แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 17 ตุลาคม 2567
[00:00] วันนี้เป็นวันสำคัญสำหรับชาวพุทธ ไม่ใช่เฉพาะชาวบ้านใหม่ไทยเจริญ หรือว่าบ้านกุดโง้ง แต่เรียกว่าสำคัญสำหรับชาวพุทธทั้งประเทศ เพราะฉะนั้นวันนี้จึงมีผู้คนมาที่วัดป่าสุคะโตกันจนเต็มศาลา แต่ละคนก็ยิ้มย่องผ่องใส หน้าชื่นตาบาน เพราะว่าเป็นวันที่หลายคนดีใจที่มาถึง ถามว่าดีใจเพราะอะไร ทําไมถึงยิ้มย่องผ่องใส บางคนบอกว่า เป็นเพราะว่าลูกหลานจะได้กลับมาสู่ครอบครัว ที่บวชเป็นพระก็ใกล้เวลาสึกแล้ว จะได้มาหาพ่อแม่ หรือบางคนเป็นพ่อ จะได้เวลาสึกมาหาลูกๆ หรือบางคนก็รอชายหนุ่มที่เป็นแฟน ที่เป็นสามี ว่าจะได้กลับมาสู่บ้าน กลับมาหาลูกๆ เสียที หรือบางคนก็ดีใจเพราะว่าลูกหลานได้กลับบ้าน ลูกหลานไปทำงานที่กรุงเทพฯ พอถึงช่วงเข้าพรรษาก็กลับมา ออกพรรษาก็กลับมา
ธรรมดาพ่อแม่นั้นได้เห็นหน้าลูกๆ หรือว่าปู่ย่าตายายเห็นหน้าหลานๆ ที่ไปทำงานที่กรุงเทพฯ ในเมืองต่างๆ กลับมา ก็ดีใจ วันออกพรรษามีความหมายสำหรับหลายคนก็เพราะเหตุนี้ แต่ที่จริงแล้ว วันออกพรรษามีความหมายมากกว่านั้น ชาวพุทธเราถือว่าเป็นวันมงคล ถามว่ามงคลเพราะอะไร บางคนคิดว่าเป็นวันมงคลเพราะเป็นวันพระใหญ่ อันนั้นก็จริงอยู่ แต่ยังไม่ใช่ทั้งหมด ที่ว่าเป็นวันมงคลก็เพราะว่าเป็นวันสิ้นสุดของเทศกาลบําเพ็ญบุญ สร้างกุศลสำหรับชาวพุทธ ซึ่งเริ่มต้นมาเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว วันนี้เป็นวันสิ้นสุดของการบําเพ็ญบุญ เพราะฉะนั้น หลายคนถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดี เพราะว่าการบําเพ็ญบุญไม่ใช่เพียงแค่มาถวายทาน ใส่บาตร มาถวายสังฆทานตามประเพณี แต่รวมถึงการสร้างบุญด้วยกาย ด้วยวาจา นั่นคือ การรักษาศีล เพื่ออะไร เพื่อทำความดีให้มากขึ้นๆ และเพื่อลด เพื่อละกิเลส หรือว่าการกระทำที่ไม่ดีที่ทำให้เกิดทุกข์ หลายคนไม่รู้ว่าช่วงเข้าพรรษาคือโอกาสในการที่จะฝึกฝนตนให้เจริญงอกงามในทางธรรมะยิ่งขึ้น ไปเข้าใจว่าเป็นวันสิ้นสุดของการทำบุญด้วยการให้ทาน การให้ทานก็ดี แต่ว่าอย่าลืมการทำบุญอย่างอื่น
เดี๋ยวนี้ชาวพุทธเรารู้จักแต่การทำบุญด้วยทาน จึงนึกถึงแต่การใส่บาตรพระ ถวายสังฆทาน ทำบุญเลี้ยงพระ คําว่า ทำบุญเลี้ยงพระ ก็ติดปากเราจนเข้าใจว่า แค่เลี้ยงพระก็ถือว่าได้ทำบุญแล้ว ที่จริงแล้วการทำบุญรวมไปถึงการที่เราทำความดีมากขึ้นๆ เช่น การรักษาศีล ก่อนเข้าพรรษาบางคนอาจจะถือศีลแค่ 2 ข้อ 3 ข้อ พอเข้าพรรษาก็เป็นเวลาที่จะรักษาศีลให้มากขึ้น เข้มงวดขึ้น เช่น งดเหล้า งดการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต เรียกว่าศีล 5 บางคนทำหรือรักษาศีล 5 ได้ดีแล้ว ก็เขยิบเป็นศีล 8 เขยิบเป็นศีล 8 ทำที่บ้านก็ได้ แต่หลายคนก็มาทำที่วัด ทำอาทิตย์ละครั้ง มาจำศีลที่วัด
จะจำศีลที่วัดหรือจำศีลที่บ้านก็เหมือนกัน ถ้าเป็นการลด การละ
ลดละอะไร ไม่ใช่แค่ลดละการกระทำที่เบียดเบียนผู้อื่นเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการลดละการกระทำที่เบียดเบียนตัวเองด้วย ศีลข้อ 5 ลดละการเบียดเบียนตัวเองไม่ให้มอมเมาด้วยเหล้ายา และต่อไปก็ลดละไม่ให้ตัวเองถูกครอบงำด้วยกิเลสอย่างอื่น อย่างเช่น ศีลข้อที่ 7 ให้เราไม่ถูกครอบงำด้วยความติดในการบันเทิงเริงรมย์ การละเล่น การฟ้อนรํา การประดับประดา พวกนี้เป็นกิเลสอย่างหนึ่ง ซึ่งถึงเวลาเข้าพรรษา อย่างน้อยควรจะลดละ และต่อไปก็เลิกให้ได้ แต่ที่จริงแล้วมีมากกว่านั้น บางคนทุกข์เพราะว่าติดอย่างอื่น ไม่ใช่แค่ติดเหล้า อาจจะไม่ติดเหล้า แต่ว่าติดเกม ติดการพนัน ติดกาแฟ หรือว่าติดบุหรี่ ช่วงเข้าพรรษานี่แหละคือช่วงเวลาของการลดการละ รวมทั้งการทำความดีอย่างอื่นด้วย เช่น การตื่นแต่เช้าสวดมนต์ทุกวัน นั่งสมาธิ เป็นต้น หรืออาจจะรวมถึงการฟังธรรมเป็นประจำ ทั้งหมดนี้เราเรียกว่าเป็นการฝึกฝนตน ซึ่งตามประเพณีนิยมทำในช่วงเข้าพรรษา
[07:40] ที่จริงการฝึกพ้นตนต้องทำตลอดปี ตลอดชีวิต แต่ว่าตามประเพณีกําหนดให้ช่วงเข้าพรรษาเป็นช่วงที่เราจะได้เริ่มต้นฝึกฝนตนให้เข้มแข็งเข้มงวดขึ้น เรียกรวมๆ ว่าเป็นการทำบุญ แต่ว่าหลายคน แม้จะเป็นชาวพุทธ ไม่รู้เลยว่าเข้าพรรษาคือช่วงเวลาของการฝึกฝนตน แต่คิดว่าเป็นแค่เข้าพรรษา ผ่านไปอีกทีก็ออกพรรษา จบ ช่วงเข้าพรรษาคือช่วงที่เปิดหัวด้วยเข้าพรรษา ปิดท้ายด้วยออกพรรษา คิดแค่นั้น ไม่ได้รู้เลยว่าช่วงเข้าพรรษาคือช่วงการฝึกฝนตน เหมือนการเรียนหนังสือ มีเปิดเรียน และมีปิดเทอม การฝึกฝนตนเป็นการศึกษาอย่างหนึ่ง เขาเรียกว่าสิกขา เพราะฉะนั้น เมื่อถึงวันออกพรรษาก็หมายถึงวันที่สิ้นสุดเทศกาลการฝึกฝนตนแบบเข้มงวด อันนี้จึงเป็นเหตุผลที่ชาวพุทธเรามีความยินดีเมื่อวันออกพรรษามาถึง เหมือนกับเราดีใจที่ปิดเทอม แต่ถามว่าเราควรจะดีใจเมื่อวันออกพรรษามาถึงเพราะเหตุใด บางคนบอกว่า ดีใจเพราะว่าจะได้หมดความยากลําบากเสียที ความยากลําบากจะได้จบเสียที อุตส่าห์อดเหล้ามาตลอด 3 เดือนหรือบางคนก็อดเหล้ามาเป็นเดือน ต่อไปนี้จะได้สิ้นสุดเสียที
บางคนบอกว่า ต้องไปเข้าวัดจำศีลตลอด 3 เดือน มาถึงวันนี้ก็เป็นวันสิ้นสุดเสียที อันนี้ยังไม่ดีพอ การที่เราดีใจเพราะว่ามันจบได้เสียที แปลว่าอะไร แปลว่าที่ผ่านมาเรามีความทุกข์ แม้สิ่งที่เราทุกข์จะเป็นความทุกข์ที่ดี ทุกข์เพราะงดเหล้า ทุกข์เพราะว่าต้องมาจำศีล ไม่ได้ดูหนังฟังเพลง ไม่ได้เล่นเล่นดนตรี หรือว่าตกแต่งประดับประดา อันนี้สำหรับหลายคนเป็นเรื่องที่ลําบาก ถึงวันออกพรรษาเป็นอันสิ้นสุด ก็ดีใจ ดีใจที่มันจบเสียที ดีใจแบบนี้ยังไม่ดีเท่าไร เพราะแสดงว่าที่ผ่านมาเราทุกข์ฟรีๆ แต่ถ้าหากว่าเราดีใจเพราะว่า ฉันทำได้ อันนี้ดีกว่า เพราะว่าเกิดความภาคภูมิใจ ภาคภูมิใจที่เราทำสิ่งที่ยากให้สำเร็จได้ ความยากลำบากถ้าจบแล้วดีใจ อันนั้นยังไม่ดีพอ แต่ถ้าดีใจเพราะว่า ฉันทำได้ อย่างนี้เรียกว่าไม่ได้ทุกข์ฟรีๆ แม้จะลําบากตลอด 3 เดือน แต่ว่าเรามีความภาคภูมิใจที่ว่า ฉันอดทนอดกลั้นได้ เลิกเหล้าได้ เลิกบุหรี่ได้ หรือว่าเลิกการดูหนังฟังเพลง บางคนดีใจที่เลิกเล่นเกมดูเกมได้ หรือว่าเลิกบุหรี่ได้ อย่างนี้จะทำให้เราเกิดความมั่นใจในการลดละเลิกอย่างต่อเนื่อง ออกพรรษาแล้วยังทำต่อไปได้
ฉะนั้น ให้เราเข้าใจว่าเทศกาลเข้าพรรษาคือช่วงของการฝึกฝนตน และเมื่อออกพรรษาแล้ว เราก็ควรจะมีการพัฒนาตนมากขึ้น
ต้องถามตัวเองว่า ครบ 3 เดือนแล้ว เราได้พัฒนาขึ้นไหม ขนาดหัวเผือกหัวมัน 3 เดือนยังโต จากเดิมที่ไม่มีหัวเลย ผ่านไป 3 เดือน หัวโตขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเผือก ไม่ว่าจะเป็นมัน แต่ปรากฏว่าพอมันโตแล้วมันไม่ได้ใช้ประโยชน์ เพราะคนเอาไปกินเสียก่อน แต่ถ้าจิตใจเราพัฒนา หรือว่าถ้ากาย วาจาของเราประณีตงดงาม คนที่ได้ประโยชน์คือใคร คนที่ได้ประโยชน์คือเรานั่นแหละ หลายคนไม่ได้นึกเลยว่า ออกพรรษาแล้วเราต้องพัฒนายิ่งกว่าเดิม เพราะฉะนั้น เมื่อมาถึงวันนี้ให้แต่ละคนลองถามตัวเราเอง ใคร่ครวญ มองตนว่า 3 เดือนที่ผ่านมาเรามีอะไรที่ดีขึ้นบ้าง มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นบ้าง เราถือศีล 5 ได้ครบไหม เราเลิกหรือลดการกินเหล้า สิ่งเสพติดได้บ้างหรือเปล่า ก่อนมาเข้าพรรษานี้ติดเกม ออกพรรษาแล้วเราติดเกมน้อยลงไหม หรือว่าเราเลิกเล่นเกมได้หรือเปล่า หรือว่าเป็นคนจู้จี้ขี้บน ชอบนินทาคนโน้นคนนี้ ออกพรรษาแล้วเรานินทาน้อยลง จู้จี้น้อยลงไหม บางคนชอบต่อว่า บางทีต่อว่าลูก หรือว่าเมีย หรือว่าผัว ออกพรรษาแล้วเราอดกลั้นได้มากขึ้นไหม
[14:33] เพราะฉะนั้น นอกจากจะสนุกสนานรื่นเริงในวันออกพรรษาแล้ว ให้หยุดคิดสักหน่อยว่าเรามีการพัฒนาตัวขึ้นบ้างไหม ไม่ว่าจะเป็นกาย วาจา หรือว่าใจ เราเครียดน้อยลงไหม ใจเย็นขึ้นบ้างหรือเปล่า รวมทั้งความดีที่เราทำตลอดพรรษา เราคิดจะทำต่อไปไหม สวดมนต์ ฟังธรรมนั่งสมาธิ ช่วงเข้าพรรษา หากว่าเราทำดีมาจนถึงวันนี้ ควรจะชื่นชมยินดีว่าเราได้ทำสิ่งดีๆ และให้ตั้งใจทำต่อไป แต่ถ้าหากว่าตั้งแต่เข้าพรรษามาจนถึงวันนี้ไม่ได้ทำอะไรเลย ได้แต่ใส่บาตร ถวายสังฆทาน อันนี้ถือว่าเสียโอกาส ถือว่าเปิดเทอมแล้ว เรียนหนังสือแล้ว ปิดเทอมไม่ได้ความรู้อะไรเลย แต่ก็ยังดีที่รู้ว่าไม่ได้ความรู้เพราะว่าละเลยโอกาส ก็ให้ตั้งใจว่าเข้าพรรษาปีหน้าเราจะทำให้ดีกว่านี้ หรือถ้าจะให้ดี เริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้ไป ตั้งใจอบรมฝึกฝนตนด้วยการรักษาศีล ทำให้ดียิ่งขึ้น ฉะนั้น เข้าพรรษาจะมีความหมายตรงนี้ และเมื่อถึงวันออกพรรษาเราจะได้มีความยินดี มีความภาคภูมิใจที่ได้ทำสิ่งยากให้สำเร็จได้ ไม่ใช่แค่ดีใจเพราะว่าความยากลําบากจะได้จบเสียที อันนี้จะเปิดช่องให้กิเลสมาเล่นงาน หรือชักนําเราไปในทางต่ำได้ ออกพรรษาเสร็จก็กินเหล้า ออกพรรษาเสร็จก็เที่ยวสนุกสนาน อันนั้นไม่ใช่วิถีของชาวพุทธ
อนุโมทนา ถ้าหากว่าพวกเราได้ใช้เวลาช่วงเข้าพรรษาในการฝึกฝนตน อย่างน้อยด้วยการรักษาศีลให้ครบถ้วน หรือว่ารักษาศีลให้มากขึ้นกว่าเดิม รวมทั้งที่สละเงินเพื่อการใส่บาตร เพื่อการถวายสังฆทาน อนุโมทนา