คุณอย่าไปคิดว่าโอ้ พระพุทธเจ้าไปนิพพาน นิพพานไปเสียแล้ว รออะไร อยู่ที่ไหน นี่มันจะโง่หนักขึ้นไปอีก ถ้าคุณจะคิดว่าพระพุทธเจ้าไม่ได้รอเราอยู่ ท่านนิพพานเสียแล้ว แต่ขอบอกให้คนโง่ที่สุดว่า พระพุทธเจ้ายังรออยู่ ยังรออยู่ ยังรอคอยท่านทั้งหลายเหล่านี้ มีความรู้ในข้อนี้ ปฏิบัติได้ในข้อนี้ ท่านยังรอเราอยู่ รอวินาทีสุดท้าย รอตลอดนิรันดรนั้น รออยู่ตลอดนิรันดรว่าเมื่อไรสัตว์เหล่านี้มันจะรู้จักพระนิพพานคือความมิใช่อารมณ์ ความไม่มีอารมณ์
.
ไปหาดูชิที่ตรงไหนที่พระพุทธเจ้าไม่ได้รออยู่ ถ้ารู้จักพระพุทธเจ้า ถ้าเป็นผู้ที่รู้จักพระพุทธเจ้า รู้จักพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์แล้ว ก็จะรู้สึกว่า มีอาการเหมือนท่านรออยู่ รอเราอยู่ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มีอาการเหมือนกับรอเราอยู่ว่า เมื่อไรสัตว์เหล่านี้มันจะมา เมื่อไรสัตว์เหล่านี้มันจะรู้เรื่องนี้ จะรู้เรื่องพระนิพพานน่ะ ท่านรออยู่อย่างนี้ จะรู้เรื่องพระนิพพานน่ะ ท่านรออยู่อย่างนี้ นี่ก็จะมัวประมาทกันอยู่ได้อย่างไร ข้อนี้ไม่มีทางแก้ตัวหรอก พระพุทธเจ้ายังรออยู่ตลอดเวลา นิรันดร นิรันดร ตลอดกาล นิรันดร ยังรอเราอยู่ว่า เมื่อไรสัตว์เหล่านี้จะรู้ธรรม นี่ข้อแรก
.
หรือจะให้กว้างกว่านั้นก็ เมื่อไหร่โลกนี้จะมีสันติภาพ โลกไม่มีธรรมะ ไม่รู้จักพระนิพพาน โลกไม่มีสันติภาพ โลกกี่พันล้านคน พันล้านล้านคน ก็ไม่มีสันติภาพ เพราะมันดีแต่ที่จะเห็นแก่ตัวดี มันดีแต่ที่จะเอาเปรียบกัน ดีแต่สะสมแต่กามารมณ์ ทั้งโลก ทั้งโลก ทั้งพระ ทั้งฆราวาส ทั้งพุทธ และทั้งมิใช่พุทธ มีแต่เรื่องกามารมณ์ มันจะรู้พระนิพพานได้อย่างไร
.
ขอให้มองเห็น ให้เชื่อถึงที่สุดว่า พระพุทธเจ้ายังรอเราอยู่ รอตลอดกาลนิรันดร เมื่อไรสัตว์เหล่านี้จะมีธรรมะ เมื่อไรสัตว์เหล่านี้จะรู้สึกพระนิพพาน รู้แจ้งพระนิพพาน ท่านรอเราอยู่ ท่านรอเราอยู่ ท่านรอเราอยู่
.
ในทางปริยัติก็ท่านรอเราว่า เมื่อไรมันจะเรียนรู้เรื่องนี้เสียที ในทางปฏิบัติก็ท่านรอเราว่าเมื่อไรมันจะปฏิบัติเรื่องนี้กันได้เสียทีในทางปฏิเวธก็ท่านรอเราอยู่ว่าเมื่อไรมันจะรู้เรื่องพระนิพพานนี้เสียที มันเหลืออยู่แต่คำพูดคำเดียวว่า ถ้ารู้เรื่อง ไม่มีอารมณ์ มิใช่อารมณ์นั่นแหละรู้เรื่องพระนิพพาน ปริยัติก็ดี ปฏิเวธก็ดี สรุปรวมเข้าไปอยู่ในเรื่องพระนิพพานทั้งหมด
.
หัวใจนิพพาน : พุทธทาสภิกขุ (น.๑๓๓)