แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [ลองพูดคุยกับ AI ทาง Line]
อุบาสิกา คุณรัญจวน: หนูๆ มานี่มาฟังนิทาน หรือมาอะไรอย่างอื่นคะ
ผู้ร่วมสนทนา: มาฟังนิทาน
อุบาสิกา คุณรัญจวน: สนุกยังไงฟังนิทานนี้คะ
ผู้ร่วมสนทนา: เพลิดเพลิน
อุบาสิกา คุณรัญจวน: เพลิดเพลินๆ ยังไงคะ เพลิดเพลินอะไร เพลิดเพลินเรื่อง เคยฟังนิทานอะไรแล้วติดใจบ้างคะ
ผู้ร่วมสนทนา: กระต่ายกับเต่า
อุบาสิกา คุณรัญจวน: “กระต่ายกับเต่า” ใครชอบกระต่ายกับเต่าบ้าง ใครอยากจะเป็นกระต่าย ทำไมไม่มีใครอยากเป็นกระต่าย กระต่ายสีขาว หูยาว น่ารัก ถ้าไม่ยกมือว่าอยากเป็นกระต่ายก็แสดงว่าอยากเป็นเต่า ใช่ไหมคะ ทำไมถึงรักที่จะเป็นเต่าคะ
ผู้ร่วมสนทนา: เต่ามีความพยายาม
อุบาสิกา คุณรัญจวน: เต่ามีความพยายาม
ผู้ร่วมสนทนา: ไม่ประมาท
อุบาสิกา คุณรัญจวน: ไม่ประมาท แล้วอะไรอีกคะ อดทน แล้วอะไรอีกคะ ที่พูดมานี่ใครมีคุณสมบัติอย่างเต่า ใครมีแล้วบ้าง มีพอหรือยังคะ ยังไม่หมดหรือคะ แต่กำลังพยายามใช่ไหมคะ
ผู้ร่วมสนทนา: ค่ะ
อุบาสิกา คุณรัญจวน: กำลังพยายามที่จะให้มีทั้งอดทน ทั้งมีสติ ทั้งไม่ประมาท ทั้งใจเย็นใช่ไหมคะ คอยได้ รอได้ หยุดทำงานไหม
ผู้ร่วมสนทนา: ไม่หยุดค่ะ
อุบาสิกา คุณรัญจวน: ไม่หยุดเลย ทำงานตลอดเวลา ใช่ไหมคะ แล้วผลที่สุดก็สำเร็จ นี่เรียกว่าเต่าเป็นสัตว์ที่ ทำเหตุ เขาประกอบเหตุ ถูกต้องไหม
ผู้ร่วมสนทนา: ถูกต้องค่ะ
อุบาสิกา คุณรัญจวน: เมื่อประกอบเหตุถูกต้อง ผลก็เป็นอย่างไรคะ
ผู้ร่วมสนทนา: สำเร็จ
อุบาสิกา คุณรัญจวน: คือผลก็สำเร็จ ได้อย่างถูกต้อง ตรงตามใจที่เราต้องการ เพราะฉะนั้นก็เรียกได้ว่า หนูๆ ทุกคนที่มานี้มีต้นทุนในการฟังนิทานดีเชียวใช่ไหม ที่ว่าดีเพราะอะไร เพราะหนูไม่ได้มีแต่ความเพลิดเพลินใช่ไหมคะ แต่หนูรู้จักอะไรด้วย
ผู้ร่วมสนทนา: คติสอนใจ
อุบาสิกา คุณรัญจวน: ได้คติสอนใจ มาบอกมาเล่าและเอามาใช้กับตัวเองซึ่งเยอะแยะเลย นี่คือประโยชน์ของนิทาน ไม่ใช่ฟังเพียงหัวเราะ ไม่ใช่ฟังเพียงเพลินๆ นะคะ วันนี้เราก็ลองมาฟังนิทานกันสักเรื่องนึง บางทีหนูอาจจะรู้สึกว่า นิทานเรื่องนี้เป็นเรื่องของเด็กเล็กๆ แต่อันที่จริงแล้วอย่าพึ่งไปคิดว่าเป็นเรื่องของเด็กเล็กๆ เพราะว่าในหนังสือนิทานหรือเรื่องนิทานที่ว่าเป็นของเด็กเล็กๆ นี้ ถ้าเราฟังแล้วเราใคร่ครวญตาม มักจะมีอะไรอยู่ในนั้นเยอะเลยนะคะ
ในบรรดาสัตว์เลี้ยง ใครเลี้ยงสุนัขที่บ้านบ้าง ใครเลี้ยงแมวที่บ้านบ้างมีทั้งสุนัขทั้งแมวหรือคะ แล้วมันรักกันไหม
ผู้ร่วมสนทนา: รักกัน
อุบาสิกา คุณรัญจวน: รักกัน แล้วหนูรักแมวหรือรักหมามากกว่ากัน
ผู้ร่วมสนทนา: รักหมา
อุบาสิกา คุณรัญจวน: รักหมามากกว่าแมว แล้วแมวมีกี่ตัวคะ
ผู้ร่วมสนทนา: 3 ตัว
อุบาสิกา คุณรัญจวน: 3 ตัว แล้วหมาละคะ
ผู้ร่วมสนทนา: 1 ตัว
อุบาสิกา คุณรัญจวน: 1 ตัว โอ สงสารเลยมันหัวเดียวกระเทียมลีบ เลยรักมันมากกว่าแมว จริงหรือเปล่า
ผู้ร่วมสนทนา: ค่ะ
อุบาสิกา คุณรัญจวน: เป็นอย่างนั้นหรือคะ แล้วแมวมันไม่น่ารักหรือ วันนี้เราจะลองฟังนิทาน ชื่อว่า “แมวล้านๆ ตัว” ไม่ใช่ตัวเดียวไม่ใช่ 3 ตัวอย่างที่หนูมีที่บ้านแต่เป็นล้านๆ ตัวนะคะ
เรื่องนี้ก็พูดถึงตากับยายสองคนแก่แล้ว แล้วก็ลูกหลานก็ออกไปอยู่ข้างนอกกันหมดเลยไม่มีใครอยู่กับตากับยาย ลูกก็โตเขาก็ไปมีบ้านมีช่อง แล้วเขาก็มีลูกต่อไปอีกเป็นหลานๆ เขาก็ไปอยู่กับพ่อกับแม่ ตกลงตากับยายก็เลยอยู่กันสองคน
พอตายายอยู่กันสองคนก็เกิดเหงา โดยเฉพาะยายบอกว่า “ต้องอยู่บ้านคนเดียว เหงาเหลือเกิน อยากจะมีสัตว์เลี้ยงสักอย่างนึง แต่ว่าที่จะเลี้ยงนี้ขอที่เลี้ยงง่ายๆ ไม่ต้องลำบาก แล้วก็เป็นสัตว์น่ารักสักหน่อย” ยายก็บอกว่า “เลี้ยงแมวเห็นจะดี” ยายก็บอกตาว่า “ตา ไปหาแมวไปเลี้ยงหน่อยเถอะ แล้วตาต้องเลือกแมวที่สวยๆ มาด้วยนะ” ตาก็เชื่อฟังเป็นตาที่ดีก็เชื่อฟังยาย ตาก็ออกจากบ้านเดินไปเพื่อไปหาแมวที่สวยที่สุดเท่าที่ตาจะหาได้มาให้กับยาย
พอเดินไปๆ ก็ยังไม่พบแมวก็เดินไปอีกไกล ผลที่สุดก็ไปพบแมวเข้า อยู่กันเยอะเลย ฝูงใหญ่ เคยเห็นแมวฝูงใหญ่กันไหมคะ
ผู้ร่วมสนทนา: เคย
อุบาสิกา คุณรัญจวน: ฝูงใหญ่นี่ใหญ่สักเท่าไหร่ สักกี่ตัว
ผู้ร่วมสนทนา: สัก 10-15 ตัว
อุบาสิกา คุณรัญจวน: สักสิบๆ ตัว เราเคยเห็นแต่ฝูงวัวฝูงควายใช่ไหมคะ หรือว่าฝูงแพะอะไรแบบนี้ แต่นี่ฝูงแมว แล้วไม่ใช่สิบๆ ตัว ไม่ใช่ร้อยๆ ตัว ไม่ใช่พันๆ ตัว ไม่ใช่หมื่นๆ ตัว แต่เป็นล้านๆ ตัว แสดงว่ามันมากเหลือเกินนะคะ
พอตาไปเห็นเข้าลานตาไปหมด ตัวไหนที่มันสวย เพราะมันอยู่กันเป็นล้านๆ เลย ตัวไหนมันสวยตาก็เลือกไม่ถูกแทนที่ตาจะนึกว่า ในเมื่อมันมากนักก็หยิบๆ มาสักตัว ตาก็กลับไปถามว่า “แมวๆ ตัวไหนที่สวยที่สุด” พวกแมวก็ตอบว่า “ฉันจ๊ะๆ ที่สวยที่สุด” อีกตัวก็บอก “ฉันนี้สวยที่สุด” ร้องกันสลอนไปหมด ตาก็ไม่รู้จะทำอย่างไรตัดสินใจไม่ได้ไม่รู้ว่าจะเลือกตัวไหนดีที่ว่าสวยที่สุด ผลที่สุดตาก็เลยอุ้มตัวที่ตามองเห็นว่ามันสวยก็อุ้มมา พออุ้มขึ้นมาตัวนึง ตัวอื่นๆ ก็ไม่ยอมเพราะเป็นแมวสวยเหมือนกันใช่ไหมคะ แมวตัวอื่นๆ ก็บอก “ไม่ได้ๆ ต้องไปด้วยๆ” พอตาอุ้มแมวตัวนั้นมาตัวนึง ตัวอื่นก็เดินตามมาเป็นพรวนเลย ตาก็บอก “อย่ามาๆ อย่าตาม บ้านเราเลี้ยงไม่ได้หรอก ตั้งเป็นร้อยเป็นพันเป็นล้านแบบนี้เราเลี้ยงไม่ได้หรอก เลี้ยงไม่ได้” พวกแมวก็ไม่ยอมหยุด ตามมาเรื่อย ตาก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะไล่ก็ไม่หยุดใช่ไหมคะ
ในที่สุดตาก็เดินไปๆ ผ่านหนองน้ำแห่งหนึ่งแมวเหล่านั้นก็บอก “หิวๆ น้ำ” ตาก็บอก “นั่นไงหนองน้ำก็ไปสิไปดื่มน้ำกัน” แมวก็วิ่งกรูกันไปเลยดื่มน้ำ ตัวละอึกเท่านั้นอึกเดียวนะคะ น้ำในหนองแห้งหมดเลยไม่เหลือน้ำเลยสักหยดเดียว เพราะฉะนั้นที่เขาเปรียบว่าล้านๆ ตัว พอเป็นไปได้ไหม
ผู้ร่วมสนทนา: น่าจะเป็นได้
อุบาสิกา คุณรัญจวน: ค่ะ น่าจะเป็นไปได้เพราะน้ำทั้งหนองแห้งหมดเลยแค่อึกเดียวเท่านั้นนะคะ พอเดินๆ ไปอีกหน่อย ก็ผ่านทุ่งหญ้า แมวพวกนี้ก็ร้องอีกแล้ว “แม้หิวๆๆ จริงๆ เลยตา” ตาจะให้ไปไหนคะ “ก็ไปกินหญ้าสิ ก็นั่นไงหญ้า ทุ่งหญ้าออกกว้างไปๆ กินหญ้ากันสิ” แมววิ่งกรูกันไปกินหญ้าตัวละคำเท่านั้นเอง หญ้าทั้งทุ่งเป็นยังไง
ผู้ร่วมสนทนา: หมด
อุบาสิกา คุณรัญจวน: หมดๆ เกลี้ยงไม่เหลือหญ้าสักต้น นี่ก็เป็นเครื่องแสดงว่าที่เขาบอกว่า ล้าน ๆ ตัวมันคงจริงแน่เลยนะคะ ตาก็หนักใจ โอ้โหแมวพวกนี้น้ำทั้งหนองมันดื่มกันอึกเดียวเกลี้ยง หญ้าทั้งทุ่งมันกินกันคำเดียวเกลี้ยง แล้วนี่จะตามเราไปบ้านจะทำยังไง หนูหนักใจไหม ถ้าเป็นหนูเป็นตา
ผู้ร่วมสนทนา: หนักใจ
อุบาสิกา คุณรัญจวน: หนักใจแล้วใช่ไหมคะ ไม่รู้เราจะทำยังไงดีกับแมวพวกนี้ แต่ตาก็ยังไม่รู้จะทำยังไงหมดปัญญา คิดไม่ออกก็เดินไปก่อน จนถึงบ้าน พอถึงบ้าน ยายได้ยินเสียงตาเดินมาก็ดีใจก็เปิดประตูออกมา “ตาได้แมวมาแล้วหรือ” ตาบอก “ได้ๆ แมวมาแล้ว” แต่พอยายมองเห็นแมวเป็นฝูงใหญ่ใช่ไหมคะ ยายจะรู้สึกยังไงคะ
ผู้ร่วมสนทนา: ตกใจ
อุบาสิกา คุณรัญจวน: ตกใจๆๆ มากๆ เลยนะ คงไม่ใช่ตกใจน้อย นี่บ้านนิทานของเราก็คงจะขนาดบ้านยายกับตานั่น แล้วก็นึกดูเถอะ ถ้าหากว่าแมวล้านๆ ตัวมาโผล่เข้ามาที่บ้านนิทานๆ นี้เป็นไง รับแมวล้านๆ ตัวไหวไหม
ผู้ร่วมสนทนา:ไม่ไหว
อุบาสิกา คุณรัญจวน: ไม่ไหว บ้านพังทลายแน่ๆ เลย ยายก็ตกใจ “ตายจริงตาทำไมตาถึงทำแบบนี้ก็บอกว่าขอตัวเดียวแล้วก็ขอตัวที่สวยที่สุดแล้วมันเรื่องอะไรทำไมตาถึงพาแมวมาเป็นฝูงใหญ่แบบนี้จะเลี้ยงได้ไง” ตาก็บอกว่า “ก็ไม่รู้หรือก็บอกเอาแมวที่สวยที่สุดใช่ไหม ฉันก็ไม่รู้นี่ ว่าแมวตัวไหนที่สวยที่สุด ฉันก็อุ้มมาตัวนึงแล้วแมวพวกนี้ก็ตามมาก็บอกแล้วอย่ามาๆ มันก็ไม่เชื่อ” ทีนี้ตาก็หันไปถามแมวอีก “ว่าไง” คือวางแมวตัวที่อุ้มนะคะลงไปข้างล่างแล้วหันไปถาม “ไหนๆ ตัวไหนสวยที่สุด” แมวก็ร้องตะโกนกันอีก แข่งกันใหญ่ “ฉันๆ” ทุกตัว “ฉันๆ สวยที่สุด” หนูนึกสิว่าหูเราสองข้างเป็นยังไงคะ
ผู้ร่วมสนทนา:ไม่ไหว
อุบาสิกา คุณรัญจวน: ไม่ไหว เขาเรียกว่าแก้วหูแทบจะแตกเลยนะ แก้วหูแทบจะแตกแก้วหูแทบจะระเบิด “ไม่ไหว ๆ แน่ๆ แล้ว” ยายก็ตกใจเลยปิดประตูบ้าน ทั้งตาทั้งยายเลยเข้าไปอยู่ในประตูบ้าน เงียบกันไปหมดเลย เสร็จแล้วพอเข้าไปอยู่ในประตูบ้านเท่านั้น คือ เข้าไปในบ้านนะคะทั้งสองตายาย ประเดี๋ยวเดียว “เสียงสนั่นหวั่นไหว” ดังขึ้นรอบบ้าน หนูเดาได้ไหมเป็นเสียงอะไร
ผู้ร่วมสนทนา: เสียงแมว
อุบาสิกา คุณรัญจวน: ทำอะไรกัน
ผู้ร่วมสนทนา: ร้อง
อุบาสิกา คุณรัญจวน: มันไม่ใช่เสียงแมวร้องนะสิ เสียงมันทะเลาะกันมันกัดกัน หนูจำได้ไหมระหว่างทางมันบอกว่าอะไร
ผู้ร่วมสนทนา: หิว
อุบาสิกา คุณรัญจวน: มันหิวๆ ด้วยและมันก็แย่งกันเป็นคนสวยด้วยใช่ไหมคะ ตอนนี้ตาถามตัวไหนสวยที่สุด เพราะตัวที่สวยที่สุดจะได้รับเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยง จะได้มีบ้านอยู่ มีนมกิน มีคนดูแล เพราะฉะนั้นมันก็พากันแย่งกัน ฉันจะเป็นคนสวยที่สุดตกลงกันไม่ได้ก็เลยกัดกันเป็นขนานใหญ่เลย เสียงสนั่นหวั่นไหวเรียกว่า “ปานฟ้าจะถล่ม ดินจะทลายไปหมดเลย”
เอาไว้คราวหน้าดีไหมคะว่าเราจะดูว่าแมวฝูงนี้จะเป็นอย่างไรกันต่อไป หลังจากที่มันทำเสียงดังสนั่นหวั่นไหวปานฟ้าจะถล่มดินจะทลาย แล้วตายายสองคนที่อยู่ในบ้านจะได้แมวไว้เลี้ยงหรือเปล่านะคะ ไว้คราวหน้าเรามาฟังกันต่อกันดีไหมคะ เราก็จบกันวันนี้เท่านี้ก่อนนะคะ
อุบาสิกา คุณรัญจวน: เจริญสุขทุกคนนะคะ ธรรมมสวัสดีค่ะ ธรรมสวัสดีก็คือมีความสุขสวัสดีด้วยพระธรรม แล้วก็จะมีอยู่ตลอดไปด้วย
จำได้ไหมคะว่าแมวล้านๆ ตัวที่เราคุยกันคราวที่แล้วนั้น ตอนสุดท้าย แมวเหล่านั้นกำลังทำอะไรกันคะ
ผู้ร่วมสนทนา: ร้อง
อุบาสิกา คุณรัญจวน: มันกัดกันใหญ่เลย กัดกันทำไมคะ
ผู้ร่วมสนทนา: หิว ร้อง
อุบาสิกา คุณรัญจวน: แย่งกันว่าใครเป็นแมวสวยที่สุด ใครสวยที่สุด แย่งกันตกลงกันไม่ได้ก็เลยกัดกันใหญ่ นี่คือลักษณะของคนหรือของสัตว์ที่มันกัดกัน
ผู้ร่วมสนทนา: สัตว์ค่ะ
อุบาสิกา คุณรัญจวน: ของสัตว์ที่มันกัดกัน พอไม่ถูกใจก็กัดกันใหญ่เลย ทีนี้ตายายที่อยู่ในบ้านใช่ไหมคะ ก็ตกใจกลัวมากเลย นั่นอะไรกันนะ เสียงแมวมันกัดกันสนั่นหวั่นไหวนี่มันกัดกันยังงี้แล้ว มันจะเข้ามาถึงบ้านเราหรือเปล่า จะทำร้ายเราหรือเปล่า ตายายสองคนก็นั่งคิด ตกใจด้วยคิดด้วย มันก็เสียงดังสนั่นยังนั้นสักครู่ใหญ่ๆ เลย ผลที่สุดเสียงนั้นก็เงียบไปพอเงียบไป ตายายก็เปิดประตูออกมาเพื่อจะดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น แปลกใจไม่มีแมวเหลือเลยสักตัวเดียว เสียงแมวที่กัดกันสนั่นหวั่นไหวเมื่อกี้หายเกลี้ยงไม่มีร่องรอยเหลือเลย ตายายก็ปรารภกัน นี่มันเป็นไปได้อย่างไรใช่ไหมคะ ไม่น่าเชื่อตั้งเป็นล้านๆ ตัวมันกัดกันอย่างมันต้องเหลืออะไร ก็ต้องเหลือซากแมวใช่ไหมคะ ต้องเหลือซากแมวนอนอยู่ แล้วตายายอาจจะนึกอยู่ว่าต้องกองพะเนินเทินทึกเลยใช่ไหมคะ ที่มันอยู่นั่น นี่ไม่เหลือเลยสักตัวนี่มันหายไปไหนหมด
ในระหว่างที่ตายายกำลังพูดปรึกษากันว่ามันหายไปไหนหมดเป็นไปได้อย่างไร ก็ได้ยินเสียง “เหมียวๆๆ” เบาๆ ค่อยๆ อยู่ที่พุ่มไม้แห่งหนึ่ง ตาก็ไปเที่ยวแหวกดู พบแมวตัวหนึ่ง ผอม เรียกว่า โกโรโกโสเลย ขนก็กรำ มองดูแล้วจัดเป็นแมวสวยงามไม่ได้เลย เลยถามว่า “ทำไมเจ้ายังเหลืออยู่ แล้วตัวอื่นเขาหายไปไหนหมด” แมวตัวนี้ก็บอกว่า “ก็ฉันรู้ว่าฉันไม่สวย ฉันก็เลยไม่ได้ไปร้องตะโกนประกวดกับเขาว่าฉันสวยๆๆ ก็เลยไม่มีใครมายุ่งกับฉันๆ ก็เลยมาแอบตรงนี้ฉันก็เลยยังอยู่” หนูรู้สึกยังไง นึกเอาไว้นะคะ
ยายก็ดีใจใหญ่เลยตอนนี้ยายไม่ว่าแล้ว จะสวยไม่สวยก็ช่างขอให้เหลือสักตัวหนึ่งเถอะที่จะได้เอาไว้เลี้ยง ยายก็อุ้มเจ้าแมวโกโรโกโสที่เหลืออยู่ตัวเดียวเข้าบ้านแล้วเข้าไปก็เอาไปอาบน้ำอาบท่า เช็คขนแปรงขนให้อย่างสะอาดแล้วก็เอานมมาให้กินเอานมใส่ถ้วยมาให้กิน นี่เป็นนิทานจากหนังสือภาพเด็กด้วยนะคะ เขาก็เขียนภาพแมวโกโรโกโสทีแรกนี่แล้วนมชามใหญ่เลยเชียว แล้วแมวก็ผอมๆ มันกินจนกระทั่งตัวมันเกือบจะลงไปอาบในชามน้ำนมเลยนะคะ อักๆๆๆ ท่าทางนี่ตะกละ กินเต็มที่ ชามใหญ่ๆ เรียงไปๆ ตั้งแต่วันแรกจนกระทั่งวันต่อไปถึงสักวันที่เจ็ด วันที่แปด วันที่เก้า เจ้าแมวนี่ลักษณะของการกินนมของมันก็ค่อยๆ เรียบร้อยลงเรียบร้อยขึ้นๆ ตามลำดับ แล้วตัวของมันเองที่ผอมโกโรโกโสก็ค่อยๆ อ้วนๆ ท้วน ขนเป็นมันน่ารัก ตกลงผลที่สุดยายก็ได้แมวสวยหรือไม่สวยคะ
ผู้ร่วมสนทนา: สวย
อุบาสิกา คุณรัญจวน: สวย ได้แมวสวยน่ารักไว้เลี้ยงได้อย่างใจ แมวที่มันสวยขึ้นมาเพราะอะไรคะ
ผู้ร่วมสนทนา: ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี
อุบาสิกา คุณรัญจวน: ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี ดูแลอย่างดีจากยายกับตาด้วย ไม่ใช่ดูแลแต่เฉพาะให้นมกิน แล้วก็ทำความสะอาดร่างกายให้ ไม่ใช่เพียงแค่นั้น แต่ตายายยังให้อะไรอีกหนูเดาได้ไหมคะ
ผู้ร่วมสนทนา: ให้ความรัก
อุบาสิกา คุณรัญจวน: ให้ความรักให้ความอบอุ่น เหมือนแมวตัวนั้นเป็น
ผู้ร่วมสนทนา: เป็นลูกเป็นหลาน
อุบาสิกา คุณรัญจวน: เป็นลูกเป็นหลาน เพราะฉะนั้น ยายก็คงได้พูดได้คุยกับแมวใช่ไหมคะ พูดไปคุยไปจนมันรู้ภาษาจนโต้ตอบกันได้ ถึงแม้จะพูดกันคนละภาษาก็ตาม แต่มันสื่อความรู้สึกถึงกันได้ สื่อความรักความเมตตากรุณาที่ตายายมีต่อ เพราะฉะนั้นเจ้าแมวตัวนั้นจึงอ้วนท้วนแข็งแรง แล้วหนูว่ามีความสุขไหมคะ
ผู้ร่วมสนทนา: มีความสุข
อุบาสิกา คุณรัญจวน: สุขแน่ๆ เลย ถ้าเราได้อยู่อย่างนั้นใช่ไหมคะ แล้วเรื่องนี้ก็จบลงด้วยความสุขว่ายายก็ได้แมวมาเลี้ยงสมใจ แมวกำพร้าตัวนั้นก็ได้มีที่อยู่ๆ อาศัยอย่างมีความสุขร่วมกัน เราไม่ได้ฟังนิทานเพลินๆ เฉยๆ ใช่ไหมคะ พอฟังนิทานเรื่อง แมวล้านๆ ตัวแล้วนี้ หนูรู้สึกติดใจอะไรในเรื่องไหนบ้างไหมคะ ไหนใครติดใจอะไรลอง
ผู้ร่วมสนทนา: ติดใจความเมตตา เอ็นดูของยาย
อุบาสิกา คุณรัญจวน: ติดใจความเมตตา เอ็นดู ความรักใคร่เอ็นดูของยาย
ผู้ร่วมสนทนา: ความไม่ทะนงตัวของแมว
อุบาสิกา คุณรัญจวน: ความไม่ทะนงตัวของแมวตัวนั้น ไม่ทะนงตัวใน เรื่องอะไรคะ
ผู้ร่วมสนทนา: ว่าเขาสวย
อุบาสิกา คุณรัญจวน: ไม่ทะนงตัวไม่อวดตัวว่าฉันสวย ความไม่หลงตัวไม่อวดตัวที่ฉันสวย จนกระทั่งไปเปรียบเทียบแข่งขันกับเขาเลยเป็นเหตุให้เจ้าแมวตัวนี้เป็นยังไง
ผู้ร่วมสนทนา: เหลืออยู่
อุบาสิกา คุณรัญจวน: ยังเหลืออยู่ไม่ตาย ไม่ถูกเขากัดตายไปเสีย เลย เหลืออยู่ๆ ไม่ตาย นี่มองเห็นคุณของอะไรไหมคะ คุณของความไม่หลงตัว คุณของความไม่แข่งขัน ไม่เปรียบเทียบ มีสาระไหมการที่จะไปอวดตัวกันว่า
ผู้ร่วมสนทนา: ไม่มี
อุบาสิกา คุณรัญจวน: “ฉันสวยๆ” อย่างที่เขาประกวดกันนี่มีไหมคะ มีประโยชน์ไหมคะ
ผู้ร่วมสนทนา: ไม่มี
อุบาสิกา คุณรัญจวน: ถ้าสมมติว่าจะมาอวดกันว่า ฉันเป็นคนเอี้อเฟื้อเผื่อแผ่ ช่วยเหลือเพื่อนฝูง แล้วก็ลงมือทำเลยใช่ไหมคะ ลงมือทำให้ใครๆ เห็นว่าเราช่วยเหลือเพื่อนฝูง ช่วยเหลือการงานของที่บ้าน คุณพ่อ คุณแม่ หรือคุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยายก็รับใช้ท่าน อย่างนี้ค่อยน่าประกวดกันบ้างใช่ไหมคะ เพราะเราผู้ทำก็มีความสุขไหม
ผู้ร่วมสนทนา: มีความสุข
อุบาสิกา คุณรัญจวน: แล้วคุณพ่อ คุณแม่ คุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย ก็มีความสุขไหมคะ
ผู้ร่วมสนทนา: มีความสุข
อุบาสิกา คุณรัญจวน: ที่มีลูกหลานอย่างนั้น นี่เรียกว่าต่างคนต่างทำหน้าที่ครอบครัวนั้นก็มีความสุข อย่างนี้ยังน่าประกวดกันบ้างนะคะ เพราะมันนำความสุขใจมาให้ แต่ว่าการประกวดว่าฉันก็สวยๆ นี่ความสวยยั่งยืนไหม
ผู้ร่วมสนทนา: ไม่ยั่งยืน
อุบาสิกา คุณรัญจวน: ดูคุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย หรือดูคุณยายที่นั่งอยู่ที่นี่ก็ได้ เห็นไหมความสวยยั่งยืนไหม
ผู้ร่วมสนทนา: ไม่
อุบาสิกา คุณรัญจวน: ไม่ยั่งยืนเลย เพราะฉะนั้นเรามาประกวด ทำสิ่งที่มีประโยชน์เกิดประโยชน์ที่จะทำความดีต่อกัน มีน้ำใจเอื้อเฟื้อเกื้อกูลต่อกันโดยเฉพาะเมื่อเราเป็นลูกหลานอยู่ที่บ้านใช่ไหมคะ แล้วความรักความเมตตากรุณาก็จะมีมาเองถูกไหม
ผู้ร่วมสนทนา: ถูก
อุบาสิกา คุณรัญจวน: ที่นี้นอกจากนั้น หนูนึกอีกไหมว่า ทำไมมันหายไปไหนหมด แมวล้านๆ ตัวเสียงกัดกันสนั่นหวั่นไหวมันหายไปไหนหมด ลองเดาสิคะว่าหายไปไหนหมด มันกัดกันไม่เหลือเลยอย่างน้อยกัดกันตายก็น่าจะเหลือซากให้เราเห็น แต่นี่ไม่เหลือหมดมันหายไปหมดเลยมันเป็นไปได้อย่างไร อันนี้ก็อาจจะบอกว่าเวลาที่เราเป็นเด็กๆ เรามองท้องฟ้า เราเคยสร้างนิทานจากท้องฟ้าไหมคะ
ผู้ร่วมสนทนา: เคย
อุบาสิกา คุณรัญจวน: เคย นั่นเราอาจจะสร้างนิทานต่างๆ ตามใจเราของเราเลย แล้วเป็นจริงหรือเปล่า
ผู้ร่วมสนทนา: ไม่
อุบาสิกา คุณรัญจวน: ไม่เคยจริงใช่ไหมคะ มันก็ไม่ค่อยจริงเราสร้างมันก็หายไปใช่ไหมคะ
ผู้ร่วมสนทนา: ค่ะ
อุบาสิกา คุณรัญจวน: บางทีเราก็เห็นเมฆเป็นตุ๊กตา เห็นเมฆเป็นคน เห็นเมฆเป็นสิ่งที่เราชอบใช่ไหมคะ มีอะไรต่ออะไรตั้งหลายอย่างเสร็จแล้วมันก็ไม่เป็นจริงอย่างที่เราอยากได้สักอย่างนึงเลย นี่ก็เหมือนกัน บางทีผู้ที่เล่าคนแรกเขาก็คงนึกว่าเด็กๆ นี่ยังไงก็ชอบสร้างจินตนาการชอบสร้างความฝันของตนออกมาจากความคิด ตอนนี้เขาก็อนุญาตๆ ให้เด็กๆ นี่ใช้ความคิดได้อย่างเต็มที่เลยเพราะเป็นธรรมชาติไม่เสียหายอะไร แต่ในขณะเดียวกันเราก็ต้องรู้จักจำกัดความคิดอันนั้นให้อยู่บนพื้นฐานของเหตุผล เพื่อจะได้เกิดประโยชน์ต่อไปใช่ไหมคะ เพราะฉะนั้นในเรื่องนี้ก็ต้องพูดได้ว่า ผู้ที่เขาเล่านิทานครั้งแรกนี้ เขาคงอยากจะบอกว่าที่แมวหายไปหมดนี้เพื่อจะแสดงให้เห็นว่า เมื่อมีความรู้สึกเกิดขึ้นจะเป็นสัตว์หรือเป็นคนก็ตาม เมื่อมีความรู้สึกอยากมากๆ เกิดขึ้น ตะกละตะกลามไหมคะ
ผู้ร่วมสนทนา: ค่ะ
อุบาสิกา คุณรัญจวน: เคยหิวไหม หนูเคยหิวมากๆ ไหม
ผู้ร่วมสนทนา: เคย
อุบาสิกา คุณรัญจวน: แล้วพอหิวมากๆ นี่นึกถึงเพื่อนไหม นึกถึงพี่นึกถึงน้องไหม
ผู้ร่วมสนทนา: ลืม
อุบาสิกา คุณรัญจวน: ลืมๆ เวลาที่เราอิ่มเราก็นึกถึง แต่เวลาหิวมากๆ กวาดมาก่อนใช่ไหม
ผู้ร่วมสนทนา: ค่ะ
อุบาสิกา คุณรัญจวน: กวาดมาก่อนมาไว้ตรงหน้าเราขอกินก่อน ขออร่อยก่อน ขออิ่มก่อนใช่ไหมคะ เพราะฉะนั้นนี่เขาต้องการจะบอกว่า แมวที่มันหิวจนน้ำอึกเดียวก็เกลี้ยงหนอง หญ้าคำเดียวก็เกลี้ยงทุ่ง ความหิวอันนั้นมันยังไม่พอ มันยังอยากยังตะกละตะกลามอยู่ เพราะฉะนั้นในขณะที่มันโกรธ มันก็ทะเลาะกันมันก็กัดกันแล้วมันก็เกิดความอยากจะเอาเลือดเนื้อของคนอื่น มันก็เลยกิน กันๆ จนเกลี้ยงไปหมด ก็เป็นการแสดงว่าความอยากความตะกละตะกลาม ถ้าเกิดขึ้นแล้วไม่รู้จักควบคุมบังคับ ทำลายหรือสร้างสรรค์
ผู้ร่วมสนทนา: ทำลาย
อุบาสิกา คุณรัญจวน: ทำลายกันได้จนหมดสิ้นถึงแค่นี้ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ยังมีอีก แต่ว่าขอฝากเป็นการบ้านว่านิทานเรื่องนี้หนูจะไปคิดต่ออย่างไร หนูจะนำคติอะไรที่จะมาเป็นประโยชน์กับใจของหนูนอกจากความเพลิดเพลิน เรื่องแมวล้านๆ ตัวนะคะ เพราะฉะนั้นก็ได้คติคิดว่าอย่าตะกละตะกลามจนเกินเหตุ แล้วมันจะทำลายมากกว่าสร้างสรรค์ ก็ขอให้หนูมีความสุขสวัสดีด้วยพระธรรม กันทุกๆ ท่าน ทุกๆ คนนะคะ
ธรรมสวัสดีค่ะ