เราทั้งหลายควรเข้าเกี่ยวข้องกับพุทธศาสนา ในฐานะที่เป็นศิลปะ (Art) ซึ่งในที่นี้หมายถึง ศิลปะแห่งการครองชีพ คือเป็นการกระทำที่แยบคายสุขุม ในการที่จะมีชีวิตอยู่เป็นคน ให้น่าดู น่าชม น่าเลื่อมใส น่าบูชา เป็นที่จับอกจับใจแก่คนทั้งหลาย
อาตมาใช้คำว่า ศิลปะ ในที่นี้มิได้หมายความว่าเป็นสิ่งหลอกลวงทำนอง Artificial แต่หมายความว่าเป็นสิ่งที่มีความงดงามมาก ตามความหมายของศิลปะที่บริสุทธิ์แท้จริง จนจับใจคนอื่นให้พอใจทำตามเรา ด้วยความสมัครใจของเขาเอง ไม่ต้องแค่นเข็นกัน
ขอให้เราปฏิบัติตามหลักธรรมในพุทธศาสนา ในฐานะเป็น #ศิลปะแห่งการเป็นคน หรือการดำรงชีพอยู่เป็นคน ซึ่งมีความงดงามอยู่ที่กาย วาจา ใจ ของเรา ซึ่งใครดูแล้วจะเกิดความรัก ความพอใจ ยินดีทำตามเรา
เราจะมีความงดงามในเบื้องต้น ด้วยศีลบริสุทธิ์สะอาดดี
มีความงดงามในท่ามกลาง ด้วยการมีสมาธิ คือมีจิตใจสงบเย็น เหมาะสมที่จะทำงานทางจิต
มีความงดงามในเบื้องปลาย คือสมบูรณ์ด้วยปัญญา รู้แจ้งสิ่งทั้งปวง ว่าอะไรเป็นอะไร จนไม่มีความทุกข์เกิดขึ้นเพราะสิ่งทั้งหลาย
เมื่อใครมีชีวิตอยู่ด้วยความงาม ๓ ประการ ในลักษณะเช่นนี้แล้ว ถือว่าเป็นผู้มีศิลปะแห่งการดำรงชีวิตอย่างสูงสุด ความงามของศิลปะอันนั้นจะดึงดูดใจบุคคลที่พบเห็นโดยรอบข้าง ให้ยินดีปฏิบัติตามเรา ในฐานะเป็นศิลปะแห่งการครองชีวิตมากออกไปๆ โดยปราศจากความยากลำบากในการที่จะแค่นเข็นกัน
แต่อย่างไรก็ตาม การปฏิบัติธรรมในแง่ของศิลปะอย่างนี้ ก็ไม่พ้นที่จะเป็นตัวแท้ของพุทธศาสนา เพราะว่าการครองชีพอยู่อย่างมีความสะอาด สว่าง สงบ ถึงที่สุดนั่นแหละ เป็นตัวแท้ของพุทธศาสนา
อาตมาสังเกตเห็นชาวตะวันตก สนใจพุทธศาสนาในฐานะเป็นศิลปะแห่งชีวิต หรือ Art of life โดยนัยนี้กันเป็นอันมาก และเขียนกันมากกว่าในแง่อื่น ฉะนั้นจึงนำมาบอกกล่าวสู่กันฟัง ว่ายังมีวิถีทางของศิลปะ ที่จะนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์แก่พุทธบริษัท ด้วยการดำรงชีวิต ชนิดที่เป็นศิลปะแห่งการมีความสุขให้คนทั้งหลายดู แต่ถ้ากล่าวเจาะจงในวงพุทธศาสนาแล้ว ก็ไม่พ้นที่จะกล่าวว่า นั่นแหละเป็นตัวแท้ของศาสนา
พุทธทาสภิกขุ
คู่มือมนุษย์ฉบับสมบูรณ์ (น.228)