รู้จักสิ่งทั้งหลายทั้งปวงตามที่เป็นจริง ว่าจะไปยึดมั่นถือมั่นเอามาเป็นตัวกู - ของกูไม่ได้
ให้ไปเรียนจบมหาวิทยาลัยทุกมหาวิทยาลัยทั้งโลกในโลก คุณก็ไม่ได้สิ่งนี้; ท้าทายอย่างนี้ แล้วคุณเรียนไหวหรอ จบทุกมหาวิทยาลัยทุกแห่งในโลก คุณก็ทำไม่ได้ ใช่ไหม ? คุณจะทำได้คุณก็ไม่ได้สิ่งนี้ ไม่ได้ชีวิตชนิดนี้. เพราะฉะนั้นจึงต้องมาหาธรรมะ คำสอนของพระพุทธเจ้าที่สอนให้รู้เรื่องของโพธิ โพธิ : รู้จักสิ่งทั้งหลายทั้งปวงตามที่เป็นจริง ว่าจะไปยึดมั่นถือมั่นเอามาเป็นตัวกู - ของกูไม่ได้.
ความรู้สึกว่าเป็นตัวกู - ของกู มันเกิดเพราะความหลงบวก - หลงลบ, ถ้าถูกใจมันเกิดตัวกูบวก ไม่ถูกใจมันก็เกิดตัวกูลบ. ความรู้สึกว่าตัวกูนี้เป็นมายา เกิดมาจากความรู้สึกอย่างใดอย่างหนึ่ง ที่มีขึ้นเองในจิตใจด้วยสิ่งแวดล้อม เช่น เกิดความรู้สึกที่เป็นความรักขึ้นมาในใจ มันจะเกิดตัวกูผู้รัก, ตัวกูผู้รักน่ะมันเกิดทีหลังความรัก อารมณ์ปรุงแต่งอย่างอื่นทำให้เกิดความรักปรากฏอยู่ในจิตใจ ความโง่ซ้ำสองก็เกิดในตัวกูผู้รัก; ความโกรธก็เหมือนกัน เกิดโกรธขึ้นมาแล้ว มันก็เกิดความรู้สึกว่าตัวกูผู้โกรธ; การได้ - การเสีย การแพ้ - การชนะ รู้สึกสุข - รู้สึกทุกข์ อย่างไหนก็ตามเกิดขึ้นในใจแล้ว มันจึงเกิดตัวกูผู้เป็นเช่นนั้น. ตัวกูเป็นมายา เกิดทีหลังความรู้สึกที่เป็นการกระทำ; พวกคุณก็จะคัดค้านว่าผิด logic แล้ว ทำไมตัวผู้กระทำเกิดทีหลังการกระทำ, แล้วอะไรจะทำล่ะ ?
นั่นแหละหัวใจพระพุทธศาสนา ว่าการปรุงแต่งทำให้เกิดความรู้สึกอย่างนั้นอย่างนี้ขึ้นมา แล้วเกิดความรู้สึกเป็นตัวกู ผู้กระทำอย่างนั้นอย่างนี้. นี้คือตัวกูมันเป็นมายา มันเป็นอนัตตา ไม่ได้มีตัวจริงเลย. เพราะฉะนั้นเราจึงหลงบวก - หลงลบ มีตัวกูบวก - มีตัวกูลบ; บวกก็กัดเอาอย่างบวก ลบก็กัดเอาอย่างลบ ถ้าเป็นตัวกูแล้วกัดทั้งนั้น ไม่ว่าตัวกูบวกหรือตัวกูลบ. เราจะต้องอยู่เหนือนั่น คือไม่หลงบวกและไม่หลงลบ ถึงที่สุดก็เป็นพระอรหันต์; ไม่ถึงที่สุดก็เป็นรองๆ ลงมา อย่างต่ำก็เป็นปุถุชนชั้นดี ที่ชีวิตนี้ไม่สู้จะกัดเจ้าของ. เขาให้ภาวนาไว้ว่าเราจะมีชีวิตชนิดที่ไม่กัดเจ้าของ ด้วยความรัก ความโกรธ ความเกลียด ความกลัว ความตื่นเต้น วิตกกังวล อาลัยอาวรณ์ อิจฉาริษยา หวงหึง เป็นต้น.
จากหนังสือพลังผลักดันของชีวิต (น.๓๙)
พุทธทาสภิกขุ
พระราเชนท์ อาจริยวํโส
รวบรวม