ชีวิตคือการเดินทางอยู่ทุกขณะจิต
ไปให้ถึงจุดหมายปลายทางก่อนแต่จะตาย
นี่เราต้องมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องนี้โดยเร็ว มาบวชมาเรียน ศึกษาให้เป็นบัณฑิต แล้วก็ละออกไปจากอาศรมนี้ไปเป็นฆราวาส ก็ด้วยการเป็นบัณฑิตนั่นแหละ จะครองเรือนดี จะอะไรดีไปตามลำดับจนเป็น วนปรัสถ์ เป็น สันยาสี หรือว่าเปรียบด้วยภาพจับวัว ก็มันก็กลายเป็นผู้เที่ยวแจกของส่องตะเกียงอยู่ในที่สุด เรื่องของเราหมด เรื่องปัญหาส่วนตัวหมดเหลือแต่ช่วยผู้อื่น
แจกของก็หมายความว่าช่วยเหลือด้วยทางวัตถุสิ่งของตามที่มันจะช่วยได้ ส่องตะเกียงก็คือให้ความรู้ความเข้าใจ ความสว่างไสวในทางจิตทางวิญญาณ
สมมติว่า คนหนึ่งมันปิดฉากชีวิตลงด้วยมันเป็นผู้มีอันจะกิน มีทรัพย์สมบัติมั่นคงเป็นหลักฐาน มีความรู้เรื่องทางจิตทางวิญญาณสูงสุดจนแนะบุคคลอื่นให้เข้าใจในเรื่องนี้ แล้วเขาก็ช่วยเหลือด้วยเงิน ด้วยของ ด้วยความรู้สูงสุดนี้ นี่เขาเรียกว่าคนนี้คือคนที่ถึงที่สุดจุดหมายปลายทาง แล้วเขาหมดกิเลสก็เป็นพระอรหันต์ ก็เที่ยวสั่งสอนในเรื่องจิตเรื่องวิญญาณที่สูงยิ่งขึ้นไปอีก รวมความว่าเป็นบัณฑิตโดยแท้จริง ทั้งโดยการศึกษาและโดยการปฏิบัติ และโดยผลของการปฏิบัติ นี่เขาเป็นบัณฑิตที่แท้จริง ไม่เสียทีที่เกิดมาเป็นมนุษย์
เพราะฉะนั้นเราทุกคนที่บวชนี้ก็บวชเพื่อให้เป็นบัณฑิตในลักษณะอย่างนี้ แล้วก็ออกไปดำเนินชีวิตด้วยความรู้ที่ถูกต้องของการเป็นบัณฑิต แล้วก็เป็นบัณฑิตในการประพฤติกระทำ เป็นบัณฑิตในการได้รับผลของการกระทำ เกิดมาก็เรียกว่า ได้สิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษย์ควรจะได้แล้ว
พุทธทาสภิกขุ
ธรรมะใกล้มือ : เราจะอยู่ในโลกอันแสนยุ่งยากขึ้นทุกทีได้อย่างไร (น.51)