แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
[00:10] ญาติโยมคงได้รับประโยชน์ไม่มากก็น้อย ในชีวิตของเรา คนที่นับถือพระพุทธศาสนา ชาวพุทธ พุทธบริษัท เพื่อจะมีคุณธรรมพื้นฐาน ข้อธรรมพื้นฐานคือ ความกตัญญูกตเวที นี้เอง ถ้าคนไม่มีความกตัญญูกตเวที ธรรมะอื่นๆ ตั้งอยู่ไม่ได้เลย เพราะไม่มีฐานรองรับ ฐานรองรับของคุณธรรมทั้งหลาย คือความกตัญญูกตเวที ผู้ที่เจริญก้าวหน้า ท่านก็มีคุณธรรมเหล่านี้ เช่น ท่านอาจารย์พุทธทาส ท่านมีคุณธรรมกตัญญูกตเวทีหนักแน่นมาก
ทีนี้ พวกเราทุกคนคือญาติโยมทุกคน ก็ล้วนแต่มีบรรพบุรุษ ปู่ย่า ตายาย โดยเฉพาะเราเป็นคนไทย อาตมาเคยพูดบ่อยมากว่า ควรนึกถึงบรรพบุรุษที่ท่านเคยเกิดบนผืนแผ่นดินนี้ และท่านพยายามที่แสวงหาผืนแผ่นดินของประเทศไทยนี่ ให้เป็นประเทศไทย อยู่ได้จนกระทั้งถึงปัจจุบันนี้ ลูกหลานเกิดขึ้นมาได้อาศัยผืนแผ่นดินที่ดีที่สุดของโลกก็ว่าได้ พวกฝรั่งก็มาเที่ยวเมืองไทย เพราะเมืองไทยเป็นผืนแผ่นดินที่ดี คนไทยมีวัฒนธรรมที่ดี ประเทศไทยมีวัดวาอารามเต็มไปหมดทั้งประเทศ สิ่งเหล่านี้ ปู่ย่า ตายาย ของเราช่วยกันสร้างขึ้นมา เป็นแผ่นดิน เป็นวัตถุ สิ่งสำคัญที่จะชักจูงจิตใจของคนให้ศรัทธาเลื่อมใสต่อพระพุทธศาสนา เป็นโบสถ์ เป็นวิหาร เป็นพระพุทธรูป เป็นพระพุทธบาท เรียกว่าเต็มไปทั้งประเทศไทย
ที่สำคัญที่สุด ประเทศไทยเราผู้ที่มีความรู้ทางธรรมะ ผ่านมาตามลำดับๆ โดยเฉพาะท่านอาจารย์พุทธทาส หลายคนได้เคยเห็นท่าน ท่านอาจารย์พุทธทาสได้มีคุณธรรมอย่างนี้ เพราะศึกษาจากอุปชาอาจารย์ของท่าน ท่านอาจารย์พุทธทาสได้เผยแผ่พระพุทธศาสนาออกไปต่างประเทศเหล่านี้ หนังสือที่ท่านได้พูดเอาไว้ รวบรวมเป็นหนังสือชุดธรรมโฆษณ์ กำลังแปลออกไป แปลออกไป ก็เป็นที่ยอมรับของผรั่ง จนกระทั่งฝรั่งบางคนทำปริญญาเอก วิทยานิพจน์จบไปหลายรายแล้ว จากงานของท่านอาจารย์พุทธทาส ท่านได้ทำอาไว้ เดี๋ยวนี้ตำราเกี่ยวเรื่องธรรมมะมีพร้อมสมบูรณ์
ประเทศไทยเรา พระไตรปิฎกก็มีอยู่ ที่พระเจ้าแผ่นดินในสมัยอดีตช่วยกันชำระพระไตรปิฎก ที่เชียงใหม่ก็เคยทำสังคายนา พระไตรปิฎกที่กรุงเทพก็เคยทำสังคายนา พระไตรปิฎกรักษาสิ่งที่มีค่าไว้ในประเทศไทยเรา ประเทศไทยเราก็อยู่เย็นเป็นสุขมาตามลำดับ มาปัจจุบันนี้ ประเทศไทยเราถูกโจมตี เดี๋ยวนี้เขาไม่จำเป็น ไปยกทหารมารบ แต่เขาใช้ธุรกิจของเขา ทำให้คนไทยที่ไม่ลืมหูลืมตา ตกเป็นทาสของวัตถุนิยม เพราะฉะนั้น รายได้ของประเทศไทย ก็ต้องออกไปสู่ต่างประเทศ เพื่อซื้อวัตถุที่บ้านเขาผลิตกันขึ้นมาหลายๆ ประเทศ ในที่สุดความเป็นไทยก็น้อยลงๆ แล้วก็กลายเป็นทาส ไทยกับทาสนี่ มันคนละอย่าง ชื่อของประเทศไทย คนไทยนี่มีความหมายดีมาก ไทยแปลว่าอิสระเสรี ไม่ตกเป็นทาส ทางร่ากายด้วย ทางจิตใจนี้สำคัญ อันนี้คนไทย ส่วนใหญ่ตกเป็นทาสของกิเลส ตกเป็นทาสของวัตถุ เลยสิ่งที่ปู่ย่า ตายายทำเอาไว้ จะรักษาไม่รอด
โดยเฉพาะ ที่น่าเป็นห่วงมากคือวัดวาอาราม วัดแต่ละวัดมีค่ามาก ถ้าไม่มีพระสงฆ์อยู่ในวัด ไม่มีคนดูแล ต่อไปวัดก็ร้าง เดี๋ยวนี้วัด เมื่อก่อนเป็นที่บำเพ็ญบุญ บำเพ็ญกุศล กลายป็นห้างสรรพสินค้า เพราะว่าบ้านเมืองมันเจริญ เช่าที่วัด มาทำธุรกิจอย่างนี้ก็มีมาก มากขึ้นๆ วัดที่ปู่ย่า ตายายช่วยกันสร้างขึ้นไว้ ก็เปลี่ยนสภาพ เป็นวัดร้างก็มี เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นก็มี ถ้าเราไม่มีความกตัญญูกตเวทีต่อปู่ย่า ตายาย ลูกหลานก็จะลำบาก ลูกหลานขณะนี้จะลำบาก เดี๋ยวนี้คนที่อยู่ในวัด เป็นพระสงฆ์มีน้อย แต่ว่าเข้าไปอยู่ในคุกเยอะมาก ผู้ชายเข้าไปอยู่ในคุกเต็มไปหมดเลย ทุกคุก ทุกตาราง เต็มหมดเลย ผู้ชายเข้าไปอยู่เยอะมาก ไปอยู่ในคุกมากกว่าอยู่ที่บ้านที่เรือน มากกว่าอยู่ที่วัดที่วา ถ้าเราไม่ช่วยกันแก้ไข ต่อไปดีไม่ดี ประเทศไทยก็หมดอิสระภาพ จะมีแต่ชื่อเท่านั้นว่าประเทศไทย จริงๆนี่ คนตกเป็นทาสไปหมดเลย เป็นทาสกิเลส เป็นทาสทางด้านเศรษฐกิจ นี่ปัญหาเฉพาะหน้าที่ต้องช่วยกันแก้ไข อันนี้เรื่องจริง แต่คนมองไม่เห็น ตกเป็นทาส
[08:18] ในนิทานชาดกเรื่องหนึ่ง เมื่อพระเจ้าแผ่นดินต้องการเสวยพระกระยาหาร ให้ประชาชนมาชมพระบารมี ก็ตั้งเป็นแท่น เป็นที่ประทับ พระองค์จะเสวยพระกระยาหารเป็นพิเศษ ในขณะนั้น มันมีคนหิว เป็นยาจก เป็นคนไม่มีอันจะกิน เขาก็พุ่งตรงไปที่พระเจ้าแผ่นดินเสวยพระกระยาหาร พวกทหารก็เลยถามว่ามาจากไหน ก็บอกเป็นทูตๆ พอบอกเป็นทูต พวกทหารก็อ้างไม่ได้ ตรงไปถึง ก็เอาอาหารที่พระราชาจะเสวย กินเลย กินจนอิ่มเลย พระเจ้าแผ่นดินถามว่า แกนี้มาจากไหน เป็นทูตของใคร เป็นทูตของตัณหา เพราะความอยากนี้ บังคับใจของเขาไม่ได้ จำเป็นต้องทำอย่างนั้น พระเจ้าแผ่นดินก็เลยได้สติ สลดใจว่า คนทุกคนต้องการกินดีอยู่ดี หลังจากนั้นพระองค์ก็เลิก เลิกปฏิบัติอย่างนั้น
เดี๋ยวนี้คนก็รับใช้ตัณหา รับใช้กิเลส นั้นความเป็นไทยนี่ ในจิตใจก็น้อยลงๆ การที่ชนะกิเลส ชนะตัณหาเหล่านี้ ไม่มีใครเลย ที่ค้นพบวิธี ไม่มีใครที่สร้างอาวุธ ขจัดศัตรูเหล่านี้ได้ พระพุทธเจ้าพระศาสดาของชาวพุทธนี่เอง พระองค์เอาชนะกิเลสได้ จึงเรียกว่า พระชินะคือผู้ชนะมาร ทรงชนะกิเลสได้ ในประเทศไทยเรา บรรพบุรุษของเรา ปู่ย่า ตายายของเรา รักษาพระพุทธศาสนาหลายร้อยปี อาจจะพันปี สองพันปีแล้วก็ได้ มาบัดนี้กลับละเลย สิ่งที่บรรพบุรุษช่วยกันแสวงหา ช่วยกันรักษา แม้ผืนแผ่นดินดีไม่ดีจะรักษาไว้ไม่ได้ เสรีประชาธิปไตย ต่อไปไม่แน่ คนต่างชาติ ก็มาซื้อที่ดิน ที่ปู่ย่า ตายายของเรา แสวงหาไว้ รักษาไว้ ตกเป็นของคนอื่น ญาติโยมทั้งหลายก็รู้ดี เดี๋ยวนี้ซื้อหุ้นกัน ขายหุ้นกัน เอาเข้าตลาดหลักทรัพย์ พวกต่างชาติก็มาซื้อกิจการต่างๆ ไปเยอะแล้ว เขามายึดผืนแผ่นดิน และเขามาเอาประโยชน์จากที่คนไทยหลงไหล ไม่มีความกตัญญู ไม่มีความกตเวทีต่อบรรพบุรุษ ฉะนั้น เราต้องมองเห็น คุณงามความดีของปู่ย่า ตายาย
ทางธรรมะท่านสอนเอาไว้ว่า ยอมเสียทรัพย์แต่รักษาอวัยวะเอาไว้ เจ็บไข้ได้ป่วย จำเป็นต้องรักษา เสียทรัพย์ ยอมเสียทรัพย์ เพื่อรักษาอวัยวะ บางเวลามันจำเป็น ต้องตัดอวัยวะบางส่วนออก ถ้าเป็นโรคมะเร็งอย่างนี้ ถ้าไม่ตัดออก มันจะพาชีวิตส่วนรวมไปเลย ก็ยอมเสียอวัยวะ แต่พระพุทธเจ้าตรัสว่า เมื่อคิดถึงธรรมะ ทรัพย์ก็เสียได้ อวัยวะก็เสียได้ชีวิตก็เสียได้ แต่ไม่เสียธรรมะ เดี๋ยวนี้คนไม่เคารพธรรมะ ธรรมะที่พระองค์ตรัสรู้ เป็นสิ่งประเสริฐ แม้พระพุทธเจ้า พระองค์ก็ยังเคารพธรรมะที่พระองค์ตรัสรู้นั้นเอง หลังจากพระองค์ตรัสรู้แล้ว ก็มาพิจารณาว่า การอยู่อย่างไม่มีที่เคารพไม่สมควร ท่านก็มองหาว่า ครูบาอาจารย์คนไหนบ้าง ที่พระองค์เคารพได้ก็ไม่มี พระองค์ก็เคารพธรรมะที่พระองค์ตรัสรู้
ฉะนั้น ธรรมะเป็นจริงสูงสุด ธรรมะอยู่ที่ไหน ธรรมะก็อยู่ที่เรา ธรรมะอยู่ในที่ทุกสิ่ง เป็นธรรมะทั้งนั้น
[13:54] ทีนี้ ที่น่าสนใจที่สุด พระพุทธเจ้านี่ พระองค์ตรัสรู้ เรื่องธาตุ เรื่องธาตุ ธาตุนี่ มันมีมากมายเหลือเกิน ปัจจุบันนี้ นักวิทยาศาสตร์ นักเคมีก็ค้นพบ อาตมาอ่านดู มีประมาณ 92 ธาตุ ทั้งหมดมัน 92 ธาตุ เมื่อก่อนก็ไม่มีความรู้ ออกซิเจน ไนโตรเจน โพแทสเซียม พวกแบบนี้ เขาไม่มีความรู้ แต่เมื่อก่อนเขารู้ว่า ธาตุ 6 ธาตุ 4 ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม ธาตุอากาศ ธาตุวิญญาณ นั้นคือธาตุ ชีวิตของเรานี่ มันมีธาตุเหล่านี้ และธาตุข้างนอก ที่เป็นดิน เป็นน้ำ เป็นไฟ เป็นลม และวิญญาณ ไม่ได้มีอยู่ในก้อนหิน ไม่ได้มีอยู่ในดิน วิญญาณนี้ จะตั้งอยู่ได้ เพราะมีนามและรูป ถ้าไม่มีนามและรูปวิญญาณ ก็เกิดไม่ได้ ในชีวิตของเราสำคัญสุด ก็มีวิญญาณธาตุ
แต่ธาตุแต่ละธาตุนี่ มันมีความสำคัญทั้งนั้น ไม่ว่าธาตุดิน ไม่ว่าธาตุน้ำ ไม่ว่าธาตุลม ไม่ว่าธาตุไฟ อย่างธาตุน้ำนี่ ในโลกที่เราอาศัยอยู่นี้ ถ้าไม่มีน้ำอย่างเดียว ทุกชีวิตอยู่ไม่ได้ พระจันทร์ทำไมอยู่ไม่ได้ ถ้าไม่มีน้ำ และโลกที่เราอาศัยอยู่นี้ มันมีน้ำ น้ำข้างนอก ชีวิตของเราประจำวัน ต้องอาศัยน้ำ น้ำกิน น้ำใช้ ปรุงอาหาร ก็ต้องมีน้ำทั้งนั้น แต่ไม่ใช้น้ำอย่างเดียว ที่จะอยู่ได้ ต้องมีไฟด้วย ถ้าไม่มีธาตุไฟก็อยู่ไม่ได้ แล้วก็ต้องมีธาตุลมด้วย แล้วก็มีธาตุว่างด้วย แล้วต่อไปเป็นธาตุวิญญาณ ทีนี้ พระพุทธเจ้าสอนธรรมะก็เอาสิ่งเหล่านี้ มาสอนให้คนเข้าใจ ว่าธาตุดินมีลักษณะอย่างไร ธาตุน้ำมีลักษณะอย่างไร ธาตุไฟมีลักษณะอย่างไร ธาตุลมมีลักษณะอย่างไร อย่างพระองค์สอนสามเณรราหุล เป็นบุตรของพระพุทธเจ้าก่อนที่พระองค์ออกบวช พระองค์สอนมาก สอนพระราหุลให้เข้าใจเรื่องธาตุ ธาตุข้างนอกและธาตุข้างใน
พระองค์สอนว่า ให้ปฏิบัติธรรมเหมือนกับดินบ้าง เหมือนกับน้ำบ้าง เหมือนกับไฟบ้าง เหมือนกับลมบ้าง เหมือนกับอากาศบ้าง แต่ดินนี่ ใครจะถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ ไปขุด ไปรื้อ มันไม่อึดอัด มันไม่โกรธ ต้องปฏิบัติธรรม ให้เป็นอย่างนั้น ให้จิตใจ ไม่ยินดี ไม่ยินร้าย ให้จิตใจตนเอง ให้เหมือนกับดิน ให้เหมือนกับน้ำ น้ำใครจะเอาอะไรของเสียไปเท มันก็เป็นแบบนั้น พระพุทธเจ้าสอนธรรมะ ก็สอนให้รู้จักธรรมชาติ ในชีวิตของเราก็ดี อยู่ข้างนอกก็ดี เพื่อจะเอาชนะกิเลส ปัญหาต่างๆ ที่มีอยู่นี่ ก็กิเลสมันเข้ามา เข้ามาทำร้ายจิตใจ ทีนี้ ถ้าเราไม่กลัวกิเลสแล้ว ก็ตกเป็นธาตุกิเลส ฉะนั้น ที่รัฐบาลโทษว่าคนส่วนใหญ่เป็นทาสของตัณหา ความอยาก ความต้องการ ไม่รู้จักพอ ก็ตกเป็นทาส ก็เหนื่อยกันมาก หนักกันมาก เดือดร้อนกันมาก วุ่นวายกันมาก มาจากการได้ตกเป็นทาสนั้นเอง ฉะนั้น ปู่ย่า ตายายของเราก็ช่วยรักษาแผ่นดิน ช่วยรักษาธรรมะของพระพุทธเจ้าอยู่ในผืนแผ่นดินนี้
เดี๋ยวนี้อย่างที่ว่า น่าเป็นห่วง วัดวาอารามก็เสื่อมลงๆ คนไม่ค่อยเข้าวัด เพราะสภาพบ้านเมืองมันเปลี่ยนไป อย่างวัดทั่วไป ที่อยู่ในชุมชน อยู่ในบ้านในเมือง คนก็มีตายกันมาก ต่างก็ทราบข่าวกันว่ามีเตาเผาศพ วันไหน วัดก็มีแต่งานศพ งานศพ ญาติโยมก็ทำบุญสุนทาน พระบางองค์ที่ไม่เข้าใจ ท่านก็ไปหลงในลาภสักการะ ที่สุดมันก็ชวนกันเสื่อม ชวนกันเสื่อม พุทธศาสนาก็อ่อนแอ สิ่งที่ปู่ย่า ตายาย รักษาไว้ มันก็จะเสื่อม ในที่สุดจะหลุดมือไปก็ได้ พระพุทธเจ้าก็สอนไว้ว่า ดำรงวงศ์ตระกูล พระพุทธองค์สอนว่า หน้าที่ของบุตรธิดา พ่อแม่เลี้ยงมาแล้ว ก็ต้องเลี้ยงท่านตอบ ทำการงานของท่าน ประพฤติตนเป็นคนควรรับทรัพย์มรดก ดำรงวงศ์ตระกูล ถ้าล่วงลับไปแล้ว ก็ทำบุญอุทิศให้ท่าน ทางภาคใต้ก็มีการทำบุญตายายกัน นั้นวันนี้ ญาติโยมทั้งหลายอาจจะมาจากภาคอื่น ไม่ได้มาจากภาคใต้อย่างเดียว แต่การบำเพ็ญบุญเพื่ออุทิศให้ อาตมาเชื่อว่ามีทุกภาคของประเทศไทย แต่เรียกชื่อต่างกัน การมาปฏิบัติธรรมในวันนี้ ขอให้นึกถึงปู่ย่า ตายายที่ล่วงลับไปแล้วด้วย เพื่อรักษาผืนแผ่นดินไทย เพื่อรักษาพระพุทธศาสนาเอาไว้ และปู่ย่า ตายายเหล่านี้ก็ยังอยู่ในชีวิตของเรา ยังไม่หมด ถ้าเราปฏิบัติธรรมที่ปู่ย่า ตายายท่านเคยทำเป็นตัวอย่าง บุญกุศลก็เกิด ก็เกิดขึ้นในจิตใจของเรา บุญก็คือความสุขนี้ เราเหมือนกับทำให้มันมีความสุข
[20:50] แต่บุญมันมีหลายระดับ การทำนี่ เราเรียกว่า บุญกิริยาวัตถุ วัตถุเป็นที่ตั้งแห่งการกระทำให้เกิดบุญ ตัวบุญจริงๆ นี่ คือสภาพจิตใจที่ไม่มีบาป บาปตรงข้ามกับบุญ เมื่อจิตใจไม่มีบาป จิตใจก็เป็นสุข ฉะนั้นบุญก็เป็นชื่อของความสุข และมีคำหนึ่งชื่อว่า กุศล ใช้แทนกันได้ เช่น กุศลกรรมบถ 10 เหล่ากุศลที่ว่าไม่ฆ่า ไม่ลัก ไม่ล่วงเกินของรัก ไม่โกหก ไม่เสพของมึนเมา ไม่ประพฤติผิดในกาม เป็นกุศลกรรมบถ ตั้งใจไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง ก็เป็นบุญเหมือนกัน แต่ว่ากุศลนี่ มันมีความหมายสูงกว่า กุศลนั้นคือการตัด ตัดกิเลสให้มากขึ้นๆ จนกระทั้งทำลายกิเลสให้หมดสิ้นไปได้ นั้นการทำบุญมีหลายแบบ อาศัยวัตถุ อาหารคาวหวาน ปัจจัยต่างๆ ที่จำเป็น เป็นจีวร เป็นเสนาสนะ เป็นอาหาร เป็นคิลานเภสัชเข้าไปทำให้เกิดบุญ
ทีนี้ บุญที่ไม่ต้องอาศัยสิ่งเหล่านี้ และทำง่ายด้วย แต่คนไม่สนใจที่จะทำ รักษาศีล ก็ไม่ต้องเสียอะไร ทำการฝึกอบรมจิตให้มีเมตตา พระพุทธเจ้าตรัสว่า "ผู้ใดทำจิตให้มีเมตตาเพียงชั่วสูดกลิ่นหอมของดอกไม้ อานิสงส์จะมากกว่าทำบุญด้วยการให้ทานมากมาย" แต่ที่สูงกว่านี้คือ เจริญอนิจจสัญญา ให้เห็นว่าสังขารทั้งหลายทั้งปวงไม่เที่ยง สังขารทั้งหลายทั้งปวงเป็นทุกข์ ธรรมทั้งหลายทั้งปวง ตัวนี้คือยอดของบุญ ฉะนั้น ถ้าเรากตัญญูกตเวที ต่อปู่ย่า ตายาย เราก็ต้องตอบแทนบุญคุณของท่าน ท่านหวังให้เรารักษาวงศ์ตระกูล ตระกูลของชาวพุทธ ต้องรักษา ถ้าเราไม่รักษาวงศ์ตระกูลของชาวพุทธ ต่อไปเราก็ตกป็นทาส เป็นทาสที่เขาต้องการแสวงหาประโยชน์กับคนไทยนี่เอง เราคนไทยก็จะหมดความเป็นไทย เหลือแต่ความป็นทาส ก็รับใช้ร่างกายก็เหน็ดเหนื่อย ต้องหาเงินหาทอง ไปซื้อสิ่งที่ไม่จำเป็น เป็นทาสทางด้านอารมณ์ จิตใจหมกมุ่น มัวเมาไปด้วยเรื่องโลกๆ ปัญหาก็เกิดขึ้น
ฉะนั้น การมาปฏิบัติธรรมที่ทีปภาวัน ขอให้ญาติโยมมองเห็นว่า เรามาทำประโยชน์ให้แก่ตัวเอง มาทำประโยชน์ให้แก่ผู้อื่น โดยเฉพาะมาทำประโยชน์ให้แก่พระศาสนา หลังจากนี้ ก็พยายามชักชวนแนะนำ ทำบ้านทำเรือนของญาติโยมให้เป็นวัด ทำบ้านทำเรือนของญาติโยมให้เป็นวิหาร พระพุทธเจ้าตรัสว่า เมื่อใดเจริญอานาปานสติ เมื่อนั้นได้ชื่อว่ามีอริยวิหาร มีพรหมวิหาร มีตถาคตวิหาร ถ้าญาติโยมทั้งหลาย ต้องการจะหาให้มีความสุขความเจริญที่ครอบครัว ชวนครอบครัว ภรรยาสามี พร้อมใจปฏิบัติฝึกสมาธิประจำวัน ทุกวันเลย 15 นาทีเป็นอย่างน้อย นั่งสมาธิ ถ้าพ่อแม่ทำให้ลูกดู ต่อไปเด็กๆ ก็นั่งสมาธิได้ เพราะเด็กๆ นี่ เขารู้เร็ว เขาเลียนแบบตัวอย่างได้เร็ว ถ้าพ่อแม่เป็นครูของลูก เป็นอาจารย์คนแรกของลูก เป็นพระของลูก พ่อแม่ต้องมองเห็น นี้คือวิธีแก้ปัญหา ทำสิ่งร้ายกลายเป็นดี ถ้าปล่อยกันอย่างนี้เรื่อยๆ ปัญหาก็ยิ่งหนักขึ้นเรื่อยๆ
อย่าหวังพึ่งรัฐธรรมนูญอย่างเดียว มันไม่พอ รัฐธรรมนูญเป็นพระเดช พระเดชอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีพระคุณ พระคุณต่อธรรมะของพระพุทธเจ้า มาแก้ไขปัญหา อันนี้ อาตมาพูดให้ข้าราชการตำรวจฟังก็เรื่องนี้ ถ้าสมมติว่า ถ้าคนทุกคนไม่มีคุณธรรมเลย ตำรวจก็ป้องกันไม่ได้ คุกก็ไม่มีที่ขังคน มันมีไม่พอ ธรรมะในพระพุทธศาสนา ที่โยมละพูดไปแล้วนี้ หมวด 2 ก็ได้
หิริโอตัปปะ ถ้าคนมีหิริ ละอายบาป โอตัปปะ กลัวบาป ปัญหาต่างๆ มันก็ไม่มี นั้นธรรมะของพระพุทธเจ้าประเสิรฐ
นั้นญาติโยมทั้งหลาย มาปฏิบัติที่นี้ ขอให้ตั้งใจปฏิบัติ กตัญญูกตเวทีต่อปู่ย่า ตายายที่ล่วงลับไปแล้ว แม้พระพุทธเจ้าก็เป็นบรรพบุรุษของมนุษย์ ของพวกเราชาวพุทธ ต่อไปนี้ก็จะได้ปฏิบัติกัน ฝึกภาวนา เมื่อเราฝึกภาวนาก็ได้บำเพ็ญบุญชั้นยอด ทำบุญด้วยภาวนา แล้วเอาชนะกิเลส ไม่ตกเป็นทาสของกิเลส นี่ความเป็นไทยจะได้สมบูรณ์ เป็นไทยอิสระเสรีจากกิเลส ต่อไปก็ปฏิบัติ ลมหายใจเข้าออก เป็นธาตุลม ชีวิตของเรา ธาตุดิน ร่างกายเนื้อหนัง ธาตุน้ำก็มีน้ำที่อาศัยอยู่ในชีวิตของเราหลายๆส่วน ธาตุไฟทำร่างกายให้อบอุ่น ทำร่างกายให้มันอยู่ได้ ถ้าไม่มีธาตุไฟ ก็อยู่ไม่ได้เหมือนกัน แล้วก็ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม ธาตุอากาศ ต่อมาเป็นธาตุวิญญาณ วิญญาณนี่ ถ้าเราเลื่อนมันจะเกิดเป็นธาตุอื่นๆ สูงขึ้นไปๆ โดยเฉพาะ นิโรธธาตุ เป็นนิพพานธาตุ นิโรธธาตุเป็นธาตุ เป็นที่ดับกิเลส อันจะถึงธาตุสูงสุดนี้ นี่คือธรรมะที่เรามี
เมื่อญาติโยมเข้าใจแล้ว ก็ไปปฏิบัติ หายใจเข้าธาตุลม จิตเป็นธาตุวิญญาณ หายใจเข้า จิตก็อยู่กับลม พยายามปรับปรุงจิตใจ ให้มีความรู้สึกว่าชีวิตที่เรามีอยู่นี้ ที่จริงก็สักว่าธาตุ ธาตุธรรมชาติ อย่าไปยึดมั่นถือมั่น ว่าเป็นเราเป็นของเรา นี่เรียกว่าวิปัสสนา หัวใจของวิปัสสนา คือ สัพเพ ธัมมา นาลัง อภินิเวสายะ ธรรมทั้งหลายทั้งปวง ไม่เข้าไปยึดมั่นว่า เป็นเราเป็นของเรา ถ้าโยมทำได้อย่างนี้ พ้นจากความเป็นทาสทันทีเลย ไม่ต้องรับใช้กิเลสแล้ว ตอนนี้เรายังรับใช้กิเลสอยู่ จะต้องรู้สึกตัวว่า ถ้าเป็นอย่างนี้ จนกระทั่งตลอดชีวิตไม่ไหว ต้องพยายามพ้นจากความเป็นทาสให้ได้ ต่อไปก็ตั้งใจปฏิบัติกัน ได้เวลานั่งไป 20 นาที