รู้ความลึกซึ้งในข้อที่ว่า สิ่งทั้งปวงมันเป็นอย่างนั้นเอง มันเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา สุญญตา กระทั่ง ตถาตาในที่สุด ซึ่งเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา
คำว่า ตถาตา สรุปออกมาจากเรื่องปฏิจจสมุปบาท หรือ อิทัปปัจตยตา คือเรื่องอิทัปปัจจยตาหรือปฏิจจสมุปบาทนั้น มันสรุปได้เป็นคำเดียวสั้นๆ ว่า ตถาตา คือ มันเป็นอย่างนั้นเอง เป็นอย่างนั้นเองคือเป็นอย่างไร ก็คือเป็นอย่างที่กล่าวไว้อย่างยืดยาวในรูปของปฏิจจสมุปบาท เป็นอวิชชา สังขาร วิญญาณ นามรูป อายตนะ ฯลฯ แล้วแต่มันจะมีสายยืดยาวสักเท่าไร มันเป็นอย่างนั้นเอง คือความเป็นอย่างนั้น พอเห็นความเป็นอย่างนั้นแล้ว มันก็หมดความลึกลับ เพราะเรามารู้ความจริงถึงที่สุด ที่ลึกซึ้งที่สุดว่ามันยึดถือไม่ได้ จะยึดถือเป็นตัวเราหรือเป็นของเราไม่ได้ นี่คือความลึกซึ้งที่เราเข้าถึงแล้ว เราพบแล้ว เราก็รอดออกจากความลึกลับ ความลึกลับทำอะไรเราไม่ได้ เราก็ไม่ต้องเป็นทุกข์ เพราะอวิชชาหรือความลึกลับนั้นอีกต่อไปอย่างนี้ ฉะนั้นเรา จงสนใจหลักธรรมในรูปแบบ อย่างนี้ คือรูปแบบ ที่ลึกซึ้งแต่ไม่ต้องลึกลับ
จากหนังสือธรรมะในฐานะวิทยาศาสตร์ (น.๖๖)
พุทธทาสภิกฺขุ