เศรษฐีในพุทธศาสนามีความหมายห่างไกลลิบจากคำว่านายทุน
เศรษฐี ถ้าเป็นเศรษฐีในพุทธศาสนาก็จะมีความหมายห่างไกลลิบจากคำว่านายทุน เศรษฐีที่นอกไปจากพุทธศาสนาจะมีความหมายตามความหมายของคำว่านายทุน คือกอบโกยส่วนเกินเข้ามาเรื่อยๆๆ จนไม่รู้ว่าจะเอาไปไหน แต่ถ้าว่าเป็นเศรษฐีในทางพุทธศาสนา ก็หมายความว่าวัดกันได้ด้วยโรงทาน โรงมีไว้สำหรับให้ทานแก่คนอนาถา ถ้ายิ่งมีโรงทานมากโรงก็เป็นเศรษฐีใหญ่ มหาเศรษฐี วัดกันด้วยการที่เขามีโรงทานมาก
เพราะฉะนั้นเศรษฐีจะผลิตส่วนเกินก็ได้ มีบ่าวไพร่ข้าทาสช่วยกันผลิตส่วนเกินมากมายมหาศาลก็ได้ แต่แล้วเอามาตั้งโรงทานมันเป็นสังคมสงเคราะห์อย่างนี้ ถ้าเป็นเศรษฐีประเภทอื่นก็เป็นนายทุน ก็สะสมทุนไว้ แล้วใช้ทุนต่อกำไรเรื่อยไปไม่มีที่สิ้นสุด เศรษฐีชนิดนั้นถ้ามีทาสก็มีทาสไว้สำหรับใช้แรงงานอย่างกดขี่ แต่ถ้าเป็นเศรษฐีในพุทธศาสนาก็มีทาสไว้ช่วยร่วมมือกันผลิตส่วนเกินเพื่อการสังคมสงเคราะห์ กล้าท้าให้ไปศึกษาดูในประวัติเรื่องราวของเศรษฐีที่เป็นเศรษฐีในพุทธศาสนาในคัมภีร์ทั้งหลาย
พุทธทาสภิกขุ
ธัมมิกสังคมนิยม (น.32)