคารพในกฎหมายบ้านเมือง การโกงกินคอรัปชั่นก็มาก ดังนั้น ถ้าพวกเราเอาธรรมะเป็นหลักธรรมะเป็นใหญ่ ร่วมใจกันพัฒนาตนเอง เริ่มต้นจากตนเอง เริ่มต้นจากครอบครัวนี้ให้เป็นคนดีมีระเบียบวินัย มีความขยันขันแข็ง ใฝ่หาความก้าวหน้าอยู่เสมอ โดยนำหลักธรรมของศาสนาของพระพุทธเจ้ามาปฏิบัติ ก็หวังได้ว่า ชาติไทยของเราจะมีความรุ่งเรืองก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศทั้งหลายในอนาคตอันใกล้นี้
เรามีสัปปายะหลายอย่างอยู่เกือบจะครบแล้ว ในหลายๆประเทศที่มีความเจริญรุ่งเรืองทางวัตถุมาก ประชาชนได้รับความสะดวกสบายในเรื่องเครื่องอุปโภคบริโภค หางานทำกันง่าย เก็บเงินทองมาก ดูเผินๆแล้วน่าไปอยู่อาศัยมาก อย่างที่คนไทยเราแห่ไปอยู่ยุโรปหรืออเมริกา เกาหลี ญี่ปุ่น โอกาสที่ผู้อยู่อาศัยจะสร้างความก้าวหน้าทางใจ โอกาสที่จะสร้างบุญบารมีมีน้อย เราลองคิดดูสิ คนอยู่ในประเทศเหล่านั้น ตื่นเช้าขึ้นมาก็นึกถึงแต่การทำงาน ไม่เคยได้มีเวลาหรือโอกาสนึกถึงการให้อาหารใจด้วยการเสียสละ ด้วยการรักษาศีล ด้วยการเจริญสติสมาธิภาวนาเลย หรือบางครั้งนึกถึงแต่ก็ไม่มีใครแนะนำให้ ดังนั้น มีชีวิตอยู่ก็เหมือนคนที่ตายแล้ว คือตายไปจากคุณงามความดี ในประเทศไทยเรา แม้ความเจริญทางด้านวัตถุอาจจะล้าหลัง แต่ด้านธรรมะเจริญอยู่มาก มีพระอรหันต์ มีพระอริยะเจ้า มีพ่อม่ครูบาอาจารย์ มีพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบอยู่หลายที่หลายแห่ง มีโอกาสให้เราได้เสียสละให้ทานกับเนื้อนาบุญเหล่านั้น ได้รักษาศีล ได้เจริญภาวนาเต็มที่ มีโอกาสสร้างบุญให้ยิ่งๆขึ้นไปได้
เราจะเห็นได้ว่า ชาวตะวันตกเขาเจริญในด้านวัตถุมาก แต่ทำไมเขาต้องมาหาความสุขใจในดินแดนตะวันออก สังเกตง่ายๆจากลูกศิษย์พระฝรั่งของหลวงปู่ชาทั้งหลาย ส่วนใหญ่เป็นผู้ประสบความสำเร็จในชีวิตมาทั้งนั้น แต่ว่าถิ่นๆนั้นไม่มีพระอรหันต์ ไม่มีพระอริยะเจ้า ไม่มีพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเป็นผู้แนะนำ ขาดตรงนี้ ขาดธรรมะสัปปายะ ขาดบุคคลสัปปายะ ในด้านของผู้ชี้แนะธรรมจึงต้องมาดินแดนเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ที่เป็นดินแดนที่มองว่าล้าหลัง แต่ว่าเจริญทางจิตใจมีอยู่มาก เพราะฉะนั้น สถานที่ที่เหมาะสมนั้นที่เป็นปฏิรูปเทสจึงเป็นสถานที่สมควรสำหรับผู้ที่หวังความเจริญในทางธรรม สถานที่พระธรรมคำสั่งสอนขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้าดำรงอยู่ มีพุทธบริษัท สาธุชนทั้งหลายสมัครสมานสามัคคี มีใจใฝ่ในการทำกุศล ทำทานรักษาศีล เจริญสมาธิภาวนาอยู่เป็นนิจ
การได้อยู่ในถิ่นที่เหมาะสมเช่นนี้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่าเป็นมงคลอันสูงสุดเพราะเป็นเหตุให้เราได้อนุตตริยะ๖ คือได้สิ่งที่ยอดเยี่ยมถึง ๖ ประการ
ประการแรก ได้การเห็นอันยอดเยี่ยม ทัสสนานุตตริยะ การเห็นอันยอดเยี่ยม คือได้พบเห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้พบเห็นพระอรหันต์ พระอริยะเจ้า พระสาวกผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ปฏิบัติตรง ปฏิบัติเพื่อรู้ธรรมเป็นเครื่องออกจากทุกข์ ปฏิบัติสมควร ทรงศีลทรงธรรม น่าเข้าใกล้เพื่อจะได้ฟังธรรม
ประการที่สอง สวนานุตตริยะ ได้การฟังอันยอดเยี่ยม คือได้ฟังธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งเป็นธรรมที่จะนำให้ผู้ปฏิบัติพ้นจากทุกข์ได้จริง แล้วพระอรหันต์ พระอริยะเจ้า ครูบาอาจารย์ที่นำมาถ่ายทอดก็ถ่ายทอดออกมาจากใจ ออกมาจากพระนิพพาน จึงเป็นพระสัทธรรมจริงๆ ไม่ใช่สัทธรรมปฏิรูปที่เอาความเห็นของตนแทรกแซงเข้าไป เพื่อมุ่งหวังผลประระโยชน์ ได้การฟังก็ต้องเลือกฟังที่ดีด้วย ฟังธรรมะที่เป็นพระสัทธรรมด้วย เพราะในปัจจุบันที่บอกว่าฟังธรรมๆนี่ ต้องถามว่า ธรรมอะไร ธรรมะแบบไหน ธรรมะแบบเป็นไปเพื่อความโลภ ความโกรธ ความหลงรึป่าว? เป็นไปเพื่อผลประโยชน์หรือไม่? หรือว่าเป็นธรรมที่เป็นไปเพื่อความเบื่อหน่ายคลายกำหนัด เพื่อความหลุดพ้น เราก็ต้องใช้ปัญญาพิจารณาในการเลือกฟังพระสัทธรรมจริงๆ
ได้อย่างที่สามคือลาภานุตตริยะ ได้ลาภอันยอดเยี่ยม คือได้ความศรัทธาในพระรัตนตรัย แล้วก็อยากศึกษาธรรมให้ยิ่งๆขึ้นไป
ประการที่สี่ สิกขานุตตริยะ การศึกษาอันยอดเยี่ยม สิกขาคือได้ศึกษาพระธรรมวินัย คือศีล สมาธิ ปัญญา
ปาริจริยานุตตริยะ การบำรุงอันยอดเยี่ยม ได้อุปัฏฐากบำรุงพระศาสดา ได้อุปัฏฐากบำรุงพระอริยะเจ้า พ่อแม่ครูบาอาจารย์ สาวกผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบที่เป็นเนื้อนาบุญอันเลิศ
สุดท้าย อนุสสตานุตตริยะ การระลึกอันยอดเยี่ยม ได้ระลึกถึงพระรัตนตรัย ซึ่งเป็นที่พึงที่ระลึกอันสูงสุด เป็นแหล่งแห่งความสะอาดบริสุทธิ์
นี่คือความโชคดีของผู้ที่ได้เกิดในดินแดนที่พระพุทธศาสนากำลังรุงเรือง แต่ไม่ใช่ว่าจะโชคดีทุกคน อยู่ที่การประพฤติปฏิบัติตน อยู่ที่ความเห็นถูกต้อง เข้าใจถูกต้องเป็นตัวนำก่อน จะพัฒนามาเรื่อยๆ จากการไม่คบคนพาล คบบัณฑิต บูชาคนที่ควรบูชา มงคลต่างๆเหล่านี้จึงจะพัฒนาขึ้นตามลำดับ
พวกเราก็เช่นกัน เป็นผู้มีบุญที่ได้สะสมไว้ดีแล้ว ถึงได้เกิดในปฏิรูปเทส คือผืนแผ่นดินไทย มีพระมหากษัตริย์ผู้ทรงทศพิธราชธรรม ทรงเป็นผู้อุปถัมภ์ค้ำชูพระพุทธศาสนาตลอดมา ทั้งยังมีพุทธบริษัทที่ตั้งใจประพฤติปฏิบัตธรรม มีคนดีเป็นสิ่งแวดล้อมที่ดีต่อกัน ดังนั้น ถ้าเราตั้งอยู่ในโอวาทของพระบรมศาสดา มีความไม่ประมาทในการดำเนินชีวิต หมั่นเป็นผู้เสียสละ เป็นผู้ให้ เป็นผู้มีศีล เป็นผู้เจริญสติสมาธิภาวนาเป็นประจำอยู่เนืองนิจย่อมต้องมีสุคติโลกสวรรค์นิพพานเป็นที่ไปอย่างแน่นอน นี่คือประโยชน์ คือมงคลที่เราได้ เราไม่ต้องไปโทษว่าประเทศไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ สุดท้ายมันขึ้นอยู่กับการคิดวางใจให้เป็น ให้มีความเห็นถูก เข้าใจถูก อยู่ที่ไหนก็หายใจพอกัน อยู่ที่ไหนก็มึความสุขได้ ถ้าตั้งใจจะพัฒนากายใจจริงๆ โดยหลักธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมต่างๆ มีอืทธิพลอย่างมากต่อความเป็นอยู่ ความเจริญความเสื่อมของบุคคล ถ้าบุคคลอาศัยอยู่ภายใต้สิ่งแวดล้อมที่ดีก็จะก่อให้เกิดความก้าวหน้าในชีวิตได้มาก
ทีนี้ ใกล้ตัวเข้ามา สิ่งแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการประพฤติปฏิบัติที่เรียกว่า สัปปายะ มี ๗ อย่างด้วยกันที่จะทำให้เจริญก้าวหน้าได้ง่าย
๑. อาวาสสัปปายะ ที่อยู่ซึ่งเหมาะ วัด ราวป่า โคนไม้ สำนักปฏิบัติธรรม กุฏิสงฆ์ เรือนว่างสบาย เป็นที่สงบ สบายตรงนี้คือสงบ ไม่อึกทึกครึกโครม มีเสียงน้อย ปราศจากผู้คนสัญจรพลุกพล่าน ไม่ใกล้หนองน้ำ บ่อน้ำหรือว่าแหล่งชุมชนมากเกินไปอันอาจจะเกิดความรำคาญ มีรั้วรอบขอบชิดปลอดภัยต่อความเป็นอยู่ มีที่ที่เหมาะสมสำหรับการปฏิบัติธรรม สำหรับการทำสมาธิภาวนา ดังนั้น วัดสมัยโบราณของพระพุทธเจ้าจะไม่อยู่ในเมือง แต่จะอยู่รอบประตูเมืองนอกกำแพงเมืองเช่นวัดพระเวฬุวัน แต่ปัจจุบันเรามองภาพไม่ออก เพราะว่า ๒,๐๐๐ กว่าปี มันเปลี่ยนไป วัดพระเวฬุวันปัจจุบันที่เขาขุดค้นเจอเลยกลายเป็นอยู่ในกลางที่ชุมชนของคนแขก แต่สมัยก่อนโน้นนั้นเป็นป่าไผ่ อยู่นอกเมืองรั้วกำแพงเมือง จะอยู่เลยตโปทารามน้ำพุร้อนไปหน่อยนึง กำแพงเมืองจะอยู่ตรงนั้น ผู้คนเลยไม่พลุกพล่าน ตอนกลางวันเสียงก็ไม่ดัง ตอนกลางคืนเงียบสงัด ไปบิณฑบาตได้ง่าย วัดพระเชตวัน กรุงสาวัตถีของพระพุทธเจ้าก็เช่นเดียวกัน อยู่นอกเมืองที่ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีสร้างถวาย ที่นางวิสาขามหาอุบาสิกาสร้างถวายก็อยู่นอกกำแพงเมืองคนละฝั่งกัน สัปปายะตรงนี้ เศรษฐีคฤหบดีในสมัยก่อนหรือแม้กระทั่งพระราชามหากษัตริย์สร้างถวาย ท่านคำนึงถึงสัปปายะต่างๆ แล้วก็สร้างถวายพระพุทธองค์เพื่อให้เป็นที่เหมาะแก่การประพฤติปฏิบัติธรรมของภิกษุสงฆ์สาวก ที่อยู่เหมาะสมจึงเป็นดังที่ว่ามา
ต่อไป ๒. การเดินทางที่เหมาะสม โคจรสัปปายะ มีทางโคจรทางเดินถนนหนทางไปมาได้สะดวก ไม่ไกลนัก ไม่ใกล้นัก หนทางในการบิณฑบาตก็ไม่ลำบาก ไม่ไกลเกินเหมาะแก่การจาริก อีกทั้งภายในสถานที่อยู่ก็มีทางเดินจงกรมที่เหมาะสมแก่การประพฤติปฏิบัติธรรม
๓. ภัสสสัปปายะ การพูดคุยที่เหมาะสม คือสิ่งแวดล้อมในนั้น การสนทนาพูดคุยกันแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติ ได้ฟังสิ่งที่ทำให้จิตใจเกิดศรัทธา เกิดความวิริยะ เกิดความอุตสาหะ เกิดความสงบระงับ แล้วก็มีความสุข มีฉันทะในการที่จะกระทำความเพียร เวลาพูดก็พูดกันแต่พอประมาณ พูดกันด้วยกถาวัตถุ ๑๐ เป็นส่วนใหญ่ พูดกันด้วยติรัจฉานกถาให้น้อยหรือแทบจะไม่มีเลยยิ่งดี โดยเฉพาะในสังคมที่เป็นสัปปายะตามความมุ่งหมายของพระพุทธเจ้านี้ ภัสสสัปปายะ พูดคุยกันในเรื่องที่เหมาะสม เพราะฉะนั้น การพูดโกหก พูดส่อเสียด พูดเพ้อเจ้อ พูดคำหยาบ พูดติฉินนินทาว่าร้ายพวกนี้ต้องหมดไป ถ้าไม่อย่างนั้น สัปปายะตรงนี้จะไม่เหลืออยู่เลย เพราะถึงอยู่ในวัดก็ยังเอาสิ่งที่ทำนอกวัดเอามาทำเหมือนเดิม จับกลุ่มนินทาชาวบ้าน รู้แต่เรื่องชาวบ้านเป็นต้นอย่างนี้ ใครเป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนี้รู้ไปหมด สุดท้ายมาปฏิบัติได้อะไร ได้รู้เรื่องของชาวบ้าน แต่ไม่รู้เรื่องของกายของใจตัวเอง สรุปมันก็สอบตก ไม่เกิดประโยชน์อะไรในการมาอยู่สถานที่สัปปายะที่ปฏิบัติธรรม
๔.บุคคลที่ถูกกันเหมาะสม มีบุคคลที่ติดต่อคบหาตั้งมั่นในศีลธรรม อันนี้ปุคคลสัปปายะ เป็นผู้ตั้งมั่นในศีลธรรม มีความสันโดษมักน้อย ชักจูงแนะนำไปในทางที่จะเป็นประโยชน์ต่อการทำความเพียรความสงบ ถ้าเป็นครูบาอาจารย์หรือบุคคลที่เคยเจริญกรรมฐานมากแล้วก็จะยิ่งเป็นประโยชน์อย่างมาก นี่หมายถึงตัวบุคคล
ต่อไป ๕. โภชนสัปปายะ ก็คล้ายๆ กับสัปปายะ ๔ อาหารที่เหมาะกัน อาหารที่บริโภคเป็นอาหารที่สบายต่อความเป็นอยู่ต่อร่างกายต่อธาตุต่อขันธ์ เมื่อบริโภคเข้าไปแล้วไม่ทำให้เกิดทุกขเวทนาเช่น ท้องอืด ท้องร่วง ท้องเดิน เป็นต้น เป็นอาหารที่จะเป็นคุณประโยชน์แก่ร่างกายในการอำนวยที่จะประพฤติปฏิบัติธรรม
๖. อุตุสัปปายะ ดินฟ้าอากาศธรรมชาติสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม หมาย ถึง อากาศตามฤดูกาล ความร้อนความเย็นของอากาศที่ไม่ร้อนหรือเย็นเกินไป อันจะทำให้เกิดความเจ็บไข้ได้ป่วยแต่ร่างกาย
๗. อิริยาปถสัปปายะ อิริยาบถที่เหมาะกัน อิริยาบถทั้งสี่ อันนี้เป็นเรื่องส่วนตัวที่ต้องทำเอง การยืนเดินนั่งนอนปรับให้พอดี ให้มันสมดุลกัน balance กันจะทำให้จิตใจสงบระงับ
เพราะฉะนั้น ณ สถานที่ที่เราอยู่ ณ ตอนนี้ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมารามแห่งนี้ สัปปายะ ๗ ครบสมบูรณ์ทั้งหมด อยู่ที่การประพฤติการปฏิบัติของเราแล้วนะที่เราต้องมาต่อยอด ประเทศที่สมควร สถานที่บ้านเกิดเมืองนอนของพ่อของแม่ปู่ย่าตายาย ประเทศไทยเรานี้แหละถือว่าเป็นประเทศที่สัปปายะ ไม่แห้งแล้งมากเกิน ที่แห้งแล้งมากเกี่ยวกับความหมุนเวียนของโลก อันนี้มันก็เป็นธรรมดา
ที่อยู่ที่อาศัยถือว่าเป็นเรื่องภายนอก แต่เรื่องภายในเกี่ยวกับความเข้าใจถูกต้องเป็นสิ่งที่อยู่ในตัวเรา ให้ทุกท่านทุกคนเข้าใจว่ามันขึ้นอยู่ที่ความเห็นความเข้าใจ อยู่ในการประพฤติการปฏิบัติของเรา พวกเราทุกคนนั้นเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกปฏิบัติได้โดยอาศัยหลักธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ทุกๆ อย่างเราต้องสร้างขึ้นปฏิบัติขึ้น บ้านไม่ดีเราก็ต้องสร้างขึ้น ไร่นาไม่ดีแล้วเราก็ต้องสร้างขึ้น เราทุกคนต้องปฏิบัติเองพัฒนาตัวเอง ตั้งแต่เกิดมาเรายังอ่านหนังสือไม่ออกตอนแรก แต่ไม่รู้หนังสือแล้วก็มาเรียนหนังสือแล้วก็มาปฏิบัติดีๆ ตามหนังสือเรียน ตามที่ครูบาอาจารย์สั่งสอนอบรม มันอยู่ที่การประพฤติการปฏิบัติของเรา เราอย่าไปน้อยใจว่าเกิดมาในสถานที่แห้งแล้ง สถานที่ทุร กันดาร ต้องทำเหมือนพระพุทธเจ้าสอน สอนให้ทุกคนพึ่งตนเอง เหมือนในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงสอนเศรษฐกิจพอเพียง มันเริ่มต้นจากพ่อจากแม่ พ่อแม่ต้องเป็นบัณฑิต ต้องเป็นตัวอย่างแบบอย่าง พ่อแม่ต้องมีศีลมีธรรม มีความประพฤติดี ทุกคนต้องพัฒนาตนเอง ถ้าไม่อย่างนั้น มันไปไม่ได้ เราเข้าใจผิด เราไม่ได้แก้ไขตัวเอง ไม่ได้แก้ไขครอบครัว เลยวิ่งหานายทุนที่ตั้งโรงงานอุตสาหกรรม นายทุนที่ทำธุรกิจ อันนั้นมันก็ไม่ถูก เรานี้จากบ้านจากสถานที่พลัดพรากจากพ่อจากแม่นี้มันก็ไม่อบอุ่น ความจำเป็นที่จากพ่อจากแม่ เช่นไปเรียนไปศึกษาหาความรู้เพื่อพัฒนาครอบครัว อันนี้เป็นสิ่งที่จำเป็น ทุกคนต้องกลับมาพัฒนาตนเอง พ่อแม่ถึงเป็นตัวอย่างแบบอย่าง ต้องทำโครงสร้างในความคิด ในคำพูด ในการกระทำของเราในปัจจุบัน เราจะไปทำตามกระแสของโลกไม่ได้ อย่างประเทศลาวมาหางานที่ประเทศไทย ประเทศเขมร พม่ามาทำงานที่ประเทศไทย ส่วนคนไทยก็ไปประเทศที่เจริญกว่านี้อีก อย่างนี้ไม่ได้ กลับมาสร้างสถานที่สัปปายะที่บ้านที่อยู่ที่อาศัยของตน ทุกอย่างมันทำได้มันแก้ไขได้ ดินไม่ดีก็ทำให้ดีได้ น้ำไม่ดีมันก็ทำให้มีได้ สถานที่นั้นจะเป็นสถานที่ดีเป็นสถานที่ร่มรื่น
พระพุทธเจ้าทรงบอกว่าพระอริยเจ้าอยู่ที่ไหน สถานที่นั้นก็เป็นที่รื่นรมย์ร่มรื่นน่าอยู่น่าอาศัย อย่างเราเป็นประชาชน ทุกคนก็มีสิทธิ์เป็นพระอริยเจ้าได้ตั้งแต่พระโสดาบันจนถึงพระอนาคามี เป็นพระในใจ ถึงแม้กายจะไม่บวชก็เป็นพระอริยเจ้าในใจได้ตั้งแต่โสดาบันจนถึงพระอนาคามี เราต้องพัฒนาตัวเอง รู้จักรายรับรายจ่าย อย่างเราเป็นสามี ลองคิดดูดีๆ เราได้เงินวันละกี่ร้อยวันละกี่พัน ภรรยาวันละกี่ร้อยกี่พัน เราใช้จ่ายวันนี้หมดไปเท่าไหร่เหลือเก็บเท่าไหร่เพื่อที่จะสมดุล ถ้าเราคิดไม่เป็น มันก็มีหนี้มีสิน อย่างพวกครูข้าราชการบางคนคิดไม่เป็นทั้งที่เงิน เดือนมีมากกว่าเกษตรกรชาวไร่ชาวนา แต่ถ้าคิดไม่เป็น ไม่เข้าถึงเศรษฐกิจพอ เพียง ถึงมีการโกงกินคอร์รัปชั่น ข้าราชการที่เป็นคนดีเป็นปูชนียบุคคลจะไม่โกงกินคอร์รัปชั่น ก็ต้องรู้จักใช้เงิน ไม่โกงกิน ไม่กินเหล้าเมายา ไม่เล่นการพนัน สถานที่เราถึงจะเป็นสถานที่อันสมควร เพราะตัวเราเป็นผู้ประพฤติปฏิบัติ เราต้องเป็นผู้มีใจสงบ มีใจเย็น เราปลูกต้นไม้วันเดียวจะให้มันโตออกดอกออกผล มันเป็น ไปไม่ได้ ถ้าเราทำเหมือนประชาชนที่ผ่านมา ทำแบบนี้มันแก้ปัญหาไม่ได้ มันก็เข้าถึงความสัปปายะไม่ได้ ถึงอดีตถึงอนาคตจะถึงอย่างไร มันก็อยู่ที่ปัจจุบันนั่นแหละ ทุกคนต้องประพฤติปฏิบัติเอา พ่อแม่ก็ให้เราเกิดมาได้ก็ถือว่าดีแล้ว แต่ก่อนเราทำอะไรก็ทำเพื่อจะเอาความรวย ทำบุญทำกุศลก็เพื่อจะไปแต่สวรรค์ อย่างนั้นมันเป็นการคิดสั้น คือไม่ใช่เป็นผู้มองการณ์ไกล ไม่ใช่เป็นผู้มีทีฆทัสสี แปลว่า มองสั้นๆ คิดสั้นๆ เหมือนคนปลูกผักกาดผักชีพืชล้มลุก แต่เราต้องก้าวไปไกลกว่านั้น เรามีความสุขในการเสียสละ เพราะสิ่งเหล่านี้มันเป็นทางผ่านอยู่แล้ว จะไปย่ำอยู่แต่ทางเก่าอีกทำไมในวัฏสงสารเวียนไปเวียนมานี้ เป็นแล้วเป็นอีกเป็นนั่นเป็นนี่ จะย้อนกลับไปเป็นอยู่ในรอยเก่าอีกทำไมกัน เราต้องเป็นผู้ที่คิดยาวๆ มองการณ์ไกล ต้องไปไกลกว่านั้น ต้องต่อยอดไปถึงมรรคผลพระนิพพาน
ทุกอย่างอยู่ที่เราประพฤติปฏิบัติเอง หลีกเลี่ยงคนพาล รู้จักคบบัณฑิต บูชาในสิ่งที่ควรบูชา บูชาในผู้ที่ควรบูชา อันนี้ก็เหมือนกัน ปฏิบัติในสิ่งที่ควรปฏิบัติ ถ้าเราบูชาไม่ถูก อย่างเช่นว่าไปเลือกคนที่จะมาเป็นผู้ใหญ่บ้าน คนที่จะมาเป็นกำนัน คนที่จะมาเป็น อบต.นายก อบต.อบจ.หรือว่า สส. สว.หรือผู้อำนวยการสถาบันต่างๆ นี้ ถ้าเราคิดไม่รอบคอบ เราไม่เลือกคนดีเข้ามาเท่ากับเราทำร้ายตัวเอง เท่ากับเราไปเอาโจรมา เหมือนเราไปเอาโจรมานี้ มันก็เสียหาย บ้านเมืองเรามันก็ไปไม่ได้ คนเราจะไปไว้ใจใครได้นอกจากพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ที่เป็นพระอรหันต์ แม้แต่พี่น้องที่เกิดมาด้วยกัน คลานตามกันมาก็ยังมาแย่งที่ดินแย่งทรัพย์แย่งมรดกกัน เพราะคนพวกนี้เอามรดกเป็นที่ตั้ง ไม่ได้เอาธรรมะเป็นที่ตั้ง เราจะเลือกใครก็ดูว่าคนนี้เขาเอาธรรมเป็นหลัก เอาธรรมเป็นใหญ่ไหม? เขามีศีล ๕ ไหม? เขามีอบายมุขไหม? เราจะผิดพลาดไว้วางใจคนพาลคนชั่วไม่ได้ เราอย่าไปคิดว่าคนโน้นเป็นพรรคพวกเรา คนนั้นให้ผลประโยชน์เรา คนนั้นเป็นญาติของเรา เราต้องดูความบริสุทธิ์ของเขา ต้องเอาศีลเป็นหลัก เอาความประพฤติเป็นหลัก ประเทศไทยได้รับความเสียหายมาหลายปีแล้วเพราะไปไว้วางใจบูชาคนผิดเรียกว่าบูชาเงินเขา อยู่ในสภาพที่บูชาเงินแต่ไม่บูชาคนดี บูชาเงินเขาคือที่เขาให้เราไปเลือกเขานั้นเขาเรียกว่าตัวเราเองก็แย่นะ ไปเอาเงินเขามา ไปรับสินบนเขามา เราจะไปโทษใครเพราะว่าเราไปเอาเงินเขา เรายากจนลำบากเราจะไปโทษใคร เพราะตัวเรามันยังมีความเห็นผิดอยู่ เราต้องสร้างเนื้อสร้างตัวปฏิบัติเอง ผู้มีสติมีปัญญาเขาต้องมีความประพฤติที่ดีๆ ที่จะแก้ปัญหา เราจะไปโทษว่าภาคอีสานนี้มันแห้งแล้งไม่ได้ เราจะไปโทษว่าที่โน่นที่นี่เป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ไม่ได้ เพราะอันนี้มันเรื่องคนอื่น สัปปายะมันอยู่ที่เราสร้างขึ้นมา เรามันไม่ฉลาด ไปหาติคนโน้นคนนี้ติฟ้าติฝน เราไม่ได้ติตัวเองว่าเรามาตัดไม้ทำลายป่า ไม่ได้ติตัวเองที่พากันมาทำลายป่าเขาทำลายธรรมชาติ เราไม่โทษตัวเองว่าตัวเองเกิดมามันก็มีปัญหาแล้ว พระพุทธเจ้าตรัสชัดเจนว่าชาติปิทุกขา การเกิดมาเป็นปัญหา คือเกิดมาเป็นทุกข์ ชราปิทุกขา แก่ก็เป็นทุกข์ เจ็บก็เป็นทุกข์ ตายก็เป็นทุกข์ เศร้าโศกเสียใจร่ำไรรำพัน ไม่สบายกายไม่สบายใจเป็นทุกข์ทั้งหมด เป็นปัญหาทั้งหมด สังขิตเตนะปัญจุปาทานักขันธาทุกขา สรุปแล้ว ความยึดมั่นถือมั่นว่าขันธ์ ๕ เป็นตัวกูของกูตัวเราของเรานี่แหละคือตัวปัญหา นี่แหละมันคือปัญหาของเรา ก็เพราะความเกิดความแก่ ความเจ็บ ความตาย ความพลัดพรากนี้ เราต้องเอาปัญหานี้พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส อย่าไปท้อ อย่าไปถอย เมื่อมีความเกิด ความแก่ ความเจ็บ ความตาย ความพลัดพราก เราต้องน้อมเพราะว่ามันนำพระนิพพานมาให้เรา
คนเราอยู่ที่ตัวเรานั่นแหละ ถ้าเราคิดดีมันก็ดี ถ้าเราพูดดี กิริยามารยาทดี ขยันรับผิดชอบดี มันก็ดี มันอยู่ที่เรานี่ไม่ได้ไปอยู่ที่คนอื่น ต้นโพธิ์ต้นไทรหากปลูกไว้ในกระถาง ถึงจะไม่ตาย มันก็ต้องกลายเป็นไม้แคระแกร็น แต่ถ้านำไปปลูกในที่ดินดี มีบริเวณกว้างขวาง ท่าน้ำอุดมสมบูรณ์ก็โตวันโตคืนกลายเป็นต้นไม้ใหญ่ แตกกิ่งก้านสาขาเต็มที่ เช่นกัน คนเราหากตกอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่ดี ถึงจะมีความรู้ความสามารถก็ยากที่จะเอาดีได้ แต่ถ้าอยู่ในถิ่นที่เหมาะสมแล้วก็สามารถสร้างความเจริญก้าวหน้าได้โดยง่าย การได้อยู่ในถิ่นที่เหมาะสมนับว่าเป็นอุดมมงคลสำหรับชีวิต เพราะชีวิตจะเจริญรุ่งเรืองหรือว่าตกต่ำ สภาพแวดล้อมรอบตัวเรามีส่วนสำคัญเหมือนต้นโพธิ์ต้นไทรนี่แหละที่ได้อุปมาเอาไว้ ถ้าปลูกผิดที่มันก็ไม่เจริญเติบโต แต่ถ้าหากปลูกถูกที่ มันขึ้นมันงอกถูกที่ มันก็จะกลายเป็นต้นไม้ใหญ่ใบหนา แผ่กิ่งก้านสาขาเต็มที่ สามารถให้ความร่มเย็นแก่สรรพชีวิตทั้งหลายได้
สำหรับวิสัยของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นบัณฑิตเพราะว่าเปลี่ยนฐานชีวิตมาตั้งแต่การหลีกเลี่ยงคนพาล มาคบบัณฑิตภายนอกแล้วก็มาทำใจเราให้เป็นบัณฑิตภายใน บูชาผู้ที่ควรบูชาจึงชื่อว่าเป็นบัณฑิตที่มีสติปัญญาที่แท้จริง ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ท่านก็จะทำสถานที่นั้นให้เป็นปฏิรูปเทสคือเป็นสถานที่เหมาะที่ควรที่น่าอยู่ แม้อยู่ทางโลกก็สามารถใช้ความคิดสร้างสรรค์สร้างงานขึ้นมา ทั้งยังก่อให้เกิดเป็นโอกาสที่ดีแก่คนรอบข้างได้อีกด้วย ไม่มัวรอคอยโอกาสจากผู้ใด แต่กลับจะเป็นผู้หยิบยื่นโอกาสให้ผู้อื่นเสมอ การได้อยู่ในถิ่นที่เหมาะสมนับว่าเป็นมงคลอันสูงสุดประการหนึ่ง เป็นบุญลาภของบุคคลนั้น แม้การจะเปลี่ยนสถานที่ซึ่งไม่เหมาะสมต่อการสร้างมรรคผลพระนิพพานให้กลายมาเป็นปฏิรูปเทส เป็นสถานที่เหมาะสมที่ควรนั้น แม้จะไม่ใช่เรื่องง่ายนักแต่ก็ไม่เหลือวิสัยที่จะทำได้ เราคือบุคคลสำคัญที่จะมาสร้างที่จะมารังสรรค์โลกนี้ให้เจริญขึ้นเพราะมนุษย์เป็นภพภูมิที่มีศักยภาพในการสร้างอุปนิสัย แล้วก็จะมาทำให้โลกนี้เป็นปฏิรูปเทสเพื่อจะได้มีสุคติโลกสวรรค์เป็นที่ไปจนกว่าจะถึงจุดหมายปลายทางคือพระนิพพาน
ขอตั้งจิตอธิษฐานใจ ขออำนาจแห่งพระรัตนตรัยและบารมีธรรมแห่งองค์พ่อแม่ครูบาอาจารย์ได้อภิบาลปกป้องคุ้มครองรักษาทุกท่านปราศจากสัพพะทุกข์สัพพะโศกสัพพะโรคสัพพะภัย อันตรายใดๆ อย่าได้มาพ้องพาน เจริญยิ่งยืนนานอยู่ในร่มเงาแห่งพระบวรพุทธศาสนา เป็นผู้มีดวงตาเห็นธรรมถึงมรรคผลนิพพานเทอญ