ในชีวิตทุกรูปแบบนี้ เราก็จะแจกไปได้ว่ามันมีอะไรบ้าง ว่ามีความทุกข์ มีเหตุให้เกิดทุกข์ มีความดับทุกข์ และทางให้ถึงความดับทุกข์ ที่เรียกว่า อริยสัจจ์ ๔ นี้ก็เป็นเรื่องของชีวิตในแง่มุมหนึ่งๆ ทั้งนั้น พระพุทธเจ้าท่านทรงเห็นว่า ทั้งหมดนี้มันก็เป็นธรรมดา จึงตรัสเรียกว่าโลก คล้ายกับจะตรัสบอกว่า โลกนั้นมันไม่มีอะไรมากไปกว่าเรื่องความทุกข์ เรื่องเหตุให้เกิดทุกข์ เรื่องความดับทุกข์ และทางให้ถึงความดับทุกข์
เราฟังคำของพระองค์ก็ชักจะงงๆ เพราะว่าเราพูดกันแต่ภาษาคน ว่าโลกทั้งโลกหรือทุกๆโลกนี้มันใหญ่กว้างมโหฬาร ทำไมจะมาอยู่ในร่างกายที่ยาวเพียงวาหนึ่งหนาคืบหนึ่ง กว้างศอกหนึ่งนี้ได้ นี่คือเรื่องที่ต้องให้เข้าใจกันต่อไปในวันนี้ ว่าในกายที่ยาววาหนึ่งนี้ มันมีอะไรในนั้นหมด มีโลกทุกรูปแบบ ความทุกข์ก็อยู่ในนั้น ความดับทุกข์ก็อยู่ในนั้น ในกายที่ยาวสักวาหนึ่งเท่านั้น แล้วก็มีวัฏฏจักรสงสารก็อยู่ในนั้น มีนิพพานก็อยู่ในนั้น โลกทั้งหมดและความดับแห่งโลกทั้งหมด ก็มีอยู่ในนั้น คือในร่างกายของเราที่ยาวประมาณวาหนึ่งนี้ นี่เรียกว่ามันน่าสนใจสักเพียงใร นี้ใครเคยเห็นและเคยรู้จัก ว่าอะไรๆ มันอยู่ในร่างกายที่ยาวประมาณวาหนึ่งนี้บ้าง ความรู้สึกของคนทั่วไป จะเห็นร่างกายเป็นเพียงร่างกายเน่าหนอน ไม่เท่าไหร่ก็ตาย เอาไปเผาเอาไปฝัง หารู้ไม่ว่าในร่างกายชนิดนั้นมันมีอะไรหมด มีโลกทั้งหมด มีธรรมทั้งปวง ธรรมทั้งปวงที่ว่า ตัวธรรมชาติ ก็ดี ตัวกฎของธรรมชาติ ก็ดี หน้าที่ตามกฎของธรรมชาติ ก็ดี ผลเกิดจาก หน้าที่ตามธรรมชาติ ก็ดี รวมอยู่ในร่างกายที่ยาวสักวาหนึ่งนี้เท่านั้น
ธรรมะในฐานะวิทยาศาสตร์ (น.๗๘)
พุทธทาสภิกขุ