ถ้าเห็นอสังขตธรรม หรือพุทธธรรม อันเป็นสิ่งๆ หนึ่งซึ่งพระพุทธองค์ทรงค้นพบ ก็จะไม่เห็นโลกตามที่สายตาคนธรรมดาแลเห็น
ถ้าเห็นโลกตามที่สายตาคนธรรมดาแลเห็น
ก็ไม่เห็นอสังขตธรรม หรือพุทธธรรม หรือกล่าวสั้นๆ ก็ว่า
ถ้าเห็นโลกก็ไม่เห็นพุทธธรรม
ถ้าเห็นพุทธธรรมก็ไม่เห็นโลก
ทั้งที่เราต้องมองดูพุทธธรรมที่โลกนั่นเอง การเหตุอสังขตธรรมหรือสิ่งอันพ้นวิสัยโลกนั้น ดวงตาที่เป็นภายนอกไม่ทำหน้าที่ หรือไม่อาจมองเห็นสิ่งใด หรือแม้หากว่ามันจะเห็นสิ่งใด ก็ย่อมไม่ก่อให้เกิดการกระทบกระเทือน หรือการเปลี่ยนแปลงใดๆ ขึ้นแก่การเห็นโลกุตรธรรมในภายใน จึงเท่ากับเป็นการไม่เห็นเลยเหมือนกัน
การเห็นในด้านใน คือโลกุตรธรรม หรืออสังขตธรรม จึงเป็นสิ่งที่แปลกประหลาดเป็นพิเศษ โดยประการดังกล่าวมาแล้ว
เท่าที่ได้ยกอุทาหรณ์มายืดยาวนี้ก็เพื่อแสดงว่า ในขั้นต้นเราไม่พึงประมาท ในสิ่งที่ยังไม่สามารถเข้าใจได้ และยิ่งกว่านั้นก็คือว่า สิ่งที่เราไม่สามารถเข้าใจได้นั้น ก็เป็นสิ่งที่ไม่เหลือวิสัยที่เราจะเข้าถึง
เราทุกคนมีหวังที่จะเข้าถึงสิ่งที่เราคิดว่าสุดวิสัย!
เรามีเหตุผลอันสมควรที่จะกล่าวด้วยความเชื่อว่า
เราทุกคนมีหวังที่จะเข้าถึงพุทธธรรม ซึ่งจะได้พิจารณากันสืบไปว่า จะมีวิถีทางที่จะเข้าถึงได้อย่างไร
พุทธทาสภิกขุ
วิถีแห่งการเข้าถึงพุทธธรรม (น.34)