PAGODA

  • Create an account
  • Forgot your username?
  • Forgot your password?
or

Connection

Your e-mail is required to ensure the proper functioning of the Website and its services and we make a commitment not to reveal it to third parties

  • หน้าแรก
  • ฐานข้อมูล
  • เสียง
  • วีดิทัศน์
  • E-Books
  • กิจกรรม
  • บทความ
PAGODA
  • หน้าแรก
  • ฐานข้อมูล
  • เสียง
  • วีดิทัศน์
  • E-Books
  • กิจกรรม
  • บทความ

เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก

เข้าสู่ระบบ

  • สมัครสมาชิก
  • ลืมชื่อผู้ใช้?
  • ลืมรหัสผ่าน?

Search

  • หน้าแรก
  • บทความ
  • ภาคความรู้ทั่วไป
  • การบรรลุมรรคผลก็คือละความยึดมั่นถือมั่นได้

การบรรลุมรรคผลก็คือละความยึดมั่นถือมั่นได้

การบรรลุมรรคผลก็คือละความยึดมั่นถือมั่นได้ รูปภาพ 1
  • Title
    การบรรลุมรรคผลก็คือละความยึดมั่นถือมั่นได้
  • Hits
    661
  • 10003 การบรรลุมรรคผลก็คือละความยึดมั่นถือมั่นได้ /general-knowledge/2021-08-19-09-58-26.html
    Click to subscribe
  • Average rating
    • 1
    • 2
    • 3
    • 4
    • 5
  • ผู้เขียน
    พุทธทาสภิกขุ
  • ชื่อชุด
    ธรรมโฆษณ์

การบรรลุมรรคผล เป็นพระโสดาบัน พระสกิทาคามี นี้หมายความว่าจิตเข้าระดับ เข้าระดับที่ความยึดมั่นถือมั่นได้ถูกละไป ถึงสัดส่วนที่ว่าจะกลับเพิ่มอีกไม่ได้ มีแต่จะหมดไป หมดไป หมดไป ฉะนั้น หมดไปบางส่วนแค่นั้นๆ ก็เรียกว่าพระโสดาบัน หรือหมดถึงขนาดนั้นก็เรียกว่าเป็นพระสกิทาคามี อนาคามี หมดเลยก็คือเป็นพระอรหันต์ หมดความยึดมั่นถือมั่นเลย

เพราะเหตุนี้เขาจึงได้มีหลักว่า พระโสดาบันละสักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส ทิฏฐินั่นแหละคือยึดมั่นถือมั่น พระโสดาบันจะต้องละ จึงเป็นพระโสดาบันได้ ส่วนบุคคลปุถุชนนั้นยังมีอยู่ ปุถุชนเป็นพระก็ได้เป็นฆราวาสก็ได้ ถ้ายังมีสักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาสเต็มที่อยู่ ก็เลยเป็นปุถุชน ถ้าละความยึดมั่นถือมั่นที่เรียกชื่อว่าสักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส ได้ตามส่วนที่วางไว้ ก็เรียกว่าเป็นพระโสดาบัน

ละ สักกายทิฏฐิ คือละความยึดมั่นถือมั่นที่เป็นตัวกู - ของกู วิจิกิจฉา นี้ ยึดมั่นถือมั่นไปในทางทิฏฐิ ความคิดความเห็นที่เคลือบแคลงสงสัย ส่วนสีลัพพตปรามาสนั้น ยึดมั่นถือมั่นในการปฏิบัติที่กระทำมาแล้วอย่างงมงายตลอดเวลา เมื่อละความยึดมั่นถือมั่นทำนองตัวกู-ของกูเสียตามส่วน แม้ไม่ใช่ละได้หมดเลย แล้วก็ละความยึดมั่นถือมั่นเรื่องทิฏฐิที่ผิดๆ ที่ทำให้สงสัยลังเลกังขาอะไรอย่างนี้ตามส่วน เสียส่วนหนึ่ง ละยึดมั่นถือมั่นในความงมงาย ปฏิบัติอย่างงมงาย เชื่ออย่างงมงาย มาแต่ก่อนเสียตามส่วน ทำได้อย่างนี้ก็เป็นพระโสดาบัน ทีนี้ก็เพิ่มมากขึ้นๆ จนสูงขึ้นไปจนหมดเลย ก็เป็นพระอรหันต์

พุทธทาสภิกขุ
ธรรมปาฏิโมกข์เล่ม 1 (น.14 ภาคนำ)

logo

  • เกี่ยวกับเรา
  • ติดต่อเรา
  • จดหมายข่าว
  • Privacy Policy
  • Terms of Service