แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ภาพนี้แสดงเหตุการณ์ตอนที่พระพุทธองค์แสดงธรรมโปรดองคุลีมาล ให้ท่านสังเกตส่วนบนของภาพด้านขวา จะเห็นเสาที่ล้อมรอบด้วยเปลวไฟประดับยอดด้วยตรีรตนะตั้งอยู่บนรอยพระบาท สัญลักษณ์เหล่านี้ล้วนหมายแทนพระพุทธเจ้า บุรุษผู้ที่มีสายสร้อยร้อยจากนิ้วมือแสดงอากัปกริยาแบบต่อเนื่องตั้งแต่ทำร้ายผู้คน วิ่งกวดไล่พระพุทธองค์ จนกระทั่งนั่งก้มลงกราบแทบรอยพระบาทนั้นคือ “องคุลีมาล”
เป็นเรื่องราวที่เล่าขานกันในครั้งพุทธกาลว่า บุรุษผู้นี้เป็นบุตรพราหมณ์ปุโรหิตข้าราชบริพารในพระเจ้าปเสนทิโกศลแห่งเมืองสาวัตถี แคว้นโกศล บุตรผู้นี้เกิดในฤกษ์แห่งดาวโจร พราหมณ์ปุโรหิตผู้บิดาจึงตั้งชื่อว่า “อหิงสกะ” มีความหมายว่าผู้ไม่เบียดเบียนใครเพื่อเป็นการแก้เคล็ดกับดวงเกิดของบุตรตน
บิดาส่งอหิงสกะไปศึกษาศิลปะวิทยาที่สำนักอาจารย์ทิศาปาโมกข์ แห่งเมืองตักศิลา อหิงสกะเป็นเด็กดีเรียนเก่งเป็นที่โปรดปรานของอาจารย์ จนเป็นที่อิจฉาของศิษย์ในสำนักเดียวกัน จึงถูกใส่ร้ายว่าอหิงสกะ ต้องการล้มล้างอาจารย์ อาจารย์หลงเชื่อจึงคิดกำจัดอหิงสกะ โดยการหลอกให้อหิงสกะ ไปฆ่าคนแล้วนำนิ้วมือมาให้ครบหนึ่งพัน ตนจึงจะฝึกสอนวิชาชั้นสูงให้
อหิงสกะจึงออกตระเวนฆ่าคนจำนวนมาก แล้วนำนิ้วมือมาทำเป็นสายสร้อยคล้องคอเป็นที่หวาดกลัวของผู้คนจนได้รับขนานนามว่าองคุลีมาล พระเจ้าปเสนทิโกศลต้องตัดสินพระทัยยกกองทัพย่อยๆ ไปปราบเพื่อสร้างขวัญกำลังใจแก่ประชาชน มารดาของอหิงสกะทราบข่าวกลัวว่าบุตรชายของตนจะเป็นอันตราย จึงแอบหนีออกนอกเมืองมุ่งหน้าไปยังดงดิบที่ขุนโจรอาศัยอยู่เพื่อแจ้งข่าวให้ลูกทราบ พระพุทธองค์ทรงทราบด้วยพระญาณ เกรงว่าองคุลีมาลจะทำมาตุฆาตคือฆ่ามารดาตนจึงเสด็จไปดักหน้า เมื่อองคุลีมาลเห็นพระพุทธองค์ก็ดีใจที่ได้พบเหยื่อ ไม่ใส่ใจว่าจะเป็นสมณะหรือนักบวชหรือไม่ จึงถือดาบวิ่งไล่หมายจะประหารพระพุทธองค์ แต่พระพุทธองค์ทรงบันดาลให้มหาโจรวิ่งไล่ไม่ทัน ทั้งๆ ที่เสด็จดำเนินไปตามปกติ มหาโจรจึงร้องว่า “หยุดก่อนสมณะ หยุดก่อน” พระพุทธองค์ได้ส่งพระสุรเสียงอันเปี่ยมไปด้วยความเมตตา กลับไปว่า “เราหยุดแล้วแต่ท่านยังไม่หยุด เราหยุดทำบาปแต่ตัวท่านยังทำบาปอยู่” เมื่อองค์คุลีมาลได้ยินถึงกับสะดุดหยุดลง รู้สำนึกในความผิดของตนเอง จึงวางดาบเข้าไปถวายบังคมแทบพระยุคลบาทตามภาพที่ปรากฏ
แต่จะขอเล่าต่ออีกสักหน่อยนะคะ ว่าเมื่อพระองค์ทรงแสดงธรรมแก่องค์คุลีมาลจบแล้ว เขาได้กราบทูลขอบวชเป็นสาวกของพระพุทธองค์ พระพุทธองค์ทรงนำองคุลีมาลกลับไปยังพระเชตวัน พอดีเวลานั้นพระเจ้าปเสนทิโกศลที่ยกกองทัพเพื่อไปปราบโจรผ่านมาพบ พระพุทธองค์จึงตรัสถามพระเจ้าปเสนทิโกศลว่า “ถ้ามหาโจรนั้นกลับเนื้อกลับตัวเป็นคนดีมาบวชเป็นพระในพระธรรมวินัยแล้ว พระองค์จะทรงเอาผิดเธอไหม” พระราชากราบทูลว่า “ถ้าเช่นนั้น เขาก็พ้นอาญาของแผ่นดิน” พระพุทธองค์จึงทรงแจ้งพระเจ้าปเสนทิโกศลว่าพระหนุ่มที่มากับเรานี้คือองคุลีมาลที่วางศาสตราเลิกทำร้ายหรือเบียดเบียนแล้ว องคุลีมาลจึงพ้นอาญาแผ่นดินในคราวนั้นเอง
เมื่อพระองคุลีมาลออกบิณฑบาต ชาวบ้านจำได้จึงพากันเอาก้อนอิฐก้อนหินขว้างจนท่าน ศีรษะแตกเลือดไหลแทบทุกวัน แต่ก็จำต้องทนตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า จนกระทั่งวันหนึ่งท่านพบสตรีมีครรภ์แก่ ท่านตั้งสัตยาธิษฐานทำให้สตรีนางนั้นคลอดบุตรอย่างง่ายดายและปลอดภัย คนทั้งหลายจึงหายหวาดกลัวท่าน เชื่อว่าท่านสามารถทำให้สตรีคลอดบุตรได้ง่าย คำอธิษฐานของท่านเรียกว่า “อังคุลิมาลปริตร” เป็นบทสวดมนต์ที่เชื่อกันว่า ทำให้คลอดลูกง่าย