สวรรค์อยู่ในอกนรกอยู่ในใจ
ธรรมะนั้นมันเป็นเรื่องจิตใจ พระธรรมเป็นเรื่องจิตใจ เป็นเรื่องความรู้ที่ตั้งอยู่บนจิตใจ พระธรรมไม่ใช่วัตถุ พระธรรมไม่ใช่โบสถ์วิหารเจดีย์ ไม่ใช่พระพุทธรูป ไม่ใช่คัมภีร์พระไตรปิฎก พระธรรมนั้นเป็นเรื่องทางจิตใจ ความรู้ของจิตใจ อยู่ที่จิตใจ
ผู้ที่เขารู้เขาเห็น ความข้อนี้ เขาจึงเอาเรื่องในใจเป็นหลัก คำพูดจึงได้เกิดขึ้นมาว่า สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ นิพพานก็เหมือนกัน แต่ไม่ค่อยมีใครพูด ที่ชาวบ้านพูดกันโดยมาก อย่างเก่งก็พูดว่า สวรรค์ในอกนรกในใจ ที่จะพูดว่านิพพานก็อยู่ในใจ นั้นไม่ค่อยได้ยินพูด. แต่เอาเถอะ มันพอแล้วแหละ มันพอแล้ว ว่าสวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ อกใจในที่นี้นี่อย่างเดียวกันแหละ คืออยู่ในจิตใจ พอทำผิดก็เป็นนรกขึ้นมาในจิตใจ เบ็นมารร้ายขึ้นมาในจิตใจ พอทำถูกก็เป็นสวรรค์อยู่ในจิตใจ เบ็นเทพเจ้าอยู่ในจิตใจ
นี่ช่วยกันระวังให้ดี มันจะโง่มากเกินไปนะ ระวังให้ดี เพราะว่ามันได้เกิดอยู่จริง ในหัวใจของเรา มันเกิดแล้วเกิดเล่า เกิดแล้วเกิดอีก อยู่ในหัวใจของเรา แล้วเรายังไม่รู้นี่ เราโง่สักเท่าไร ทั้งที่สวรรค์ในอกนรกในใจนี่ มันเกิดแล้วเกิดเล่าอยู่ในหัวใจของเรา จนนับไม่ถ้วนแล้วเราก็ยังไม่รู้ นี้คือคนประมาท นี้คือคนหลับตา ยังหลับอยู่ ยังไม่ตื่นจากหลับ คือกิเลส ยังไม่ตื่นจากหลับคือกิเลส จึงไม่รู้ว่าสวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ
ฟ้าสางระหว่าง ๕๐ ที่สวนโมกข์ ตอน ๑
ธรรมโฆษณ์ l พุทธทาสภิกขุ (น.๒๒๗)