แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
อุบาสิกา คุณรัญจวน: ธรรมะสวัสดีค่ะ วันนี้เราจะคุยเรื่องอะไรดีคะ
ผู้ดำเนินรายการ: อาจารย์อยากจะให้คุยเรื่องอะไรดีละครับ
อุบาสิกา คุณรัญจวน: ถ้าหากว่าจะคุยเรื่องอะไรดี ก็เห็นจะคุยเรื่องที่เกี่ยวกับสิ่งที่ใกล้ๆตัว เพราะฉะนั้นก็อยากจะชวนคุยเรื่องของชีวิต ดีไหมคะ
ผู้ดำเนินรายการ: ชีวิต
อุบาสิกา คุณรัญจวน: ค่ะ ชีวิต แล้วเผอิญเรามาอยู่ในสิ่งแวดล้อมออย่างนี้ สิ่งที่ควรจะคู่กับชีวิตก็คือ ชีวิตกับธรรมะ คิดว่าน่าจะเป็นหัวข้อที่เราควรสนใจ แล้วก็จะพูดถึงเรื่องนี้ได้อีก เป็นเวลานานก็ได้ จนกว่าเรารู้สึกว่าพอใจ คำว่าพอใจ ก็คือว่าเข้าใจในเรื่องของชีวิตพอสมควรแล้วเข้าใจในเรื่องของธรรมะพอสมควร พอที่เราจะรู้ได้ว่าชีวิตกับธรรมะ มันมีความสัมพันธ์กันอย่างไร
ผู้ดำเนินรายการ: ครับ
อุบาสิกา คุณรัญจวน: เพราะฉะนั้นเราควรจะเริ่มต้นคุยวันนี้ด้วยเรื่องอะไรละคะ
ผู้ดำเนินรายการ: เรื่องชีวิตซิครับ
อุบาสิกา คุณรัญจวน: ทำไมละคะ
ผู้ดำเนินรายการ: ก็บอกว่าชีวิตจะต้องใช้ธรรมะเข้ามาเกี่ยวข้องในชีวิตของเราได้อย่างไร
อุบาสิกา คุณรัญจวน: เพราะฉะนั้นก็ควรรู้จักเรื่องของชีวิตกันก่อน ชีวิตคืออะไร
ผู้ดำเนินรายการ: ชีวิต เนื้อหนังมังสา ใช่ไหมครับ
อุบาสิกา คุณรัญจวน: ที่จริงเราเคยพูดเรื่องชีวิตมาหลายครั้งแล้วนะคะ คนทั่วๆ ไปก็มักจะนึกถึงเนื้อหนังที่มองเห็น นี่คือชีวิต อันที่จริงจะว่ามันเป็นชีวิตก็ได้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งแล้วก็อาจจะเป็นส่วนน้อยๆก็ได้ แต่จริงๆ นี่ ชีวิตมันคืออะไร ถ้าหากว่าในทางธรรมะ อย่างที่เราเคยพูดกันว่า ชีวิตก็ต้องประกอบไปด้วยกายกับใจ กายก็คือเนื้อที่เรามองเห็นนี่ ส่วนใจก็คือสิ่งที่เรายังมองไม่เห็น เป็นสิ่งที่เขาอาจบอกว่ามันเป็นสิ่งที่เป็นนามธรรมอย่างยิ่งเลย แต่อย่างไรก็ตามทั้งกายกับใจนี่แยกกันได้ไหมคะ
ผู้ดำเนินรายการ: ไม่ได้ครับ
อุบาสิกา คุณรัญจวน: ทำไมคะ
ผู้ดำเนินรายการ: กายแยกกับใจก็ตายพอดี
อุบาสิกา คุณรัญจวน: อะไรตาย
ผู้ดำเนินรายการ: ตัวเราตายเพราะว่าใจ วิญญาณออกจากร่างก็ตายแล้ว
อุบาสิกา คุณรัญจวน: วิญญาณในทางพุทธศาสนาหมายถึง วิญญาณทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไม่ใช่หมายถึงวิญญาณที่จะออกจากนี่ไปโน่น หรือว่าไม่ชอบใจใคร ก็มาหลอนหลอกให้ตกใจหัวโกร๋น ไม่ใช่อย่างนั้น
วิญญาณในพุทธศาสนาหมายถึง วิญญาณทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เมื่อตาเห็นรูปก็มีการรับรู้ว่า นี่รูป แล้วก็รูปอะไร หูได้ยินเสียงก็มีการรับรู้ ว่านี่เสียง เสียงอะไร นั่นแหละเป็นวิญญาณในทางพระพุทธศาสนา คือทำหน้าที่รับรู้ รับรู้ตามธรรมชาติที่จะพึงเป็น แต่ว่าตอนนี้เรายังไม่พูดกันถึงเรื่องวิญญาณกันล่ะ นะคะ เราจะพูดกันถึงแต่เพียงว่าชีวิตนี้ประกอบด้วย กายกับใจ และทั้งกายกับใจเป็นสิ่งที่ต้องอยู่ด้วยกัน จะต้องรวมกันเป็นหนึ่ง เราเคยพูดว่ากายใจ
ผู้ดำเนินรายการ: ครับ
อุบาสิกา คุณรัญจวน: หรือรูปนาม แทนที่เราจะบอกว่าชีวิต กายและใจ เราจะบอกว่ากายใจเพราะมันจะต้องเป็นหนึ่ง อย่างที่บอกนั้นถูกแล้ว เพราะว่ามันจะต้องรวมกันเป็นหนึ่งเสมอ มันแยกกันไม่ได้ ถ้าแยกกันเมื่อไหร่ก็ไม่มีชีวิต ตราบใดที่เรายังมีชีวิต คือกายกับใจยังรวมกันอยู่ ชีวิตนั้นยังดำรงอยู่ ใจก็เป็นผู้สั่งการ กายก็ทำตามหน้าที่ ท่านจึงเปรียบว่ากายนี้เปรียบเสมือนกับสำนักงานของจิต จำได้ไหมคะ เราเคยพูดกันเรื่องนี้ว่า กายเปรียบเสมือนสำนักงานของจิตหรือใจ ใจนี้เป็นผู้สั่งการ ก็อย่างที่เรามานั่งอยู่ที่นี่ อะไรบอกให้มา
ผู้ดำเนินรายการ: ใจ
อุบาสิกา คุณรัญจวน: ก็ใจ ใจบอกมา กายคือขา มันก็ทำหน้าที่ มีขาทำหน้าที่ก็เพราะเหตุใจมันบอกให้มา แล้วขามีหน้าที่เดิน ใช่ไหมค่ะ แต่เรามานี่ เราไม่ได้ใช้มือ ใช่ไหมคะ เห็นไหม ขาจะมีเมื่อไหร่ ก็ต่อเมื่อเราใช้ เราจึงรู้สึกว่าขานั้นมีความสำคัญ เพราะฉะนั้นท่านจึงบอกว่าชีวิตคืออะไร คือกายกับใจที่ต้องทำงานร่วมกันอย่างแยกกันไม่ได้
ผู้ดำเนินรายการ: สมมตินะครับ อาจารย์ครับ ถ้าอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ทำงาน มันจะเกิดอะไรขึ้น
อุบาสิกา คุณรัญจวน: มันก็เกิดปัญหาขึ้น ก็เหมือนอย่างเช่น ใจไม่ทำงาน คำว่าใจไม่ทำงานในที่นี้ แต่ว่ายังเคลื่อนไหวได้นะคะ ก็หมายความว่า ใจนั้นทำงานไม่ถูกต้อง ทำงานมีการผิดพลาด มันต้องผิดพลาดอะไรขึ้นซักอย่าง เพราะฉะนั้นการทำงานของกายกับใจจึงไม่ประสานกันอย่างกลมกลืน ท่านจึงเปรียบชีวิตของเราเหมือนกับการแล่นเรือข้ามมหาสมุทร ทำไมถึงเปรียบเหมือนการแล่นเรือข้ามมหาสมุทร สบายไหม เหมือนอะไร
ผู้ดำเนินรายการ: เต็มไปด้วยอุปสรรค
อุบาสิกา คุณรัญจวน: อะไรนะคะ
ผู้ดำเนินรายการ: เต็มไปด้วยอุปสรรค
อุบาสิกา คุณรัญจวน: เต็มไปด้วยอุปสรรค อุปสรรคอะไร
ผู้ดำเนินรายการ: คนเราเวลาดำเนินชีวิตไปนี่นะครับ มันต้องมีอุปสรรคต่างๆนาๆ ก็เหมือนกับแล่นเรือข้ามมหาสมุทรต้องไปเจอหินโสโครก เจอมรสุม เจออะไรต่อมิอะไรนี่นะครับ
อุบาสิกา คุณรัญจวน: ใช่แล้วค่ะ แล้วก็เห็นด้วยหรือเปล่าคะ คนอื่นๆ ทั้งหลายเห็นด้วยไหมคะ ที่บอกว่า ชีวิตเปรียบเหมือนการแล่นเรือข้ามมหาสมุทร เพราะว่ามหาสมุทรนี่มันแสนจะกว้างใหญ่ ก็เหมือนอย่างโลกหรือจักรวาลที่เราอยู่นี่ละ มันกว้างใหญ่ เวลาที่ชีวิตนี้ดำเนินไปก็พบขวากหนามต่างๆ ในชีวิตมากเลย แล้วก็ขวากหนามเหล่านี้มันก็เกี่ยวเรา เป็นเสี้ยน เป็นหนามแหลมคมตำ ให้ชีวิตนี้ชอกช้ำ ไม่มีความสุขอย่างที่ชีวิตต้องการ แล้วก็ถ้าไม่ระมัดระวังบางทีก็หกล้มหกลุก กระเสือกกะสน คลุกคลาน แล้วเราก็รู้ว่าที่เราคลุกคลาน กระเสือกกระสนนี่ อะไรกระเสือกกะสน อะไรคลุกคลาน
ผู้ดำเนินรายการ: จิต
อุบาสิกา คุณรัญจวน: จิต ถูกแล้ว สิ่งที่เรียกว่าจิต ที่มันคลุกคลาน ที่มันกระเสือกกะสน ส่วนกายนี้ บางที่ก็นั่งรถยนต์ติดแอร์คันใหญ่ ได้ขึ้นเครื่องบินหรือว่านั่งเก้าอี้อาร์มแชร์สวยๆ อยู่ในห้องแอร์คอนดิชั่น กายนี้ไม่ได้กระทบกระเทือน ไม่ได้มีอะไรมาเกี่ยวมาพันเลยซักนิดเดียว แต่ทั้งๆ ที่รอบข้างนี้มีความสะดวกสบาย แต่มันรู้สึก จิต ชีวิตนี้มันระหกระเหิน มันไม่ได้ราบเรียบอย่างที่เราประสงค์เลย มันก็คือความระหกระเหินเกิดขึ้นในจิต ฉะนั้นคนจึงพูดว่าชีวิตนี้ มันช่างลำบากเหลือเกิน แล้วก็เมื่อไหร่มันจะถึงจุดหมายซักที ท่านจึงเปรียบเรื่องของชีวิตได้หลายอย่าง แต่ว่าบางท่าน ท่านก็เปรียบว่า ชีวิตนี้เปรียบเหมือนการแล่นเรือข้ามมหาสมุทร มหาสมุทรมันกว้างขวาง ถ้าเราแล่นเรือข้ามคู มันก็ง่าย เรารู้สึกเรือนี้ไม่ไปตามที่ต้องการ เราเอามือจับก็ยังได้ จับกิ่งไม้อะไรที่มันละสองข้างทาง เราก็สามารถจะหยุดเรือได้ หรือว่าถ้าเป็นคลอง เอาพายยาวๆ ก็ยังพอจะเกาะเกี่ยวอะไรได้ ถ้าเผื่อแม่น้ำก็กว้างไปอีกหน่อย แต่ถ้าเป็นมหาสมุทรน่ะ มันเวิ้งว้าง
เพราะฉะนั้นอันที่จริงว่าไปแล้ว ชีวิตนี้ก็มีหนทางเลือก ใช่ไหมคะ เราจะเลือกเดินบนทางราบเรียบก็ได้ หรือว่าจะเลือกไปลงเรือ ก็ยังมีคู มีคลอง มีแม่น้ำ ลำธาร มีทะเลแล้วก็มีมหาสมุทร นี่มันมีตั้งแต่สิ่งที่เล็กๆ จนใหญ่เข้าๆ แต่มนุษย์เราส่วนมากปล่อยให้ชีวิตเหมือนกับเดินในมหาสมุทร ที่ว่าอย่างนี้เพราะมันหลงทาง มันหลงทางเรื่อย หลงทางชีวิตนี่ มันเจ็บปวด มันหนัก เหน็ดเหนื่อย ยิ่งกว่าหลงทาง ทางกาย เช่นเรามาเดินป่า เราหลงทางทางในป่า แต่ว่าหลงทางชีวิตนี่ มันหนัก มันเจ็บปวด เพราะมันไม่รู้ว่าจะไปทางไหน แม้ว่าแสงตะวันจะกำลังส่องสว่างอย่างนี้ เพราะถ้าหลงทางในป่า มันจะรู้สึกมืดไปหมด ท่านจึงเปรียบได้เหมือนกับการแล่นเรือข้ามมหาสมุทร ถ้าหากมหาสมุทรมันเห็นแต่น้ำกับฟ้า ใช่ไหมคะ จะมองไปทางไหน ข้างบนก็มีฟ้า ข้างล่างก็มีน้ำ ตัวเราก็อยู่ในเรือโคลงเคลงๆ มันมีความว้าเหว่ เปล่าเปลี่ยวอย่างบอกไม่ถูกเลย ไม่รู้ว่าอะไรคือจุดหมาย ฝั่งอยู่ไหน ตลิ่งอยู่ไหน แลไม่เห็น อะไรจะเกิดขึ้นข้างหน้าก็ไม่รู้เพราะมันมีแต่ความเวิ้งว้างที่ไม่สามารถจะคำนวณ หรือคาดคะเนได้เลยว่ามันมีอะไร
เพราะฉะนั้นชีวิตที่ระหกระเหินอย่างนี้ นั่นก็คือชีวิตที่ใจนั้นไม่มีการควบคุมใจ จึงปล่อยให้ชีวิตนี้มันระหกระเหิน มันดำเนินไปอย่างน่าสงสาร
ท่านจึงเปรียบว่าเหมือนกับการแล่นเรือข้ามมหาสมุทร ก็ไม่ทราบว่าท่านผู้ฟังมีความรู้สึกว่าชีวิตนี้เหมือนกับการแล่นเรือข้ามมหาสมุทรหรือไม่ ถ้าหากว่ารู้สึก ก็เห็นจะเป็นเหมือนสิ่งที่เตือนใจเราให้เราสำนึกว่า ถ้าเรารู้สึกเช่นนี้ เราควรจะมีการเตรียมการเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เราต้องลงเรือข้ามมหาสมุทรอย่างไร้จุดหมาย อย่างนั้น หรืออย่างน้อยที่สุดก็ผ่อนจากเรือข้ามมหาสมุทรมาลงแม่น้ำซะ แล้วก็มาลงคลอง แล้วก็มาลงคู แล้วมันยังมีจุดหมายที่เราสามารถจะเห็นได้โดยง่าย และผลที่สุดเราก็จะขึ้นตลิ่ง เดินได้อย่างสง่าผ่าเผย ใช่ไหมคะ ถ้าหากว่าท่านผู้ฟัง ฟังแล้วบางท่านอาจจะบอกว่า ไม่ใช่การแล่นเรือข้ามมหาสมุทรหรอก ชีวิตนี้มันอาจจะเหมือนการค้าขายต่างหาก
ผู้ดำเนินรายการ: ทำไมถึงคิดอย่างนั้น
อุบาสิกา คุณรัญจวน: ทำไมคิดอย่างนั้น แล้วเห็นด้วยหรือเปล่าคะ
ผู้ดำเนินรายการ: คิดเหมือนการค้าขาย ไม่เคยได้ยินเท่าไหร่
อุบาสิกา คุณรัญจวน: ที่นี้ถ้ามีคนเขาบอก ท่านผู้ฟังบางท่าน ที่ท่านกำลังนั่งฟังเรานี่ละ อาจจะบอกว่า ไม่ใช่ ชีวิตนี้เหมือนการค้าขาย เคยได้ยินคำว่าชีวิตนี้เป็นเดิมพันหรือเปล่า
ผู้ดำเนินรายการ: เคยได้ยินครับ เอาชีวิตเป็นเดิมพัน
อุบาสิกา คุณรัญจวน: แล้วชีวิตที่เป็นเดิมพันนี้ มันเป็นอย่างไร
ผู้ดำเนินรายการ: เสี่ยง
อุบาสิกา คุณรัญจวน: เสี่ยง การค้าขายมีเสี่ยงไหม
ผู้ดำเนินรายการ: เสี่ยง
อุบาสิกา คุณรัญจวน: ก็เสี่ยง นักธุรกิจก็จะบอกว่าการค้าขายนี้เสี่ยงมาก แล้วก็นักธุรกิจที่เขาได้รับความสำเร็จในชีวิตก็มักจะบอกว่า ชีวิตของการเป็นนักธุรกิจนี่ ต้องการคุณสมบัติพิเศษ เช่นว่า ต้องการความกล้าหาญ ต้องการความอดทน ต้องการความเข้มแข็ง ต้องการความเด็ดเดี่ยว พร้อมที่จะเผชิญกับอะไรๆ ที่เกิดขึ้น จึงจะสามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้ แล้วชีวิตนี่ละ ชีวิตนี่เป็นอย่างไร ต้องการความกล้าหาญไหมคะ ในการดำรงชีวิตอยู่ทุกวันนี้
ผู้ดำเนินรายการ: ต้องการ
อุบาสิกา คุณรัญจวน: ทำไมถึงยังมีคำถาม เครื่องหมายคำถามอยู่ข้างหลังน้ำเสียงด้วยละคะ ถ้ามีเครื่องหมายคำถามอยู่ข้างหลังน้ำเสียง ก็แสดงว่าไม่แน่ใจว่าชีวิตนี้ต้องการความกล้าหาญ
ผู้ดำเนินรายการ: เพราะว่าอย่างที่ท่านอาจารย์บอกว่า ถ้าเราหลงทางอยู่ ใช่ไหมครับ เราก็ต้องกล้าที่จะเปลี่ยนหนทางชีวิตเราเพื่อที่จะได้ไม่หลงทาง
อุบาสิกา คุณรัญจวน: อันนั้นก็ถูกต้อง ก็ใช่น่ะ เพราะฉะนั้น ชีวิตนี้ต้องการความกล้าหาญในการดำรงชีวิต เพราะว่ามันมีขวากหนามหลายอย่าง อันที่จริงขวากหนามที่ว่าน่ะ มันก็มีอยู่ตามธรรมชาติ แต่เพราะว่าเราไม่รู้ในเรื่องของธรรมชาติ เราก็ถือว่ามันเป็นจริงเป็นจัง เสร็จแล้วเราก็รู้สึกมีปัญหามาก เป็นทุกข์โทรมนัสมากต่างๆ นาๆ เพราะฉะนั้นอันนี้นะ เราจึงต้องการความกล้าหาญ นอกจากต้องการความกล้าหาญแล้ว ยังต้องการ สติ สติเพื่อความรอบคอบในการที่จะกระทำการนั้นอย่างชนิดที่ไม่ให้มันพลาด เพราะว่าเราไม่รู้ว่าเราจะพบอะไรแน่ในชีวิต เราจึงต้องเตรียมพร้อม แล้วก็ศึกษาหาความรู้ หาความเข้าใจเกี่ยวกับชีวิตทุกแง่ทุกมุม เพื่อว่าการดำเนินชีวิตจะไม่เสี่ยง
แต่ถ้าหากว่าเราไม่เตรียมตัวอย่างนั้น ชีวิตนี่ท่านจึงบอกว่าเหมือนการค้าขาย ขอยืมเขามา มีก็เอามาเป็นต้นทุน แล้วก็เพื่อที่จะหากำไรต่อไป และก็เสร็จแล้วกำไรที่เราได้นี่ บางครั้งมันก็ได้พอตัว บางครั้งมันก็ได้มากนิดหน่อย แต่บางครั้งมันไม่มีกำไรมาเลย เพราะงั้นถ้าหากท่านผู้ใดมีความรู้สึกว่าชีวิตก็เหมือนกับการค้าขาย ก็คืออย่างนี้ คือเราต้องมีการที่จะต้องรวบรวมต้นทุน สะสมต้นทุนเอาไว้เพื่อให้เพียงพอ ไม่ให้มันเพลี้ยงพล้ำ ถ้าเรามีต้นทุนเพียงพอ แล้วก็เราก็สามารถที่จะหากำไร กำไรนั้นก็จะมาช่วยตัวเราเอง ถ้ามีมากเกินไปก็ยังช่วยเหลือผู้อื่นต่อได้อีก นี่จึงจะสมกับฐานะความเป็นมนุษย์ที่นอกจากช่วยตัวเองแล้ว ก็ยังช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์คนอื่นอีกด้วยใช่ไหมคะ
แต่ว่าก็มีนักธุรกิจที่เราเคยได้ยินอยู่เสมอว่าประสบความล้มเหลว นั่นก็คือการล้มละลาย การล้มละลายของนักธุรกิจ ถ้าจะว่าไป มันก็เจ็บปวดชอกช้ำเหมือนกันน่ะ แต่ทว่ามันก็ยังมีโอกาสจะยืนขึ้นได้ถ้าความกล้าหาญยังอยู่ ความเข้มแข็งเด็ดเดี่ยวยังมี ใช่ไหมคะ มันยังยืนขึ้นได้ แต่ถ้าสมมติว่ามันมาล้มละลายกับชีวิตนี่ ลองนึกดูว่าเป็นอย่างไร ถ้าชีวิตมันล้มละลายนี่
ผู้ดำเนินรายการ: แทบฆ่าตัวตาย
อุบาสิกา คุณรัญจวน: แทบฆ่าตัวตาย หรือว่าหลายคนก็ฆ่าไปแล้ว ใช่ไหม ฆ่าตัวตายไปแล้ว ที่ปอเต็กตึ๊งต้องไปเที่ยวช่วยกันอยู่บ่อยๆ ก็มีอยู่มากเลย เพราะฉะนั้นในเรื่องชีวิตคือการค้าขายนี่เป็นสิ่งที่น่าคิด เพราะการที่จะดำรงชีวิตนี่ มันต้องการสติ ทั้งปัญญา ความรอบคอบ ความอาจหาญที่เด็ดเดี่ยว ความอดทนที่ต้องมีพลังมากในเรื่องของความอดทน ไหนจะอดทนในการที่จะบากบั่นเพื่อกระทำสิ่งที่มาขวางกั้นให้มันราบเรียบไป ไหนจะต้องอดทนในการที่จะข่มใจของตัวเพื่อกระทำให้ได้ แล้วก็จะต้องเดินต่อไปอีก ฉะนั้นมันจึงต้องการคุณสมบัติหลายอย่าง เพื่อว่าเมื่อชีวิตนี้เราขอยืมเขามาแล้ว เวลาที่เราจะคืนเขาไป คนที่เขารับคืน เขาจะได้ไม่รู้สึกว่า เสียทีที่ให้มันขอยืมมา มันไม่รู้จักจะใช้ชีวิตนี้ให้คุ้มกับที่เราอุตส่าห์มีเมตตาให้มันขอยืมมาเลย ใครให้ขอยืมมา
ผู้ดำเนินรายการ: ธรรมชาติ
อุบาสิกา คุณรัญจวน: ดีมาก ดีมาก จำได้คล่องเชียวว่าเราขอยืมมาจากธรรมชาติ ชีวิตนี้ขอยืมมาจากธรรมชาติ เพราะฉะนั้นถ้าหากว่าสามารถนำเอาชีวิตนี้มากระทำ โดยไม่ให้มันสูญหาย ต้นทุนไม่สูญหาย ชีวิตนี้ก็จะยังประโยชน์ได้อีกนานเลย หรือบางท่านก็อาจจะบอกว่าชีวิตนี้เหมือนการแสดงละคร อย่างที่ใครนะที่บอกว่า ชีวิตคือละคร ใช่ไหม ชีวิตคือละคร แล้วก็ท่านอากาศ ดำเกิง ท่านก็มาเขียนนวนิยายมีชื่อ ที่เราจำกันอยู่เดี๋ยวนี้ ละครแห่งชีวิต
ผู้ดำเนินรายการ: ครับ
อุบาสิกา คุณรัญจวน: ชีวิตคือละคร ละครแห่งชีวิต รู้สึกไหมคะว่าชีวิตเป็นละคร เราทั้งหลายนี่คือผู้แสดง
ผู้ดำเนินรายการ: ใช่ครับ บนเวทีใหญ่
อุบาสิกา คุณรัญจวน: แต่เวทีนี้มันกว้างมาก บนเวทีโลก เวทีที่เราไปดูละครนี่มันก็จำกัดเนื้อที่เพียงไม่กี่เมตรใช่ไหมคะ แต่เวทีโลกนี่มันกว้างมาก เพราะงั้นเวทีละครนี้ มันเพียงไม่กี่เมตรแล้วก็มองทางหนีทีไล่กันได้ แต่เวทีโลกนี่ สำหรับผู้ที่ใช้ตาเนื้อ ตาเนื้อสองตานี่ ที่จะมองเห็นตามธรรมดา มันก็เห็น เห็นอะไรอย่างที่เห็น เห็นต้นไม้ ก็นี่คือต้นไม้ เห็นทราย ก็นี่คือทราย เห็นคน ก็นี่คือคน เห็นแมว ก็นี่คือแมว เห็นอะไรก็เป็นอันนั้น ตามที่ตาเนื้อมันเห็น แต่สิ่งที่สมมติและอันที่จริงแล้ว เพราะเวทีชีวิตนี้มันกว้าง กว้างมากเหลือเกิน กว้างอย่างมหัศจรรย์นะ มันจึงต้องใช้ตาพิเศษ ตาที่จะประกอบด้วยสติ สมาธิ ปัญญาจนสัมปชัญญะด้วย คือการรู้ตัวทั่วพร้อมอยู่ทุกขณะเลย ถ้าหากว่าพร้อมอยู่ด้วยอย่างนี้ การแสดงละครก็ย่อมจะต้องได้ตุ๊กตาทอง ย่อมต้องได้รับรางวัล เป็นดารายอดเยี่ยม ใช่ไหมคะ เพราะมีความสำเร็จของชีวิต แต่ความสำเร็จของดาราบนเวทีชีวิตนี้กับความสำเร็จของดาราบนละครเวที สมมติรางวัลนั้นเหมือนกันไหมคะ รางวัลที่ได้รับเหมือนกันไหมคะ
ผู้ดำเนินรายการ: ไม่เหมือน
อุบาสิกา คุณรัญจวน: ต่างกันยังไงคะ
ผู้ดำเนินรายการ: ก็ถ้าเราดำเนินชีวิตบนโลกแห่งชีวิตนี้ได้ดี
อุบาสิกา คุณรัญจวน: หมายถึงรางวัลที่ได้รับเหมือนกันไหม ไม่เหมือน ถ้าหากว่าเป็นดาราก็อย่างที่เขามีการมอบรางวัลใช่ไหม รางวัลดาราที่แสดงเก่งก็จะได้เป็นอะไร เป็นตุ๊กตาทอง หรือว่าเป็นรูปเมฆขลา หรือจะเป็นอะไรก็แล้วแต่ นั่นรางวัลที่ได้รับเป็นวัตถุ พอได้มา ผู้แสดงก็ภาคภูมิใจ ใหญ่โต แล้วก็ค่าตัวก็เพิ่ม แต่ว่าสำหรับดาราชีวิตที่ประสบความสำเร็จ รางวัลที่ได้รับคืออะไร
ผู้ดำเนินรายการ: ความสุขทางใจ
อุบาสิกา คุณรัญจวน: ความสุข ความสงบ ความเยือกเย็นผ่องใส เพราะฉะนั้นจึงไม่เหมือนกัน ทำไม แล้วก็ถ้าว่าจะว่าไป มันอาจจะเป็นรางวัลที่ยากมากเลย ใช่ไหม กว่าจะได้น่ะ ทำไมถึงยาก เชื่อว่าคงทราบกันดี เพื่อนที่นั่งอยู่ที่นี่ ทราบดีว่ารางวัลนี้ยากมาก ต้องได้มาด้วยความกล้าหาญ อาจหาญอย่างยอดเยี่ยมด้วยที่จะคว้ารางวัลของความสงบ เพราะรางวัลนี้ไม่มีเสียงปรบมือ ไม่มีกรรมการตัดสิน แล้วก็ไม่มีกองเชียร์ เพราะว่าผู้ที่จะได้รางวัลอย่างนี้จะต้องเป็นผู้ที่มองเห็น มองเห็นว่าชีวิตนี้คืออะไร แล้วก็มองเห็นด้วยว่าสิ่งที่ชีวิตต้องการนี้คืออะไรและวิธีที่จะแสวงหานั้นจะทำได้อย่างไร มันจึงไม่ง่ายเลย เพราะฉะนั้นรางวัลของความสงบใจนี่แหละคือรางวัลของผู้ที่ประสบความสำเร็จบนเวทีโลก เพราะฉะนั้นที่ท่านบอกว่าชีวิตคือการแสดงละครน่ะ เราทุกคนก็มีบทบาท มีบทบาทตามที่สมมติกัน เพราะฉะนั้นผู้ใดที่แสดงแล้วรู้สึกว่าพอใจในบทบาทของตน อิ่มอกอิ่มใจแล้วก็เป็นสุข นั่นก็คือมีความรู้สึกว่าได้แสดงละครอย่างเต็มฝีมือ เต็มความสามารถและรางวัลที่ได้รับอยู่ทุกขณะนั้นคือความสุข สงบใจ ที่มีอยู่ทีแรกก็น้อยๆแล้วต่อไปก็เพิ่มมากขึ้นๆๆ นี่เป็นรางวัลที่มีค่าเหลือล้นอย่างไม่มีสิ่งใดจะเปรียบได้
ผู้ดำเนินรายการ: อิจฉา
อุบาสิกา คุณรัญจวน: อิจฉา ทำได้ไหม
ผู้ดำเนินรายการ: อิจฉา ท่านที่ปฏิบัติได้แล้วครับ
อุบาสิกา คุณรัญจว: มีใครหวงห้ามไหมคะ ไม่มีใครหวงห้ามเลย และการที่จะแสวงหารางวัลอย่างนี้ ก็ไม่จำเป็นว่าจะต้องทิ้งบ้าน ทิ้งครอบครัว ทิ้งการงาน ถ้ารู้จักวิธีเท่านั้นล่ะ ก็สามารถจะรับรางวัลเช่นนี้ได้ทุกแห่งทุกหนแห่งเลย เพราะฉะนั้นก็วันนี้เราก็เห็นจะพูดกันได้เพียงแค่นี้ว่า ชีวิตคือหน้าที่ หน้าที่ที่ต้องหาความสงบใจเพื่อชีวิตนี้จะได้ดำรงอยู่อย่างแช่มชื่นให้คุ้มค่ากับการที่เกิดมา และถ้าเรามีเวลาคงจะได้คุยเรื่องชีวิตนี้ต่ออีกนะคะ และสำหรับวันนี้ธรรมะสวัสดีค่ะ