ถ้าลงยึดมั่นถือมั่นแล้วเป็นไม่มีความสุขเลย เพราะมันจะหนักชนิดใดชนิดหนึ่งอยู่ในตัว "ความเป็น" นั่นเอง หากแต่ว่าความทุกข์บางอย่างมันไม่แสดงออกมาให้เห็น แล้วมันมีความสนุกสนานเพลิดเพลินอะไรบางอย่างกลบเกลื่อนไว้ มันจึงทนทุกข์ในการมีการเป็นได้ ทะเยอทะยานตื่นหรือเห่อที่จะเป็นนี่กันอยู่ได้ด้วยการถูกหลอก
ที่จริงนั้น ธรรมชาติหลอกให้คนเราสู้ทนทุกข์ เช่นตัวอย่างที่เห็นง่ายๆ ในกรณีที่ทุกข์ เพราะการสืบพันธุ์ เพราะการคลอดบุตรนี้มันหลอกได้อย่างที่ตนเองก็สมัครใจทีเดียว ถ้าเขามองเห็นความจริงข้อนี้แล้ว ก็คงไม่เล่นด้วยกับการหลอกลวงของธรรมชาตินั้นเลย เป็นคนดีสนุกไหม? เป็นคนชั่วสนุกไหม? ลองดู
หรือว่าใกล้เข้ามาอีกว่า เป็นคนมีบุญน่าเป็นไหม? เป็นคนมีบาปน่าเป็นไหม? คนที่ผลีผลามไม่ดูไม่แลอะไร คงจะยกมือทันทีว่า เป็นคนมีบุญน่าสนุกกันใหญ่ แต่คนที่เขาผ่านบุญมาโดยสมบูรณ์แล้วก็จะสั่นหัวว่า คนมีบุญก็ต้องเป็นทุกข์ไปตามแบบตามประสาของคนที่ยึดมั่นถือมั่นว่าตนมีบุญ นี่คนมีบุญจะต้องเป็นทุกข์ไปตามประสาคนมีบุญ เช่นเดียวกับที่คนมีบาป ต้องเป็นทุกข์ไปตามประสาคนมีบาป
ธรรมะใกล้มือ วิธีปฏิบัติเพื่อเป็นอยู่ด้วยความว่าง (น.๒๖)
ชุดแก่นพุทธศาสน์ หนังสือชนะเลิศรางวัล UNESCO
แห่งสหประชาชาติ พ.ศ.๒๕๐๘