แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ภาพนี้เป็นภาพพระเจ้าพิมพิสารกษัตริย์กรุงราชคฤห์แห่งแคว้นมคธเสด็จไปเฝ้าพระพุทธองค์ ณ พระคันธกุฎี ที่ยอดเขาคิชฌกูฏนะคะ ขอให้สังเกตมุมบนซ้ายมือของภาพจะเห็นแท่นว่างคือสัญลักษณ์แทนพระพุทธองค์
คราวนี้หันมาดูภาพตรงมุมบนขวาบ้างนะคะ จะเห็นภาพชาวบ้านกำลังดูขบวนเสด็จของพระราชาอยู่บนเฉลียงเรือนของตน ถัดลงมาด้านล่างจะเห็นเป็นภาพต่อเนื่องของพระเจ้าพิมพิสารที่เสด็จด้วยช้างในที่ควรเสด็จด้วยช้าง เสด็จด้วยม้าในที่ควรเสด็จด้วยม้า พอออกจากประตูเมืองเสด็จด้วยรถในที่ควรเสด็จด้วยรถ และเสด็จดำเนินด้วยพระบาทเมื่อถึงเขตที่ควรเสด็จดำเนินด้วยพระบาท มีราชบริพารตามเสด็จด้วยนะคะ พร้อมถือเครื่องใช้ต่าง ๆ ตามธรรมเนียมปฏิบัติ มีหม้อน้ำ มีพวยซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการให้ทาน เพราะพระราชาอาจจะเรียกหาทันทีที่ต้องการให้ทาน โปรยทาน หรือถวายทานก็ตาม เพื่อหลั่งน้ำจากพวยกานั้นในขณะที่บริจาคทานค่ะ
เมื่อถึงเขตเข้าใกล้พระคันธกุฎีแล้ว พระเจ้าพิมพิสารจึงเข้าเฝ้าถวายบังคมพระพุทธองค์ ซึ่งในที่นี้แสดงด้วยภาพพระแท่นว่างสี่เหลี่ยมตามที่ได้กล่าวไว้แล้วข้างต้นค่ะ ใต้พระแท่นมีลายขยุกขยิกซึ่งเป็นสัญลักษณ์สำหรับภูเขา และเป็นยอดเขาอันเป็นที่ตั้งของพระคันธกุฎีที่ยอดเขาคิชฌกูฏ พระเจ้าพิมพิสารถูกแสดงด้วยภาพสองภาพ เพื่อให้เห็นท่านนมัสการทั้งสองท่า คือทั้งในขณะเฝ้า และขณะเวียนประทักษิณเดินออก
ขอเพิ่มเติมข้อมูลให้อีกสักหน่อยนะคะว่า การเฝ้าพระพุทธองค์ในสมัยนั้น จะไม่เฝ้าตรงพระพักตร์ค่ะ แต่จะเฉียงไปข้างใดข้างหนึ่งพอสมควร คือไม่ข้างจนพระองค์ต้องเอี้ยวพระพักตร์ไปหา ไม่ใกล้หรือไกลเกินไป หรือแม้กระทั่งไม่เหนือลม เป็นต้นค่ะ เรียกว่าเฝ้าอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ถ้าเป็นมนุษย์ก็จะยืนเฝ้าตอนแรกเข้าไปแล้วจะนั่งลง ถ้าเป็นเทวดาจะยืนเฝ้าอยู่จนกระทั่งกลับ เมื่อกลับออกจะเวียนประทักษิณ คือเดินอ้อมเป็นวง โดยมีสีข้างข้างขวาของตนอยู่ทางพระพุทธองค์เสมอไป ไม่มีการหันหลังให้พระพุทธองค์เลย จนกว่าจะลับสายพระเนตรแล้ว