ในระดับของศีลธรรมยังเป็นการประพฤติปฏิบัติในระดับที่สมมติว่าเป็นตัวเป็นตน เพราะฉะนั้นจึงมีตัวฉันที่ทำความดี และเมื่อฉันทำความดีแล้ว ฉันก็หวังจะได้รับผลตอบแทน อย่างน้อยที่สุดก็การยกย่อง คำขอบใจ เมื่อไม่ได้รับอะไรตอบแทน ก็รู้สึกผิดหวัง เสียใจ เศร้าหมอง ขมขื่น
ในขณะที่ระดับศีลธรรมยังคงยึดอยู่ในสมมติแห่งความเป็นตัวตน แต่ระดับปรมัตถธรรมจะเป็นการศึกษาธรรมะและปฏิบัติธรรมเพื่อสามารถลดละ เลิก ความยึดมั่นถือมั่นในความเป็นอัตตาตัวตนให้น้อยลงๆๆ ในที่สุดก็จะมองเห็นว่า สิ่งทั้งหลายทั้งปวงที่เป็นไป หรือเข้ามาเกี่ยวข้องก็ตาม มันล้วนแล้วแต่เป็นเพียงกระแสของความเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ตามเหตุตามปัจจัยเช่นนั้นเอง ความยึดมั่นถือมั่น ความเป็นตัวตนที่มีอยู่แม้ในระดับศีลธรรม ก็จะค่อยๆจืดจางไป ลดละไป คลายไป ความทุกข์ก็น้อยลงๆ...