ภาพนี้เป็นภาพแสดงเหตุการณ์ขณะที่เจ้าชายสิทธัตถะนั่งรถประพาสนคร ขอเริ่มจากด้านล่างของภาพนะคะ จะเห็นในรถเทียมด้วยม้านั้นว่างเปล่าไม่มีภาพคนนั่ง แต่มีคนคอยกั้นฉัตรในที่มีพวงมาลัยแขวน ซึ่งเป็นเครื่องหมายใช้สำหรับบุคคลสูงสุด ตรงที่ว่างแทนเจ้าชายสิทธัตถะนั่งอยู่ เพราะเป็นแนวคิดของคนในยุคนั้นจะไม่ยอมทำภาพเหมือนของพระศาสดาแต่จะใช้สัญลักษณ์ต่าง ๆ แทน ได้แก่ แท่นว่างบ้าง รอยพระบาทบ้าง หรือ ที่ว่าง ดังเช่นในภาพนี้นะคะ

ต่อไปก็มาดูรายละเอียดอีกสักหน่อย ได้แก่ที่รถเทียมม้านอกจากจะมีม้าลากรถโดยตรงแล้ว ยังมีม้าพิเศษอยู่ข้างหน้า ดูทำนองว่าจะมีไว้สำรองเมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้นจะใช้ได้ทันท่วงที หรือว่าในบางโอกาสที่เจ้าชายสิทธัตถะจะทรงม้านั้นก็ได้

ในท่ามกลางขบวนนั้นมีคน ๆ หนึ่ง หิ้วหม้อน้ำชนิดมีพวยไปด้วยใบหนึ่ง ซึ่งหมายความว่าขบวนนี้มีการให้ทานไปตลอดทาง ไม่ใช่กาใส่น้ำดื่มนะคะ เครื่องแต่งตัวของคนทั้งขบวนนั้นตกแต่งด้วยผ้าโพกศีรษะแสดงว่าขบวนนี้เป็นขบวนของคนชั้นสูง ไม่มีคนชั้นไพร่ปนอยู่เลย ภาพแสดงให้เห็นรถกำลังออกจากประตูเมือง มีกำแพง ปราการ เชิงเทิน

ส่วนภาพด้านบนนั้นมีชาวเมืองอยู่บนเฉลียงหรือหน้ามุขเรือนของตน กำลังมองดูขบวนแห่ที่กลางถนนนั้น เป็นผู้หญิงเสียเกือบทั้งหมด มีผู้ชายอยู่คนเดียว เมื่อดูจากเครื่องแต่งตัว เครื่องประดับกาย กำไลมือกำไลเท้า แสดงว่าเป็นคนชั้นสูง อาจจะเป็นพระราชวงศ์ก็ได้

การประพาสนครของเจ้าชายสิทธัตถะในภาพนี้ จะเป็นคราวเดียวกับที่ไปพบเทวทูตทั้งสี่หรือไม่ ไม่อาจจะบอกได้นะคะ เพราะไม่มีอะไรในภาพเป็นเครื่องแสดงบ่งบอกถึงเทวทูตทั้งสี่เลย แต่อาจสันนิษฐานได้ว่า ไม่ว่าจะเป็นการประพาสครั้งใด จะต้องมีลักษณะเช่นในภาพนี้เป็นปกติธรรมดา 

เมื่อได้กล่าวถึงเทวทูตทั้งสี่แล้ว จะขอเท้าความไปถึงเมื่อครั้งที่เจ้าชายสิทธัตถะได้อภิเษกสมรสกับพระนางยโสธราพิมพาแล้ว ทั้งสองพระองค์ได้ประทับอยู่ที่ปราสาทสามฤดู ซึ่งแวดล้อมไปด้วยสิ่งสวยงามอันวิจิตรตระการตา เพื่อให้เจ้าชายได้เพลิดเพลินเปี่ยมไปด้วยความสุขทั้งมวล

ซึ่งพระเจ้าสุทโธทนะทรงมีพระบัญชาห้ามไม่ให้เทวทูตทั้งสี่อันได้แก่ คนแก่ คนเจ็บ คนตาย และนักบวช เข้ามาให้เจ้าชายสิทธัตถะได้พบเห็น ซึ่งจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เจ้าชายตัดสินพระทัยออกบวชตามคำทำนายของเหล่าพราหมณ์เมื่อครั้งแรกประสูติค่ะ