เวลามันจะกินเราเมื่อเราโง่เป็นทาสของกิเลสตัณหา
พระพุทธเจ้าตรัสว่า ถ้าใครฆ่าตัณหาได้ คนนั้นกินเวลา ถ้าเราตกเป็นทาสของกิเลสตัณหา เวลามันกินเรา เวลามันกัดกินเราเมื่อเราโง่ เป็นทาสของกิเลสตัณหา ให้ตัณหามันอยาก แล้วมันคอยจนกว่าจะสมอยาก เวลานั้นมันก็กัดกินเรา นี้ถ้า #ใครฆ่าตัณหาทำลายตัณหาได้กลายเป็นคนนั้นกินเวลา นี้เรียกว่าชนะแก่เวลา คนโน้นมันแพ้แก่เวลา คนนี้มันชนะแก่เวลา
คนที่ชนะแก่เวลานี้จะอยู่เป็นสุข เยือกเย็นเป็นพระนิพพาน คนที่พ่ายแพ้แก่เวลา มันก็เป็นทุกข์เหมือนกับตกนรก" เป็นสัตว์นรก นี่เรียกว่าเวลามันเกี่ยวกับความรู้สึกของมนุษย์ จะให้เป็นทุกข์อย่างไร ก็ได้
ถ้าเราชนะเวลาได้ ทำให้เวลาหมดความหมาย มันก็เป็นสุข เวลามันหยุดเมื่อลุถึงนิพพาน "เมื่อจิตใจบรรลุถึงวิสังขารหรือนิพพาน เวลาหมดความหมาย"
เวลาหยุดหมด เพราะไม่มีกิเลสตัณหาสำหรับที่จะเป็นเวลาที่ทรมานคน และแม้ว่าร่างกายจะเปลี่ยนแปลงไปตามเวลาในส่วนรูปธรรม ก็ไม่มีความหมายแก่จิตใจที่ลุถึงนิพพานแล้ว เพราะ "นิพพานเป็นที่จบสิ้นของเวลา ทั้งฝ่ายรูปธรรมและฝ่ายนามธรรม"
ฉะนั้น "นิพพานจึงเป็นของประหลาดสูงสุด คือว่าหยุดเสียซึ่งความหมายแห่งเวลา" ผู้ใดลุถึงพระนิพพาน ก็หมดความหมายของเวลา "กลายเป็นนิรันดร นิรันดรนี้ไม่ใช่ว่าเป็นไปตามเวลา นิรันดรนี้หมายความว่าอยู่เหนือเวลา" เหนือความหมายของเวลา เวลาไปจบลงที่นิรันดร คือนิพพาน นิพพานเป็นนิรันดรอย่างนี้
พุทธทาสภิกขุ l ธรรมโฆษณ์
ธรรมะในฐานะวิทยาศาสตร์ (น.129)