แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ภาพนี้เป็นนิทานสอนธรรมะของคนไทยสมัยโบราณเรื่อง “ตากับยายปลูกถั่วปลูกงาให้หลานเฝ้า” โดยภาพแบ่งเรื่องราวเป็นตอนๆ แบบต่อเนื่องเป็นแนวตั้ง ๒ แถว ๆ ละ ๑๒ ภาพ อันเป็นธรรม ๑๒ อาการแห่งปฏิจจสมุปบาทที่ภาพนี้มุ่งหมายจะกล่าวถึง
นิทานเริ่มต้นจากภาพใหญ่ด้านบน ภาพแสดงตากับยายกำลังปลูกถั่วงา แล้วสั่งให้หลานเฝ้าเพื่อป้องกันไม่ให้กามากินถั่วงา หลังจากนั้นให้ดูภาพแถวซ้ายเรียงลำดับจากบนลงล่าง
ภาพที่ ๑ หลานไม่เฝ้ากาตามที่ตายายสั่งไว้ กาจึงมากินถั่วงา ปัญหาหรือความทุกข์จึงเกิดขึ้น หลานจึงเกรงกลัวว่าตากับยายกลับมาจะถูกด่าถูกตี ดังที่แสดงในภาพที่ ๒ ถัดลงมา
ภาพที่ ๓ หลานจึงไปขอร้องให้นายพราน นำธนูมาไล่นกกา แต่แล้วนายพรานก็ปฏิเสธ
ภาพที่ ๔ หลานจึงไปขอร้องให้หนูไปกัดสายธนูนายพราน แต่หนูก็ปฏิเสธอีก
ภาพที่ ๕ หลานจึงไปขอร้องให้แมวไปไล่หนู แต่แมวก็ปฏิเสธ
ภาพที่ ๖ ค่ะ หลานจึงไปขอร้องให้หมาไปกัดแมว แต่หมาก็ปฏิเสธ
ภาพที่ ๗ หลานจึงไปขอร้องให้ค้อนไปยอนหัวหมา แต่ค้อนก็ปฏิเสธ
ภาพที่ ๘ หลานจึงไปขอร้องให้ไฟไปไหม้ค้อน แต่ไฟก็ปฏิเสธ
ภาพที่ ๙ ค่ะ หลานจึงไปขอร้องให้น้ำไปดับไฟ แต่น้ำก็ปฏิเสธอีก
ภาพที่ ๑๐ หลานจึงไปขอร้องให้ตลิ่งไปทับน้ำ แต่ตลิ่งก็ปฏิเสธ
ภาพที่ ๑๑ หลานจึงไปขอร้องให้ช้างไปทับตลิ่ง แต่ช้างก็ปฏิเสธ
ภาพที่ ๑๒ หลานจึงไปขอร้องให้แมลงหวี่ไปตอมตาช้างค่ะ แต่แมลงหวี่ปฏิเสธ
หลังจากนี้ เราจะมาดูภาพย้อยขึ้นจากด้านล่างไปด้านบนบ้าง โดยเริ่มจากภาพใหญ่ตรงกลางด้านล่าง ภาพแสดงเด็กกำลังเล่นกันอย่างมีความสุขเนื่องจากเหตุการณ์จากภาพ แถวขวาล่างสุดแสดงให้เห็นว่าหลังจากหลานไปขอร้องแมลงหวี่ให้ไปตอมตาช้าง แมลงหวี่ทำตามที่หลานขอร้อง ช้างจึงไปทับตลิ่ง เพราะกลัวแมลงหวี่จะมาตอมตาช้างทำให้เกิดความรำคาญ ดังในภาพที่ ๒ ลำดับถัดขึ้นไปค่ะ
หลังจากนั้นเป็นภาพที่ ๓ ตลิ่งก็เลยจะไปทับน้ำ เพราะกลัวช้างจะมาทับตลิ่ง
ภาพที่ ๔ น้ำก็เลยจะไปดับไฟให้ เพราะกลัวตลิ่งจะมาทับน้ำ
ภาพที่ ๕ ไฟก็เลยจะไปไหม้ค้อนให้ เพราะกลัวว่าน้ำจะมาดับไฟ
ภาพที่ ๖ ค้อนก็เลยจะไปยอนหัวหมาให้ เพราะกลัวไฟจะมาไหม้ค้อน
ภาพที่ ๗ ค่ะ หมาก็เลยจะไปกัดแมวให้ เพราะกลัวค้อนจะมายอนหัวหมา
ภาพที่ ๘ แมวก็เลยจะไปกัดหนูให้ เพราะกลัวหมาจะมากัดแมว
ภาพที่ ๙ ค่ะ หนูก็เลยจะไปกัดสายธนูนายพรานให้ เพราะกลัวว่าแมวจะมากัดหนู
ภาพที่ ๑๐ นายพรานจึงจะไปไล่นกกาให้ เพราะกลัวว่าหนูจะมากัดสายธนู
ภาพที่ ๑๑ ตายายกลับมา ยายไม่ด่า ตาไม่ตี
ภาพที่ ๑๒ กาจึงไม่มากินถั่วงาอีก แสดงให้เห็นว่าปัญหาหรือความทุกข์ หมดสิ้นไป
ภาพนิทานชุดนี้เป็นการแสดงถึงอาการแห่งปฏิจจสมุปบาท ซึ่งหมายถึงสิ่งที่อาศัยกันเกิดขึ้นเป็นชั้นๆ สืบเนื่องต่อกันไป เป็นวงจรของการเกิดทุกข์ เพราะการไม่ทำหน้าที่ของสิ่งต่างๆ ให้ถูกต้อง และหากสิ่งต่างๆ ได้ทำหน้าที่ได้อย่างถูกต้องแล้วทุกข์ก็จะไม่เกิดขึ้น
จากภาพจะเห็นว่าฝั่งซ้ายเป็นวงจรของการเกิดทุกข์ เรียกว่าปฏิจจสมุปบาทสมุทยวาร สีของภาพจะสื่อออกมาเป็นพื้นสีดำคะ ส่วนฝั่งขวาเป็นวงจรของการไม่เกิดทุกข์เรียกว่าปฏิจจสมุปบาทนิโรธวาร สีของภาพเห็นมั้ยคะจะสื่อออกมาเป็นพื้นสีทอง
จุดสังเกตคือมี ๑๒ ภาพเท่ากับ ๑๒ ช่อง ของวงกลมรอบนอกของภาพกาลจักร ที่แสดงอากรแห่งปฏิจจสมุปบาทแบบของทิเบต ซึ่งเป็นภาพที่ใหญ่ที่สุดที่ติดตั้งอยู่ ณ บริเวณนี้ กลับมาที่ภาพนี้ค่ะ อาจกล่าวโดยย่อได้ว่าตากับยายผู้ผ่านประสบการณ์ในชีวิตมามากหมายถึงความรู้แจ้งหรือวิชชา ส่วนเด็กนั้นไร้เดียงสาอ่อนต่อโลกหมายถึงจิตของเราที่เป็นจิตบริสุทธิหรือจิตประภัสสรไม่มีกิเลสมาครอบครอง ในขณะที่ถั่วงานั้นหมายถึงนิพพานอันเป็นสิ่งที่มีคุณค่าต่อชีวิตของเรา และกาซึ่งมีขนสีดำหมายถึงความไม่รู้หรืออวิชชาอันเป็นความมืดดำในทางจิตใจ โดยเมื่อกาถูกขับไล่ออกไปตามที่ตากับยายสั่งสอน คืออวิชชาได้ถูกขับไล่ด้วยวิชชาหรือปัญญา ถั่วงาคือนิพพานจึงยังคงอยู่ในจิตใจนั่นเอง