พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 21 กรกฎาคม 2567 วันเข้าพรรษา
สำหรับต้นไม้นานาพันธุ์นี้ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในแต่ละปีก็คือ เราจะเห็นได้พอถึงช่วงหน้าฝน ต้นไม้ก็จะเติบโตกัน แตกกิ่งก้านสาขา ยืดลำต้นให้สูงขึ้น ใบไม้เขียวขจี ต้นไม้หลายชนิดออกดอกออกผล ไม้ผลจำนวนมากนี้ก็มีหัวใต้ดินใหญ่ อย่างเช่น มันสำปะหลัง
เป็นช่วงเวลาที่ต้นไม้ทุกชนิดชอบและเราเห็นเราก็รู้สึกสดชื่นเบิกบานตามไปด้วย และสำหรับคนเรานี้ ช่วงเวลาดีๆของชีวิตในแต่ละปี โดยเฉพาะเป็นชาวพุทธนี้ ก็อยู่ในช่วงเข้าพรรษา ซึ่งก็เป็นช่วงเวลาเดียวกับหน้าฝน คำว่า พรรษา มาจากภาษาสันสกฤต ภาษาบาลีก็คือ วัสสา แปลว่าหน้าฝน
ช่วงเข้าพรรษานี้เป็นช่วงเวลาที่ชีวิตของเราจิตใจของเราสามารถที่จะเจริญงอกงาม จิตใจสดชื่นเบิกบานไม่ต่างจากต้นไม้ในฤดูฝน เป็นช่วงเวลาดีก็เพราะว่า ผู้คนได้หันกลับมาน้อมนำ พาตัวพาใจให้เข้าหาธรรมะ เข้าหาบุญกุศล อันนี้เป็นเพราะการหนุนช่วยของประเพณีด้วย และผู้คนก็ยังธำรงรักษาประเพณีนี้อยู่
แต่ว่าตามประเพณีหรือเทศกาลอย่างเดียวไม่พอที่จะทำให้จิตใจของเราสดชื่นเบิกบาน ให้ชีวิตของเราเจริญงอกงามเหมือนต้นไม้ แม้แต่ต้นไม้ในฤดูฝนเขาเขียวขจีได้ เขาเบิกบานแจ่มใสได้ แตกกิ่งก้านสาขาใบไม้เขียวขจีได้ นี้ เป็นเพราะเบื้องหลังเขาขยันทำงานมากไม่ใช่อยู่ดีๆต้นไม้จะเขียวขจี อยู่ดีๆต้นไม้จะแผ่กิ่งก้านสาขา หรือเจริญงอกงามได้
เบื้องหลังนี้ต้นไม้ทุกต้นเลยทำงานหนักเริ่มตั้งแต่ดูดน้ำจากดินมาใส่ราก ส่งน้ำขึ้นลำต้น ยิ่งสูงเท่าไหร่ก็ยิ่งต้องส่งน้ำให้ไปสู้กับแรงโน้มถ่วงของโลก ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แรงของโลกมันก็ดึงทุกอย่างลงข้างล่าง แต่ว่าต้นไม้นี้พยายามดึงน้ำขึ้นไปสู่ลำต้นแม้กระทั่งส่วนที่สูงที่สุด ต้นไม้ทำงานหนักมาก แถมยังมีการสังเคราะห์แสง มีการคายน้ำ เท่านั้นยังไม่พอยังส่งอาหารไปเลี้ยงลำต้น เสริมกิ่งก้าน และก็ผลิใบออกดอกออกผล แถมยังเก็บอาหารตุนเอาไว้สะสมในหัวในราก พวกนี้เป็นงานทั้งนั้น
เพราะว่าต้นไม้ทำงานหนักจึงเจริญงอกงาม ใบไม้ก็เขียวขจี มีดอกและก็มีผล ที่เราเห็นสวยๆงามๆ น่าชื่นใจนี้ เป็นเพราะเบื้องหลังของต้นไม้นี้เขาทำงานหนักมาก
เช่นเดียวกันคนเรานี้ถ้าหากว่าปรารถนาชีวิตที่เจริญงอกงาม จิตใจสดชื่นเบิกบานนี้ ไม่ใช่ว่าได้มาเปล่าๆ ไม่ใช่ว่าได้มาเพียงเพราะว่าเข้าวัดและมาทำบุญตามประเพณี ต้องทำอะไรมากกว่านั้น นั่นก็คือ การนำธรรมะไปปฏิบัติ ทั้งกับกาย วาจา และใจ
ธรรมะที่ใช้มากำกับกาย วาจา เราเรียกว่าศีล เวลาพูดถึงศีลเราก็นึกถึงศีลห้า ช่วงเวลาเข้าพรรษาอย่างน้อยๆก็ต้องสมาทานศีลห้า รักษาศีลให้ครบถ้วน
แต่ว่าสำหรับคนที่คิดว่ารักษาศีลห้าได้ครบแล้วนี้ ก็ควรจะรู้จักพัฒนาตนหรือเลื่อนชั้นตัวเอง ด้วยการทำสิ่งที่ไม่ได้อยู่ในขอบข่ายของศีลห้า แต่ว่ารู้ว่ามันก่อโทษเบียดเบียนตนเบียดเบียนผู้อื่น อย่างเช่น หลายคนบอกว่าศีลห้าข้อครบแล้ว ไม่กินเหล้าแต่ยังติดบุหรี่ บางคนยังติดเกม บางคนหนักกว่านั้นติดการพนัน หรืออาจไม่ได้ติดการพนันแต่ว่าไปติดการช็อป โดยเฉพาะช็อปออนไลน์
พวกนี้เป็นอบายมุขสมัยใหม่ ยังไม่พูดถึงการติดโทรศัพท์มือถือติดโซเชียลมีเดีย ติดหนังละครซีรีส์ พวกนี้มันเป็นอบายมุขสมัยใหม่ที่ทำให้หลายคนทุกข์มาก สุขชั่วคราวแต่ว่าได้ทุกข์เต็มๆ เช่น ไม่ได้หลับไม่ได้นอน เสียเงินเสียทอง เป็นหนี้เป็นสิน ไม่เป็นอันทำงาน กิจวัตรก็บกพร่อง ความรับผิดชอบก็เสียหาย
ฉะนั้น ในช่วงเข้าพรรษานี้ถ้าเราอยากให้ชีวิตของเราเจริญงอกงาม จิตใจสดชื่นเบิกบานนี้ก็ต้องทำงาน ไม่ใช่ทำงานหาเงิน แต่ว่าเป็นการฝึกฝนตนเอง อย่างน้อยๆก็ลดหรือถ้าเลิกไปได้ยิ่งดีในสิ่งที่ก่อความทุกข์ให้กับชีวิตของเรา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการกิน การเสพ บริโภค เริ่มต้นที่ตรงนี้ก่อน
ให้รู้จักประมาณในการบริโภค ไม่ว่าจะเป็นการเสพทางตา ทางปาก หรือว่าทางไหนก็ตาม และสิ่งดีๆก็ควรทำให้มากขึ้น เช่น กินอาหารสุขภาพ หรือว่าออกกำลังกาย หรือทำสมาธิ อันนี้แหละที่มันจะช่วยทำให้ชีวิตของเราเจริญงอกงาม
และอย่างที่บอก ช่วงเข้าพรรษานี้เป็นช่วงเวลาที่ดีของชีวิตเลย เพราะว่าใครๆเขาก็ตั้งหน้าตั้งตาที่จะรักษาศีล จำนวนไม่น้อยก็เข้าวัดเพื่อปฏิบัติธรรม ถึงแม้เราอยู่บ้านก็ใช้โอกาสนี้เพราะมีเพื่อน มีหมู่มิตรชวนกันทำ เกิดกำลังใจในการฝึกฝนตนมากขึ้น
หลายคนนี้ก่อนขึ้นปีใหม่หรือตอนสิ้นปี ตั้งใจว่าจะทำอย่างนั้นอย่างนี้ จะออกกำลังกาย จะลดไขมัน จะกินอาหารหวานให้น้อยลง ก็เรียกว่าเป็นปณิธานปีใหม่ แต่พอมาถึงตอนนี้ก็พบว่าทำไม่ได้แล้ว ทำได้แค่ 2-3 วัน 2-3 อาทิตย์ ก็ยังไม่สายจะมาเริ่มต้นใหม่ได้ช่วงเข้าพรรษานี้แหละ
เอาวันเข้าพรรษานี้เป็นจุดเริ่มต้นปักหมุดเลย ปักหมุดในวาจา จะกลับมาทำใหม่ที่ทำไม่ได้ ปณิธานปีใหม่ก็มาทำให้ปณิธานเข้าพรรษามาเป็นจริงนะ และถ้าเราตั้งใจทำนะ ไม่ว่าจะเป็นการรักษาศีล การฝึกจิตที่เรียกว่าสมาธิ หรือว่าการเจริญปัญญา
แม้แต่การเจริญปัญญาไม่ถึงขั้นวิปัสสนา แค่อ่านหนังสือธรรมะ ก็ช่วยได้เยอะแล้ว หนังสือธรรมะเล่มหนาๆนี้ อย่างเช่น พุทธธรรม สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ พันหน้านี้หลายคนท้อแต่ว่าถ้าตั้งใจว่าพรรษานี้จะอ่านให้จบ โดยตั้งใจว่าจะอ่านวันละ 10 หน้า อาตมาก็มีปณิธานแบบนี้แหละก่อนบวช และก็อ่านครบ จบ ก่อนออกพรรษา อันนี้คือปณิธานก่อนบวช
หรือถ้าจะเล่นย่อมๆก็ ธรรมโฆษณ์ของอาจารย์พุทธทาสก็ได้ หรือพระไตรปิฎกก็ได้ อันนี้ก็เรียกว่าเป็นการเจริญปัญญาแบบไม่ยากนัก คืออ่านหนังสือเอา แต่ถ้าจะทำให้ดีกว่านั้นก็คือการเจริญวิปัสสนาเลย ด้วยการเจริญสติก่อน
ฉะนั้น ให้รู้ว่าช่วงเข้าพรรษานี้เป็นช่วงที่ดีของชีวิต อย่าปล่อยให้มันผ่านเลยไป เป็นโอกาสที่ชีวิตของเราจะเจริญงอกงาม จิตใจจะสดชื่นเบิกบานไม่ต่างจากต้นไม้นานาชนิดในฤดูฝน.