แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ผู้ดำเนินรายการ: พูดถึงเรื่องของหลักธรรมที่ใช้ฝึกปฏิบัติตนของเราเรื่องหนึ่งนะครับ เรื่องของการเอาชนะ กิน กาม เกียรติ ซึ่งท่านพุทธทาสท่านสอนเรื่องนี้ไว้ว่า เราเอาชนะเรื่องของกิน กาม เกียรติได้อย่างไร แล้วก็เรื่องของทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วนี่นะครับมันเป็นอย่างไร ท่านอาจารย์คุณรัญจวนจะตอบเรื่องนี้ให้เราได้ฟังกันต่อไปนะครับ
อุบาสิกา คุณรัญจวน: จะใช้ธรรมะของพระพุทธเจ้าอย่างไร
ผู้ดำเนินรายการ: ครับ
อุบาสิกา คุณรัญจวน : ก็หนีไม่พ้นกฎธรรมชาติ ให้มองเห็นว่า กินก็ดี กามก็ดี เกียรติก็ดี มันล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งสักว่า แล้วก็หมั่นจาคะมันออกไป จาคะความโลภ ความโกรธ ความหลงในกิน ในกาม ในเกียรติออกไป แล้วมันก็จะค่อยๆ ลดลงด้วยการฝึกสมาธิภาวนา อานาปานสติภาวนาตั้งแต่หมวดที่ 1 ถึงหมวดสุดท้าย ก็เชื่อว่าจะสามารถลดละ กิน กาม เกียรติลงได้ จนกระทั่งเห็นว่ามันเป็นสิ่งธรรมดา ไม่เห็นต้องกระวนกระวายดิ้นรนอยากได้มันเลย ทำไมเราไม่เอาแต่เพียงพอ เหมือนอย่างเช่น การกินอย่างนี้ ทำไมถึงต้องกินให้มันโลภโมโทสันนัก ข้าวแกงหนึ่งจานกับหูฉลามจานใหญ่ๆ ตั้งกี่พันนั่นนะ มันก็อิ่มเท่ากัน แล้วผลที่สุด เหตุปัจจัยของมัน ผลมันก็เหมือนกันใช่ไหม มันก็ลงในที่เดียวกัน ออกมาเป็นลักษณะที่ ไม่รู้ว่าหูฉลาม หรือไม่รู้ว่าข้าวแกง เพราะฉะนั้นทำไมถึงต้องเสียเงินตั้งมากมายไปกินอย่างนั้น เราก็หาเหตุผลต่างๆ มาสอนใจตัวเราเองด้วย แล้วก็ดูตามเหตุปัจจัยจริงๆ ที่มันเป็นไปอย่างนั้นด้วย ก็จะค่อยลดละลง
ผู้ดำเนินรายการ: และสำหรับท่านผู้มีสตางค์เป็นร้อยล้านอย่างนี้ เราคงไม่พูดถึงท่านนะครับ เพราะท่านมีปัญญาที่ทำได้อย่างนั้น หรือควรจะพิจารณาด้วย
อุบาสิกา คุณรัญจวน: คือมีปัญญาที่จะไปซื้อกินได้ก็จริงหรอก แต่ก็ลองนึกดูสักนิดหนึ่งถึงคนที่ไม่มีกิน ไม่ต้องไปเอาเมืองนอกหรอก เหมือนอย่างไม่ต้องไปดูเมืองใกล้ๆ เพื่อนบ้านเรา เหมือนอย่างเช่น เขมร ที่เขากำลังมีสงครามกัน หรือแม้แต่เวียดนามซึ่งเขามีสงครามกันมานมนาน ถึงแม้จะเพิ่งเริ่มเข้าสู่ความสงบ เขาก็ยังไม่พ้นสภาพของความอดอยาก ไม่ต้องไปดูอย่างนั้น แต่เราดูในเมืองไทยเรานี่ ยังมีอีกหลายแห่งในชนบท หรือว่าในบ้านเมืองต่างจังหวัด ที่คนอดอยาก หรือว่าเราอ่านหนังสือพิมพ์ เราก็จะพบเด็กนักเรียนไม่มีกิน อาหารกลางวันก็ไม่มีกิน หากว่าท่านผู้มีเป็นร้อยล้านพันล้าน แล้วก็รับประทานอาหารมื้อละพัน มื้อละหมื่นหรือหลายหมื่น ท่านนึกถึงเด็กๆ เหล่านั้นที่ขาดแคลน นี่แหละจะเป็นการบริจาคความโลภที่เรามีอยู่ และความหลง มัวเมาอยู่ในกิน กาม เกียรติให้กับเพื่อนมนุษย์บ้าง นี่เป็นการสร้างสรรค์ความรักที่ถูกต้อง ที่เกิดขึ้นแล้วเสร็จแล้วเราก็จะอยู่อย่างเห็นใจกัน ไม่ต้องมีช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจนอย่างที่ข่าวเขาคาดคะเนว่าถ้าเราขืนอยู่กันอย่างนี้ อย่างชนิดตัวใครตัวมัน ช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนนี่จะยิ่งห่างกันออกไป อย่างกว่า 50% เดี๋ยวนี้มันก็กว่าอยู่แล้ว
ผู้ดำเนินรายการ: ยิ่งกามนั้นไม่ต้องพูดถึงเลยนะครับ ข่าวหนังสือพิมพ์ลงแทบทุกวันเลย
อุบาสิกา คุณรัญจวน: แล้วก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้ช่วยกันประโคมข่าว ลงข่าวอย่างนั้นนัก เพื่อประโยชน์อะไร ถ้าหากว่าเป็นคำเตือน ดี เพื่อจะเตือนให้รู้ว่าภัยทางกามมันจะมาอย่างนี้ๆๆ นั่นสมควร แต่ทว่าการที่ลงข่าวอย่างชนิดพรรณนา พรรณนาภาพให้เห็นภาพ แล้วก็ลงภาพประกอบด้วย ไม่รู้ว่าเพื่ออะไร หรือบางทียังมีบทความที่เขียนต่างๆ ด้วยสำนวนละเมียดละไม แต่จุดหมายก็คือกาม ก็อยากจะขอให้ท่านที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำอย่างนี้ลองถามตัวเองสิว่า ถ้าเผอิญข่าวหรือเรื่องราวที่เราเขียนนี่ มันมาเป็นผลสะท้อนคือเป็นเหตุปัจจัยให้เกิดขึ้นกับลูกหลานของเรา ไปยั่วยุกิเลสกามทั้งหลายที่มีอยู่ในจิตใจของมนุษย์ตามสัญชาตญาณให้มันลุกโพลงขึ้นมา แล้วก็กระทำการอะไรขึ้นมานี่ จะเสียใจไหม หรือว่าจะเห็นเป็นธรรมดา เพราะว่าการเขียนอย่างนั้น บางทีก็อาจจะเขียนเพื่อประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น อาชีพ แต่ในขณะเดียวกันการที่จะเขียนอย่างนั้น มันสนองกามตามสัญชาตญาณของตนเองด้วย ก็ควรจะนึกถึงผลที่จะตามมาจากเหตุปัจจัยอย่างนั้น ก็จะเป็นการช่วยลดละ กิน กาม เกียรติให้อยู่ในความพอดีได้
ผู้ดำเนินรายการ: ครับ ขอบคุณมากครับ
ผู้ดำเนินรายการ: อาจารย์ครับ วันนี้คำถามที่ผู้ถามได้ถามเรามา ถามเรื่องกฎแห่งกรรมที่บอกว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วนั้น แต่ในสังคมนั้นผู้ดำเนินการชั่วๆ แต่กลับได้ดี ส่วนคนดีทำดีกลับได้ผลไม่ได้ดี เพราะเหตุใด
อุบาสิกา คุณรัญจวน: เพราะเหตุใดเหรอคะ เพราะเหตุว่าเรายังไม่เข้าใจความหมายของคำว่า ทำดีๆ ทำชั่วๆอย่างถูกต้อง
ผู้ดำเนินรายการ: ครับ
อุบาสิกา คุณรัญจวน: ทำดีๆ ทำชั่วๆ นี่ มันก็อยู่ในกฎอะไร นึกออกไหม กฎอะไร
ผู้ดำเนินรายการ: อิทัปปัจจยตา
อุบาสิกา คุณรัญจวน: กฎอิทัปปัจจยตา คือ ประกอบเหตุปัจจัยที่เป็นความดี ผลมันก็น่าจะดี แล้วประกอบเหตุปัจจัยที่เป็นความชั่ว คือไม่ถูกต้อง ผลมันก็น่าจะชั่ว อันที่จริงในทางธรรมท่านบอกว่า พอทำดีมันดีทันทีแล้ว พอทำชั่วมันก็ชั่วทันทีแล้ว แต่คนโดยมากมักจะไปนึกว่า ถ้าใครทำดี มันต้องมีรางวัล แล้วรางวัลนี่ก็ไปมองในแง่ของวัตถุ เห็นไหม เพราะวัตถุนิยม ก็เลยเอาวัตถุเข้ามาวัด พอทำดีมันต้องมีรางวัลให้ หรือว่าได้เงินเดือนเลื่อนขึ้น สองขั้น ได้มีตำแหน่งเลื่อนขึ้น หรือว่าถูกลอตเตอรี่อะไรอย่างนี้เป็นต้น มันไปมองเป็นวัตถุ มันจึงมองไม่เห็นว่า พอทำดี มันดีแล้ว และในขณะที่ทำดีน่ะ รู้สึกอย่างไร
ผู้ดำเนินรายการ: อิ่มใจบ้าง สุขใจบ้าง
อุบาสิกา คุณรัญจวน: สุขใจ พอใจที่เราได้ทำสิ่งที่ถูกต้อง ยิ่งคนที่นานๆ จะได้ทำอะไรที่ถูกต้องสักที พอทำเข้าทีหนึ่งนี่มันชื่นใจมากนะ แล้วคุยไปได้หลายวันเลย ก็ดีคุยอย่างนี้ดี ก็จะได้เป็นกำลังใจเพื่อที่จะได้ทำดีอย่างนี้ต่อไป ถ้าทำดีนี่ มันรู้แล้ว คือ พอทำดี ทำเหตุปัจจัยที่ดี ผลก็คือความชื่นใจ ความเบิกบานใจ ภูมิใจ ที่มันเกิดขึ้นในใจเอง เพราะฉะนั้นกฎอิทัปปัจจยตานี่มันแสดงตัวทันที มันไม่รอเวลาหรอก ทีนี้ทำชั่วมันก็ชั่วทันทีอีกเหมือนกัน เพราะในขณะที่ทำนี่ มันรู้ว่าชั่ว เหมือนอย่างเอา อย่างชนิดกลางๆ ก็อย่างเช่น มีความรู้สึกอยากจะกำจัดเพื่อน เพราะว่าแหมมันเป็นตัวอุปสรรค ตราบใดที่เจ้าตัวนี้ยังอยู่ในที่ทำงานนี้ เราจะไม่มีวันจะได้เลื่อนขึ้น เพราะมันคอยกลั่นแกล้งต่างๆ นานา ก็อยากจะให้มันออกไปเสีย ใจอย่างนี้เป็นใจคิดดีหรือคิดชั่ว
ผู้ดำเนินรายการ: ชั่วแล้ว
อุบาสิกา คุณรัญจวน: คนคิดชั่ว คือก็ไม่ถึงกับ ถ้าจะไม่ใช้คำว่าชั่ว ก็เรียกว่าคิดไม่ถูกต้อง เพราะว่ามันทำให้ใจนั้นไม่สบาย แล้วเห็นไหม ผลเกิดขึ้นทันทีใช่ไหม พอเราไปคิดที่เป็นมิจฉาทิฐิ มิจฉาทิฐินี่ก็ไม่ได้หมายความว่าไปคิดเบียดเบียน คดโกงหรือว่าไปจี้ปล้น แต่คิดไม่ถูกต้อง เพราะไปคิดที่อยากจะกำจัดเขาน่ะ มันก็เป็นเบียดเบียนเหมือนกัน อยากจะทำให้เขาไปเสีย ให้พ้นเสีย ใจเราก็ไม่สบายแล้ว อย่างนี้ก็เรียกได้ว่า ทำชั่วมันก็ชั่วทันที กฎอิทัปปัจจยตาแสดงตัวทันที ถ้ายิ่งกว่านั้น เหมือนอย่างคนที่ไปจี้ปล้น ขโมยเขานี่ ในขณะที่ทำน่ะนึกเหรอว่า เย็น
ผู้ดำเนินรายการ: ร้อน
อุบาสิกา คุณรัญจวน: ร้อนแล้วก็แหม โอ้โฮ คอยมองซ้ายมองขวา มันทุรนทุราย กลัวคนเขาจะมาพบ แล้วก็มีอุบายต่างๆ กันที่จะคิดทำชั่ว บางทีจนหมดยางอาย อย่างอ่านหนังสือพิมพ์เมื่อวานนี้เอง อย่างแต่กว่านี่จะออก มันอาจจะช้าแล้วก็ได้ รายการนี้ ที่เขาบอกว่าเป็นวิธีปล้นแบบใหม่น่ะ จเลิศอาจจะได้อ่าน เขาบอกแหมปล้นนี่ มันปล้นอุจาดมาก นั่นก็คือว่าอาวุธในการปล้น ก็คือเปลือยกายเข้าไปปล้น คนที่ถูกปล้นก็ตกใจ ไม่เคยพบ แล้วก็มาปล้นผู้หญิงด้วย ก็เลยปล่อยให้เอากระเป๋าเงินไปง่ายๆ เลยเพราะมัวแต่ตกใจคนปล้นที่ไม่มีเสื้อผ้าติดตัวเลย เพราะฉะนั้นนายคนนั้นที่ทำอย่างนั้นนะ มันจะรู้สึกยังไง ก็แน่นอน ในขณะเดียวกันใจมันก็อาย แล้วมันก็กลัวใครจะมาเห็นเหมือนกัน แต่เผอิญตอนนั้นมันตอนกลางคืน ตอนกลางคืนดึกหน่อย ก็คิดว่าคงไม่มีใครเห็น เอาละ เราลองทำอย่างนี้สักทีเพื่อจะได้เงินมา นี่ ใจมันก็ไม่สบายใจ มันก็ทุรนทุราย
งั้นทำดี ดีทันที ทำชั่ว ชั่วทันที อันนี้ทันที นี่คือความรู้สึกที่เกิดขึ้นตามเหตุปัจจัยที่ทำ ฉะนั้นในทางธรรมหรือในทางพุทธศาสนา ท่านไม่เอาวัตถุมาวัด แต่ในทางโลก เอาวัตถุมาวัด เช่นคนทำชั่วอย่างนี้นะ มันควรจะถูกไล่ออกทันที หรือควรจะถูกตัดเงินเดือนทันที หรือควรจะถูกประหารชีวิตให้ตายไปทันที ถ้าอย่างนี้ถึงจะบอกว่าสะใจ แล้วก็มองเห็นกฎแห่งกรรม แต่ที่จริงอิทัปปัจจยตานี่แหละคือแสดงกฎแห่งกรรมอยู่ในตัว ใช่ไหม
ผู้ดำเนินรายการ: ไม่ต้องรอ
อุบาสิกา คุณรัญจวน: ไม่ต้องรอ ถ้าหากว่าเรากระทำถูกต้องอยู่เสมอ นั่นก็คือกรรมดี จะเพิ่มพูนยิ่งขึ้นเรื่อยๆ และที่เพิ่มพูนยิ่งขึ้นไม่ใช่เพิ่มพูนข้างนอก แต่มันเพิ่มพูนข้างใน เพิ่มพูนความมั่นคงในการที่จะทำความดีต่อไป เพราะรู้แล้วว่ามันถูกต้องและมันก็ชื่นใจที่ได้ทำ