แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ภาพชุดสมถกัมมัฏฐานแบบธิเบตนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อแสดงขั้นตอนของการฝึกจิตให้เกิดสมาธิ ซึ่งหมายถึงจิตตั้งมั่นในสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่เรียกกันว่าอารมณ์กัมมัฏฐาน โดยภาพจะแสดงเป็นลำดับขั้นจากด้านล่างสุดค่อย ๆ ไล่เรียงขึ้นไปด้านบนสุด ภาพชุดนี้มีจำนวน ๙ ขั้น แบ่งเป็น ๓๓ ลำดับ ซึ่งจะขออธิบายเป็นลำดับ ๆ นะครับ
ภาพเริ่มต้นที่ภาพคนนั่งป้องหูในวงกลมด้านล่างสุด เป็นการกล่าวถึงกำลังแห่งการฟัง หรือเรียกว่า "สุตะพละ" คือการได้รับฟังคำอธิบายจากผู้รู้ถึงสมถกัมมัฏฐานในแบบต่าง ๆ เช่น อานาปานสติ อสุภกัมมัฏฐาน และกสิน เป็นต้น และเริ่มตั้งจิตกำหนดอยู่กับอารมณ์กัมมัฏฐานนั้น ๆ ต่อจากนั้นขึ้นไปจะเห็นคนเดินถือปฏักและเชือกในมือ หมายถึงผู้ที่ศึกษาปฏิบัติหรือเรียกว่า “พระโยคาวจร” เชือกหมายถึงสติ ปฏักหมายถึงสัมปชัญญะ หมายความว่าการทำสมถกัมมัฏฐานของ “พระโยคาวจร” นี้ ต้องใช้ทั้งสติและสัมปชัญญะมาคอยกำกับการใช้
ต่อไปจะเห็นภาพช้างสีดำ ลิงสีดำ และเปลวเพลิงกองใหญ่ที่มุมล่างด้านซ้าย ซึ่งในภาพนี้ช้างหมายถึงจิตของผู้ศึกษาปฏิบัติ โดยหมายให้สีดำของช้างคือความง่วงเหงาซึมเซา หรือถีนะมิทธะ ส่วนลิงดำหมายถึงกามคุณทั้งห้า ได้แก่รูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัส ที่คอยซักพาจิตให้ฟุ้งซ่าน หรือเรียกว่าอุทธัจจะ กุกุจจะ ในภาษาบาลี สำหรับภาพเปลวเพลิงกองใหญ่หมายถึงจิตในระยะแรกเริ่มที่ต้องใช้กำลังสติสัมปชัญญะอย่างยิ่งจนกว่าจะมีความก้าวหน้าของสมาธิในระดับที่สูงขึ้นเรื่อยๆ เปลวเพลิงกองใหญ่นี้จะค่อย ๆ เล็กลงจนหมดไป ไม่ต้องใช้สติสัมปชัญญะอีก หมายถึง สติสัมปชัญญะแนบแน่นสนิทกับดวงจิตแล้ว
ลำดับถัดไปจะเห็นภาพพระโยคาวจรใต้ผลไม้ ๓ ผล แสดงให้เห็นถึงเมื่อจิตสงบยิ่ง ๆ ขึ้น มีสมาธินิ่ง
ลึกและตั้งมั่นกว่าเดิมความรู้สึกนึกคิดทางรสจะเริ่มลดถอยจนดับลงได้ รูปผลไม้ ๓ ผล เหนือพระโยคาวจรหมายถึงรสทางลิ้นที่เริ่มลด ในขั้นนี้ถือว่ารสอันเป็นหนึ่งในกามคุณห้า อันเป็นสิ่งที่ทำให้จิตฟุ้งซ่านได้ดับลงแล้ว
ภาพนับจากขั้นนี้เป็นต้นไป จะเห็นสีขาวบนศรีษะช้างและลิงเริ่มปรากฏขึ้นเล็กน้อย หมายถึงความก้าวหน้าในการภาวนา ผ้าผืนม้วนอยู่ตัวช้างคือจีวร หมายถึงกายสัมผัสอันเป็นอีกหนึ่งในกามคุณห้าเริ่มดับลง ลำดับถัดไปจะปรากฏภาพกระต่ายมานั่งบนหลังช้าง หมายถึงความง่วงซึมหรือเรียกว่าถีนมิทธะ อันพระโยคาวจรได้รู้จักแล้วและลงมือขจัดซึ่งความง่วงนั้น มีจิตที่สงบยิ่ง ๆ ขึ้น ในขณะที่พระโยคาวจรใช้เชือกคือสติผูกช้างได้แล้ว ช้าง ลิงและกระต่ายหันหน้าที่เป็นสีขาวมากขึ้นไปหาพระโยคาวจร หมายถึงจิตที่ประกอบด้วยความฟุ้งซ่านและความซึมเซา ได้เริ่มถูกรู้จักและควบคุมโดยพระโยคาวจรแล้ว ภาพเหนือหัวลิงมีฉิ่งคู่หนึ่ง หมายความถึงความรับรู้โดยการได้ยินหรือเรียกว่าโสตผัสสะอันเป็นอีกหนึ่งในกามคุณห้าเริ่มดับลง
ในภาพลำดับถัดไปจะเห็นว่าสีขาวบนตัวลิง ช้าง และกระต่ายมีมากขึ้น แสดงว่าพระโยคาวจรได้มองเห็นจิตที่ฟุ้งซ่านและง่วงซึมชัดเจน แจ่มใสขึ้น จนถึงขั้นทำลายได้โดยง่ายด้วยกำลังแห่งสัมปชัญญะ จิตจะมีสมาธิ และมีความสงบมากยิ่งขึ้น ลึกยิ่งขึ้น ภาพหอยสังข์ที่ปรากฏด้านบนของช้าง หมายความว่าการรับรู้ทางกลิ่นหรือเรียกว่าฆานะผัสสะอันเป็นอีกหนึ่งในกามคุณห้า เริ่มดับลง
ต่อไปให้มองไปด้านซ้ายสุดจะเห็นภาพลิงขาว หมายถึงจิตกุศล บนต้นไม้มีผลสีขาวให้หมายถึงกุศลกรรมทั้งหลายที่จิตจะตระหวัดไปคิดถึง ก็ถือว่าอาจทำให้ฟุ้งซ่านได้ ในขั้นนี้ต้องขจัดให้หมดเช่นเดียวกันจะส่งผลให้จิตสงบรำงับยิ่งขึ้น
ภาพลำดับต่อไปจะเห็นว่าช้าง และลิงมีสีขาวมากขึ้นสักประมาณครึ่งตัว ในขณะที่กระต่ายขาวทั้งตัว พระโยคาวจรจูงช้างและลิงได้เรียบร้อย หมายถึงจิตถูกบังคับไว้ได้โดยทุกประการแล้ว จะสังเกตเห็นว่าเปลวเพลิงซึ่งหมายถึงสติและสัมปชัญญะเหลือเปลวแต่น้อย และจะเห็นป้ายกลมบนพานเยื้องขึ้นไปด้านบนนั้น หมายถึงการรับรู้ทางรูป อันเป็นกามคุณสุดท้ายที่เหลืออยู่เริ่มดับลง
ภาพที่ต่อเนื่องต่อไปจะเห็นว่ากระต่ายหายไป หมายถึงความความง่วงซึมหายไปหมดจด คงเหลือสีดำที่ท้ายช้างและที่ขาลิงเพียงเล็กน้อย จิตถูกทำให้สงบยิ่งขึ้นและเพิ่มกำลังสมาธิเข้มแข็งขึ้น
ต่อไปเป็นภาพพระโยคาวจรยืนและลิงมีขาสีดำเล็กน้อยนั่งอยู่ด้านข้าง เป็นช่วงที่การศึกษาปฏิบัติได้บรรลุมาถึงขั้นที่จิตที่ฟุ้งซ่าน และง่วงซึมดับหมด ตลอดจนกามคุณห้าดับหมด ซึ่งแม้จะมีก็แต่น้อยไม่ต้องใช้ความพยายามหรือกำลังอย่างมากมายก็สามารถขจัดความกระเพื่อมเล็กน้อยเหล่านั้นได้ เรียกว่าจิตได้ถูกทำให้สงบโดยสมบูรณ์แล้ว เปลวเพลิงอันหมายถึงการต้องใช้กำลังของสติสัมปชัญญะก็ดับหมดไม่ต้องใช้แล้ว
ต่อไปจะเห็นภาพช้างขาวทั่วทั้งตัว ลิงอันหมายถึงกามคุณทั้งห้า ก็หายไปแล้ว หมายความว่าจิตตั้งมั่น สงบแน่วแน่ต่อเนื่องกันอย่างไม่ขาดตอน แสดงอาการที่จิตมีสมาธิหรือตั้งมั่นอยู่ในอารมณ์เดียว คือ อารมณ์แห่งกัมมัฏฐานนั้น ๆ
หลังจากนั้นจะเห็นภาพพระโยคาวจรนั่งข้างช้างขาวที่หมอบ แสดงความมีจิตใจแน่วแน่อย่างสมบูรณ์ ปรากฏรุ้งหลากสีทอดออกจากอกของพระโยคาวจร และต่อด้วยภาพพระโยคาวจรลอยลิ่วไป หมายถึงความปีติแห่งกายและเมื่อขึ้นนั่งบนหลังช้าง หมายถึงการบรรลุถึงสมาธิอันแท้จริง มีความปีติแห่งจิต
และภาพท้ายที่สุดพระโยคาวจรนั่งบนหลังช้างสีขาว เปลวไฟสีขาว หมายถึงกำลังของสติ สัมปชัญญะ อันคล่องแคล่วว่องไวของพระโยคาวจร จะเป็นกำลังส่งเสริมให้จิตเข้าถึงความหมายอันสูงสุดแห่งสุญญตาอันเป็นปรมัตถสัจจะของปรากฏการณ์ทั้งหลายครับ