มีและเป็นโดยไม่ยึดมั่นถือมั่น
ขอให้ไปดูในเรื่องนี้ว่า ถ้าไปยึดมั่นว่าเป็นตัวเราหรือเป็นของเราแล้ว มันก็หนักอกหนักใจนอนไม่หลับทั้งนั้นแหละ เพราะฉะนั้นอย่าไปยึดมั่นถือมั่นเอามาเป็นเราของเราเลย ให้มันเป็นไปตามเหตุตามปัจจัยเช่นนั้นเอง ถ้าเราจะเอามากิน มาใช้มาเกี่ยวข้อง ก็ให้รู้จักเช่นนั้นเอง ใช้อย่างเช่นนั้นเอง อย่าเอามาเป็นตัวกู เอามาเป็นของกู ให้มันเป็นเช่นนั้นเองตามธรรมชาติ
เงินทอง ข้าวของ วัวควาย ไร่นา ก็มีอย่างเช่นนั้นเอง จะกินจะใช้ก็ทำไปเช่นนั้น อย่าเอามายึดมั่นถือมั่นว่าเป็นตัวกู เป็นของกู เป็นตัวเราเป็นของเรา ให้มันเป็นเช่นนั้นเองไปตามธรรมชาติ วัวควายไร่นาก็ให้มันอยู่ในทุ่งนา อย่ามาอยู่บนหัวของเจ้าของนอนไม่หลับ เงินเอาไปฝากไว้ในธนาคารก็อยู่ในธนาคาร อย่ามาสุมอยู่บนหัวของเจ้าของ แล้วนอนไม่หลับ ลูกหลานเหลนก็เหมือนกันแหละ ให้มันเป็นเช่นนั้นเอง ให้มันถูกต้อง อย่ามาสุมอยู่ในอกในใจ จนคนแก่ๆ นอนไม่หลับ นี่เพราะยึดมั่นถือมั่นแล้วมันเป็นอย่างนี้ทั้งนั้น จะทำให้เป็นทุกข์ทรมาน เรียกว่า มันกัดเอา
ถ้าปล่อยให้อยู่ตามธรรมชาติ มันก็ไม่ทำอันตราย มันเป็นเช่นนั้นเอง แต่พอเมายึดถือว่าตัวกู - ของกู มันก็กัดเอาทันที เพราะยึดมั่นถือมั่น มันจึงกัดเอา เหมือนกับว่าถ้าเรายกขึ้นมาหิ้วไว้ มือมันก็หนัก ไม่หิ้วมันก็ไม่หนักมือ ถ้าเราปล่อยวางเสียมันก็ไม่หนักมือ พอเรามาหิ้วมาถือไว้ มันก็หนักมือ นั่นแหละคือมันกัดเอา
จะมีก็มีโดยที่ไม่ต้องยึดมั่นถือมั่น มีอย่างถูกต้องตามเช่นนั้นเอง ก็มีได้ มีเงิน มีทอง มีอะไรก็มีได้ โดยไม่ต้องหนักอกหนักใจ ถ้ามีไม่เป็นแล้วมันก็กัดเอา มันหนักอกหนักใจ นอนไม่หลับ เป็นบ้าก็มี ฆ่าตัวตายก็มี เพราะมีเป็นตัวกูเป็นของกู นี้มันเกิดความเข้าใจผิดเป็นตัวเป็นของตัวขึ้นมา มันก็เห็นแก่ตัว
ธรรมในสวนโมกข์ : พุทธทาสภิกขุ (น.๒๖๕)