แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
เด็ก: ไปบ้านนิทานกันเถอะ มีนิทานตั้งเยอะให้พวกเราฟัง เฮ่!
ผู้เล่า: ธรรมะสวัสดีทุกคนนะคะ ชอบฟังนิทานเรื่องอะไรคะ นิทานอย่างไหนที่หนูชอบฟัง
เด็ก: ผจญภัยครับ
ผู้เล่า: ชอบผจญภัยเหรอคะ ถ้าอย่างนั้นไอที่เราจะเล่ากันนี้ก็ผจญภัยเหมือนกัน แต่จะผจญภัยถึงใจหรือไม่คอยดูเอาเองนะคะ ลองสังเกตเอาเอง บางทีเชื่อว่าหนูๆทุกคนคงเคยได้ยินนิทานเก่าแก่โบราณ ที่ท่านเล่ากันมาเรื่องยายกะตา เคยได้ยินไหมคะ ไม่เคยได้ยินเลยเหรอคะ
เด็ก: ไม่เคย
ผู้เล่า: เพราะงั้นควรจะฟัง เพราะนิทานนี้เป็นนิทานสมัยที่คุณพ่อคุณแม่คุณปู่คุณย่าคุณตาคุณยายฟังกันมาทุกสมัยเลย ยายกะตาก็บอกแล้วว่าเป็นเรื่องของคนหนุ่มคนสาวรึเปล่า
เด็ก: ไม่ใช่
ผู้เล่า: เพราะงั้นก็เป็นเรื่องของคนแก่นะคะ เพราะงั้นเมื่อเป็นยายกะตาก็มักจะต้องมีหลาน ยายกะตาก็มีหลาน ก็มีหลานสาวอยู่คน หลานชายอยู่คน แล้วก็ยายกะตาก็สั่งหลานบอกว่า สิ่งที่จะให้หลานทำนี้ จงตั้งใจ ยายปลูกถั่วปลูกงาเอาไว้ ก็ขอให้หลานช่วยดูถั่วดูงาให้ดีนะ อย่าให้กามาเอาไปกินนะคะ แล้วยายก็ออกไปทำไร่ทำนา ไปข้างนอก ให้หลานอยู่บ้าน หลานผู้หญิงคน หลานผู้ชายคน แต่หลานสองคนนี่พอยายตาไปแล้ว แทนที่จะดูถั่วดูงาให้เรียบร้อย ไม่ให้กามากิน ก็กลับพากันไปวิ่งเล่นซะ พอไปวิ่งเล่น กามันก็ได้โอกาส มันก็มากินถั่วกินงา พอกลับมาตายายไม่เห็นถั่วงาเหลือในทุ่งนาเลย ในนาที่ว่านเอาไว้ ก็โกรธ ก็อดไม่ได้ ที่จะดุจะว่า แล้วก็เลยเอาไม้ตีทั้งหลานสาวหลานชาย เพราะเห็นว่าบอกเท่าไหร่ก็ไม่เชื่อ แล้วยายตาก็เลยบอกว่า นี่นะ ต้องไปหาถั่วหางามาคืนให้ด้วยนะ หลานสองคนก็นึกว่า แล้วเราจะไปหาถั่วหางามาได้ยังไง ใครมาเอาไปกิน กาใช่ไหมคะ เพราะฉะนั้นหลานสองคนก็ไปหากา ขอถั่วของาคืนเถอะ กาก็ไม่ยอมให้ ก็ไม่ยอมให้ หลานสองคนก็ไปหานายพราน เพื่อให้มายิงกา นายพรานก็เกิดบอก ไม่เอาหรอก ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของข้าสักหน่อยนึง แกไปทำเรื่องเดือดร้อนแล้วมารบกวนเราทำไม ไม่เอาไม่ไป ทีนี้ ไม่ยอมนิ นายพรานนี่มีอะไรเป็นเครื่องมือคะ
เด็ก: ธนู
ผู้เล่า: มีธนู แล้วธนูนี่ก็เป็นสายธนูใช่ไหมคะ เพราะฉะนั้นเมื่อนายพรานไม่ยอมยิงกา หลานสองคนก็คิดว่า ทำยังไงให้นายพรานคนนี้เดือดร้อนสักหน่อย ก็จะต้องทำยังไงกับสิ่งที่เป็นเครื่องมือของนายพราน ก็ไปหาหนูเพื่อให้มา
เด็ก: กัดสายธนู
ผู้เล่า: กัดสายธนูนายพราน ตอนนี้ชักจะนึกเรื่องออกแล้วใช่ไหมคะ นั้นแหละค่ะสายธนูนายพราน ไอ้หนูก็อีกนั้นแหละ ไม่เอา ไม่ใช่ธุระอะไรกงการของข้า เราไม่ยอมไปกัดหรอก ทีนี้หลานจะไปไหนคะ
เด็ก: หาแมว
ผู้เล่า: ถูกค่ะ หนูไม่ยอมกัดสายธนูนายพรานก็ต้องไปหาแมวมาทำไมคะ
เด็ก: กินหนู
ผู้เล่า: ใช่ มากัดหนู แมวนี่ก็เกิดใจดำ ขี้เกียจ ไม่ยอมช่วยอีก หลานไปไหนล่ะ
เด็ก: หาหมา
ผู้เล่า: หาหมามาทำไมล่ะคะ
เด็ก: กัดแมว
ผู้เล่า: กัดแมว ไอ้หมานี่ก็เหมือนแมวอีกเหมือนกัน ไม่เอาเรื่องคนอื่น จะเอาแต่เรื่องของตัวเองอย่างเดียว ทีนี่จะไปไหนล่ะค่ะ นึกออกไหม ตอนที่ไปหาหมา หมาไม่ยอมมากัดแมว ทำยังไงถึงจะให้หมาเจ็บปวด ถึงจะได้หันมาช่วย อย่างนั้นก็ได้นะคะ แต่เผอิญในนิทานเรื่องนี้เค้าก็บอกว่า หลานก็เลยไปหาไม้ค้อน รู้จักไม้ค้อนใช่ไหมคะ ไม้ค้อนไปย้อนหูหมาที ทีนี่ไปย้อนหูหมา หูหมามันเจ็บ ไม้ค้อนก็เลิก หูหมาก็แค่นี้ ถูกไหมคะ ไม้ค้อนไปย้อนหูหมาหน่อยเถอะ ไม้ค้อนก็อีกแหละ ไม่เอา เราไม่ไป เราขี้เกียจ ทีนี่ไม้ค้อนทำด้วยอะไร
เด็ก: ไม้
ผู้เล่า: ทำด้วยไม้ ทำยังไงถึงไม้จะไหม้ล่ะคะ
เด็ก: ไฟ
ผู้เล่า: ไปเผาไฟ หลานสองคนก็พากันไปหาไฟ ไฟไปช่วยเผาไม้ค้อนหน่อยเถอะ ไฟก็เกิดใจดำขึ้นมาอีกเหมือนกัน ทีนี้จะไปหาใคร
เด็ก: น้ำ
ผู้เล่า: หาน้ำ หาน้ำให้มาทำไม
เด็ก: ดับไฟ
ผู้เล่า: หาน้ำให้มาดับไฟ เอาไปราดไฟ กองไฟให้ดับสักที น้ำทั้งๆที่เย็น ก็เกิดใจดำไม่เย็น ไม่ยอมช่วย ทีนี่หลานสองคนก็นึก ทำยังไงนะ ถึงจะทำให้น้ำเนี่ยมันต้องเจ็บปวดด้วยการที่มันไม่มีน้ำแล้ว
เด็ก: หาดินมาถม
ผู้เล่า: หาดินมาถม แต่เผอิญไอ้ดินที่มันอยู่ใกล้ที่สุดกับน้ำก็คือดินตรงไหนล่ะคะ
เด็ก: ตลิ่ง
ผู้เล่า: ตลิ่งถูกต้อง ตลิ่งที่มันอยู่ใกล้น้ำใช่ไหมคะ ก็ไปหาตลิ่ง ตลิ่ง ช่วยพังทับน้ำทีเถอะ คือให้ตลิ่งนี่มันมันโรยตัวลงไปเสียแล้วน้ำมันจะได้เต็ม มันจะได้หมดไปเพราะว่าดินลงไปถมเต็ม ตลิ่งไม่ยอม ไม่ยอมทำตาม ทีนี่ทำไงถึงจะทำให้ตลิ่งมันพังลงมาได้ สัตว์อะไรตัวใหญ่คะ
เด็ก: ช้าง
ผู้เล่า: ช้าง หลานสองคนก็เอาล่ะ ไปหาช้างซึ่งเป็นสัตว์ตัวใหญ่ที่สุดเนี่ยแหละ ช่วยไปกระทืบตลิ่งทีเหอะน่า เท้าใหญ่ๆนี่กระทืบลงไปให้ตลิ่งพังเลย ช้างก็ไม่เอาอีกเหมือนกัน ทั้งๆที่กระทืบทีเดียวตลิ่งก็พัง ช้างก็ไม่ยอม ไอ้ช้างสัตว์ตัวใหญ่ที่สุดเนี่ยไม่ยอมช่วยเรา เราจะไปหาอะไรนะที่เป็นสัตว์เล็กที่สุดที่จะทำความรำคาญให้แก่ช้างได้
เด็ก: มด
ผู้เล่า: นอกจากมดอะไรที่เล็กเหมือนมด
เด็ก: ผึ้งก็ได้
ผู้เล่า: ตัวที่มันบินได้ ตัวริ้น ตัวริ้นเล็กๆ รู้จักไหมคะ ตัวริ้นเล็กๆนิดเดียวเหมือนแมงหวี่อะนะคะ ตัวเล็กเกือบจะเท่าปลายเล็บก้อยของเราเนี่ยนะคะ ก็ไปหาไอ้ตัวแมงหวี่แมงหวี่นี่เป็นสัตว์เล็กนิดเดียวถ้าเปรียบกับช้างนี่ก็โอ้โหไม่รู้กี่เท่าไม่รู้กี่เท่ากี่เท่า กี่หมื่นส่วนกันอะนะคะ ก็บอกว่าแมงหวี่ช่วยหน่อยเถอะ ช่วยไปทำอะไรช้างถึงจะรำคาญ
เด็ก: ตอม
ผู้เล่า: ไปตอม ตอมที่ไหนคะ
เด็ก: งวง ตา…
ผู้เล่า: ใช่ ไปตอมตาช้าง ก็อย่างเราเนี่ย เรานั่งอ่านหนังสือเขียนหนังสือหรือแม้แต่เล่น ถ้ามีอะไรมาตอมวี่ๆอยู่ตรงลูกนัยตาเราเป็นไง
เด็ก: รำคาญครับ
ผู้เล่า: รำคาญ มันหมดสมาธิทำอะไรไม่ได้ ก็ไปขอแมงหวี่มาช่วยตอบตาช้างหน่อยเถอะ แมงหวี่นี่เป็นสัตว์ตัวเล็กนิดเดียว แต่ว่าเกิดมีน้ำใจ น้ำใจสงสารว่าหลานสองคนเนี่ยได้ไปเที่ยวหาใครๆมากมายก่ายกองแล้วเพราะฉะนั้นก็ไม่มีใครช่วย ก็เอาเถอะ จะไปตอมตาช้างให้ พอบอกว่าแมงหวี่จะไปตอมตาช้างนะ ช้างทั้งๆที่ตัวใหญ่เนี่ย มันรู้ว่าถ้าแมงหวี่มาตอมมันช่วยตัวเองได้ไหมคะ
เด็ก: ไม่ได้
ผู้เล่า: หางช้างก็เป็นไง
เด็ก: สั้น
ผู้เล่า: สั้น เล็กนิดเดียวแล้วก็อยู่ไกลตัวด้วยใช่ไหมคะ เพราะฉะนั้นช้างก็เลยบอก เอาเถอะไม่ต้องมาตอมหรอก เราจะรีบไปพังตลิ่งให้ ตลิ่งก็บอกไงคะ เราแทนสิคะ
เด็ก: ตลิ่งก็จะไปทับน้ำ
ผู้เล่า: ตลิ่งก็บอกจะไปทับน้ำให้ น้ำก็
เด็ก/ผู้เล่า: จะไปด้บไฟให้
ผู้เล่า: ไฟก็
เด็ก: จะไปเผาไม้ค้อนให้
ผู้เล่า: ไม้ค้อนก็
เด็ก: จะไปย้อนหูหมาให้
ผู้เล่า: หมาก็…
เด็ก: หมาก็ไปกัดแมว
ผู้เล่า: แมวก็
เด็ก: แมวก็ไปกัดหนูให้
ผู้เล่า: หนูก็
เด็ก: จะไปกัดสายธนูนายพราน
ผู้เล่า: สายธนูนายพราน นายพรานก็เป็นไงคะ
เด็ก: ไปยิงกา
ผู้เล่า: อ่า นายพรานก็เอาเถอะ นายพรานจะไปยิงกาให้เอง เพราะถ้าขืนกินสายธนูนายพราน นายพรานก็หมดเครื่องมือหากิน หมดอาชีพเลย ไม่ต้องเราจะไปยิงกาให้ พอกาได้ยินก็รีบบอกเลย อย่ายิงเลยนายพราน เราจะ…
เด็ก: คืนถั่วคืนงาให้
ผู้เล่า: เราจะคืนถั่วคืนงาให้ ก็ไปคาบเอาถั่วงาที่หยิบมากิน ที่มาคาบไปเก็บไว้เป็นเสบียงของเค้าเอามาคืน พอเอามาคืนหลานก็ดีอกดีใจ ตายายก็หยุดด่าหยุดตีหยุดว่า แล้วสองคนก็เต้นระบำกันสนุกสนานเลย นี่ก็เป็นนิทานยายกับตาก็จบลง นี่เป็นนิทานยายกะตาไทยนะคะ ทีนี้ถ้าหนูลองนึกดูว่านิทานยากะตาของไทยหรือมีของฝรั่งที่จะเรียกนิทานยายกะตาก็ได้เค้าไม่ได้บอกว่ายากะตา แต่วิธีลักษณะการเล่าเรื่องเนี่ยเหมือนกัน นี่เราพูดถึงของไทยนะ ทีนี่จะพูดถึงของฝรั่งให้ฟัง ของฝรั่งเนี่ยเค้าก็พูดถึงว่า มียายแก่คนนึง ยายแก่ฝรั่งเนี่ยนะคะแกก็มีเหยือกนมเหยือกหนึ่ง แล้วก็ก็ถือเหยือกนมไปที่ชายป่า แล้วก็วางเหยือกนมเอาไว้เพื่อที่จะไปหักฝืนสำหรับที่จะมาก่อไฟ ในขณะที่แกวางเหยือกนมเอาไว้เนี่ยแกก็ไปหาฝืน ในขณะที่แกหาฝืน ก็มีเจ้าหมาจิ้งจอกตัวนึงออกมาจากป่า มาถึงก็ เห็นเหยือกนมอยู่ดีอกดีใจดื่มอั้กๆๆๆจนหมดเกลี้ยงเลย น้ำนมในเหยือกหมดเกลี้ยงเลย พอยายแก่หันมา อ้าว นมหมดแล้ว แก้ก็ใช้มีดที่แกตัดฝืนตัดหางจิ้งจอกฉับ! ขาดเลย ทีนี่หมาจิ้งจอกนี่มันสวยตรงไหนคะ
เด็ก: หาง
ผู้เล่า: สวยที่หาง หางมันเป็นพวงงาม แหม่พอถูกตัดหางออกไปหมาจิ้งจอกเศร้าใจ โถ่ แล้วเรานี่ก็กลายเป็นหมาหางด้วน หมาหางด้วนก็ไม่เป็นไร แล้วยังจะหาความงามไม่ได้อีก ก็อ้อนวอนยาย ยายคืนหางมาให้เราเถอะ ช่วยเย็บหางให้ติดกับตัวเราหน่อย ยายแก่ก็…ไม่เอา ถ้าแกอยากได้หางแกคืน แกก็ไปเอานมมาคืนเราสิ ไปหานมมาคืน นึกสิคะว่าเจ้าหมาจิ้งจอกจะไปไหน
เด็ก: หาวัว
ผู้เล่า: ไปหาวัว ไปหาแม่วัวที่กำลังมีนมอยู่อะนะคะ แม่วัวขอนมหน่อยเถอะ แม่วัวก็บอก ก็ได้แต่ต้องไปหาอะไรมาให้เรา วัวกินไรล่ะคะ
เด็ก: หญ้า
ผู้เล่า: ไปหาหญ้ามาให้เรา ถ้าเราได้หญ้ากินเราถึงจะให้นมวัว ก็ไปไหนแหละหมาจิ้งจอก
เด็ก: ไปหาหญ้า
ผู้เล่า: ก็ไปหาหญ้า ขอหญ้าหน่อยนะ จะได้ไปให้วัวกินแล้วจะได้ให้นมเราแล้วเราจะได้ไปคืนยายแก่แล้วยายแก่จะได้คืนหางให้ หญ้านี่ก็อีกเหมือนกัน เกิดหวง ไม่ได้ อยากได้กินหญ้า อยาก…อยากได้หญ้าเราก็ต้องไปหา…
เด็ก: น้ำ
ผู้เล่า: หาน้ำมาทำไมคะ
เด็ก/ผู้เล่า: รดหญ้า
ผู้เล่า: หญ้าจะได้เจริญเติบโตไง หลังจากนั้นล่ะ อ่า นี่ก็เดินต่อไปอีกหมาจิ้งจอก ไปที่ไหนล่ะคะ
เด็ก: ที่บ่อน้ำ
ผู้เล่า: ค่ะ ก็จัดแจงไปที่แม่น้ำเนี่ยเพื่อที่จะได้ขอน้ำ น้ำก็บอกก็ได้จะเอานำก็ได้ แต่ต้องไปหาเหยือกมาก่อน แกจะเอาอะไรมาตักล่ะ แกต้องไปหาเหยือกมาก่อน ถ้าได้เหยือกมาแกก็เอาน้ำไป นี่ก็เดินไป เดินไป ก็พอดีพบผู้หญิงคนนึง หน้าตาก็สะสวยถือเหยือกอยู่ บอกขอได้ไหม ขอเหยือกได้ไหม ผู้หญิงนั้นก็บอกได้ จะเอาเหยือกก็ได้แต่ไปหาลูกปัดสีน้ำเงินมาให้เราก่อน แหม่ผู้หญิงคนนี้ชอบสวยแต่เผอิญชอบใส่ลูกปัดแล้วก็เจาะจงว่าสีน้ำเงินด้วย แหม่หมาจิ้งจอกก็กลุ้มใจ จะไปหาลูกปัดสีน้ำเงินที่ไหนนะคะ ก็เดิน เดินไปก็พอดีไปพบพ่อค้าเร่พ่อค้าเร่ที่ขายของกระจุกกระจิกไอ้โน่นไอ้นี่แล้วก็มีลูกปัดสีน้ำเงินอยู่ด้วยก็ขอ ขอลูกปัดสีน้ำเงินหน่อยได้ไหม ไอ้นี่ก็บอกได้ แต่ว่าไปเอาไข่มาแลกสิ จะไปไหนล่ะคะทีนี่
เด็ก: แม่ไก่
ผู้เล่า: ไปหาแม่ไก่ แม่ไก่ขอไข่หน่อยเถอะขอไข่สักใบนึงเราจะไปให้พ่อค้าเร่ เค้าจะได้ให้พวกลูกปัดสีน้ำเงิน นี่ก็บอก ไม่ได้ ไม่ได้ จะมาเอาอย่างนี้ไม่ได้ หากว่าแกอย่างจะได้ไข่ ไปหาแม่ไก่นี่นะ หากว่าแกอยากจะได้ไข่ แม่ไก่กินไรละคะ
เด็ก: ข้าวเปลือก
ผู้เล่า: ข้าวเปลือก ต้องไปไหน ข้าวเปลือกไปไหน ไปหาที่ไหน ที่เค้าจะมีข้าวเปลือก ที่จะทำข้าวสาร
เด็ก: โรงสี
ผู้เล่า: โรงสี ก็ไปโรงสี ก็ไปหาเจ้าของโรงสีบอกขอข้าวเปลือกหน่อยเถอะจะไปให้แม่ไก่ ถ้าแม่ไก่ได้กินข้าวเปลือกเค้าจะได้ให้ไข่แล้วก็อ้อนวอนร้องไห้ เผอิญเจ้าของโรงสีเนี่ย เป็นคนในอ่อนขี้สงสารก็เลยบอกเอาเหอะเราจะให้ ก็เลยจัดแจงข้าวเปลือกใส่ถุงให้ แล้วเสร็จแล้วก็เอาถุงนั้นน่ะห้อยคอเจ้าหมาจิ้งจอก เจ้าหมาจิ้งจอกก็เดินอย่างอิ่มอกอิ่มใจ ก็ไปไหนล่ะคะ ไปหาใคร
เด็ก: ไปหาแม่ไก่
ผู้เล่า: ไปหาแม่ไก่ เพื่อ…
เด็ก: เอาไข่
ผู้เล่า: เอาไข่ เอาข้าวเปลือกให้แล้วขอไข่ออกมา ได้ไข่แล้วไปไหนคะ
เด็ก: ไปหาพ่อค้า
ผู้เล่า: หาพ่อค้าเร่ เพื่อ
เด็ก: เอาลูกปัดสีน้ำเงิน
ผู้เล่า: เอาลูกปัดสีน้ำเงิน แล้วเอาไปไหนล่ะคะ
เด็ก: เอาไปให้หญิง
ผู้เล่า: เอาไปให้ผู้หญิงคนนั้น แล้วผู้หญิงคนนั้นก็ให้
เด็ก: เหยือก
ผู้เล่า: เอาเหยือกไปไหน
เด็ก: ตักน้ำ
ผู้เล่า: ไปตักน้ำจากแม่น้ำ แล้วเอาน้ำไปไหนล่ะคะ
เด็ก: รดหญ้า
ผู้เล่า: ไปรดหญ้า แล้วเอาหญ้าไปไหนล่ะคะ
เด็ก: เอาหญ้าไปให้วัวกิน
ผู้เล่า: วัวกินหญ้าแล้วก็…
เด็ก: ให้นม…
ผู้เล่า: พอได้นมแล้วไปไหนละคะ
เด็ก: ไปคืนยายแก่
ผู้เล่า: แล้วไปคืนยายแก่ พอยายแก่ได้นมคืนก็หยิบหางที่ตัดไว้อะมาเย็บฉับๆๆๆติดกับตัว หมาจิ้งจอกก็กลายเป็นหมาจิ้งจอกที่มีหางสวยเป็นพวงดังเดิม ก็มีความภูมิอกภูมิใจในความสวยงามของตัวที่ได้หางกลับคืนมา เรื่องนี้ก็จบ
ทีนี่สังเกตไหมคะว่านิทานยายกะตาอย่างเนี่ย ถ้าหนูอยากจะแต่งสักเรื่องนึง แต่งเอง แต่งได้ไหม
เด็ก: แต่งได้
ผู้เล่า: แต่งได้ หรืออยากจะแต่งต่อจากไอ้เรื่องที่หนูฟังทั้งยายกะตาของไทย ยายกะตาของฝรั่งแต่ต่ออีกได้ไหมคะ
เด็ก: ได้
ผู้เล่า: หนูอยากจะแต่ต่อให้ยาวต่อไปอีกสักห้านาที สักสิบนาทีก็ทำได้ใช่ไหมคะ มันเป็นนิทานที่เราอยากจะแต่งต่อเท่าไหร่ๆก็ได้ หรืออยากไม่รู้จบ ถ้าเราต้องการ แต่ในการแต่งนิทานต่อนี่ หนูสังเกตไหมว่ามันจะต้องต่อกันอย่างมีเหตุมีผลรึเปล่า
เด็ก: ต้องมี
ผู้เล่า: ใช่ ต้องมีเหตุมีผล ทีนี่เรามาดูนิทานยายกะตาไทยซะก่อนนะคะ นิทานยายกะตาเรื่องนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร ฟังแล้วนึกสักนิดสิคะ เรื่องนี้มันเกิดเป็นเรื่องเป็นราวต่อกันมาได้ยังไง มันเริ่มที่ตรงไหน
เด็ก: หลานๆไม่ยอมไปเฝ้าถั่วกะงาให้คุณตาคุณยาย
ผู้เล่า: ที่หลานๆไม่ยอมเฝ้าถั่วเฝ้างาให้ตากะยาย ซึ่งอันนี้เป็นหน้าที่ของหลานรึเปล่าคะ
เด็ก: เป็นหน้าที่
ผู้เล่า: เป็นหน้าที่ของหลานเพราะตายายก็ขอร้องแล้วใช่ไหมคะ ว่าเนี่ยนะช่วยดูแลหน่อย ช่วยเหลือยายหน่อย แต่ว่าหลานสองคนนี่ไม่ทำหน้าที่ของตัว รับผิดชอบไหมคะ
เด็ก: ไม่
ผู้เล่า: ไม่รับผิดชอบ เอาแต่อะไร
เด็ก: เล่น
ผู้เล่า: เอาแต่เล่นสนุกสนานไม่รับผิดชอบเลย ฉะนั้นจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้เกิดที่ตรง
เด็ก: ไม่มีความรับผิดชอบ
ผู้เล่า: หลานไม่มีทำหน้าที่ตามความรับผิดชอบของตนนี่เป็นจุดเริ่มต้นนะคะ หนูช่วยสังเกตอันนี้เอาไว้ เมื่อใดที่มีการทำหน้าที่ไม่ถูกต้องเกิดขึ้น เมื่อนั้นจะเป็นเหตุที่ผลนั้นตามมาอย่างถูกต้องไม่ถูกต้อง
เด็ก: ไม่ถูกต้อง
ผู้เล่า: แล้วสุขสบายไหม
เด็ก/ผู้เล่า: ไม่สุข
ผู้เล่า: คนที่เกี่ยวข้องก็ไม่มีความสุขไม่สบาย มันจะต้องมีอะไรที่หงุดหงิดอัดอึดอยู่ในใจ เพราะฉะนั้นมันก็เริ่มต้นจากอันนี้ แล้วเสร็จแล้วก็ไปหานายพรานเพื่อให้มายิงกา นายพรานนี่เป็นยังไง มีนิสัยใจคอยังไง
เด็ก: ใจดำ
ผู้เล่า: ใจดำ คนใจดำเนี่ยเค้าเรียกว่าคนเห็นแก่ตัวหรือเห็นแก่ผู้อื่นคะ
เด็ก: เห็นแก่ตัว
ผู้เล่า: เห็นแก่ตัวเอง ไม่ใช่เรื่องของเราเราไม่เกี่ยวข้อง ถ้าเป็นเรื่องของเราเราถึงจะทำ แต่ถ้าหากอะไรที่เราได้เราจะชอบอย่างนี้เป็นต้น เพราะฉะนั้นนายพรานนี่ก็แสดงถึงความไม่มีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เช่นเดียวกันกับอะไร จากนายพรานไปไหน
เด็ก: หนู
ผู้เล่า: จากหนู
เด็ก: แมว
ผู้เล่า: จากแมว
เด็ก: หมา
ผู้เล่า: จากหมา
เด็ก: ไม้ค้อน
ผู้เล่า: จากไม้ค้อน
เด็ก: ไฟ
ผู้เล่า: จากไฟ
เด็ก: น้ำ
ผู้เล่า: จากน้ำ
เด็ก: ตลิ่ง
ผู้เล่า: จากตลิ่ง
เด็ก: ช้าง
ผู้เล่า: เนี่ยมาจนถึงช้างเนี่ยนะคะ ตั้งแต่นายพรานจนถึงช้างแต่ละชีวิตที่ผ่านมา ที่กล่าวมาแล้ว เป็นชีวิตที่เป็นยังไง
เด็ก: เห็นแก้ตัว
ผู้เล่า: ล้วนแล้วแต่เห็นแก่ตัวทั้งนั้น แล้วหนูคิดว่าถ้าที่ใดมีการเห็นแก่ตัวไม่ว่าจะเป็นที่บ้านหรือในวงเพื่อนฝูงของเราหรือในสังคม มีความสุขไหมคะ
เด็ก: ไม่มี
ผู้เล่า: ไม่มีความสุขเพราะว่ามีแต่การเบียดเบียนกันมีแต่การเอาเปรียบกัน แต่พอมีถึงสุดท้ายคือใคร
เด็ก: ริ้น
ผู้เล่า: ตัวริ้นหรือตัวแมงหวี่ก็ได้ตัวเล็กๆอย่างนี้ อันที่จริงเป็นหน้าที่รึป่าว ถ้าจะว่าไป
เด็ก: ไม่ใช่
ผู้เล่า: ไม่ใช่หน้าที่ ถ้าหากแมงหวี่จะปฏิเสธใครจะว่าเค้าได้ไหมคะ
เด็ก: ไม่ได้
ผู้เล่า: ก็ว่าไม่ได้ เพราะเค้าเป็นคนก่อเรื่องรึเปล่า
เด็ก: เปล่า
ผู้เล่า: เค้าไม่ได้ก่อเรื่อง แต่แมงหวี่เป็นไง
เด็ก: มีน้ำใจ
ผู้เล่า: มีน้ำใจ ถึงแม้ว่าเค้าจะไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าคนแต่เค้าก็เป็นสิ่งมีชีวิตอย่างนึง แล้วเค้าก็คงจะมีความรู้สึกว่าบรรดาที่เราอยู่ด้วยกันในโลกนี้อะนะคะจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่เป็นคนหรือเป็นสัตว์ สัตว์เล็ก สัตว์ใหญ่ แมลงอะไรก็แล้วแต่ ตลอดจนกระทั่งต้นหมากรากไม้พื้นหินดินหญ้าท้องฟ้าน้ำทะเลล้วนแล้วแต่อาศัยกันรึเปล่า
เด็ก: อาศัยกัน
ผู้เล่า: ล้วนแล้วแต่อาศัยกันทั้งสิ้นเลยใช่ไหมคะ เพราะฉะนั้นเมื่อเราอาศัยกัน เราก็ควรจะเอื้อเฝื้อเกื้อกูลซึ่งกันและกันใช่ไหมคะ เพราะฉะนั้นแมงหวี่เนี่ยก็พูดได้ว่าถึงไม่ใช่หน้าที่ของเค้าโดยตรง แต่เค้าก็มีความรู้สึกว่าหน้าที่ของสมาชิกที่อยู่ร่วมกันในสังคมพึงช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน แมงหวี่จึงทำหน้าที่ของเค้าในส่วนนี้ถูกต้องไหม
เด็ก: ถูกต้อง
ผู้เล่า: เราอยากมีสิ่งมีชีวิตอย่างแมงหวี่ไหมคะ
เด็ก: อยาก
ผู้เล่า: ตรงที่เค้ามีน้ำใจที่เค้าทำหน้าที่ของเค้าอย่างถูกต้อง เพราะฉะนั้นพอแมงหวี่เริ่มทำหน้าที่อย่างถูกต้องนั้นด้วยการช่วยเหลือผู้อื่นเท่านั้น หนูสังเกตไหมคะ ทุกๆอย่างเริ่มเป็นยังไง
เด็ก: ดีขึ้นเรื่อยๆ
ผู้เล่า: เริ่มถูกต้องไปตามลำดับ เห็นไหมคะ พอแมงหวี่เริ่มทำหน้าที่ของเค้าอย่างถูกต้อง นี่เป็นเหตุปัจจัยใช่ไหม พอเราประกอบเหตุปัจจัยด้วยการทำหน้าที่อย่างถูกต้อง ช้างก็เริ่มทำหน้าที่อย่างถูกต้อง ถูกไหมคะ แล้วก็ตลิ่ง น้ำ ไฟ ไม้ค้อน ไปจนกระทั่งถึงหมา แมว หนู นายพราน กา เริ่มทำหน้าที่ของตนอย่างถูกต้อง พอทำหน้าที่ของตนอย่างถูกต้องเท่านั้น สุขไหม
เด็ก: สุขครับ
ผู้เล่า: ยิ้มแย้มแจ่มใสไหม
เด็ก: ยิ้ม
ผู้เล่า: ต้องโกรธเคืองกันไหม
เด็ก: ไม่
ผู้เล่า: ต้องมีการร้องไห้ไหม
เด็ก: ไม่มี
ผู้เล่า: จะมีแต่เสียงหัวเราะ มีแต่ความแย้มยิ้มแจ่มใส เพราะฉะนั้นนิทานเรื่องยายกะตาเนี่ยหนูคิดว่าเป็นนิทานแต่สนุกๆรึเปล่าคะ
เด็ก: ไม่ครับ
ผู้เล่า: ไม่หรอก เพราะงั้นถ้าเราจะฟังอะไร ถ้าเราจะใคร่ครวญคิดเราจะเห็นว่าในนิทานนั้นๆเนี่ยที่จะเป็นข้อคิดที่จะเป็นประโยชน์ที่เราจะนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้เปล่าคะ
เด็ก: ได้
ผู้เล่า: ได้แล้วก็เกิดประโยชน์ด้วย ฉะนั้นสิ่งที่บอกเราในเรื่องนี้ถ้าจะพูดให้ชัดเจนใครจะบอกได้ว่าบอกให้เราทำอะไร
เด็ก/ผู้เล่า: ทำความดี มีน้ำใจ
ผู้เล่า: คือการเริ่มโดยการทำ…
เด็ก: หน้าที่
ผู้เล่า: คือการเริ่มโดยการทำหน้าที่ของตนด้วยความถูกต้อง ด้วยความรับผิดชอบอย่าบิดพริ้ว อย่าทอดทิ้ง ถ้าเราเริ่มต้นทำหน้าที่ด้วยความถูกต้อง ที่นั้นคือที่ที่เป็นธรรมะ และผู้ใดที่ทำหน้าที่ถูกต้อง ผู้นั้นคือผู้มีธรรมะหรือเรียกว่าเป็นผู้มีคุณธรรมมีจริยธรรมอยู่แล้ว ซึ่งเชื่อว่าหนูทุกคนคงสามารถพัฒนาสิ่งนี้ให้เกิดขึ้นในใจได้โดยไม่ยากใช่ไหมคะ
เด็ก: ไม่ยากครับ
ผู้เล่า: นี่แหละค่ะ ยายกะตาของไทยของฝรั่งเหมือนกัน หนูลองไปเปรียบเทียบละลองคิดเองในเรื่องยายกะตาของฝรั่งคงจำได้ใช่ไหมคะ ค่ะ ธรรมะสวัสดีทุกคนทุกคนนะคะ