แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ภาพนี้เป็นการแสดงเหตุการณ์เมื่อครั้งอนาถบิณฑิกเศรษฐีได้ทำการซื้อสวนจากเจ้าชายเชตราชกุมาร แห่งเมืองสาวัตถี เพื่อสร้างเป็นวัดถวายแก่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยมีความเป็นมาของเรื่องดังนี้นะคะ
ขอเริ่มจากเรื่องราวของบุคคลท่านหนึ่งมีชื่อว่า “สุทัตตะ” เป็นมหาเศรษฐีแห่งเมืองสาวัตถี แคว้นโกศล เป็นผู้มีจิตใจเมตตา กรุณา ชอบให้ทานแก่คนยากจนอนาถา มีการตั้งโรงทานที่หน้าบ้านของตนเพื่อแจกอาหารแก่คนยากจนเป็นประจำสม่ำเสมอ จนกระทั่งประชาชนทั่วไป เรียกกันว่า “อนาถบิณฑิกเศรษฐี” ซึ่งมีความหมายว่า “เศรษฐีผู้มีก้อนข้าว เพื่อคนยากจนอนาถา”
คราวหนึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จออกประกาศศาสนาในกรุงราชคฤห์ แคว้นมคธ ในช่วงเวลาดังกล่าวนั้นท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ได้เดินทางไปทำการค้าขายในกรุงราชคฤห์ และมีโอกาสฟังธรรมจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อฟังธรรมแล้วก็เกิดศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธองค์อย่างแรงกล้า จึงได้กราบทูลอาราธนาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้เสด็จไปโปรดที่นครสาวัตถี อันเป็นที่ตั้งของบ้านแห่งตนบ้าง
เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงรับนิมนต์แล้ว ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีก็รีบเดินทางกลับเมืองสาวัตถี เพื่อเตรียมสร้างวัดถวายให้เป็นที่ประทับของพระพุทธองค์ จึงต้องการหาสถานที่อันมีธรรมชาติที่งดงาม รื่นรมย์ เหมาะสมแก่การพักอาศัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระสงฆ์สาวก
ในที่สุดท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีก็ได้พบสถานที่อันมีคุณลักษณะตรงตามที่ตนปรารถนา ซึ่งเป็นอาณาบริเวณสวนของเจ้าเชตราชกุมาร จึงได้ติดต่อขอซื้อ แต่เจ้าเชตราชกุมารไม่ต้องการขายสวนของตน จึงโก่งราคาให้สูงลิ่วเพื่อให้ผู้ซื้อเลิกราไปเพราะสู้ราคาไม่ไหว โดยแจ้งแก่ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีว่าหากนำเงินกหาปณะ ซึ่งเป็นชื่อเงินอินเดียโบราณสมัยนั้น มาปูเรียงให้เต็มบนพื้นที่ของตนจึงจะตกลงยินยอมขายให้
ด้วยกุศลศรัทธาอันแรงกล้า ที่ต้องการสร้างวัดถวายแก่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีจึงตอบตกลง มาถึงตอนนี้ขอให้มองดูด้านขวาของภาพ ท่านจะเห็นคนแบก “เงินกหาปณะ” มีลักษณะเป็นแผ่นสี่เหลี่ยม ขนมาด้วยกองเกวียน และนำมาปูเรียงบริเวณพื้นสวนนะคะ
แต่การปูเงินดังกล่าวยังไม่ทันจะเต็มพื้นที่ดีนัก เจ้าเชตราชกุมารซึ่งเห็นประจักษ์ในความศรัทธาของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี จึงสั่งให้หยุดปูเงิน และขอรับเงินค่าที่ดินเพียงเท่าที่ปูได้เท่านั้น ส่วนพื้นที่ส่วนที่เหลือตนขอร่วมสมทบทำบุญสร้างวัดด้วย แต่ขอสร้างซุ้มประตูเพื่อจารึกชื่อตนในการถวายสวนเพื่อสร้างวัดให้แก่พระสัมมาสัมมาพุทธเจ้า ซึ่งท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีก็ตกลงตามข้อเสนอ ในภาพด้านซ้ายท่านจะสังเกตเห็นซุ้มประตู ๒ ซุ้มนะคะ
วัดที่สร้างขึ้นมานี้จึงได้ชื่อว่า “เชตวันมหาวิหาร” ทั้ง ๆ ที่ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีเป็นผู้ริเริ่มและใช้เงินเป็นจำนวนมากมายมหาศาลในการสร้างวัดในครั้งนั้น
วัดเชตวันมหาวิหาร นับเป็นวัดแรกของเมืองสาวัตถี และเป็นวัดที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมาประทับนานที่สุดถึง ๑๙ พรรษาของตลอดช่วงระยะเวลา ๔๕ พรรษาของพระพุทธองค์ค่ะ