ให้จิตนี้พ้นจากการเกิดขึ้นแห่งความรู้สึกว่าตัวกูว่าของกู ก็ไม่มีความทุกข์
แล้วก็ไม่ต้องตกไปเป็นทาสของอารยธรรมทางเนื้อหนัง แต่ว่าสมบูรณ์อยู่ด้วยมนุษยธรรมในทางจิตใจ มีจิตใจที่อบรมดีแล้ว ไม่เกิดตัวกู - ของกู มีอยู่แต่สติปัญญาทำการงานทุกอย่างที่จะต้องทำในชีวิตประจำวัน ไม่มีความทุกข์เลย ตั้งแต่บัดนี้ ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นไป เรียกว่าพ้นจากตัวกู - ของกูแล้ว เพราะมันไม่มีตัวกู - ของกูแล้ว ตัวกู - ของกูตายหมดแล้ว นี่เป็นนิพพาน ตั้งแต่ที่ร่างกายมันยังไม่ดับไม่แตก ยังไม่เข้าโลง ก่อนแต่เข้าโลงนานทีเดียว
ที่ว่าจิตใจมันจะประสบกับสิ่งที่เรียกว่านิพพาน คือสภาพที่มันประภัสสรอย่างถาวร มันเป็นวิญญาณจริยา คือปกติของวิญญาณธาตุล้วนๆ มันไม่มีอะไรมาเจือ แต่มันมีความรู้พอที่จะทำทุกสิ่ง ที่ให้ร่างกายมันทำแล้วก็ไม่ได้ยึดถือ ว่าดี - ว่าชั่ว ว่าบุญ - ว่าบาป ว่าสุข - ว่าทุกข์ รู้สึกเป็นทุกข์ ก็ไม่มีแก่จิตและแก่ร่างกาย เขาเรียกว่าจิตหลุดพ้น เป็นเรื่องสูงสุด เรื่องสุดท้ายของคนเรา ถ้าเรียกว่ามนุษยธรรมก็เรียกว่า มนุษยธรรมครั้งสุดท้ายแหละ เป็นมนุษย์สมบูรณ์เหมือนพระพุทธเจ้า ที่มีผู้สรรเสริญว่าเป็นมนุษย์แท้ เป็นพระแท้ เป็นอะไรนี่ ความเต็มเปี่ยมแห่งความเป็นมนุษย์อยู่ที่ความเป็นพระอรหันต์
#พุทธทาสภิกขุ l #ธรรมโฆษณ์ l มนุสสธรรม (น.462)