เกิดมาเป็นมนุษย์ควรจะสนใจปฏิบัติทางที่สุดแห่งทุกข์
ถ้าคิดว่าเกิดมาเพื่อหาเงินหาของ ทำไร่ ทำนา หากินไปจนกว่าจะตาย แล้วก็เกิดมาทำอย่างนั้นอีก นี้มันก็อย่างหนึ่ง, แต่ถ้าคิดว่าเกิดมาเพื่อศึกษาในเรื่องศีล สมาธิ ปัญญา ปฏิบัติให้ครบถ้วนแล้วหยุดเกิดการเสียที นี้มันก็อย่างหนึ่ง ; ไม่มีทางที่จะเหมือนกันเลย.
อย่างแรกเกิดมาทำนาจนตายทุกๆ ชาติไป, ทำสวนจนตายทุกๆ ชาติไป, หรือค้าขายจนตายทุกๆ ชาติไป, หรือทำราชการจนตายทุกๆ ชาติไป ; มีแต่อย่างเดียวเท่านั้น ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้. แต่อย่างหลังนั้นเกิดมาเพื่อศึกษาปฏิบัติในศีล สมาธิ ปัญญา, ทำจิตใจให้สะอาด สว่าง สงบ, แล้วไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป.
เป็นอันว่าเราต้องเกิดมาเพื่ออย่างนี้ เราทำอย่างนี้ให้ได้ ; ส่วนที่ทำไร่ ทำนา หรือทำอาชีพอย่างไรอย่างหนึ่ง นั้นเป็นของเล็กน้อย คือทำพอให้ได้มีชีวิตอยู่สำหรับปฏิบัติ ศีล สมาธิ ปัญญา. ตัวการตัวงานของเรานั้น คือการศึกษาและปฏิบัติในส่วน ศีล สมาธิ ปัญญา, ดับกิเลส ดับทุกข์ได้ แล้วก็สิ้นสุดกัน ; ไม่ใช่เกิดมาทำนาจนตาย, ค้าขายจนตาย, ทำราชการจนตาย, หรืออะไรทำนองนั้น ซึ่งไม่มีที่สิ้นสุด, นั่นแหละคือเปรตตัวที่สาม ซึ่งจะต้องร้องอยู่เสมอว่า นตฺถิ อนฺโต กุโต อนฺโต --- ที่สุดไม่มี ที่สุดจะมีมาแต่ไหน ? ที่สุดจะไม่ปรากฏแก่พวกเราเลยทั้งแกและฉัน เพราะว่าได้ทำบาปไว้ไม่มีที่สิ้นสุด ดังนี้.
ถ้าผู้ใดมีความรักตัว มีความสงวนตัว ถนอมเกียรติของตัว ในการที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ; พิจารณาดูให้ดีว่า หน้าที่ของเราโดยตรงก็คือ กระทำที่สุดของทุกข์แล้ว จงได้สนใจในการที่จะศึกษา และปฏิบัติ ทำที่สุดแห่งทุกข์ในทางใจนี้ให้ถึงที่สุด. อย่าเพียงแต่ว่า ทำที่สุดเล็กๆ น้อยๆ มีกินมีใช้ไปจนตาย แล้วก็จะถึงที่สุด.
จากหนังสือศารทกาลิกเทศนา เล่ม ๑ (น.๑๙)
พุทธทาสภิกขุ
พระราเชนท์ อาจริยวํโส
รวบรวม