มารดาของสิ่งทั้งหลายคือกฎของธรรมชาติ
กฎของธรรมชาติเป็นต้นเหตุ เป็นตัวบันดาลให้เกิดสิ่งทั้งหลาย ให้เกิดดับๆ โดยกฎของธรรมชาติ นี่ก็ควรจะรู้ไว้ว่า เป็นสิ่งที่เราต้องรับรู้ ถ้าเราไม่รับรู้ เราจะวินาศเอง ถ้าเราไม่รับรู้สิ่งที่มีบุญคุณ หรือว่ามีความเกี่ยวข้องอยู่ตลอดเวลา เราจะต้องรับรู้กฎของธรรมชาติแท้ๆ แม้จะไม่มีจิต ไม่มีวิญญาณอย่างคน มันก็มุ่งหมายให้เป็นไปในทางที่ถูกต้อง สร้างสรรค์มาอย่างที่จะทำอะไรได้ดี
ก็ดูที่เนื้อที่ตัวชีวิตจิตใจของเรา ธรรมชาติสร้างมาอย่างดีที่สุด เพียงพอเหมาะสมที่สุดที่จะบรรลุมรรค ผล นิพพาน ธรรมชาติสร้างชีวิตร่างกายมาเหมาะสมที่สุดที่จะบรรลุมรรค ผล นิพพาน แต่คนโง่เอาไปถลุงเล่นอย่างอื่นเสียหมด แล้วก็ไปกองอยู่ในนรก มันไม่ได้ไปมรรค ผล นิพพาน ทั้งที่ธรรมชาติสร้างมาให้ดี ให้เหมาะสำหรับจะไปบรรลุมรรค ผล นิพพาน หรือว่าอย่างน้อยก็ไปรวมกันอยู่ที่สวรรค์ แต่สวรรค์ไม่ใช่สิ่งสูงสุด สวรรค์เป็นเรื่องยุ่ง ยุ่งแบบสวยงาม ดีกว่าโลกมนุษย์ที่มันยุ่งอย่างแบบรุงรัง สูงไปจากสวรรค์เถิด ก็จะเป็นเรื่องของมรรค ผล นิพพาน
เรามีร่างกายชีวิตจิตใจเหมาะสม เพียงพอที่จะทำให้บรรลุมรรค ผล นิพพาน แต่กิเลสมันครอบงำ อวิชชามันครอบงำ เอาไปใช้อย่างตรงกันข้ามเสียหมด เกิดมาสูญเปล่าเสียชาติเกิด ที่เกิดมาแล้วไม่ได้รับสิ่งนี้ทั้งที่ธรรมชาติสร้างมาให้เหมาะแล้ว สำหรับจะได้รับสิ่งนี้ แล้วจะไปโทษใครเล่า มันไม่กตัญญูต่อผู้สร้างมา คือธรรมชาติ ที่สร้างมาอย่างดี เราเอามาใช้อย่างเลว นี่คือเราไม่กตัญญูต่อผู้สร้าง คือธรรมชาติ ซึ่งเป็นแม่ชนิดหนึ่ง เป็นแม่ทางจิตวิญญาณ ขอให้รับรู้ไว้ด้วย
พุทธทาสภิกขุ : ปรมัตถวิจารณ์เกี่ยวกับพระคุณของแม่ (หน้า 45)