แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ในการศึกษาปฏิบัติเรื่องของอริยมรรคมีองค์ 8 นั้นก็มีสิ่งหนึ่งที่เราเรียกว่าไตรสิกขาพร้อมอยู่ในนี้ใช่ไหมคะถ้าเราปฏิบัติตามหนทางอันประเสริฐนี้ก็เท่ากับว่าผู้ปฏิบัติมีไตรสิกขาอยู่ในนั้นพร้อมและไตรสิกขานี้ถ้าเรียกตามนิตินัยคือนิตินัยเราก็จะเริ่มต้นด้วยศีลสมาธิปัญญาเหมือนอย่างที่เราได้ยินได้ฟังมาเริ่มต้นในศีลสมาธิปัญญาแต่อริยมรรคมีองค์ 8 เป็นคำสอนโดยตรงจากโอษฐ์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรากฏอยู่ในพระธรรมเทศนากัณฑ์แรกที่ทรงสอนแก่ปัญจวัคคีย์เมื่อพระองค์ได้ตรัสรู้แล้วเทศก์กัณฑ์แรกของพระพุทธองค์คือธรรมจักรกัปปวัตนสูตรและก็ทรงกล่าวเรื่องของอริยสัจ 4 เรื่องของอริยมรรคเรื่องของมัชฌิมาปฏิปทาแล้วก็ส่งเริ่มต้นด้วยสัมมาทิฏฐิสัมมาสังกัปปะด้วยโอษฐ์ของพระองค์เอง
นี่จึงเป็นเครื่องยืนยันให้เห็นว่าพุทธศาสนาเป็นศาสนาของปัญญาพระองค์ได้ทรงสอนให้คนทั้งหลายจะทำการสิ่งใดไม่ว่าเล็กไม่ว่าใหญ่อย่างมงายเชื่อคนอื่นเขาดายไปแล้วก็ยังส่งออกบอกถึงเรื่องของกาลามสูตรอีกก็ไม่เชื่อจนกว่าจะลงมือปฏิบัติด้วยตนเองฉะนั้นในทางพฤตินัยคือทางปฏิบัติจึงเริ่มด้วยเรื่องของปัญญาไตรสิกขานั้นจะเริ่มในเรื่องของปัญญาแล้วก็ศีลแล้วก็สมาธินี่หมายความว่าอย่างไรก็หมายความว่าแม้แต่ในการรับศีลก็ต้องอาศัยปัญญาจึงจะสามารถสมาทานศีลได้อย่างถูกต้องคือหมายความว่าสมาทานศีลก็คือรับศีลด้วยความเคารพด้วยความรู้ความเข้าใจว่ารับศีลเพื่อมาช่วยให้เป็นเครื่องรักษาความเป็นปกติของวาจาและของกาย ไม่ใช่รับศีลเพื่อยึดมั่นว่า ฉันเป็นคนมีศีลแล้วก็ไปอวดคนอื่นเปรียบเทียบแข่งขันกันว่าศีลใครจะบริสุทธิ์กว่าเหมือนดั่งที่เราได้พบเพราะฉะนั้นจึงต้องมีปัญญาต้องรู้ว่ารับศีลทำไมไม่ใช่เอาศีลมาประดับให้มีศักดิ์มีศรีอย่างที่บอกว่าฉันนี่ไม่เอาอะไรแล้วฉันไปวัดทุกวันพระรับศีลฟังเทศน์ทุกวันพระแต่กลับมาก็ยังโขมงโฉงเฉงอยู่กับลูกกับหลานกับเพื่อนกับพี่น้องยังห่วงยังกันยังเห็นแก่ตัว
นั่นคือรับศีลอย่างอุปทานปลดจากให้ดีนะคะนี่คือสิ่งที่เราควรจะสอนลูกหลานแล้วก็สอนลูกศิษย์ให้เข้าใจว่าการรับศีลเพื่อเกิดประโยชน์แก่จิตใจแก่ชีวิตหรือถ้าจะใช้คำชาวบ้านว่าเพื่อเป็นสิริมงคลต้องรับศีลอย่างสมาทานคือเข้าใจว่ารับศีลทำไมเพื่ออะไรแล้วก็ศีลแต่ละข้อ ๆ มีความหมายกว้างขวางที่จะรักษาให้บริสุทธิ์ไม่ด่างพร้อยนั้นจะรักษาอย่างไรนี่ต้องอาศัยปัญญาในขั้นเริ่มต้นแล้วก็ปัญญาก็จะช่วยให้รักษาศีลได้อย่างสมาทานรักษาแล้วทำให้วาจาสงบกายสงบแล้วมันก็สะท้อนให้จิตเกิดความสงบภายในขึ้นมาด้วยและจุดนี้ก็มีความสะอาดมีความมุ่งมั่นคงเกลี้ยงเกลาอย่างที่เราว่าแล้วและสมาธิในการกระทำก็หนักแน่นมั่นคงยิ่งขึ้นและในขณะนี้ก็คงใช้ปัญญาอยู่แล้วเมื่อเรามาใคร่ครวญมองดูก็จะเห็นได้ว่าและผลที่สุดปัญญาก็จะกลับมาซ้ำอีกครั้งหนึ่งในตอนสุดท้ายนั่นก็คือจากที่ปฏิบัติด้วยปัญญาด้วยศีลด้วยสมาธิแล้วก็ใคร่ครวญทำทั้งสร้างความสงบให้เกิดขึ้นภายในทั้งใคร่ครวญทำจนพัฒนาปัญญาให้เกิดขึ้นภายในแล้วมันก็มีความสว่างพร้อมทั้งสมถะภาวนาพร้อมทั้งวิปัสสนาภาวนาและผลที่สุดปัญญาที่เรียกว่าถึงที่สุดแจ่มแจ้งกระจ่างชัดในความเป็นจริงของธรรมชาติก็จะมาเกิดซ้ำในตอนสุดท้าย
เพราะฉะนั้นท่านก็จะบอกว่าจากอริยมรรคมีองค์ 8 นี่ซึ่งเริ่มต้นด้วยสัมมาคือถูกต้องก็จะเกิดเป็นสัมมัตตะ10 สัมมัตตะ 10 ก็ ส เสือไม้หันอากาศ ม แล้วก็มัดกับ ม ไม้หันอากาศ ต เต่า ต เต่าสระอะ สัมมัตตะ10 ไม่ได้เขียนเอาไว้ สัมมัตตะ10ก็หมายถึงการกระทำถูกต้อง 10 ประการนั่นก็คือเมื่อได้ปฏิบัติอริยมรรคมีองค์ 8 อย่างสมังคีกันคืออย่างรวมเป็นหนึ่งแล้วก็จะเกิดสัมมาองค์ที่ 9 คือสัมมายานะ สัมมายานะก็คือความเห็นที่ถูกต้องหรือเรียกญาณ ญาณในที่นี้ก็หมายถึงความเห็นแจ้งภายในที่ถูกต้องเมื่อเราพูดเกี่ยวกับเรื่องของการปฏิบัติธรรมก็จะประจักษ์แจ้งในสัจธรรมในความเป็นจริงของธรรมชาติชัดในอนัตตาว่าไม่มีสิ่งใดเป็นตัวเป็นตนให้ยึดมั่นถือมั่นเลยสักอย่างเดียวมันจะเป็นแต่เพียงสิ่งที่เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปเป็นนิจอย่างนี้และมันก็เปลี่ยนไปตามเหตุตามปัจจัยเช่นนั้นเองมันชัดแล้วมันก็วางว่างเพราะว่าในการปฏิบัติตามอริยมรรคมีองค์ 8 นั้นมันจะเกิดผลทางที่เขียนเอาไว้ 4 อย่างเป็นการปฏิบัติอย่างชนิดเพื่อความวิเวกความวิเวกหมายความว่าไปอย่างโดดเดี่ยวโดดเดี่ยวแต่ผู้เดียวการปฏิบัติธรรมแม้จะนั่งกันอยู่เป็นร้อยกว่าร้อยแต่ว่าแต่ละคนต่างก็ปฏิบัติของตนเองสร้างทางของตนเอง
เพราะฉะนั้นวิเวกในที่นี้ไม่ได้แปลแต่เพียงความเงียบสงัดข้างนอกที่ไม่มีผู้คนหรือว่าเสียงรถ เสียงอะไรมารบกวนแต่วิเวกหมายถึงความไปเดี่ยวไปเดี่ยวไปคนเดียวแต่ไม่ได้หมายความว่า จะต้องละทิ้งสิ่งทั้งหมดไปเดี่ยวนั่นคือไปเดี่ยวข้างใน แม้ข้างนอกจะยังพบปะผู้คนเรายังทำการงานอยู่ก็ตามยังต้องศึกษาเล่าเรียนอยู่ก็ตามแต่รักษาข้างในให้มันวิเวกคือให้มันมีความเดียวอยู่ในใจไม่ปรารถนาความรู้สึกคลุกคลีเกินความจำเป็นคำว่าเกินความจำเป็นก็หมายความว่าเมื่อจำเป็นจะต้องพูดกับเพื่อนนักศึกษานิสิตครูอาจารย์หรือคุณพ่อคุณแม่ที่บ้านหรือในเวลาทำงานต้องเกี่ยวข้องกับเพื่อนร่วมงานผู้คนทั้งหลายก็พูดก็ทำตามความจำเป็นแต่ภายในรักษาความเดี่ยวความวิเวกให้เกิดขึ้นอยู่เสมอนั่นก็คือรักษาจิตให้อยู่ในสิ่งอย่างที่เราพูดไว้เมื่อเช้าผู้ใดสามารถรักษาจิตให้อยู่ในจิตได้นั่นแหละคือลักษณะของความวิเวกที่เรากำลังพยายามปฏิบัติและก็กำลังจะเกิดขึ้นถ้าหากสามารถรักษาความวิเวกหรือการปฏิบัตินั้นมุ่งสู่ความวิเวกคือรักษาจิตให้อยู่ในจิตได้เช่นนี้ไม่ช้าไม่นานวิราคะก็เกิดขึ้นคือเป็นการปฏิบัติที่เป็นไปเพื่อวิเวกวิราคะความจางคลายที่พูดมาแล้วหลายครั้งนะคะให้เกิดความจางคลายภายในมากขึ้น ๆ แล้วก็เป็นไปเพื่อนิโรธคือความดับดับจากความยึดมั่นถือมั่นดับจากกิเลสตัณหากันที่ว่าแล้วแล้วผลสุดท้ายก็จะเป็นไปเพื่อโวสสัคคะก็คือการปลงของหนักทิ้งเสียของหนักที่แบกมานานที่หนักที่สุดคืออะไรนึกได้ทันทีนะนี่แหละตัวตนนี้ร่างกายนี้เบญจขันธ์นี้ชีวิตนี้นี่จะหนักที่สุด
น้ำหนักของตัวนี้ก็แบกไปแล้วตามที่มีน้ำหนักอยู่แต่ที่หนักยิ่งกว่าน้ำหนักมันก็คือความยึดมั่นถือมั่นในร่างกายนี้เมื่อปฏิบัติไปเพื่อความวิเวกวิราคะเกิดขึ้น นิโรธเกิดขึ้น โวสสัคะคือการปลงของหนักมันเกิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติมันปล่อยให้ความยึดมั่นถือมั่นที่จะเอาเป็นฉันแล้วก็ของฉันปล่อยออกไปนี่คือการปลงของหนักที่หมายถึงโวสสัคคะนี่คืออาการที่มันเกิดขึ้นในสัมมาญาณะที่ชัดเจนก็คือในถึงในอาการที่ 4 คือโวสสัคคะ ปลงของหนักออกหมดเบาสบายสงบนิ่งเย็นมั่นคงผ่องใสเบิกบานอิ่มเอิบอยู่ภายในแม้แต่ไม่มีสตางค์สักบาทในกระเป๋ามันก็เบิกบานมันก็อิ่มเอิบมันก็พอใจแล้วก็สามารถจะใช้สติปัญญาเพื่อให้ได้มาซึ่งปัจจัย 4 ที่ต้องการตามความจำเป็นได้โดยไม่เดือดร้อนไม่ดิ้นรนไม่เป็นทุกข์นี่คือสัมมาญาณะที่บอกว่ามันจะมีอาการของเกิดจากการปฏิบัติที่เป็นไปเพื่อความวิเวกวิราคะนิโรธแล้วก็โวสสัคคะ พอโวสสัคคะเมื่อไร นี่คือสัมมาญาณะเต็มที่มาจากนี้แล้วก็จะถึงองค์ที่ 10 นั่นก็คือสัมมาวิมุตติ สัมมาวิมุตก็จะเกิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติและตามมาตามเหตุตามปัจจัยเมื่อปฏิบัติตามอริยมรรคมีองค์ 8 ประการอย่างถูกต้องผลก็คือมีสัมมาญาณะจากสัมมาญาณะก็มีผลซ้อนมาอีกคือสัมมาวิมุตติ สัมมาวิมุติคือความหลุดพ้นความหลุดพ้นที่ถูกต้อง ความบริสุทธิ์ผุดผ่องที่เกิดขึ้นภายใน ความหลุดพ้นนี้หลุดพ้นจากอะไรก็ต้องพูดซ้ำอีกและหลุดพ้นจากความยึดมั่นถือมั่นในสิ่งทั้งปวงว่าเป็นตนว่าเป็นของตนอวิชชาไม่มีเหลือหรอเกลี้ยงสะอาดสว่างสงบนั่นคือสัมมาวิมุติ ท่านจึงเรียกว่าสัมมัตตะสิทธิ์คือการกระทำที่ถูกต้อง 10 ประการซึ่งการกระทำที่ถูกต้อง 2 องค์หลังจะเกิดขึ้นต้องเริ่มด้วยการปฏิบัติสัมมาทิฏฐิจนถึงสัมมาสมาธิอย่างถูกต้องในการปฏิบัตินั้นแล้ว
ทางสายกลางก็จะเกิดขึ้นเองคือมัชฌิมาปฏิปทาจะเกิดขึ้นเอง จิตมันจะอยู่ตรงกลางมันอยู่ของมันเองโดยไม่ต้องไปจับไปจับไปบังคับว่าเห็นแล้วว่าซ้ายขวาไม่เอาสิ่งคู่ไม่เอาเมื่อสามารถกำจัดความยึดมั่นถือมั่นให้หลุดไปได้ตัญหามันก็ไม่เอากิเลสมันก็เข้ามาจู่โจมไม่ได้ก็จะเห็นว่าดีก็สักว่าดีตามสมมุติอย่างนั้นเองชั่วก็สักว่าชั่วตามสมมุติอย่างนั้นเองที่พูดว่าตามสมมุติเข้าใจใช่ไหมคะตามที่เราสมมติกันมาอีกดีมีลักษณะอย่างนี้อาการอย่างนี้ชั่วลักษณะอย่างนี้อาการอย่างนี้แล้วดีหรือชั่วมันก็เปลี่ยนสลับกันได้ตลอดเวลาบวกหรือลบมันก็เปลี่ยนสลับกันได้ตลอดเวลาฉะนั้นจิตนี้ก็เป็นมัชฌิมาปฏิปทาฉะนั้นเมื่อจิตใดถึงมัชฌิมาปฏิปทานั่นก็คือทางได้เกิดขึ้นแล้วการเดินทางที่ถูกต้องได้เกิดขึ้นแล้วและการเดินทางที่ถูกต้องนี้ก็เกิดขึ้นที่ข้างในเป็นการเดินทางด้วยจิตซึ่งเริ่มด้วยการฝึกการดูข้างในโดยไม่คิดสร้างความสงบให้เกิดขึ้นและพัฒนาปัญญาด้วยหนทางที่ถูกต้องจนอยู่เหนือสิ่งคู่ฉะนั้นท่านจึงบอกว่ามรรคเป็นสิ่งที่ต้องทำให้เกิด คือเกิดหนทางนะคะแล้วก็พยายามพยายามที่จะให้ทางที่เกิดนั้นทางที่จะพยายามที่รู้ว่าต้องทำให้เกิดมันให้มันเป็นหนทางที่จะแจ้งชัดเจนจนประจักษ์ชัดถึงที่สุดแล้วพอมันเกิดขึ้นอย่างถาวรไม่มีเปลี่ยนแปลงพระองค์ก็ตรัสว่าเราทำให้เกิดได้แล้วเราทำให้เกิดได้แล้วฉะนั้นอริยสัจ 4 จึงมีทั้งหมด 12 อาการด้วยกันตามที่อริยสัจมี 4 องค์ ทุกข์ 3 อาการเป็นสิ่งที่ต้องกำหนดรู้และกำหนดให้รู้แล้วก็ประกาศว่ากำหนดเรากำหนดได้แล้วสมุทัยเป็นสิ่งที่ต้องละลงมือกระทำละให้ได้เมื่อจะได้แล้วก็ประกาศว่าละได้แล้วนี่ก็เป็น 6 แล้วใช่ไหมคะนิโรธต้องทำให้แจ้งลงมือทำให้แจ้งเมื่อแจ้งจริงแล้วก็ประกาศว่าเราทำให้แจ้งแล้วนี่ก็เป็น 9 อาการ มรรคเป็นสิ่งที่ต้องทำให้เกิดคือทางที่จะต้องทำให้เกิดอยู่ดีๆไม่เกิดแล้วก็ลงมือทำทุกวิถีทางตามอริยมรรคมีองค์ 8 แล้วก็เมื่อทำจนประจักษ์ว่าทางนี้เกิดชัดกระจ่างแล้วชัดเจนแจ่มแจ้งไม่มีสงสัยเป็นทางที่ถาวรจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงก็ประกาศว่าเราทำให้เกิดขึ้นแล้วนี่จึงรวมเป็น 12 อาการท่านเรียกมาปริวรรต 12