ยิ่งเรียนพระคัมภีร์มากเท่าไร ก็ยิ่งไม่รู้ตัวแท้ของศาสนายิ่งขึ้นเท่านั้น เพราะเหตุว่าตัวแทนของศาสนานั้น เป็นสิ่งที่รู้จักได้ด้วยการปฏิบัติลงไปจริงๆ เท่านั้น
นี่เรียกว่าเราตามหาตัวศาสนาเหมือนกับขึ้นต้นไม้ลงมาจากทางปลายกันอยู่ทั่วไปในสมัยนี้ และในทุกๆ ศาสนา ส่วนคนในสมัยโบราณโน้น เขาไม่มีตำราและความรู้ท่วมหัวเหมือนคนสมัยนี้ หรือแทบจะกล่าวได้ว่าตั้งต้นขึ้นมาโดยไม่มีความรู้อะไรเลย แล้วรับเอาคำสอนเพียงทีละข้อสองข้อไปปฏิบัติสูงเรื่อยขึ้นมาตามลำดับๆ เขาจึงเข้าถึงตัวแท้ของศาสนาได้ ในลักษณะที่เหมือนกับขึ้นต้นไม้ขึ้นไปจากทางโคน ดังที่กล่าวนั้นเอง
ดังนั้นพวกเราในโลกสมัยนี้ทั้งหมดจะต้องมีความผ่อนผันสั้นยาวกัน เห็นใจกันในข้อที่ตกอยู่ในภาวะแห่งความเขลาโดยไม่รู้สึกตัวเช่นเดียวกัน การตีปัญหาทางศาสนาในข้อความใดๆ ย่อมเป็นการง่ายที่จะแตกต่างกัน และเดินกันคนละทางห่างกันออกไป กระทั่งเห็นเป็นศัตรูกันเพราะความรู้ที่ต่างคนต่างมีอย่างท่วมหัวของตนไปละแนวๆ แล้วมาตีปัญหาหัวข้อเดียวกันเช่นนี้
คริสธรรมและพุทธธรรม
พุทธทาสภิกขุ